I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Spirit Vessel (灵舟) ตอนที่ 15:อาคันตุกะผู้ลึกลับ

| Spirit Vessel (灵舟) | 717 | 2501 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

Spirit Vessel บทที่ 15

แปลไทยโดย : SwordGod

บทที่ 15:อาคันตุกะผู้ลึกลับ

เพื่อจัดการกับ ซานเย่ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

การพึ่งพา ผู้คุ้มกันเมือง และ เฟิงเฟยหยุน เพียงอย่างเดียวจะไม่ประสบความสำเร็จดังนั้นในเช้าวันรุ่งขึ้น เฟิงเฟยหยุน จึงออกจากคฤหาสน์เพื่อหาพันธมิตรที่ทรงพลัง

ตึกหยินโกว อันเก่าแก่ได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าดวงตาของมัน

วันนี้บรรยากาศของ ตึกหยินโกว ดูเคร่งตรึม มีผู้คุ้มกันชุดเกราะทั้งสองด้านของรูปปั้นที่ประตูหน้า แปดคนทางซ้ายแปดคนทางด้านขวาทั้งหมดมีทวนเหล็กในมือของพวกเขา ผิวสีดำของพวกเขาเป็นเหมือนโลหะตาของพวกเขาส่อแววเจตนาฆ่าไม่แตกต่างจากสัตว์ร้าย

เฟิงเฟยหยุน ยืนอยู่นอกประตูด้านหน้าดวงตาของมันตื่นตระหนกเล็กน้อย มันรู้สึกได้ถึงการปรากฏตัวที่ทรงพลังของทหารคุ้มกันสิบหกคนเช่นป้อมปราการที่ทนทานต่อเสาเหล็กได้สิบหกอัน

เพรชฆาตพระเจ้าสิบหกคนนี้ขวางประตู ไม่มีใครกล้าก้าวเข้าไปใน ตึกหยินโกว แม้แต่ก้าวเดียว

“จริงๆก็เหมาะกับชื่อเสียงของ ตึกหยินโกว หากสิบหกผู้คุ้มกันชุดเกราะสวรรค์เหล่านี้กำลังสู้กันพลังรบของพวกเขาคงจะน่ากลัวมาก เปรียบได้กับกองทัพที่แข็งแกร่ง ‘

เฟิงเฟยหยุน รู้สึกว่ามันมาถูกที่แล้ว!

ไม่มีใครอ่อนแอภายในสิบหกผู้คุ้มกันหุ้มเกราะ ร่างกายของพวกเขาให้พลังงานที่มองไม่เห็น ยุงตัวใด ที่บินอยู่ในอากาศจะถูกบดขยี้ทันที

นี่เป็นครั้งแรกที่ เฟิงเฟยหยุน เห็นเหล่าผู้คุ้มกันสิบหกคนนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเพิ่งมาถึง เมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง ในวันนี้

ด้วย 16 ผู้คุ้มกันชุดเกราะสวรรค์ ที่ปกป้อง ตึกหยินโกว ยามนี้แม้จะมีจิตวิญญาณที่กล้าหาญที่จะยืนอยู่ห่างไกลและดู วันนี้ ตึกหยินโกว รกร้างว่างเปล่าและหนาวเย็นแปลกๆ

ในตอนเช้าหมอกสีขาวยังคงเต็มท้องถนน เฟิงเฟยหยุน เดินออกมาจากหมอกขาวช้าๆ

ฮ่าฮ่า!” นายน้อยเฟิง วันนี้ ตึกหยินโกว ไม่รับแขก โปรดมาไหม่ในภายหลัง “

ผู้จัดการ เจิ้งตงหลิว เห็น เฟิงเฟยหยุน มาจากระยะไกล

เฟิงเฟยหยุน ตบมือและยิ้ม

“วันนี้ข้ามีเรื่องใหญ่ ท่านไม่ต้องการทำธุรกิจหรอ ผู้จัดการเจิ้ง?

เจิ้งตงหลิว ถอนหายใจ

“แน่นอนว่าข้าต้องการทำธุรกิจ แต่วันนี้ข้ามีแขกพิเศษ กับพวกเขาที่นี่ข้าไม่สามารถทำธุรกิจใด ๆ ได้แม้ว่าข้าจะต้องการ “

เฟิงเฟยหยุน เหลือบมองไปที่ 16 ผู้คุ้มกันชุดเกราะและพยักหน้ ดูเหมือนว่าจริงๆแล้ววันนี้ ตึกหยินโกว จะไม่สามารถรับแขกได้

16 ผู้คุ้มกันชุดเกราะ ตั้งใจมาคุ้มกันอาคันตุกะที่สำคัญ?

ใครเป็นคนที่สมควรได้รับการต้อนรับอย่างเป็นทางการจากผู้จัดการเจิ้ง?

“งั้นพรุ่งนี้ไว้ข่ามาไหม่”

แม้ว่า เฟิงเฟยหยุน จะรู้สึกผิดหวังแต่เขาก้ไม่ต้องการสร้างปัญหา

“คุณชายเฟิง โปรดรอเดี๋ยว”

เจิ้งตงหลิว ยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ของ ตึกหยินโกว ร่างของเขาโค้งคำนับไปข้างหน้าดูเหมือนจะฟังใครบางคนพูดด้วยความเคารพ

เฟิงเฟยหยุน หยุดถูกกระตุ้นด้วยความอยากรุ้ เจิ้งตงหลิว ในฐานะผู้จัดการของ ตึกหยินโกว ตำแหน่งของเขาใน เมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง ไม่สามารถมองข้ามได้ แม้แต่ ซานเย่ หรือ เฟิงว่านเผิง ทั้งสองผู้ปกครองที่มีอำนาจเหนือกว่าจะมีรากฐานที่เท่าเทียมกับผู้จัดการเท่านั้น สุดท้ายตระกูล หยินโกว ก็อยู่เบื้องหลัง เจิ้งตงหลิว ไม่มีใครกล้าทำร้ายปีศาจตัวนี้

อัตลักษณ์ของแขกต้องไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่จะทำให้เจิ้งตงหลิวแสดงความเคารพ

เจิ้งตงหลิว ยังคงโค้งคำนับและเขาพยักหน้า ครู่ต่อมาเขาลุกขึ้นยืนหันไปมอง เฟิงเฟยหยุน และยิ้ม

“คุณชายเฟิงดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ข้านั้นพุดผิดไป นักธุรกิจควรให้ความสำคัญกับธุรกิจเป็นอันดับแรก “

ดูเหมือนอาคันตุกะคนนี้ได้พูดอะไรบางอย่างกับเขาทำให้เขาเปลี่ยนใจ

อย่างไรก็ตามความสามารถของคนผู้นี้ต้องดีมากๆ แม้แต่ระดับการบ่มเพาะของเฟิงเฟยหยุนตอนนี้มันยังไม่ได้ยิงสิ่งที่ทั้งสองพุด

แขนเสื้อของ เฟิงเฟยหยุน กระพือเล็กน้อยตามทิศทางของลมและมันก็ยิ้ม

“ธุรกิจของข้านั้นกำไรงามอย่างมากท่านสามารถตักตวงได้อย่างเต็มที่ สิ่งที่สำคัญคือถ้าผู้จัดการเจิ้งกล้าพอ? “

“ในโลกนี้ไม่มีธุรกิจใดที่ ตึกหยินโกว ไม่กล้าที่จะทำ”

เจิ้งตงหลิว ตบหน้าอกตอบมาอย่างมั่นใจ

“คุรชายเฟิง พวกเราเข้าไปด้านในก่อนแล้วค่อยมาหารือกันดีกว่า”

เฟิงเฟยหยุน เดินเข้ามาอย่างสงบนิ่งระหว่างผู้คุ้มกันชุดเกราะทั้ง16คนที่ปล่อยรังสีฆ่าฟันออกมาอย่างไม่แยแส มันเดินเข้าไปด้านในตามการแนะนำของ ผู้จัดการ เจิ้งตงหลิว

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของ เฟิงเฟยหยุน ที่ได้ไปที่ห้องชั้นในของ ตึกหยินโกว โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นี่เงียบไม่มีแม้แต่คนรับใช้รอบๆ ผู้จัดการเจิ้งเหอ พามันมาข้างในนี้ด้วยตัวเอง

เฟิงเฟยหยุน เป็นหนึ่งในแขกผู้ทรงเกียรติเหล่านี้

เฟิงเฟยหยุน นั่งบนเก้าอี้ไม้มะเกลือไปทางด้านซ้าย ถือถ้วยหยกดวงตาของมัน มองไปรอบๆดดยไม่เจตนา ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรสำคัญต่างไปจากเมื่อไม่กี่วันก่อน

ด้านล่างเป็นภาพวาดโบราณด้านล่างภาพวาดเป็นประตูหลังและม่านประตูถูกปิดลง ดูเหมือนจะมีคนนั่งอยู่หลังม่าน แต่ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตราวกับว่ามันเป็นรูปปั้น

นี่คือ อาคันตุกะ ที่สำคัญอย่างแท้จริงแม้แต่ เจิ้งตงหลิว ก็ต้องให้ความเคารพต่อบุคคลนี้

เมื่อสายตาของ เฟิงเฟยหยุน หันไปมองบุคคลที่อยู่หลังม่านแรงกดดันมหาศาลดุจขุนเขาก็กดทับลงมาบนตัวมัน

นี่คือแรงกดดันที่มองไม่เห็นจากอาคันตุกะด้วยอำนาจอัท่วมท้นแห่งเทพ

“ปัง!”

ภายในร่างกายอวัยวะและกระดูกของเขาหวาดกลัวและถูกผลัก มันทำให้เกิดเสียงแตกดัง เปรี๊ยะๆ แปลกๆราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างถูกบดขยี้

นี่เป็นเพียงพลังที่มองไม่เห็น แต่มันก็แข็งแกร่งพอที่จะทำให้ เฟยหยุน ถูกบดขยี้ได้โดยไม่มีโอกาสป้องกัน เป็นเพราะมันมองคนเพียงคนหนึ่งและทำให้พวกเขาโกรธอยากจะฆ่า เฟยหยุน?

ทุกคนที่มีอำนาจจะมีอารมณ์ที่ผิดปกติ

อารมณ์ของผู้เชี่ยวชาญเฒ่านี้แปลกมากเกินไป! การบ่มเพาะของอาคันตุกะสูงเกินไปจึงป็นธรรมดาที่ เฟิงเฟยหยุน จะคิดว่าผู้เชี่ยวชาญคนนี้แก่เฒ่า

เฟิงเฟยหยุน ฝึกฝน กายวิหคเพลิงอมตะ ร่างกายของมันแข็งแกร่งกว่าพลังอื่นๆหลายเท่าเมื่อเทียบกับนักบ่มเพาะเขตแดนวิญญาณกลางคนอื่นๆ แต่ตอนนี้มันกำลังทำให้มีนเลือดเดือดนาวาวิญญาณของมากำลังจะระเบิดออกมา

หากมันเป็นคนปกติมันจะถูกบีบให้จมลงไปในกองเลือด

“ปัง!”

เงาของลำแสงนาวาวิญญาณในฝ่ามือขวาของ เฟิงเฟยหยุน เริ่มหมุนเร็วขึ้น มีพลังมากขึ้น กลิ่นอายจากนาวาวิญญาณระเบิดออกและยิงไปทางด้านนอก

“ตูม!”

ความกดดันของพื้นที่ทั้งหมดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นเดียวกับทะเลแห่งลมพายุก็สงบลง

หลังผ้าม่านก็มีเสียงเบา ๆ และหลังจากนั้นความเงียบก็ได้รับการฟื้นฟู

ด้วยแรงกดดัน เฟิงเฟยหยุน รู้สึกว่ามันกำลังอยู่ในช่วงสงครามที่รุนแรง เสื้อคลุมของมันถูกแช่ในเหงื่อที่เย็นเฉียบ หากว่า นาวาวิญญาณ ไม่ได้ช่วยเหลือมันบางทีมันอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากความกดดัน

มีปรมจารย์มากมายในโลกนี้!

เจิ้งตงหลิว นั่งอยู่บนฝั่งตรงข้ามใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นความกดดันใด ๆ และไม่รู้ว่า เฟิงเฟยหยุน กับ อาคันตุกะที่สำคัญ ได้ประมือกันเรียบร้อยแล้ว 1 รอบ

“เจิ้งตงหลิว ผู้นี้ได้ประจักรแล้วว่า คุณชายเฟิง ชอบทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไม่ทราบว่าธุรกิจของท่านจะใหย่ขนาดไหน?”

เจิ้งตงหลิว พุดออกมาด้วยรอยยิ้ม

เฟิงเฟยหยุน สูดลมหายใจเข้าลึก ทำจิตใจให้สงบและหยุดมองไปที่ม่านแล้วก็ยิ้ม

“ะูรกิจของข้าคือการ สังหาร ไม่ทราบว่าตึกหยินโกวจะทำหรือไม่?”

หลังจากจบคำพูด เจิ้งตงหลิว ที่กำลังยิ้มอยู่ก็หุบลงทันที เขาคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพุดอย่างองอาจว่า

“ธุรกิจการสังหารมักจะมีความเสี่ยงสูง เฮ้อ….!”

“เสี่ยง!”

เฟิงเฟยหยุน ตอบ

“ใหญ่แค่ไหน?”

เจิ้งตงหลิว สอบถามเพิ่มเติม

“คฤหาสห์อินทรีย์โลหิต”

เฟิงเฟยหยุน ประสานสายตากับ เจิ้งตงหลิว อย่างมั่นคง

“ห๊ะ!”

เจิ้งตงหลิว สุดหายใจคำใหญ่ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและความกลัว พูดว่า

“ท่านต้องการสังหาร ซานเย่?”

“ไม่เพียงแต่ ซานเย่ แต่เป็นทั้ง แก๊งกรงเล็บอินทรีย์!”

เฟิงเฟยหยุน ตอบอย่างยืนยันว่า

“ข้าได้รับคำสั่งกองกำลังจาก ท่านผู้ว่า ภายในหนึ่งเดือน ข้าจะนำกองกำลังผู้คุ้มกัน5000นายเข้ากวาดล้าง คฤหาสห์อินทรีย์โลหิต สังหาร ซานเย่ และทำลาย แก๊งกรงเล็บอินทรีย์ “

“ผู้คุ้มกัน5000คนสมารถทลายแก็งกรงเล็บอินทรีย์ลงได้แต่ไม่สามารถสังหารซานเย่ได้”

เจิ้งตงหลิว กล่าว

เฟิงเฟยหยุน ยิ้ม

“ข้าไม่สามารถสังหาร ซานเย่ได้ แต่ว่า ตึกหยินโกว มียอดฝีมือมากมายหากว่าท่านต้องการสังหาร ซานเย่ ที่มีการบ่มเพาะอยู่ระดับรากฐานอมตะ อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ ตราบใดที่ท่านส่งยอดฝีมือไปสังหาร ซานเย่ แล้วความร่ำรวยที่มันสะสมโดยแก๊ง กรงเล็บอินทรีย์ ทั้งหมดจะตกเป็นของ ตึกหยินโกว ข้าจะไม่เอาแม้แต่เหรียญเดียว ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่มั่งคั่งมากผู้จัดการเจิ้ง ท่านสนใจหรือเปล่า? “

เฟิงเฟยหยุนถามย้ำอีกครั้ง

ในแต่ละปีแก๊งกรงเล็บอินทรีย์รวบรวมเหรียญทองมากกว่าห้าหมื่นเหรียญ หลังจากผ่านมาหลายทศวรรษ การสะสมนี้น่าจะมีจำนวนมหาศาล จะเป็นเรื่องแปลกมากหาก ผู้จัดการเจิ้งตงหลิว จะไม่ตกหลุมพราง

แต่การสังหาร ผู้บ่มเพาะขั้นรากฐานอมตะ จะต้องใช้ยอดฝีมือจำนวนมาก ธุรกิจขนาดใหญ่นี้ไม่สามารถดำเนินการได้โดยคำสั่งของ เจิ้งตงหลิว

เฟิงเฟยหยุน สังเกตุท่าทีของ เจิ้งตงหลิว นั้นเปลี่ยนไปมันรู้ว่าผู้จัดการคนนี้นั้นถุกล่อลวง เขาไม่สนใจเรื่องเงินที่แก๊งกงเล็บอินทรีย์รวบรวมมาเขาต้องการเพียงแค่สมบัติล้ำค่าจากมือของ ซานเย่

เจิ้งตงหลิว ลุกขึ้นจากเก้าอี้ของเขาแล้วเดินไปที่ม่าน เขาคุกเข่าลงไปที่พื้นและโค้งคำนับ

“นายท่าน ท่านคิดเห็นสิ่งใด?”

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments