I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 2 กบในบ่อ

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 8467 | 2535 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ข้างๆ’เย่จื่อหวิน’มีเด็กชายร่างสูงโปร่งหล่อเหลา หางตาของเขาเหลือบมองนางเป็นระยะ เด็กชายพลันพบว่า’เย่จื่อหวิน’กำลังมอง’นี่หลี’ ซึ่งทำให้เขาหันมาชักสีหน้าใส่’นี่หลี’ในทันควัน เด็กชายสูงกว่า’นี่หลี’เล็กน้อย และร่างนี้กำลังปล่อยรังสีอำมหิตเย็นเยียบ

‘นี่หลี’จำเด็กคนนี้ได้ดี ‘เสิ่นเยว่’ อัจฉริยะจากตระกูลเทพศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในสามตระกูลหลักของนครเรืองโรจน์ อาจารย์หญิง’เสิ่นซิ่ว’ซึ่งกำลังสอนอยู่หน้าชั้นคือป้าของ’เสิ่นเยว่’เอง

ในชาติก่อน ‘เสิ่นเยว่’มักติดสอยห้อยตาม’เย่จื่อหวิน’อยู่ตลอดเวลา ก่อนนครเรืองโรจน์จะล่มสลาย ‘เสิ่นเยว่’เกือบจะได้แต่งงานกับ’เย่จื่อหวิน’แล้ว ในสายตาของสองตระกูล ทั้งคู่นั้นเหมาะสมกันยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยก หากแต่ก่อนจะได้จัดพิธี นครก็ถูกบุกโจมตีเสียก่อน

และเป็นตระกูลเทพศักดิ์สิทธิ์เองที่ทรยศนครและละทิ้งหน้าที่ป้องกันกำแพงเมืองไป

นี่อาจเป็นบุพเพสันนิวาส ‘เย่จื่อหวิน’ไม่ได้แต่งให้กับ’เสิ่นเยว่’เมื่อชาติก่อน แต่กลับมีความสัมพันธ์กับ’นี่หลี’ เมื่อนึกย้อนไป เด็กหนุ่มอดหัวร่อในใจไม่ได้ แต่เมื่อเห็นสายตาของ’เย่จื่อหวิน’กับ’เสิ่นเยว่’ที่กำลังจับจ้องมาแล้วก็นึกปวดศีรษะในพลัน สายตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความรังเกียจ ‘เย่จื่อหวิน’คงคิดว่าเขาเป็นคุณชายเจ้าสำราญที่เกียจคร้านแน่ๆ

เมื่อเห็นสายตาของ’เย่จื่อหวิน’ ‘นี่หลี’พลันหายใจไม่ทั่วท้อง เด็กหนุ่มอดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อชาติก่อนไม่ได้เมื่อพบใบหน้าคุ้นเคย ‘นี่หลี’ตาแดงจมูกแดง ก่อนจะเผยอยิ้มให้แก่’เย่จื่อหวิน’

‘ต้องขอบคุณตำราภูติห้วงกาลลี้ลับที่ทำให้เราได้พบกันอีก’

‘นี่หลี’คิดในใจอย่างยินดี

‘ประหลาดคน’

‘เย่จื่อหวิน’นึก นางรู้สึกว่าสายตาของ’นี่หลี’มีบางสิ่งแปลกประหลาด ดวงตาของเด็กหนุ่มทอประกายประหนึ่งแสงดาว แต่กลับซ่อนความเสียใจไว้ลึกล้ำ ในใจของ’เย่จื่อหวิน’เต็มไปด้วยคำถามว่านางรู้จัก’นี่หลี’หรือไม่? เหตุใดเขาจึงมองนางด้วยสายตาเช่นนั้น?

ความงามของ’เย่จื่อหวิน’ประกอบขึ้นจากฟันขาวริมฝีปากแดงสด นางงดงามประหนึ่งดอกบัวที่กำลังเบ่งบานอย่างเงียบเชียบ เปล่งบรรยากาศแห่งความงดงามถึงขีดสุด นี่ทำให้เด็กหนุ่มหลายคนต่างหลงใหลในตัวนาง

ณ ขณะนี้ สายตาของ’เสิ่นซิ่ว’มองผ่าน’นี่หลี’ การกระทำของเด็กวัยสิบสามสิบสี่กลุ่มนี้ไม่อาจหลุดรอดสายตาของนางไปได้ ด้วยฐานะของผู้ใช้ภูติขั้นสามดาวเงิน นางก้าวเข้าสู่ภาวะกายจิตรวมประสาน เปล่งสัมผัสที่หกอันลี้ลับและทรงพลัง สายตาของนางคมกล้าอย่างยิ่งจนสามารถมองเห็นมุสิกที่วิ่งอยู่ไกลนับร้อยเมตร

‘เย่จื่อหวิน’มีศักดิ์ฐานะสูงส่ง นางเป็นถึงบุตรีของเจ้านครเรืองโรจน์ และเป็นหลานสาวของผู้ใช้ภูติในตำนาน ‘เย่ม่อ’ ไม่เพียงเท่านั้น เวิ้งวิญญาณครามที่อยู่ในตันเถียนของนางเป็นพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่ง!!

มีเพียงไม่กี่คนในสถานศึกษาที่รู้ถึงศักดิ์ฐานะของ’เย่จื่อหวิน’ หาก’เสิ่นเยว่’สามารถตบแต่งนาง สกุลเทพศักดิ์สิทธิ์จะมีที่หยั่งเท้าที่มั่นคงกว่าเดิม นี่ทำให้’เสิ่นเยว่’ยินยอมอยู่ในชั้นเรียนนักรบฝึกหัด และยังเป็นสาเหตุที่’เสิ่นซิ่ว’ยินดีเข้าสอนในชั้นเรียนอ่อนด้อยนี้

‘เสิ่นซิ่ว’คลายการกลายสภาพ สองแขนโอบรอบอก ดวงตากวาดมองไปที่เหล่านักเรียนพลางเอ่ย

“สองปีนับจากนี้ พวกเธอทั้งหมดคือนักเรียนของฉัน แม้สถานศึกษามีหลักพื้นฐานของความเท่าเทียม แต่ฉันจะบอกให้ทราบว่าความจริงแล้ว ในโลกอันน่ารังเกียจนี้ไม่มีความเท่าเทียมอยู่จริง!”

‘เสิ่นซิ่ว’พูดเสียงเย็นเยียบ ถ้อยคำของนางประหนึ่งมีดที่จ้วงแทงลงไปบนหัวใจของนักเรียนทั้งหลาย

เหล่านักเรียนนั่งฟังเงียบ ไม่มีใครกล้าเอ่ยปาก

“เมื่อพวกเธอสำเร็จการศึกษา พวกเธอจะยอมรับสิ่งที่ฉันพูดเอง ความเท่าเทียมนั้นเป็นเพียงคำโกหกของพวกผู้ใหญ่เท่านั้น เธอจะหลงอยู่ในเทพนิยายไปตลอดไม่ได้”

‘เสิ่นซิ่ว’กล่าวพลางก้มลงมองเด็กนักเรียน

“นครเรืองโรจน์เป็นนครเดียวที่เหลือรอดจากยุคมืด เราเป็นมนุษย์กลุ่มเดียวที่รอดชีวิต ในนครนั้นประกอบไปด้วยนักรบและผู้ใช้ภูติที่แกร่งกล้า แต่การคงอยู่ของผู้ใช้ภูตินั้นคือการดำรงอยู่ที่สูงศักดิ์ นักรบเพียงหนึ่งในพันหรือหนึ่งในหมื่นเท่านั้นที่จะมีโอกาสเป็นผู้ใช้ภูติที่แกร่งกล้า จวบจนบัดนี้ มีผู้ใช้ภูติในนครเพียงไม่กี่พันเท่านั้น และพวกเราคือผู้พิทักษ์นคร!”

“นักรบและผู้ใช้ภูติต่างแบ่งชั้นออกดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ระดับยิ่งสูง คนยิ่งแข็งแกร่ง ถ้าสกุลใดมีผู้ใช้ภูติระดับทอง สกุลนั้นย่อมได้ยกระดับเป็นสกุลยศฐา ถ้ามีผู้ใช้ภูติเหล็กนิล พวกเขาอาจกลายเป็นสกุลใหญ่ ยิ่งถ้าสามารถผลิตผู้ใช้ภูติในตำนาน สกุลนั้นย่อมเรียกว่าเป็นสกุลหลักของนคร พวกเราทั้งสามสิบหกคนตรงนี้ บ้างมาจากสกุลทั่วไป บ้างมาจากสกุลใหญ่ แม้จุดเริ่มต้นจะเท่าเทียม แต่ศักดิ์ฐานะไม่เคยเท่ากันมาก่อน ฉันหวังว่าพวกเธอทุกคนจะมีความสำนึกตัว คนธรรมดาย่อมเป็นคนธรรมดา ไม่มีทางจะกลายเป็นสกุลยศฐาไปได้ อย่าได้นึกฝันว่าพวกเธอจะได้กลายเป็นหงส์ แม้ในเหล่าคนมียศศักดิ์ เรายังมีเส้นแบ่งคั่นที่ข้ามไปไม่ได้”

ภายใต้สายตาของ’เสิ่นซิ่ว’ เด็กนักเรียนในชุดแต่งกายสามัญแสดงท่าทีอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาก้มหน้าลงด้วยความอับอาย ‘เสิ่นซิ่ว’และเด็กจากสกุลสูงต่างแอ่นอกเชิดหน้าด้วยความหยิ่งทะนง มีเพียง’นี่หลี’ ‘เย่จื่อหวิน’ ‘ลู่เปียว’และเด็กจากสกุลสูงอีกไม่กี่คนที่สงวนท่าที

‘นี่หลี’มองไปทางข้าง ‘ตู้เจ๋อ’เองสวมใส่เสื้อผ้าเก่า เด็กชายกำหมัดกัดปากแน่น ‘ตู้เจ๋อ’มาจากสกุลสามัญ สถานการณ์ของครอบครัวย่ำแย่ยิ่ง แต่’นี่หลี’รู้ดีกว่าความภูมิใจในตัวเองของ’ตู้เจ๋อ’นั้นสูงมาก

ในชาติก่อน ‘ตู้เจ๋อ’พยายามอย่างหนักหน่วง แม้พื้นฐานครอบครัวต่ำต้อย แต่พรสวรรค์ของเด็กหนุ่มไม่ได้ย่ำแย่นัก เขากลายเป็นผู้ใช้ภูติระดับทองโดยไม่ได้มีการใช้อุปกรณ์เสริมแต่อย่างใด แม้ไม่ได้มีพรสวรรค์สูงล้ำ แต่เด็กชายก็ใช้ความพยายามของตนก้าวขึ้นสู่ระดับสูงส่งจนยากจินตนาการว่าเด็กชายทุ่มเทแรงกายแรงใจลงไปมากเท่าใด

ก่อนการล่มสลายของนครเรืองโรจน์ สกูลสูงล้วนคิดแต่จะหาทางหลบหนี มีเพียงเหล่าประชาชนคนสามัญเท่านั้นที่สู้เพื่อนครจนลมหายใจสุดท้าย

‘ตู้เจ๋อ’เป็นเพื่อนของ’นี่หลี’ เป็นเพื่อนที่ควรภาคภูมิใจคนหนึ่ง

เมื่อ’นี่หลี’สังเกตุเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามของ’เสิ่นซิ่ว’ ความชิงชังก็ก่อตัวขึ้นในใจ เมื่อชาติก่อน ก่อนนครเรืองโรจน์จะล่มสลาย เป็นสกุลเทพศักดิ์สิทธิ์เองที่หนีตายเป็นคนแรก ดังนั้น’นี่หลี’ไม่ได้มีความประทับใจใดๆกับตระกูลนี้ ไม่ว่า’เสิ่นเยว่’หรือ’เสิ่นซิ่ว’ก็ล้วนไร้ค่า ยิ่งชาติก่อนเสิ่นซิ่วปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความร้ายกาจ ยิ่งทำให้’นี่หลี’ไม่ชอบหน้านาง

“อาจารย์หญิงเสิ่น ผมมีคำถาม”

‘นี่หลี’พูดโพล่ง

นักเรียนทุกคนต่างเงียบฟัง แต่’นี่หลี’กลับพูดทะลุกลางปล้อง ‘เสิ่นซิ่ว’ไม่ยินดียิ่ง นางจำได้ว่า’นี่หลี’คือคนหนึ่งที่แอบมอง’เย่จื่อหวิน’ คำพูดของนางก่อนนี้พุ่งเป้าไปที่’นี่หลี’เอง นางย่อมนึกไม่ถึงว่า’นี่หลี’จะพูดสวนขึ้น

“มีอะไร”

นางเอ่ยเสียงเย็น

“อาจารย์หญิงเสิ่นกล่าวว่านครเรืองโรจน์เราคือผู้รอดชีวิตหนึ่งเดียวจากยุคมืด ว่าเราคือมนุษย์ที่เหลือรอดกลุ่มสุดท้าย มีข้อพิสูจน์ใดหรือไม่ ผมใคร่ขอถามว่าอาจารย์เคยข้ามพ้นเทือกเขาบูรพชน ท่องทะเลทรายไร้ที่สุด ข้ามป่าพิษ ตะลุยบึงจันทร์สีเลือด เยือนปากอ่าววิญญาณวิเศษ ชมแนวเขาสระสวรรค์ ข้ามฟ้าหิมะแดนเหนือแล้วหรือไม่?”

‘นี่หลี’ถาม

“แนวเขาสระสวรรค์อะไร ฟ้าหิมะแดนเหนือเพ้อเจ้ออะไรของเจ้า”

‘เสิ่นซิ่ว’ขมวดคิ้วงาม นางย่อมเคยได้ยินชื่อของทะเลทรายไร้ที่สุด ป่าพิษ และบึงจันทร์สีเลือดมาก่อน แต่สถานที่เหล่านั้นห่างจากแนวเขาบูรพชนไปไกลโข นางได้ยินเพียงชื่อเล่าขานในตำนานเท่านั้น

‘เสิ่นซิ่ว’แค่นจมูก

“ฉันเกิดในนครเรืองโรจน์ ย่อมไม่เคยไปที่เหล่านั้น”

‘นี่หลี’ยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า

“หากอาจารย์หญิงไม่เคยไปยังที่เหล่านั้น ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าเราเป็นเพียงกลุ่มสุดท้ายที่เหลือรอด”

‘เสิ่นซิ่ว’หมดคำพูด

นักเรียนต่างกระซิบกระซาบ พวกเขาไม่รู้ว่าที่ที่’นี่หลี’พูดถึงคือที่ไหน แม้แต่’เย่จื่อหวิน’ที่นั่งห่างออกไปยังแสดงประกายตาแห่งความสนใจ นางมอง’นี่หลี’อย่างสงสัยว่าเขารู้จักที่เหล่านั้นได้อย่างไร

‘เสิ่นเยว่’ที่นั่งอยู่ข้างนางขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาหันไปมอง’นี่หลี’ก่อนตระหนักว่า’นี่หลี’เองก็หน้าไม่เบา ไม่แพ้ตัวเองแน่นอน เด็กชายพลันรู้สึกถึงวิกฤตที่ก้าวเข้ามา

เมื่อได้เห็นว่านักเรียนต่างกระซิบกระซาบ ใบหน้าของนางแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง ก่อนเอ่ยกระชากเสียง

“แล้วอย่างไร? เธอพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเราไม่ใช่มนุษย์ที่เหลือรอดกลุ่มสุดท้าย?”

“พิสูจน์?”

‘นี่หลี’ยิ้มน้อยๆ ประสบการณ์จากอดีตชาติของเขาคือเครื่องพิสูจน์อย่างดี สติปัญญาของมนุษย์นั้นมหัศจรรย์ยิ่ง หลังผ่านยุคมืด มนุษย์ยังเหลือรอดมาได้จำนวนมาก พวกเขาสร้างนครใหญ่มากมาย แต่แน่นอนว่าเด็กชายนั้นพูดออกมาไม่ได้ เขาจึงเอ่ยอย่างใจเย็นว่า

“ให้ผมเล่าเรื่องให้อาจารย์หญิงฟังสักเรื่อง กาลครั้งหนึ่งยังมีกบน้อยในบ่อลึก ตั้งแต่เกิดมาก็อยู่แต่ในบ่อ ตั้งแต่แรกก็เห็นแต่ฟ้าเพียงส่วนเสี้ยว เขาจึงบอกว่าฟ้านั้นใหญ่เท่าปากบ่อนั้น แต่ฟ้าใหญ่เพียงนั้นได้อย่างไร? เราล้วนบอกได้ว่ากบน้อยนั้นไม่รู้ฟ้ากว้างแค่ไหนเท่านั้นเอง”

เด็กนักเรียนหัวเราะอย่างอดไม่ได้เมื่อได้ฟังเรื่องเล่าของ’นี่หลี’ พวกเขาล้วนเห็นว่า’นี่หลี’พูดมีเหตุผล และสำนวนว่ากบในบ่อนั้นหมายถึง’เสิ่นซิ่ว’นั่นเอง

“ดูฟ้าจากก้นบ่อ เป็นคำอธิบายทีดีจริงๆ”

เด็กหญิงหลายคนพูดพลางหัวร่อต่อกระซิก พวกนางล้วนไม่ชอบหน้า’เสิ่นซิ่ว’และมอง’นี่หลี’ด้วยความยอมรับ ด้วยเขาคือคนเดียวที่กล้าวิจารณ์อาจารย์หญิงในชั้น

“เจ้า….”

‘เสิ่นซิ่ว’จ้องนี่หลีเขม็ง นางโกรธจนแทบกระอักเลือด ‘นี่หลี’เปรียบนางกับกบโง่เขลาตัวนั้น นางไม่เคยเจอกับนักเรียนที่ไร้มารยาทแบบนี้มาก่อน ‘เย่จื่อหวิน’เองก็ระงับเสียงหัวเราะไม่ได้ นางตระหนักว่า’นี่หลี’นี้น่าสนใจและมีฝีปากคมคายอย่างยิ่ง เขาถึงกับทำให้’เสิ่นซิ่ว’พูดไม่ออก

นางยิ้มให้กับ’นี่หลี’ ในขณะที่เขากระพริบตาใส่นางพร้อมกับรอยยิ้ม เมื่อเห็นท่าทีของ’นี่หลี’ ‘เย่จื่อหวิน’ก็หันหน้ากลับในทันควัน พลางคิดในใจว่า’นี่หลี’นั้นไร้มารยาทนัก นางยังเห็นว่า’นี่หลี’นั้นเป็นนักเรียนที่ย่ำแย่อยู่ดี ‘ลู่เปียว’เองเห็นการกระทำของ’นี่หลี’ทั้งยั่วโมโห’เสิ่นซิ่ว’และหยอกเย้า’เย่จื่อหวิน’ก็อดไม่ได้ให้ยอมรับ

เด็กชายยกนิ้วโป้งให้ด้วยความอัศจรรย์ใจ ‘นี่หลี’มองไปยัง’เสิ่นซิ่ว’แล้วเอ่ยต่อว่า

“อาจารย์หญิงเสิ่น ผมยังมีอีกคำถาม”

‘เสิ่นซิ่ว’ขุ่นแค้นตาย แต่นางย่อมไม่สามารถระเบิดออกมาได้ ได้เพียงตอบกลับอย่างอารมณ์ไม่ดี

“ยังมีคำถามอะไรอีก?”

“อาจารย์หญิงกล่าวว่า คนธรรมดาย่อมเป็นคนธรรมดา ไม่มีทางกลายเป็นคนมียศฐาไปได้ ผมสงสัยว่าท่านเย่ม่อ ผู้ใช้ภูติในตำนานท่านนั้น มิใช่คนธรรมดาเมื่อยังเยาว์หรอกหรือ?”

‘นี่หลี’ถาม กระพริบตาหลายครั้งก่อนเอ่ยว่า

“อาจารย์หญิงเสิ่นไม่ทราบหรอกหรือ?”

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments