I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 1144 – หาเรื่องต่อหน้าผู้คน

| Martial God Asura | 3803 | 2517 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

บทที่ 1144 – หาเรื่องต่อหน้าผู้คน

 

ถึงเเม้ว่าเขาจะได้ยินเสียงเเต่ชูเฟิงก็ไม่ได้สนใจมัน เพราะว่าในสถานที่เเห่งนี้มีคนจำนวนมากในหุบเขาไม้คราม ไม่ต้องพูดถึงเหล่าผู้อาวุโสต่างๆ เเม้เเต่เหล่าศิษย์แก่ๆ ที่อายุมากก็มีค่อนข้างเยอะ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจเสียงเรียกนั้น “นี่!!! ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่ เจ้าหูหนวกรึไง หรือเจ้าแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น หรือ ไม่ได้ยินหรือไง ข้าพูดกับเจ้าอยู่ เจ้าคนที่ไม่ได้ใส่หมวกนั่นเเหละ!!!”

 

เเต่เสียงนั้นมันก็ดังขึ้นอีกครา นอกจากนี้มันยังใกล้เขามาเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันชูเฟิงก็มั่นใจว่าเสียงนั้นได้กล่าวถึงเขาเเน่นอน

 

ชูเฟิงเพียงเเค่หันไปมองรอบๆ ก่อนที่จะหันไปยังเเหล่งที่มาของเสียง เป็นดังที่คาดเพราะว่าเขาเห็นชายชราคนหนึ่งสวมใส่เครื่องเเต่งกายของผู้อาวุโสที่ดูมีอายุเดินมาหาเขา

 

การปรากฏตัวของเขานั้นค่อนข้างธรรมดา เเต่ดูในอีกมุมหนึ่งนั้นเขาเป็นคนที่ค่อนข้างเด่นเป็นพิเศษ นั้นเพราะเขามี จมูกที่คดเคี้ยว เเละดวงตาของเขาก็สายเเส่งส่องเเววของท่าทีของความโกรธในขณะที่เขาจ้องมาที่ชูเฟิง “หึ ข้าพึ่งจะเข้ามาก็โดนหาเรื่องซะแล้ว!!!”

 

ชูเฟิงกล่าวในใจของเขา ถึงเเม้เขาจะกล่าวเช่นนั้นเเต่ชูเฟิงก็ไม่ได้มีท่าทีที่หลีกเลี่ยง เพราะหลังจากที่เขามองไปหาชายเเก่คนนั้น เขาก็พบกับสีหน้าของความไม่พอใจ ราวกับว่าเขาเกลียดชังกันมานาน เเต่ชูเฟิงก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเขาเป็นใคร เพราะว่านี่คือครั้งเเรกที่เขาได้พบกับชายคนนี้

 

นอกจากนี้ผู้อาวุโสคนนี้่จงใจเรียกตะโกนมาทางเขาอย่างเเน่นอนเพราะว่าเขาไม่ได้เรียกหรือส่งสัญญานในทางที่เบาเกินไปเเต่เป็นการตะโกนดังลั่นทำให้บุคคลที่อยู่ในสถานที่เเห่งนี้ได้ยินชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจที่จะให้ทุกคนได้ยิน

 

ชูเฟิงเพิ่งเข้าสู่หุบเขาไม้ครามหลักเเละเป็นศิษย์หลักเมื่อไม่นานมานี้ เขาคิดว่ามันคงจะเร็วเกินไปที่เขาจะมีศัตรูได้รวดเร็วขนาดนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากทำสิ่งที่ยากให้กับตัวเอง

 

ดังนั้นเขาจึงคิดได้ว่า น่าจะเป็นคนจาก วิหารหมู่ดาวนักล่า ไม่ก็ หุบเขาไม้ครามสาขาย่อยทั้ง 3 เขาไม่คิดว่าน่าจะเป็นคนอื่นนอกจากคนพวกนี้ “ดูเหมือนว่าการที่ข้าอยากจะอยู่อย่างสงบๆในหุบเขาไม้ครามนั้นจะไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด”

 

เมื่อเห็นว่า ชายคนนั้นเดินเข้ามาก่อนถึงเบื้องหน้าเขา ชูเฟิงก็ยิ้มขึ้นในใจทันที เพราะว่านี้เป็นเพียงวันที่ 2 เท่านั้นที่เขาเข้ามาในหุบเขาไม้คราม เเต่ก็มีคนมาหาเรื่องเขาเสียเเล้ว ในอนาคตนั้น เขาจะอยู่เเบบราบรื่นได้อย่างงั้นหรือ “เจ้าหูหนวกหรือไง? ถึงไม่ได้ยินข้าเรียก ทำไมเจ้าต้องให้ข้าเรียกซ้ำๆซากๆตั้ง 2 ครั้ง”

 

อาวุโสจมูกเบี้ยวเริ่มกล่าวขณะที่จ้องไปที่ชูเฟิงในทันที “เฮ!!! ผู้อาวุโสเสียงของท่านนั้นดังเกินไป ข้าคิดว่าการที่ท่านส่งเสียงดังเช่นนั้นจะไม่ได้เจาะจงมาที่ข้า ข้าไม่รู้จริงๆ”

 

ชูเฟิงตอบพร้อมกับยิ้มรับเเละง่ายต่อการมองออกทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มีร่องรอยของความเคารพในน้ำเสียงของเขาเลยเเม้เเต่นิด “บังอาจ ไม่เพียงเเต่เจ้าไม่คารวะ เเต่เจ้ากล้าที่จะเถียงข้า เจ้าเป็นศิษย์ที่หยาบคายที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเคยเจอ” “เจ้าชื่อ แซ่ อะไร ?! แล้วเจ้ามาจากพรรคไหน ?ข้าอยากรู้ว่าพรรคไหนกันที่ส่งสาวกที่ไร้มารยาทเช่นนี้มา”

 

ผู้อาวุโสคนนั้นตระโกนออกมาด้วยความโกรธ

 

เสียงตระโกนของชายชรานั้นดังกึกก้องทำให้ฝูงชนเริ่มให้ความสนใจในทันที เสียงที่ดังขึ้นนั้นทำให้หลายคนที่อยู่ใกล้ๆนั้นชะงักเท้าเเละเปิดหูเปิดตาของพวกเขาจ้องมองมาทางเสียงที่เกิดขึ้น “ท่านผู้อาวุโส ข้าน้อยชื่อ ชูเฟิง อย่างไรก็ตามคำถามของท่านนั้น ช่างประหลาด การที่ท่านถามข้า ท่านก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าข้าเป็น สาวกจากพรรคไหน ?! ข้าก็เป็น สาวกของหุบเขาไม้ครามสิ สาวกหลักด้วยนะ!!!”

 

ชูเฟิงตอบ “เจ้า….”

 

เมื่อได้ยินลักษณะการพูดของชูเฟิงการเเสดงออกของผู้อาวุโสนั้นเปลี่ยนเเปลงไปเล็กน้อยนั้นเพราะว่าหลายคนต่างมุงดูเขาอยู่ทำให้หลายคนรู้ว่าเขาเป็นคนชวนเจ้าหนุ่มคนนี้ทะเลาะอย่างเห็นได้ชัด

 

ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาเเละชี้ทางชูเฟิงในทันที”

 

ไม่ว่าเจ้าจะมาจากไหนก็ตามเเต่ เเต่การที่เจ้าไม่สวมหมวกศิษย์หลักนั้นเป็นการดูหมิ่นหุบเขาไม้ครามอย่างมาก จงตบหน้าตัวเอง 10 ครั้งเเละสวมหมวกยอมรับความผิดซะ ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งเรื่องนี้ไปยังฝ่ายลงทัณฑ์ให้พวกเขาจัดการกับเจ้า” “ทำไมเขาจะต้องตบหน้าตัวเอง 10 ครั้ง เเละทำไมเขาจะต้องสวมหมวก? ทำไมข้าไม่เคยเห็นกฏนั้นระบุไหนหุบเขาไม้ครามเลยเกี่ยวกับ ประเด็นเรื่องหมวกนี้”

 

เสียงที่กล่าวออกไปนั้นกล่าวออกไปอย่างรื่นรมณ์น้ำเสียงที่กล่าวนั้นฟังดูเเลสบายอย่างมาก

 

ในขณะเดียวกันสายตาของพวกเขาก็หันไปมองที่มาของเสียงในทันที สายตาของฝูงชน จ้องมองไปยังรูปร่างของ ธิดาที่ลอยลงมาราวกับนางฟ้า เธอเป็นเจ้าของเสียงที่กล่าวเข้าข้างชูเฟิง เพราะว่าเธอนั้น คือ ไป๋ รู่วเฉิน “เจ้าเป็นใคร? การลงโทษศิษย์นั้นเป็นอำนาจของข้าที่เป็นผู้อาวุโส เเละข้าเป็นคนจัดการเรื่องเหล่านั้น เจ้าไม่เกี่ยวอย่าได้เข้ามายุ่ง ”

 

เมื่อผู้อาวุโสจมูกเบี้ยวคนนั้นได้ยิน ไป๋ รู่วเฉิน กล่าว เขาก็รู้สึกอับอายขึ้นมา เพราะสิ่งที่อัจฉริยะสาวคนนี้กล่าวนั้น เเละ ผนวกเข้ากับความเเข็งเเกร่งของเธอ ทำให้คนอื่นๆนั้นรู้สึกว่า เธอนั้นเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนใจสิ่งที่ผู้อาวุโสธรรมดากล่าวเป็นธรรมชาติของพวกเขาที่จะเมินเสียงนั้น “เอาเเบบนี้เป็นไง?”

 

เมื่อเห็นลักษณะของเขา ไป๋ รู่วเฉิน เพียงเเค่ยิ้มออกมา รอยยิ้มของเธอนั้นค่อนข้างมีเสน่ห์อย่างมาก หลังจากนั้นเธอก็ยกมือถอดหมวกออกจากศรีษะของเธอ ในขณะเดียวกันเส้นผมสีดำที่ยาวสลวยก็ถูกปล่อยออกมา”

 

ตอนนี้ข้าก็เป็นเหมือนเขาเเล้ว ท่านคงจะกล่าวมันไม่ได้อีกเเล้วว่าข้าไม่เกี่ยวข้องอีกต่อ” “เจ้า…”

 

เเม้ว่าเขาจะเเสดงสีหน้าออกมาของความไม่พอใจเพราะว่าการกระทำของไป๋ รู่วเฉิน ผู้อาวุโสคนนี้รู้สึกโกรธเเค้นเป็นอย่างมากกับการกระทำในครั้งนี้ สิ่งที่เธอกล่าวออกมาก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าคำพูดเหล่านั้นมันย้อนมาตบหน้าเขาเองชัดๆ

 

ดังนั้นเพื่อที่จะรักษาเกียรติของเขาในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสเขาจึงคิดหาวิธีในขณะนั้นเองเขาก็มองเห็นปลอกเเขนของไป๋ รู่วเฉิน ว่ามันคล้ายกันในทันที”

 

โอ้ ข้าคิดอยู่เเล้ว พวกเจ้าน่าจะเป็นพวกเดียวกัน ไม่เเปลกใจเลยที่เจ้าจะกล้าพูดกับข้าเช่นนี้” “เช่นนั้น พวกเจ้าที่ไม่สวมหมวกเหมือนกัน นั่นก็ให้เหตุผลที่ดีได้ละ เช่นนั้น พวกเจ้าทั้ง 2 จงตบหน้าตัวเอง 10 ครั้งซะ มิฉะนั้นข้าจะส่งพวกเจ้าทั้ง 2 ไปให้ผู้อาวุโสฝ่ายลงทันฑ์ เจ้าอาจจะถูกจองจำ สักปี หรือ 2 ปี ถ้าเจ้าไม่เชื่อเจ้าก็ลองไม่เคารพข้าอีกสักครั้งสิ” “เช่นนั้นบทลงโทษของพวกเราที่ไม่ได้สวมหมวกก็คือ ตบหน้าตัวเอง 10 ครั้งสินะ!!!”

 

เเต่ที่น่าเเปลกคือในทันทีหลังจากนั้นก็ได้มีอีกเสียงดังขึ้นมาปรากฏว่าหลังจากที่พวกเขามองขึ้นไปก็ค้นพบบุคคลกว่าหลาย 1000 ที่ยืนอยู่บนผืนฟ้า ท้ายที่สุดพวกเขาก็ลอยลงมาเเละล้อมรอบผู้อาวุโส

 

บุคคลส่วนใหญ่ต่างงงงวยกันทั้งสิ้นนั้นเพราะว่าคนพวกนั้นไม่ได้สวมหมวก นอกจากนี้หมวกของพวกเขาก็อยู่ในมือของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจงใจถอดหมวก

 

เมื่อพวกเขาหันไปก็พบต้นกำเนิดเสียงเเละฝูงชนดังนั้นไม่ต้องพูดถึงฝูงชนที่รายล้อมพวกเขาใบหน้าของผู้อาวุโสนั้นซีดเผือกในทันที นั่นเพราะว่าบุคคลที่มานั้นเป็นคนจากกองทัพสวรรค์ นอกจากนี้คนที่นำมานั้นยังเป็นบุคคลที่เป็นผู้นำของพวกเขาอีกด้วย นั่นคือ หลง เฉินยี่ “กองทัพสวรรค์? หลง เฉินยี่!”

 

ใบหน้าของผู้อาวุโสบิดเบี้ยวไปในทันที

 

พวกคนเหล่านี้มาจากกองทัพสวรรค์? กองทัพสวรรค์เป็น 1 ใน 10 กองกำลังย่อยที่เเข็งเเกร่งที่สุดเเละมีสมาชิกนับพัน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็กองทัพสวรรค์นั้นเเข็งเเกร่ง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าตั้งตนเป็นศัตรูกับกองทัพสวรรค์ ในฐานะที่เขาเป็นผู้อาวุโส เเม้เเต่ในหมู่พวกเขาเองก็ไม่มีใครกล้าตั้งตนเป็นศัตรูกับกองทัพสวรรค์ “ถึงเเม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าท่านเป็นผู้อาวุโสท่านใด เเต่ข้า หลง เฉินยี่ คงมีชะตากรรมที่พานพบมาเจอกับท่าน ข้าอยากจะขอร้องผู้อาวุโส เห็นเเก่หน้าข้า ปล่อยศิษย์น้องของข้าไปสักครั้ง ?”

 

หลง เฉินยี่ ยิ้มออกมาในทันที เขาไม่ได้คิดสิ่งใดมาก น้ำเสียงของเขาที่พูดนั้นเรียบง่ายธรรมดา แต่ก็ให้ความรู้สึกถึงเคารพ คล้ายกับ ให้เกียรติอาวุโสท่านนั่น แต่จริงๆแล้วเป็นการกดดันเขา

 

P’Film

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments