I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 4 หนึ่งล้านเหรียญจิตมาร

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 6421 | 2535 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

[** Bronze มันคือสำริดครับ ผมพลาดเอง**]

‘เนี่ยหลี’เพ่งพิจารณา’เซียวหนิงเอ๋อร์’ นางมีรูปร่างบอบบาง สวมกระโปรงสั้นสีเหลืองกับรองเท้าบูทส้นสูง ผมดำยาวเคลียบ่า นางมีดวงตาที่กระจ่างสุกใส คิ้วโค้งเรียว และขนตายาวงอน ผิวขาวใสอมชมพู ริมฝีปากแดงประหนึ่งกลีบกุหลาบ หากแม้มีรูปลักษณ์ที่ทรงสเน่ห์ นางกลับเปล่งบรรยากาศที่ยากเข้าถึง ความงดงามอย่างบ้าคลั่งตัดกับความเฉยชาประดุจน้ำแข็งยิ่งทำให้ภาพพจน์ของนางมีมิติยิ่งกว่าเดิม

‘เนี่ยหลี’หรี่ตาลงเมื่อเขาจำได้ว่า’เซียวหนิงเอ๋อร์’เป็นบุตรีคนเดียวคนเดียวของบ้านหลักตระกูลมังกรเหิน หนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ พรสวรรค์ของนางเพียงเป็นรอง’เหย่จื่อหวิน’แค่คนเดียว ก่อนนครจะล่มสลาย นางเป็นผู้ใช้ภูติระดับเงินที่ได้รับการขนานนามว่าดาวคนคู่(ซวงจื่อซิง – ราศีเมถุน – เจมิไน)

ปัญหามีอยู่ว่าตระกูลมังกรเหินนั้นต้องคลุมถุงชนนางให้ตบแต่งแก่สกุลเทพศักดิ์สิทธิ์เพื่อรับความสนับสนุนจากตระกูลหลัก นางถูกกำหนดให้ตบแต่งให้พี่ชายของ’เสิ่นเยว่’เอง แต่ด้วยนางไม่ต้องการแม้แต่น้อย นางจึงละทิ้งครอบครัวหนีเข้าป่ามารทมิฬในแนวเขาบูรพชน ช่างเป็นหญิงใจกล้านัก!

‘เนี่ยหลี’เสียใจแทน’เซียวหนิงเอ๋อร์’ยิ่ง หากมีโอกาส เขาจะช่วยเหลือนางแน่นอน แต่ถามว่าเป็นเพราะหลงใหลนางหรือไม่ ‘เนี่ยหลี’ยืนยันชัดว่าไม่ ในใจเขามีเพียง’เหย่จื่อหวิน’เท่านั้น

“ในการทดสอบอีกสองเดือนหน้า ฉันหวังว่าเราจะมีผู้บรรลุชั้นหนึ่งดาวสำริดเพิ่มขึ้นอีก ไม่ว่าฉันหรือสถานศึกษาย่อมภาคภูมิใจในตัวพวกเธออย่างยิ่ง”

‘เสิ่นซิ่ว’กล่าวกลั้วหัวเราะ

สำริด เงิน ทอง เหล็กนิล ตำนาน ทั้งห้าชั้นแบ่งย่อยออกเป็น 1-5 ดาว และระดับสำริดหนึ่งดาวคือจุดเริ่มต้นของทั้งหมด เมื่อความแข็งแกร่งของนักรบ หรือพลังวิญญาณของผู้ใช้ภูติบรรลุถึง 100 เมื่อนั้นจึงเรียกว่าบรรลุชั้น 1 ดาวสำริด การก้าวเข้าสู้ระดับยากเข็ญแสนสาหัส คนจำนวนมากล้มเหลวแม้แต่จะบรรลุเป็นนักรบหรือผู้ใช้ภูติที่แท้

ฟังคำของ’เสิ่นซิ่ว’ นักเรียนในชั้นก็เริ่มกระซิบกระซาบ นักรบระดับหนึ่งดาวสำริดนั้นต้องยกหินใหญ่ร้อยจิน(หน่วยวัดน้ำหนักจีนโบราณ) ต่อยต้นไม้อวบเท่าแขนล้มได้ในหมัดเดียว สำหรับเด็กทั้งหลาย นี่เป็นเรื่องยากเกินคาดหวังเว้นแต่เด็กที่ได้ยาบำรุงแต่กำเนิด ส่วนผู้ใช้ภูตินั้นต้องเพาะสร้างพลังวิญญาณในร่างให้ได้ นั่นยากกว่าหลายเท่า

เวิ้งวิญญาณแบ่งออกเป็นเจ็ดสี ชาด ส้ม เหลือง เขียว คราม ฟ้า ม่วง คนธรรมดามีเวิ้งวิญญาณชาด การจะกลายเป็นผู้ใช้ภูตินั้นแทบเป็นไปไม่ได้ พวกเขามักเลือกจะเป็นนักรบ เวิ้งวิญญาณส้มและเหลืองเหมาะสมที่จะฝึกฝนมากกว่า ส่วนเวิ้งวิญญาณเขียวหรือครามควรถือได้ว่าเป็นพรสวรรค์เด่นล้ำทีเดียว

เหล่านักเรียนต่างมองไปยังทั้งสามด้วยความอิจฉา เพราะกลุ่มนี้จะได้เป็นกลุ่มเดียวที่บรรลุชั้นสำริดได้ภายในครึ่งปี หลังจากบรรลุแล้ว พวกเขาสามารถเลือกที่จะเข้าชั้นเรียนของนักรบหรือผู้ใช้ภูติเต็มขั้นได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ร่วมชั้นกับพวกเขาอีก

‘เสิ่นเยว่’แอ่นอกด้วยความภาคภูมิใจเมื่อเห็นสายตาของเพื่อนนักเรียน ในฐานะของคนจากตระกูลเทพศักดิ์สิทธิ์ เด็กชายได้รับยาเพาะสร้างทุกชนิดตั้งแต่เยาว์ บัดนี้เขาแซงหน้าเพื่อนรุ่นเดียวกันไปไกล เรื่องที่จะเพาะสร้างพลังวิญญาณให้ถึง 100 ในสองเดือนนั้นเป็นเรื่องง่ายดาย

‘เสิ่นเยว่’เหลือบมอง’เหย่จื่อหวิน’ มีแต่เขาเท่านั้นที่คู่ควรกับนาง ‘เนี่ยหลี’นับเป็นตัวอะไร มันกล้าท้าพนันกับป้าของเขาว่าจะเป็นผู้ใช้ภูติชั้นหนึ่งดาวสำริดภายในสองเดือน ช่างผยองเสียจนไม่รู้ความ ‘เนี่ยหลี’คิดว่าการบรรลุระดับหนึ่งดาวสำริดนั้นง่ายนักหรือ? ขยะเวิ้งวิญญาณชาดเช่นมันกล้าเอ่ยวาจากำแหงเช่นนั้น เฮอะ!

‘เหย่จื่อหวิน’กับ’เซียวหนิงเอ๋อร์’มองตากัน ทั้งคู่มีชาติกำเนิดสูงส่ง ‘เหย่จื่อหวิน’ต้องการคบหาเป็นเพื่อนกับ’เซียวหนิงเอ๋อร์’ตลอดมา แต่นางกลับมอง’เหย่จื่อหวิน’เป็นคู่แข่ง มองเป็นเป้าหมายซึ่งนางพยายามไล่ตามอยู่คลอดเวลา ‘เสิ่นซิ่ว’มอง’เนี่ยหลี’ด้วยความเหยียดหยาม ก่อนเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงดูถูกดูแคลนว่า

“สำหรับคนบางคนที่กล้ารับประกันว่าจะบรรลุระดับหนึ่งดาวสำริดในสองเดือน ฉันจะคอยดูว่ามันจะไปได้แค่ไหนกัน!”

สำหรับคนทั่วไป เวิ้งวิญญาณและความแข็งแกร่งของร่างกายเป็นตัวตัดสินความสามารถในการบำเพ็ญเพียร สำหรับระดับกลางๆแล้ว คนคนหนึ่งต้องใช้เวลาสามถึงห้าปีเพื่อเปิดประตูเข้าสู่ระดับทั่วไป แม้จะมีระดับหนึ่งดาวสำริดแล้ว การจะเป็นผู้ใช้ภูติทั้งๆที่มีเวิ้งวิญญาณชาดยังเป็นเรื่องเพ้อฝันอยู่ดี หาก’เนี่ยหลี’มิได้ใส่ใจคำพูดของ’เสิ่นซิ่ว’แม้แต่น้อย

“สองเดือน? ยังพอมีเวลาเตรียมตัว”

‘เนี่ยหลี’กล่าว มุมปากเผยอขึ้นเล็กน้อยกลายเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น

“คอยดูไปสิ ฉันจะบรรลุระดับหนึ่งดาวสำริดภายในสองเดือนให้ได้!”

‘เนี่ยหลี’ ‘ลู่เปียว’ และ’ตู้เจ๋อ’กระซิบคุยกัน

“เนี่ยหลี นายชอบจื่อหวินเหรอ?”

‘ลู่เปียว’ถามพลางมองไปยัง’เนี่ยหลี’

“แน่นอน”

‘เนี่ยหลี’ตอบ

‘ลู่เปียว’มองตา’เนี่ยหลี’อยู่ครู่ก่อนถอนหายใจ

“จื่อหวินน่ะสวยอยู่หรอก เห็นแก่ความเป็นพี่น้อง ฉันจะไม่แย่งชิงกับนาย แต่ในฐานะพี่น้อง ฉันขอเตือนนายซักคำ เหย่จื่อหวินน่ะสูงศักดิ์เกินไป พวกเราไม่คู่ควรกับเธอหรอก”

แม้ว่าครอบครัวของ’ลู่เปียว’จะมาจากยี่สิบตระกูลยศฐา แต่’เหย่จื่อหวิน’นั้นห่างไกลกับเขาเหมือนดาวบนฟ้า

“พวกเอ็งสองคนแหกตาดูความเป็นจริงเสียบ้างได้ไหม เหย่จื่อหวินเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่มีเวิ้งวิญญาณคราม อีกไม่นานเธอก็จะบรรลุระดับหนึ่งดาวสำริด ฉันแน่ใจว่าภายในสองเดือนนี้เป็นไปได้แน่นอน หลังจากเข้าชั้นเรียนมาตรฐานของผู้ใช้ภูติแล้ว การฝึกฝนของนางจะยากลำบากขึ้นไปอีก ไม่นับเรื่องที่ว่านางจำพวกเอ็งได้ไหม แต่ที่ฉันเกลียดที่สุดคือไอ้พวกลูกหลานตระกูลใหญ่ที่ล่าตามชายกระโปรงผู้หญิงนี่แหละ ไม่รู้จักทุ่มเทให้การฝึกฝนบ้างเรอะ?!”

‘ตู้เจ๋อ’คำราม

“นายว่าไงนะ? ลูกหลานตระกูลใหญ่บ้าผู้หญิงงั้นเรอะ บัดซบ ข้าฝึกหนักนะโว้ย อย่างมากข้าก็ใช้เวลาคิดถึงพวกนางแค่ครึ่งวันล่ะวะ”

‘ลู่เปียว’ยักไหล่

“สวรรค์ นี่ข้ามายุ่งกับคนบ้าจำพวกไหนนี่”

‘ตู่เจ๋อ’ว่าพลางกลอกตาเหลือก

พรสวรรค์ของ’ตู้เจ๋อ’นั้นไม่แย่ เขามีเวิ้งวิญญาณเหลืองร่วมกับการฝึกฝนอย่างหนักหน่วง หลังจากนี้ยังได้พบประสบการณ์พิเศษอีกหลายครั้งทำให้เขาบรรลุระดับหนึ่งดาวทองคำได้ เขาชักนำตระกูลเข้าเป็นหนึ่งในตระกูลยศฐาซึ่งนับเป็นความสำเร็จที่อัศจรรย์

‘ตู้เจ๋อ’เป็นคนที่สัตย์ซื่อ ติดแต่จะคร่ำครึและจริงจังไปบ้าง ตรงข้ามกับ’ลู่เปียว’ผู้เป็นคุณชายน้อยเจ้าสำราญ แม้จะมีเวิ้งวิญญาณชาด หากพรสวรรค์การต่อสู้สูงมาก ถ้าเขาทุ่มเทให้กับการฝึกฝน ระดับเขาคงสูงล้ำ ปัญหาอยู่ที่ว่า’ลู่เปียว’นั้นติดจะขี้เกียจ ในชาติก่อนเขาบรรลุเพียงระดับเงินเท่านั้น แตกต่างกับ’ตู้เจ๋อ’อย่างชัดเจน

แต่ชีวิตนั้นซับซ้อนนัก แม้ทั้งสองจะแตกต่างกันสุดขั้น แต่กลับคบหากันเป็นพี่น้องในชาติก่อน ฟังทั้งสองเถียงกัน ชาติก่อน’เนี่ยหลี’เห็นว่านี่ดูไม่ดีนัก หากแต่ยามนี้เขากลับซาบซึ้งใจยิ่ง เขาได้พี่น้องเช่นนี้ ยังต้องเสียใจอะไรอีก

“เนี่ยหลี ข้าว่าแกเลิกเถอะ ตั้งใจบำเพ็ญเพียรดีกว่า”

‘ตู้เจ๋อ’ว่า

พยายามโน้มน้าวจิตใจเขาเต็มที่ ถ้า’เนี่ยหลี’ตกหลุมรักนางจริงจัง นั่นคงเป็นโศกนาฏกรรมฉากหนึ่ง ชาติก่อน ‘เนี่ยหลี’ไม่อาจหยุดรักนางได้จนกระทั่งพบว่านางมีพันธะหมั้นหมายกับ’เสิ่นเยว่’ หากในชาตินี้ถ้าเขายังคงอ่อนแอเป็นเศษไม้เช่นนี้ คงต้องฆ่าตัวตายเสียก่อนแล้ว

“ไม่ต้องห่วง ฉันรู้ดีว่าสิ่งที่ฉันต้องการคืออะไร และฉันจะทำมันให้ได้”

‘เนี่ยหลี’พูดอย่างมั่นใจ

ฟังคำแล้ว’ตู้เจ๋อ’กับ’ลู่เปียว’ก็ชะงักไปครู่ พวกเขาคาดไม่ถึงว่า’เนี่ยหลี’จะมั่นใจถึงเพียงนี้ หลังเห็นท่าทีของ’เนี่ยหลี’ พวกเขายิ่งรู้สึกว่า’เนี่ยหลี’ทำมันได้จริงๆ ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะถูกอารมณ์ของ’เนี่ยหลี’กระตุ้น’ตู้เจ๋อ’คิดอยู่ครู่ก่อนเอ่ยปาก

“ดี ไม่ว่าเอ็งจะทำยังไง พวกข้าจะสนับสนุน”

รับโทษทัณฑ์ยืนด้วยกันเช่นนี้ พวกเขาเริ่มเพาะสร้างสายสัมพันธ์อันแข็งแกร่ง

“ตู้เจ๋อ ลู่เปียว ฉันจะทำให้พวกนายทั้งสองเป็นผู้ใช้ภูติที่แกร่งที่สุด”

‘เนี่ยหลี’พูดอย่างหนักหน่วง ชาติก่อนทั้งสองร่วมเป็นร่วมตายกับ’เนี่ยหลี’ ช่วยชีวิต’เนี่ยหลี’ไว้หลายครั้ง ตอนนี้เขากลับมาแล้ว เขาย่อมต้องช่วยเหลือทั้งสองบรรลุความฝันของตน

“ลืมมันไปเถอะ ฉันมีแค่เวิ้งวิญญาณแดง ด้วยการสนับสนุนของครอบครัว เป็นนักรบน่ะพอไหว แต่เป็นผู้ใช้ภูติคงยากไป”

‘ลู่เปียว’ว่า

“เป็นนักรบไปแล้วได้อะไร ยิ่งปีนขึ้นสูง ยิ่งฝึกฝนยาก แถมยังเทียบชั้นกับผู้ใช้ภูติไม่ได้อีก ในสมรภูมินักรบในตำนานเทียบชั้นกับผู้ใช้ภูติระดับเหล็กนิลไม่ได้ด้วยซ้ำ ผู้ใช้ภูตินี่แหละมีพลังต่อสู้ที่ทรงพลังแล้ว”

‘ตู้เจ๋อ’เถียง เขาฝันจะเป็นผู้ใช้ภูติ และเพื่อตามล่าฝันเขาจะทุ่มเทสุดตัว นี่คือหลักการประจำตัวของเขา

“ไม่ต้องเป็นถึงนักรบในตำนานหรอก แค่ระดับทองฉันก็พอใจแล้ว”

‘ลู่เปียว’พูดเนือยๆ ไม่ได้รับแรงบันดาลใจแม้แต่น้อย ‘ตู้เจ๋อ’เองถึงกับหมดคำพูด ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดกับคนไม่มีเป้าหมายแล้ว

“นายมีเวิ้งวิญญาณชาดแล้วยังไง ฉันก็มีเวิ้งวิญญาณชาด”

‘เนี่ยหลี’ว่าพลางมองไปยัง’ลู่เปียว’

‘ลู่เปียว’กับ’ตู้เจ๋อ’ทำหน้างง ‘เนี่ยหลี’มีเวิ้งวิญญาณชาดกลับกล้าบอกว่าจะบรรลุระดับสำริดภายในสองเดือน เขามีวิธีลัดหรืออย่างไร?

“เนี่ยหลี นายมีวิธีเพาะสร้างพลังวิญญาณเพื่อยกระดับของผู้ใช้ภูติรึ”

‘ตู้เจ๋อ’ถาม เด็กชายสงสัยใจยิ่ง ด้วยสิ่งที่เขารู้มาคือไม่เคยมีทางลัดในการบำเพ็ญมาก่อน

“เชื่อฉัน ตราบเท่าที่นายยังไม่ท้อ นายจะเป็นผู้ใช้ภูติที่ทรงพลัง”

“ท้อแท้? ไม่มีทาง”

‘ตู้เจ๋อ’พูดอย่างเชื่อมั่น เขาจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อเปลี่ยนแปลงชะตาของครอบครัว ถ้าเป็นเรื่องนี้เขาไม่มีทางท้อแท้เด็ดขาด ถ้ามีโอกาสเป็นผู้ใช้ภูติ ‘ลู่เปียว’ย่อมยินดียิ่ง ถ้าเขาได้เป็นผู้ใช้ภูติ พ่อคงไม่ตีเขาเรื่องขี้เกียจอีก ‘ลู่เปียว’เป็นคนประเภทที่ถ้ามีโอกาสอยู่ตรงหน้า เขาจะไม่ยอมปล่อยไปเด็ดขาด

“มันยากรึเปล่าน่ะ?”

‘ลู่เปียว’พึมพำ

‘ตู้เจ๋อ’ชักสีหน้า หมดหวังแล้ว หมอนี่หวังจะเป็นผู้ใช้ภูติโดยไม่ผ่านความยากลำบาก เป็นผุ้ใช้ภูติจะไม่ลำบากได้อย่างไร ถ้าเขาเป็นผู้ใช้ภูติได้ เขายินดีทำทุกอย่างไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน

“ไม่มีปัญหาหรอก”

‘เนี่หลี’ตอบพลางพยักหน้า องคาพยพบนใบหน้าของเขาเรียบเฉยพลางบอกต่อว่า

“เราแค่ต้องใช้เงินจำนวนมาก”

“ถ้าแค่มีเงินก็แก้ปัญหาได้ งั้นก็ง่ายมาก”

‘ลู่เปียว’ว่าพลางถอนหายใจ

“ต้องใช้เท่าไหร่น่ะ ฉันมีเยอะอยู่ สะสมไว้สองพันเหรียญแล้ว ถ้าฉันเป็นผู้ใช้ภูติได้ จ่ายหมดหน้าตักก็ไม่เป็นไร”

ถ้าสองพันเหรียญจิตมารทำให้คนเป็นผู้ใช้ภูติได้ งั้นก็ง่ายเกินไปแล้ว น่าเสียดายที่’เนี่ยหลี’เอ่ยต่อว่า

“สองพันเหรียญจะทำอะไรได้? ไม่มีทางพออยู่แล้ว เราต้องการอย่างน้อยหนึ่งล้านเหรียญ หรืออาจจะสิบล้านด้วยซ้ำ!”

สิบล้านเหรียญจิตมาร! ‘ตู้เจ๋อ’กับ’เนี่ยหลี’สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ หนึ่งล้านเหรียญคือรายได้ประจำปีของตระกูลยศฐา เขาจะไปหาเงินขนาดนั้นได้อย่างไร?

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments