I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 15 น้อมขอคำชี้แนะ

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 5078 | 2535 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ขณะที่กลุ่มของ’เนี่ยหลี’พูดคุยกัน สายตาของมันพลันเลื่อนมองออกไปไกล ท่ามกลางหมู่ชั้นหนังสือ เรือนร่างระหงกำลังประคองหนังสือ ก้มหน้าลงจับจ้อง เรือนผมสีม่วงยาวประหนึ่งน้ำตกสายหนึ่ง ปอยผมทั้งสองข้างมัดเป็นเปียไว้ด้วยไหม ยิ่งขับเน้นความงามสดใสของนาง

แสงอาทิตย์ยามเย็นฉายลงบนใบหน้าขาวเนียน ยิ่งทำให้นางดูสง่าและดึงดูดยิ่งขึ้น

หัวใจของ’เนี่ยหลี’เต้นถี่เพียงมองใบหน้านาง ความทรงจำมหาศาลผุดขึ้นในห้วงคะนึง ในทะเลทรายไร้ที่สุด หลบหนีจากเหล่าสัตว์มารจำนวนมหาศาล ในสถานการณ์ระหว่างความเป็นตาย ด้วยสัญชาตญาณเฉียบคมของ’เนี่ยหลี’ มันช่วยเหลือผู้รอดชีวิตหลายครั้งครา ค่อยๆอยู่ใกล้ชิดกับ’เหย่จื่อหวิน’มากขึ้น และรู้จักกันมากยิ่งขึ้น

แม้พลังการบำเพ็ญของ’เนี่ยหลี’จะต่ำเตี้ยเรี่ยดินและระยะห่างระหว่างทั้งสองจะต่างกันราวฟ้ากับเหว ทั้งสองยังคงใกล้ชิดกัน

คืนนั้น ‘เนี่ยหลี’สัมผัสแผ่นหลังเนียนนุ่มของนาง ความบ้าคลั่งในรักของมันยากจะข่มกลั้น ‘เหย่จื่อหวิน’ภายใต้แสงจันทร์นั้นสมบูรณ์แบบ ประหนึ่งรูปสลักเทพธิดา ใบหน้าเย้ายวน เรือนร่างโค้งเว้า ท่อนแขนกลมกลึง ปทุมถันคู่งาม ค่ำคืนอันบ้าคลั่งนั้นประทับความทรงจำแก่’เนี่ยหลี’อย่างลึกล้ำ

ครั้งนั้น ‘เนี่ยหลี’ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า’เหย่จื่อหวิน’ผู้งดงามยิ่งกว่าเทพธิดาใดจะตกเป็นของมัน

หลังจากนั้น ‘เหย่จื่อหวิน’สละชีวิตเพื่อปกป้องมันและผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ เมื่อเห็นดังนั้น ดวงใจของเนี่ยหลีเจ็บปวดประหนึ่งถูกทิ่มแทง หากมิใช่เพื่อสืบทอดความหวังของ’เหย่จื่หวิน’ที่ต้องการปกป้องตระกูลของนาง ‘เนี่ยหลี’คงพลีชีพตามนางไปแล้ว

“หากมิใช่หนังสือภูติห้วงกาลลี้ลับ ข้าคงมิได้กลับมาที่แห่งนี้ คงมิได้เห็นหน้านางอีก”

‘เนี่ยหลี’สูดหายใจลึก สงบใจลงอย่างรวดเร็ว เด็กชายนั้นพยายามหาโอกาสใกล้ชิด’เหย่จื่อหวิน’อยู่เสมอ แต่มันไม่ต้องการรบกวนนางมากไป อย่างไรเสียการแต่งงานระหว่างสองตระกูลยังไม่กำหนด ‘เนี่ยหลี’ในตอนนี้เห็นว่ามันควรเพาะสร้างพลังให้ตนเองอย่างเร่งด่วน

เมื่อเข้มแข็ง จึงต่อต้านสกุลเทพศักดิ์สิทธิ์และช่วงชิง’เหย่จื่อหวิน’จาก’เสิ่นเยว่’ได้

“พวกเจ้าไปกันก่อน ข้ามีบางสิ่งต้องจัดการ!”

‘เนี่ยหลี’กล่าวกับ’ตู้เจ๋อ’ ‘ลู่เปียว’ และพวกทั้งสาม

‘ตู้เจ๋อ’และ’ลู่เปียว’มองตามสายตาของ’เนี่ยหลี’ ในคลองสายตาปรากฏมือคู่หนึ่งประคองตำราโบราณ หญิงงามยืนอ่านหนังสือเงียบๆประหนึ่งนางพรายในแดดยามเย็น นางสวมชุดไหมยาวสีขาว กอปรด้วยท่วงท่างามสง่า เอนกายเล็กน้อยพิงบนชั้นหนังสือ ดูไปประหนึ่งปราชญ์ผู้ชำนาญการ สูงส่งไร้วาจา

ประหนึ่งดอกบัวพ้นจากน้ำ บริสุทธ์สูงส่งจนไม่มีผู้ใดอาจเอื้อม เด็กทั้งสองรู้โดยพลันว่าเนี่ยหลีต้องการสิ่งใด

คนทุกรูปนามชอบสิ่งสวยงาม แต่เมื่อพบกับเหย่จื่อหวิน พวกมันไม่กล้าอุกอาจด้วยความถ่อมตน

‘เนี่ยหลี’เดินตรงเข้าไปหา’เหย่จื่อหวิน’

“ข้าพนันว่าในสิบห้านาที เนี่ยหลีต้องถอยกลับมา หญิงงามในรุ่นนางนี้ไม่สนใจมันหรอก”

‘ลู่เปียว’ยิ้มด้วยความมั่นใจ

“หวังว่าเนี่ยหลีจะไม่โดนยันกลับมารุนแรงนัก”

‘ตู้เจ๋อ’พึมพำ

พวกมันซ่อนอยู่หลังกำแพงเพื่อแอบมอง’เนี่ยหลี’

“นางคงเพิกเฉย หญิงงามเช่นนี้เข้าหาไม่ง่าย แม้แต่เสิ่นเยว่ยังล้มเหลวอยู่หลายครั้ง”

‘เหย่จื่อหวิน’พลิกอ่านหนังสือในแดดยามเย็นเงียบๆ ‘เนี่ยหลี’ไม่อาจทำใจรบกวนภาพที่งดงามเช่นนี้ได้

เด็กชายพลันพบว่าที่นางอ่านอยู่คือคัมภีร์อสนีบาตเอง ‘เหย่จื่อหวิน’ขมวดคิ้วขณะที่นางพลิกหน้าหนังสือไปเรื่อยๆ นางเป็นคนที่จิตใจเข้มแข็งทั้งยังมุมานะ มิพักจะเอ่ยถึงพรสวรรค์ การบำเพ็ญ หรือแม้แต่ความรู้ ทุกสิ่งล้วนเด่นล้ำเหนือคนสามัญ นางยังมีความภาคภูมิใจในเรื่องนี้เล็กๆ แต่นางก็ตระหนักได้ว่าช่องว่างระหว่างนางกับ’เนี่ยหลี’นั้นห่างกันมาก

เนื้อหาของคัมภีร์อสนีบาตนั้นสุดล้ำลึก!

เนื้อหาบทแรกได้รับการแปลแล้ว นั่นยังพอเข้าใจได้ แต่หลังจากนั้น เนื้อหาทั้งหมดยังคงเป็นภาษาของอาณาจักรลมหิมะ(เฟิงเสวีย) นางไม่เข้าใจแม้แต่น้อย!

ด้านความรู้ ‘เหย่จื่อหวิน’ฉลาดกว่าเพื่อนร่วมรุ่นแน่นอน แต่นางเปรียบกับคนผิดแล้ว ‘เนี่ยหลี’มีเวลาหนึ่งชาติภพ!

ด้วยความเข้าใจในตัวของ’เหย่จื่อหวิน’ เมื่อเห็น’เหย่จื่อหวิน’ประคองพลางพลิกดูคัมภีร์อสนีบาต มันคาดเดาความคิดของ’เหย่จื่อหวิน’ออกได้ เด็กชายอดเผยอยิ้มไม่ได้ขณะเดินเข้าไปหานาง พลางเอ่ยเย้าว่า

“ศิษย์สตรีแซ่เหย่เองก็สนใจคัมภีร์อสนีบาตหรือ?”

‘เหย่จื่อหวิน’รู้สึกตัว หันมอง’เนี่ยหลี’ด้วยใบหน้าตื่นตะลึง นางไม่คิดว่าจะได้พบกับ’เนี่ยหลี’ เมื่อครุ่นคิด นางเห็นว่า’เนี่ยหลี’คงมาอ่านหนังสือที่นี่ หาไม่แล้วมันจะมีความรู้มากมายเพียงนั้นได้อย่างไร

“หนังสือเล่มนึ้ลึกซึ้งเกินไป ข้าเพียงพลิกผ่านตาเพื่อดูว่าข้าไม่สามารถอ่านเนื้อหาภายในได้เท่านั้น”

‘เหย่จื่อหวิน’ปิดตำรา เอ่ยวาจาอย่างสงบขณะที่รักษาระยะห่างกับ’เนี่ยหลี’อย่างสุภาพ

เรือนร่างระหงของ’เหย่จื่อหวิน’ก้าวถอยสองสามก้าว กลิ่นหอมจางยังกำจายออกจากร่างนาง ‘เนี่ยหลี’รู้ดีว่านี่คือกลิ่นจำเพาะของนางที่สะกดทุกผู้คน ช่างเป็นกลิ่นในความทรงจำที่คุ้นเคยและเย้ายวนนัก

“คัมภีร์อสนีบาตใช้ภาษาจากยุคฟงเสวีย(ลมหิมะ) ภาษาในยุคนี้นั้นซับซ้อนยากเข้าใจ แต่ถ้าท่านเรียนรู้ภาษาของยุคเฮยจิน(ทองดำ)มาก่อน ท่านจะพบว่าภาษาจากยุคฟงเสวีย(ลมหิมะ)เข้าใจง่ายขึ้น การอ่านภาษาของยุคฟงเสวีย(ลมหิมะ)จะง่ายขึ้นมากทีเดียว”

‘เนี่ยหลี’กล่าวยิ้มๆ

“ภาษาของยุคเฮยจิน(ทองดำ)?”

‘เหย่จื่อหวิน’ค่อยๆระลึก ก่อนยุคมืดนั้นมีสามยุคก่อนหน้า ล้วนบันทึกนามของยุคนั้นไว้ตามอาณาจักรที่มีอิทธิพลในขณะนั้น ยุคเสิ้งหลิง(วิญญาณศักดิ์สิทธิ์) ฟงเสวีย(ลมหิมะ) และเสินเสิ้ง(เทพศักดิ์สิทธิ์) ยุคเฮยจิน(ทองดำ)เป็นอาณาจักรใหญ่ในช่วงยุคฟงเสวีย(ลมหิมะ) นั่นเอง

‘เนี่ยหลี’นั้นได้รับการศึกษามาดีและรู้เรื่องราวมากมาย ‘เหย่จื่อหวิน’ยอมรับมัน

“แต่การเรียนรู้ภาษาของยุคใดยุคหนึ่งเพียงเพื่ออ่านตำราเล่มนี้เป็นเรื่องสูญเปล่า ทั้งด้วยลักษณะของท่าน ท่านไม่เหมาะกับการฝึกฝนวิชาสายอสนีบาตแม้แต่น้อย”

ท่วงท่าของ’เนี่ยหลี’นั้นสงบยิ่ง ต่างจากเด็กชายอื่นที่เกร็งสุดตัวต่อหน้านาง

ถึงอย่างไร’เนี่ยหลี’ก็เข้าใจ’เหย่จื่อหวิน’ เข้าใจถึงก้นบึ้งของใจทีเดียว

“เอ๊ะ? เช่นนั้นการสั่งสมพลังเช่นใดเหมาะกับข้า?”

‘เหย่จื่อหวิน’มอง’เนี่ยหลี’ดุจจะให้ทะลุถึงดวงใจ ความรู้ของ’เนี่ยหลี’เปี่ยมล้นจนนางสลดใจและสังเวชตนเองนัก

“ถ้าข้าคาดไม่ผิด มีคนในตระกูลของท่านใช้พลังวิญญาณควานลงในร่างท่านแล้ว ขณะนี้ท่านฝึกฝนวิชาสายลมหิมะ นั่นหมายความว่าวิชาสายนี้เหมาะสมกับท่านที่สุด”

‘เนี่ยหลี’กล่าวยิ้มน้อยๆ

สองตาของ’เหย่จื่อหวิน’เบิกกว้างด้วยความตื่นตะลึง ‘เนี่ยหลี’คาดเดาถูกต้อง ปู่ของนางเคยใช้พลังควานลงในร่างของนางมาก่อน แต่นั่นคือความลับที่ไม่เปิดเผยต่อผู้ใด อย่างไรเสียการควานร่างครั้งหนึ่งใช้พลังวิญญาณมหาศาล ‘เนี่ยหลี’รู้ได้อย่างไร?

เห็นท่าทางของ’เหย่จื่อหวิน’ ‘เนี่ยหลี’รู้ว่ามันคาดเดาถูกต้อง ยิ้มพลางกล่าวว่า

“แม้ว่าตระกูลของท่านจะควานร่างของท่านมาแล้ว แต่ท่านผู้นั้นย่อมตรวจสอบรูปลักษณ์ของเวิ้งวิญญาณไมได้ วิธีสั่งสมพลังที่ท่านผู้นั้นเลือกอาจไม่เหมาะสมกับท่านจริงๆ”

“รูปลักษณ์ของเวิ้งวิญญาณ?”

‘เหย่จื่อหวิน’ขมวดคิ้วด้วยนางไม่เคยได้ยินคำคำนี้มาก่อน

“ให้เวลาข้าทดสอบรูปลักษณ์ของเวิ้งวิญญาณท่านสักหน่อยเป็นอย่างไร?”

‘เนี่ยหลี’ถาม

‘เหย่จื่อหวิน’เงยหน้าขึ้นมอง’เนี่ยหลี’ นิ่งอยู่ครู่ก่อนส่ายหน้า

“ไม่จำเป็น”

นางยังรักษาระยะห่างจาก’เนี่ยหลี’ หากวิธีของ’เนี่ยหลี’เป็นวิธีเดียวกับปู่ของนาง นั่นหมายความว่าต้องมีการสัมผัสถึงเนื้อหนัง นางยังคงไม่เชื่อใจ’เนี่ยหลี’เพียงนั้น

‘เนี่ยหลี’ยิ้มด้วยคาดเดาได้ว่านางคิดอะไร เด็กชายรู้ดีว่า’เหย่จื่อหวิน’ผู้นี้คิดไปแล้ว กล่าวว่า

“วิธีทดสอบนั้นง่ายดายนัก หาหินวิญญาณที่ไม่เคยใช้สักก้อนหนึ่ง ประจุพลังวิญญาณของท่านเข้าไป ข้าจะพิจารณาหินวิญญาณนั้นเพื่อชี้ชัดถึงรูปลักษณ์ของเวิ้ง”

“ง่ายดายเพียงนั้น?”

‘เหย่จื่อหวิน’มอง’เนี่ยหลี’อย่างเสียใจ ดูเหมือนนางเข้าใจ’เนี่ยหลี’ผิดไป หินวิญญาณแค่ก้อนเดียวไม่ได้มีค่ามากมายนักสำหรับนาง

“ถ้าท่านต้องการ เช่นนั้นพบกันพรุ่งนี้เวลนี้”

‘เนี่ยหลี’กล่าวจบก็หันกายเดินกลับไป

‘เหย่จื่อหวิน’ตกตะลึง เด็กชายที่เข้ามาหานางก่อนหน้า ผู้ใดไม่ต้องการอยู่ใกล้นางมากขึ้นแม้สักน้อย แต่’เนี่ยหลี’ผู้นี้เป็นข้อยกเว้น มันเป็นคนเยี่ยงไรกันแน่? นางตระหนักได้ว่านางไม่เข้าใจมันแม้แต่น้อย

‘เนี่ยหลี’เข้าใจถึงตัวของ’เหย่จื่อหวิน’ ยิ่งมันพยายามเข้าใจ ‘เหย่จื่อหวิน’จะยิ่งถอยห่างออกไป เวลาในอนาคตยังมีอีกมาก มันเพียงต้องสร้างความรู้สึกดีๆแกนางก่อนสร้างความสัมพันธ์ต่อไป

‘เหย่จื่อหวิน’กัดฟัน กล่าวว่า

“สหายร่วมชั้นแซ่เนี่ย”

“มีอันใด?”

‘เนี่ยหลี’หันศีรษะกลับมาตอบคำ

เห็นว่า’เนี่ยหลี’กับ’เหย่จื่อหวิน’สนทนากันห่างๆ และเมื่อ’เนี่ยหลี’ถอยออกไป ‘เหย่จื่อหวิน’กลับตะโกนเรียกมัน ทำให้พวก’ตู้เจ๋อ’และ’ลู่เปียว’ตื่นตะลึง

“สมแล้วที่เป็นหัวหน้า เนี่ยหลีทำให้นางฟ้าหนิงเอ๋อร์ยินดีประคองมอบมื้อเช้า ตอนนี้ทำให้เทพสตรีแซ่เหย่รั้งตัวมัน ข้าคงต้องขอคำชี้แนะจากหัวหน้าสักหน่อย”

‘เว่ยหนาน’พึมพำ

คนที่ยืนมองรอบข้างล้วนอิจฉา ได้พูดคุยกับเทพสตรีแซ่เหย่เป็นความคาดหวังของบุรุษทุกรูปนาม

‘ตู้เจ๋อ’กับ’ลู่เปียว’มองหน้ากัน

“ข้าว่าเราดูถูกมันมากไป”

“มันมีความสามารถจริงๆ”

“เนี่ยหลีล่อลวงนางฟ้าหนิงเอ๋อร์ บัดนี้ยังล่อลวงเทพสตรีแซ่เหย่ กอดซ้ายตระกองขวาเช่นนี้ ชีวิตมันช่างสุขสมนัก”

‘เนี่ยหลี’ไม่ได้ยินบทสนทนาของพี่น้องมัน ได้ยิน’เหย่จื่อหวิน’รั้งตัวมันไว้นับเป็นเรื่องไม่คาดฝัน มันหันศีรษะกลับไปอย่างตื่นตะลึง

“สหายแซ่เนี่ยมีภูมิความรู้ลึกล้ำในเรื่องลายอาคมนัก ข้ามีคำถามถามท่าน ท่านสะดวกหรือไม่?”

‘เหย่จื่อหวิน’ถาม ประกายตาของนางวิบวับใต้แสงไฟ

“แน่นอน เชิญท่านถาม”

‘เนี่ยหลี’หัวร่อ

‘เหย่จื่อหวิน’ไม่ได้คาดหวังมากนัก คำถามนี้อย่างไรก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะตอบได้ ในแง่ของความเข้าใจลายอาคม ‘เหย่จื่อหวิน’ผู้ถือกำเนิดจากหนึ่งในสกุลหลักย่อมมีมากกว่าเพื่อนร่วมรุ่นอย่างเทียบไม่ได้

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments