I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 1130 – น่านับถือ

| Martial God Asura | 3654 | 2519 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

บทที่ 1130 – น่านับถือ

 

ชูเฟิงคาดการณ์ไว้แล้ว ว่า ไป๋ รู่วเฉิน ต้องมีปฏิกิริยาแบบนั่น เพราะเค้ารู้จักนิสัยของนางดี พวก หวาง เว่ย และ คนอื่นๆ ต่างก็รู้ดีว่า นางเป็นถึงอาวุโสน้อย ดังนั่น ไป๋ รู่วเฉิน ไม่เพียงแต่นางจะไม่พยักหน้ารับการคารวะ นางยังมองผ่านพวกเขา “น้อง รู่วเฉิน เจ้าทำไมถึงได้รีบร้อนมาหาข้าถึงที่พักล่ะ ?!”

 

ชูเฟิง กล่าวด้วยรอยยิ้ม เทียบกับ หวาง เว่ย และคนอื่นๆ ที่ทื้งระยะห่างกับ ไป๋ รู่วเฉิน ชูเฟิง นั่นสามารถพูดกับนางได้อย่างอิสระ “ศิษย์พี่ศิษย์น้อง จากกองทัพสวรรค์ ต้องการพบเจ้า ข้าก็เลยรีบมาที่นี่”

 

ไป๋ รู่วเฉิน กล่าว “ไม่มีปัญหา แต่ น้อง รู่วเฉิน พี่เฟิง มีเรื่องบางอย่างอาจจะต้องขอรบกวนเจ้า” ชูเฟิง กล่าว “อะไรงั้นหรอ ?!”

 

ไป๋ รู่วเฉินถาม “พอจะเป็นไปได้ไม๊ ที่ข้าจะนำสหายจากหุบเขาไม้ครามใต้ เข้าร่วมกับ กองทัพสวรรค์ ?!”

 

ชูเฟิง ถามโดยไม่อ้อมค้อม

 

ได้ยินคำถามนั้น ไป๋ รู่วเฉิน ถึงกับขมวดคิ้ว นางไม่พูดใดๆ เพียงแต่โยนสายตาไปทางพวก หวาง เว่ย และคนอื่นๆอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหันกลับมาหา ชูเฟิง และกล่าว”

 

มีแค่พวกเขาสามใช่ไม๊ ?!” “มันอาจจะมากกว่าสามนิดหน่อย ก็แค่สาวกทั้งหมดของหุบเขาไม้ครามใต้ ที่เข้ามาเป็นสาวกของหุบเขาไม้ครามในปีนี้”

 

ชูเฟิง กล่าว “ชูเฟิง ถ้าเจ้าคิดจะล้อเล่น ก็ให้มันน้อยๆหน่อย ?! เจ้าเห็นกองทัพสวรรค์ของเราเป็นบ้านรับเลี้ยง เด็กกำพร้า ที่จะพาใครมาก็ได้หรือไง๊ ?!”

 

ได้ยินคำพูดของ ชูเฟิง ท่าทางการแสดงออกของ ไป๋ รู่วเฉิน ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก จนนางถึงกับใส่อารมณ์ในน้ำเสียง “ทำไม ?! ไม่ได้งั้นหรอ ?!”

 

ชูเฟิง ถาม “ก็ใช่นะสิ!!! เจ้าต้องรู้ไว้ว่า กองทัพสวรรค์ของเรา จะรับเฉพาะคนที่มาจากนิกายสวรรค์ และจะไม่มีวันรับคนนอกอย่างเด็ดขาด แต่กองทัพสวรรค์ก็ยกเว้นกฏให้กับเจ้า แต่นี้เจ้าคิดจะนำสาวกทั้งหมดในหุบเขาไม้ครามใต้มาร่วมกับเรา มันเป็นไปไม่ได้หรอก!!!”

 

ไป๋ รู่วเฉิน แสดงท่าทางที่มองออกได้อย่างชัดเจน ว่านางนั่นไม่เต็มใจที่จะให้สาวกคนอื่นๆ ของหุบเขาไม้ครามใต้ ที่ไม่ใช่ ชูเฟิง เข้าร่วมกองทัพสวรรค์ “ในเมื่อเป็นเช่นนั่น ข้าก็ไม่อาจไปที่ศูนย์บรรชากองทัพสวรรค์กับเจ้าได้”

 

ในช่วงเวลานั่นท่าทางของ ชูเฟิง ก็ดูเยือกเย็น เขาโบกมือให้ ไป๋ รู่วเฉิน กลับไป หลังจากนั่นเขาก็หันหลังกลับ และเดินตรงเข้าไปที่ห้องรับแขก “ช้าก่อน! ! ! ! !”

 

เห็นแบบนั่น ไป๋ รู่วเฉิน รีบเดินไปจับตัวเขา และกล่าวว่า”

 

ชูเฟิง เจ้าหมายความว่าไง ?!” “ความหมายของข้าก็ง่ายๆ หากข้าเข้าร่วมกับกองทัพสวรรค์ ก็ต้องมีสหายร่วมพรรคทั้ง 22 ของหุบเขาไม้ครามใต้ ของข้าเข้าร่วม ไม่งั้นข้า ชูเฟิง จะไม่เข้าร่วมกับกองทัพสวรรค์!!!”

 

ชูเฟิง กล่าว “ไหน ชูเฟิง เจ้าลองพูดใหม่สิ!”

 

กลิ่นลูกอมมายมิ้น หอมชื่นใจ จน ไป๋ รู่วเฉิน อดไม่ได้ที่จะอยากดมมันอีกครั้ง “ไหน ชูเฟิง เจ้าลองพูดใหม่สิ!!!”

 

คำพูดของ ชูเฟิง นั้น ทำให้ ไป๋ รู่วเฉิน โกรธอย่างมาก “ศิษย์น้อง ชูเฟิง เจ้าอย่าได้กล่าวเช่นนั่น อีกอย่างเจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องทำเพื่อเรา . . . . .”

 

เห็นเช่นนั่น หวาง เว่ย และ คนอื่นๆ ก็เกิดความกังวล และ พยายามที่จะเกลี่ยกล่อม ชูเฟิง เนื่องจากพวกเขาไม่อยากให้มันกระทบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง ชูเฟิง กับ ไป๋ รู่วเฉิน “ไม่ต้องเกลี่ยกล่อมข้า!!!”

 

คำพูดของ ชูเฟิง ที่ตะคอกใส่พวกเขา บวกกับปฏิกิริยาที่รุนแรง ของ ชูเฟิง ที่จ้องมอง ไป๋ รู่วเฉิน และคำกล่าวต่อไปนี้ ต้องทำให้พวกเขาตกใจ”

 

ฟังให้ไว้ให้ดี ข้านั่นไม่คิดจะเข้าร่วมกองทัพสวรรค์!””ชูเฟิง เรื่องนี้มันร้ายแรง ขนาดที่เจ้าต้องตัดสินใจแบบนี้เลยหรอ! “ไป๋ รู่วเฉิน ทำหน้ามุ่ยและถาม ชูเฟิง ด้วยน้ำเสียงที่แอบแฝงไปด้วยความโกรธ

 

สีหน้าของ ชูเฟิง ก็ยังไม่แปลงเปลี่ยง เขายังคงหนักแน่นและกล่าวว่า”ร้ายแรงมาก!!!”

 

จริงๆแล้ว ชูเฟิงเองก็อยากที่จะเข้าร่วมกองทัพสวรรค์เหมือนกัน แต่หลังจากที่ หวาง เว่ย และคนอื่นๆ มาขอร้องเขา เขาก็ยอมตกปากรับคำ เขาจึงไม่อาจเข้าร่วมกับกองทัพสวรรค์เพียงคนเดียวได้

 

นั่นเป็นเพราะ สิ่งที่เขาตัดสินใจในตอนนี้ มันต่างจากเมื่อก่อน เมื่อครั้งที่เขาเข้ามาเป็นศิษย์ของหุบเขาไม้ครามใต้แรกๆ แต่เดิมเขาคิดจะใช้หุบเขาไม้ครามใต้ เป็นเครื่องมือในการก้าว สู่หุบเขาไม้คราม

 

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้มันแตกต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง ฉีคง ไจ้ชิง ได้ดูแล ชูเฟิง เป็นอย่างดี จนขนาดที่ประกาศให้ทุกคนรู้ ว่า เขาคือความหวังของหุบเขาไม้ครามใต้ ดังนั่น ชูเฟิงจึงไม่อาจทรยศต่อความคาดหวังของทุกคนในหุบเขาไม้ครามใต้ อย่างน้อยๆ เขาก็อยากที่จะช่วยพวกศิษย์พี่เหล่านี้

 

นี้คือสิ่งที่ ชูเฟิง ตัดสินใจ จึงไม่มีใครมาเปลี่ยนใจเขาได้ ดังนั่น ต่อให้เขาอยากเข้าร่วมกับกองทัพสวรรค์มากแค่ไหน เขาก็จะไม่ใช้อารมณ์ความรู้สึกส่วนตัว “เจ้า . . . .”

 

ได้ยินคำตอบเช่นนั่น จากปาก ชูเฟิง ไป๋ รู่วเฉิน แทบจะกลั้นความโกรธไว้ไม่อยู่ ในท้ายสุดนางก็หลับตาลง เหมือนกำลังใช้ความคิดจากนั้นนางก็กล่าว”

 

งั้นก็ได้ ข้าจะอลุ่มอล่วยให้สักครั้ง ส่วนเจ้าตามข้ามา แล้วให้พวกเขาคอยอยู่ที่นี่ . .” หลังจากที่กล่าวคำนั่น ไป๋ รู่วเฉิน ก็หันหลังกลับและก้าวออกจากที่พัก ชูเฟิง “เอ๋ๆ ?! น้อง รู่วเฉิน นี้หมายความว่า เจ้ายอมรับคำขอของข้าแล้วใช่ไม๊ ?!”

 

ได้ยินคำพูดเหล่านั่น ชูเฟิง ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป กลายเป็นทะเล้น รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้า ทับใบหน้าซีเรียจก่อนหน้านี้ ขณะที่รีบเดินตามไป๋ รู่วเฉิน ออกไป

 

ถึงแม้ว่าเขา จะไม่ได้รู้จักกับ ไป๋ รุ่วเฉิน มานานเป็นปี หรือ หลายปี แต่ ชูเฟิง ก็รู้จักนิสัยของนางเรียกว่าไม่น้อย การที่นางกล่าวมาแบบนี้ หมายความว่านางยอมให้สหายร่วมพรรคของเขาเข้าร่วมกองทัพสวรรค์ ส่วนการที่คำขอของเขา จะสำเร็จหรือไม่ ก็ต้องพึ่งปาก ไป๋ รู่วเฉิน “นี้ไม่ใช่เรื่องที่ข้าสามารถตัดสินใจได้ แม้ว่า ข้ายอมให้พวกเขาเข้าร่วม แต่กองทัพสวรรค์เราถูกสร้างขึ้นโดย นิกายสวรรค์ แน่นอนว่าชื่อเสียงของนิกายสวรรค์เราจะดังไปทั่วทั้งหุบเขาไม้คราม แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขากับนิกายสวรรค์ ก็เป็นแค่ อดีตสาวก””ดังนั่น คนของนิกายสวรรค์ไม่ใช่ผู้ที่มีอำนาจการตัดสินใจ แต่เป็นบรรดาคนที่ในกองทัพสวรรค์ที่พวกเขายอมรับเจ้าให้เข้ามาเป็นส่วนนึง โดยละเว้นกฏ แต่มันก็เนื่องจากพวกเขาเห็นแก่หน้า ท่านประมุุข นิกายสวรรค์ จริงๆพวกเขามีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธเจ้าในการที่จะรับเข้ามาเป็นสมาชิกเช่นกัน” “ยังไงก็ตาม ชูเฟิง ข้าขอบอกเจ้าไว้เลย ว่าการที่เจ้าได้เข้าร่วมกับกองทัพสวรรค์ แน่นอนว่ามันย่อมเป็นผลดีต่อเจ้าอย่างมาก แต่หากเจ้ายังต้องการที่จะให้สาวกทั้งหมดของหุบเขาไม้ครามใต้ เข้าร่วมกับกองทัพสวรรค์ โอกาสที่พวกเขาจะยอมรับนั้นน้อยมาก!!!””แล้วการที่เจ้า มาปฏิเสธเข้าร่วมกับกองทัพสวรรค์ มันจะทำให้ความสำพันธ์ของพวกเราได้รับผลกระทบ”

 

ไป๋ รู่วเฉิน กล่าวเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรง “น้อง รู่วเฉิน เจ้านั่นไม่เข้าใจข้า ข้า ชูเฟิง ไม่เคยเอาเรื่องนี้ มาล้อเล่น”

 

ชูเฟิง ตอบ “เรื่องนั่นข้าเข้าใจ”

 

ไป๋ รู่วเฉิน หยุดพูด จากนั่นนางก็เพิ่มความเร็ว

 

ภายใต้การนำของ ไป๋ รู่วเฉิน ทั้งสองก็เข้ามาใกล้ ที่ต้ั้งกองทัพสวรรค์ มันอาณาเขตที่แสนกว้างใหญ่และงดงามอย่างมาก ชื่อของดินแดนแห่งนี้คือ ‘ สรวงสวรรค์ ‘

 

ด้านหน้าทางเข้ามีกำแพงล้อมรอบลานกว้าง สาวกหลายคนต่างเดินเพ่นพ่านเต็มลานกว้าง หน้าประตูทางเข้า มีสาวกยืนอยู่สองคน เป็นผู้เฝ้าประตู

 

นอกจากนี้ สาวกทุกคนยังสวมปลอกแขนพิเศษที่แขนซ้าย บนปลอกแขนมีอักษรปักคำว่า ‘ สวรรค์ ‘ โดยบ่งบอกว่าสาวกที่นี้ทั้งหมดคือคนของ กองทัพสวรรค์ “รอข้าที่นี่ก่อน”

 

หลังจากมาถึงหน้าประตู ไป๋ รู่วเฉิน ก็เข้าไปในประตู ผู้เฝ้าประตูกองทัพสวรรค์ก็ไม่ได้หยุดนาง แต่หลังจากที่นางเข้าไป ผู้เฝ้าประตูก็มองจ้อง ชูเฟิง ในลักษณะที่ไม่เป็นมิตร เห็นได้ชัดว่าลึกๆในใจของพวกเขารู้สึกรังเกียจและเลือกปฏิบัติ

 

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เช่นนี้ ชูเฟิง นั้นแสนคุ้นเคยกับมัน เพราะเขาเจอมาตั้งแต่ที่เขายังเด็ก เขาจึงไม่สนใจ และ เดินลงไปนั่งอยู่บนโขดหินหน้าประตู เพื่อรอ ไป๋ รู่วเฉิน กลับออกมา

 

โชคดีที่ ไป๋ รู่วเฉิน นั่นเดินทางได้รวดเร็ว เวลาที่นางใช้ ธูปยังไหม้ไม่ถึงครึ่งดอก ในตอนนั่นไป๋ รุ่วเฉิน เดินออกมา แต่หลังจากที่นางออกมา สีหน้าของนางดูเย็นชาอย่างมาก นางไม่ได้พูดอธิบายใดๆกับเขา แต่นางกับคว้ามือชูเฟิงและกล่าวว่า”

 

รีบไปกันเถอะ!” “น้อง รู่วเฉิน เกิดอะไรขึ้น ?!”

 

เห็นแบบนั่น ชูเฟิง ก็รู้สึกสับสน “เจ้ายังจะมัวพูดจาไร้สาระอะไรอยู่ ?! ข้าบอกให้เจ้ารีบไป หากเจ้าไม่ไป งั้นข้าไปก่อน”

 

ไป๋ รู่วเฉิน รีบพูด แล้วก็รีบจากไป ชูเฟิง ก็พุ่งทะยานขึ้นฟ้า ในพริบตา

 

เห็นแบบนั่น ชูเฟิง ก็ไม่ถามใดๆ เขารีบพุ่งทะยานไปในท้องฟ้าตามนาง ” ศิษย์น้อง ไป๋ ช้าก่อน มีอะไรค่อยๆคุยกันก็ได้ นี่เจ้าคิดจะปฏิเสธเข้าร่วมกองทัพสวรรค์ของเรา เพราะสาวกหุบเขาไม้ครามใต้งั้นหรอ เจ้าคิดว่ามันคุ้มแล้วหรอ ?!”

 

ในตอนนั่นก็มีเสียงตะโกนไล่ตามหลังมา

 

หันหน้ากลับไปมอง ชูเฟิง ก็ตกใจอย่างมาก เพราะในตอนนั่นมีหลายสิบคนไล่ตามหลังพวกเขามา นอกจากนี้พวกนั้นยังเป็นผู้เชี่ยวชาญราชันย์สงครามส่วนใหญ่ พวกนั่นทั้งไล่ตามขณะที่กวัดมือและตะโกน

 

ในช่วงเวลานั่น ชูเฟิง ก็เข้าใจแล้ว ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เห็นได้ชัดว่า ไป๋ รู่วเฉิน ทำตามคำขอของ ชูเฟิง และ สาวกของหุบเขาไม้ครามใต้คนอื่นๆ ในการขอให้พวกเขาเข้าร่วมกับกองทัพสวรรค์ แต่นางถูกปฏิเสธ หลังจากนั่น ไป๋ รู่วเฉิน จึงติดสินใจที่จะเลิกเข้าร่วมกับนิกายย่อยของตัวเอง

 

รู้เช่นนั่น ชูเฟิง ถึงกับพูดไม่ออก เขาแอบขยายนิ้วโป้งชูให้ ไป๋ รู่วเฉิน ขณะที่บินนำหน้า โดยเห็นเพียงแค่ชุดของนางที่กระพือตามสายลมโดยที่นางไม่แม้แต่จะหันกับไปมองเขา เห็นแบบนั่น ชูเฟิงจึงกล่าว”

 

น้อง รู่วเฉิน เจ้าช่างน่านับถือ!!!”

 

ReaDMGA ////////////////////////////////////////

 

A : ได้เวลาตั้งพรรคใหม่ โหวตชื่อกันเลย!!!

 

B : นิกายเทพอสูรฟ้า!!!

 

C : นิกายเฟิงลูกบักเขียบ!!!

 

A : พรรค จี่หอย รู่วเฉิน!!!

 

A4 : เอาชื่อนิกายของไอ B และกันเนาะ ?! ของ ไอ A ไม่ไหว

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments