I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 16 ทักษะมาร

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 5433 | 2534 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘เหย่จื่อหวิน’ดึงม้วนอาคมสองม้วนออกจากแหวนมิติ เหล่าผู้เข้มแข็งมักบันทึกทักษะยุทธ์ของตนไว้ในลวดลายอาคม จารลงในม้วนอาคม เมื่อเข้าสู่การต่อสู้ พวกมันสามารถประจุพลังลงในม้วนอาคมเพื่อปลดปล่อยทักษะยุทธ์อันร้ายกาจได้รวดเร็วกว่าการใช้ทักษะด้วยตนเอง แต่ปัญหาคือม้วนอาคมนั้นมีราคาสูงยิ่ง

ม้วนอาคมเปล่าธรรมดาก็มีราคาหลายร้อยเหรียญจิตมารแล้ว ม้วนอาคมระดับสำริดมีราคาหลายพันเหรียญ ขณะที่ม้วนอาคมเงินขาวอาจมีราคาหลักหมื่น มิพักต้องเอ่ยถึงระดับทองคำที่ราคายากจะประเมินประมาณได้

ม้วนอาคมเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยที่คนธรรมดามิกล้าวาดหวังถึง

“ม้วนอาคมสองม้วนนี้จารลายอาคมสายลมหิมะไว้”

นิ้วมือขาวซีดของ’เหย่จื่อหวิน’เปิดม้วนคาถาระดับสำริดช้าๆ

“ข้าคิดว่าม้วนคาถาทั้งสองนี้มีที่ผิดพลาดขณะจารคาถา เมื่อข้าพยายามประจุพลังลงในลายอาคมจึงไม่อาจสำแดงพลังได้ แต่ข้ายังไม่รู้ว่าต้นตอของปัญหาอยู่ที่ไหน?”

‘เนี่ยหลี’กวาดสายตามองม้วนคาถาทั้งสอง แน่นอนว่ามันพบปัญหาแล้ว

‘เนี่ยหลี’ใช้เวลาในชาติก่อนอยู่ในห้วงมิติของหนังสือภูติห้วงกาลลี้ลับ ความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับลายอาคมคาถาของ’เนี่ยหลี’นั้นบรรลุถึงจุดสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นม้วนคาถาธาตุใด สำหรับมันแล้วล้วนง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ การชี้จุดผิดพลาดของม้วนคาถาระดับสำริดนั้นไม่ได้สร้างความยากลำบากแก่มันแม้แต่น้อย

“แม้คณาจารย์ไม่อาจบ่งชี้ต้นตอของปัญหาในม้วนคาถาทั้งสองได้ ท่านไม่ได้ถามบิดาของท่านหรือ?”

‘เนี่ยหลี’ถามพลางมองหน้า’เหย่จื่อหวิน’

ในดวงตาสีม่วงนั้นทอประกายแห่งความเสียใจออกวูบหนึ่ง

‘เนี่ยหลี’นึกรู้โดยพลัน ‘เหย่จื่อหวิน’เองไม่มีมารดาตั้งแต่แรกคลอด ส่วนบิดาของนางคือจ้าวนครคนปัจจุบันผู้ยุ่งวุ่นวายจนหัวหมุน ปู่ของนางคือจอมภูติในตำนานผู้จำต้องนำเหล่าบริวารบุกเบิกเทือกเขาบูรพชน ชิงกำจัดสิ่งคุกคามต่อนคร ดังนั้น’เหย่จื่อหวิน’จึงไม่เหลือใครให้ถามไถ่อีก

คิดได้ดังนั้น ‘เนี่ยหลี’สงสาร’เหย่จื่อหวิน’ยิ่ง กล่าวว่า

“ต่อไปหากมีปัญหาใด ท่านก็มาพบข้าที่นี่เวลานี้เถอะ!”

กล่าวจบ ‘เนี่ยหลี’ก็หันมองม้วนอาคมทั้งสองก่อนชี้ไปยังม้วนอาคมใบแรก กล่าวว่า

“ม้วนอาคมนี้คืออาคมสายลมหิมะ <<ลมหิมะดังมีดดาบ>> (เฟิงเสวียหรูเตา) ลายอาคมไม่มีอันใดผิดพลาด ปัญหาคือตัวม้วนคาถา”

“ม้วนคาถา?”

‘เหย่จื่อหวิน’ตื่นตะลึง

“ถูกต้อง นี่เป็นม้วนคาถาปลอมที่จัดทำโดยยอดฝีมือด้านนี้ หากผู้ซื้อไม่มีสายตาคมกล้าพอ ม้วนคาถานี้นับว่าแนบเนียนยิ่ง”

‘เนี่ยหลี’กล่าวกลั้วหัวเราะ

“ลมหิมะดั่งมีดดาบ อาคมนี้เดิมต้องใช้โลหิตของหนอนวิญญาณลมหิมะ(ฟงเสวียหลิงฉง) เลือดของมันมีสีเทาเงิน หาใช่สีแดงเงินประกายเช่นนี้ไม่ ข้าคิดว่าม้วนคาถานี้ใช้โลหิตของตัวอ่อนหนอนวิญญาณลมหิมะเสียมากกว่า เลือดของตัวอ่อนนั้นไม่มีพลังมากพอ นั่นทำให้ << ลมหิมะดังมีดดาบ>> ม้วนนี้ไม่อาจใช้งานได้”

หนอนวิญญาณลมหิมะมีโลหิตสีเทาเงินเมื่อเป็นตัวเต็มวัย ขณะที่ตัวอ่อนมีเลือดสีแดงเจือเงินประกาน ‘เหย่จื่อหวิน’ไม่คิดมาก่อนว่าปัญหาเกิดจากสิ่งนี้เอง นางนำม้วนอาคมนี้สอบถามคณาจารย์ทั้งสำนัก แม้แต่รองเจ้าสำนักเอง แต่ไม่มีผู้ใดเลยทราบว่าคำตอบของปัญหานี้อยู่ที่ใด เนื่องจากลายเส้นอาคมนี้ถูกต้องทุกประการ

ความสงสัยนี้ซ่อนอยู่ในใจของนางมาเป็นเวลานาน จวบกระทั่งวันนี้เองที่ความลี้ลับนี้ถูกไขออก

นั่นหมายความว่านางผิดพลาดแล้ว ลายอาคมไม่มีปัญหา นางจะหาตำหนิจากสิ่งดีพร้อมได้อย่างไร?

ปัญหาเช่นนี้ ‘เนี่ยหลี’กลับบอกได้ด้วยการมองเพียงแวบเดียว คนผู้หนึ่งต้องกอปรด้วยความรู้ลึกล้ำเพียงใดจึงบรรลุถึงระดับนี้? นี่หมายความว่าองค์ความรู้ของคณาจารย์และรองเจ้าสำนักด้อยกว่าคนแซ่เนี่ยผู้นี้หรือ?

‘เหย่จื่อหวิน’ยอมรับ’เนี่ยหลี’จากก้นบึ้งของหัวใจ นางลดทีท่าระแวดระวังลง

“เมื่อมีความรู้ในระดับนี้ นิสัยของมันคงไม่ย่ำแย่นักหรอกกระมัง?”

“เช่นนั้นม้วนนี้เล่า?”

‘เหย่จื่อหวิน’ชี้นิ้วไปยังม้วนคาถาม้วนที่สอง ขณะชี้ นางเหลือบมองเนี่ยหลีอีกครั้ง เด็กชายสูงกว่านางเล็กน้อย ใบหน้าคมสัน คิ้วเรียว ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า มันพอจะมีดีที่หน้าตาอยู่บ้าง

ก่อนนี้ ‘เนี่ยหลี’แทบไร้ตัวตนในชั้นเรียน กระทั่งวันนี้เองที่’เหย่จื่อหวิน’พอจะมองเห็นธาตุแท้ของมันอยู่บ้าง ในใจนางเห็นว่าเด็กผู้นี้ควรค่าแก่การคบหาอยู่

“ลายอาคมนี้คืออาคม <<ลมหนาวหิมะพลัน>> (หลิ่นเฟิงโจ่วเสวีย) ลมหนาวหิมะพลันแต่เดิมเป็นอาคมชั้นเงินขาว แต่เมื่อผ่านพ้นยุคมืดมา อาคมนี้ไม่ได้รับการสืบทอดอย่างครบถ้วน ดังนั้นผู้คนพยายามทำการแก้ไข และทำให้อาคมนี้ลดระดับเหลือเพียงชั้นสำริด”

‘เนี่ยหลี’กล่าว

‘เหย่จื่อหวิน’งงงวย นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามีเรื่องราวเช่นนี้ เป็นตำราเล่มไหนที่บันทึกไว้? ใยนางไม่เคยพบเห็นมาก่อน?

‘เนี่ยหลี’กล่าวต่อว่า

“นอกจากจะลดระดับของอาคมเหลือเพียงสำริดแล้ว การแก้ไขลมหนาวหิมะพลันนี้ยังทำให้เกิดปัญหาในเชิงโครงสร้าง นั่นทำให้อาคมนี้เกิดอาการด้านอยู่บ่อยครั้ง แก้ไขเพียงเล็กน้อยก็จะสามารถใช้งานได้ดังเดิม”

“แก้ไขโครงสร้าง? ท่านทำได้อย่างไร?”

ดวงตาของ’เหย่จื่อหวิน’เต็มไปด้วยความสงสัยใจ แม้แต่ท่านปู่ของนางเองยังไม่บังอาจยุ่งวุ่นวายกับโครงสร้างของคาถา อาคมบทหนึ่งเมื่อผ่านการสืบทอดจากโบราณกาล ย่อมต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แล้ว แม้ว่าท่านปู่ของนางจะเป็นจอมภูติชั้นตำนานผู้สามารถรังสรรค์อาคมของตนได้ การแก้ไขอาคมที่มีมายังคงเป็นสิ่งยากลำบากยิ่ง

“มีพู่กันหรือไม่?”

‘เนี่ยหลี’ถาม’เหย่จื่อหวิน’

‘เหย่จื่อหวิน’ขยับมือขวา เสกพู่กันเขาเงินออกจากแหวนมิติ พู่กันนี้ทำจากเขาของแพะมีเขาเอง

ขณะ’เนี่ยหลี’เอื้อมไปรับพู่กันจากมือของนาง ปลายนิ้วของเด็กชายกระทบถูกฝ่ามือของนางโดยบังเอิญ การสัมผัสแผ่วเบานี้ทำให้หัวใจนางเต้นระรัว

‘เหย่จื่อหวิน’ดึงมือกลับโดยพลัน เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่ตื่นตระหนกจ้องมอง’เนี่ยหลี’ นางเห็นว่า’เนี่ยหลี’ฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้ แต่ที่นางพบคือ’เนี่ยหลี’นั้นถือพู่กันด้วยท่าที่จริงจัง

นางอาจคิดมากไปเอง แต่การสัมผัสเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกประหลาด  ‘เนี่ยหลี’ตวัดวาดลายเส้นบนกระดาษ ลวดลายอาคมที่ดูสมบูรณ์ยิ่งกว่าลมหนาวหิมะพลันฉบับเดิมก็ปรากฏขึ้น ลายเส้นนั้นลงน้ำหนักอย่างสมบูรณ์แบบ ประหนึ่งภาพพิมพ์

‘เนี่ยหลี’จัดการวาดอาคมที่ซับซ้อนด้วยลายเส้นที่ดูสับสนไม่กี่ลาย ความสามารถที่ตื่นตะลึงเช่นนี้สะท้อนใจนางยิ่ง ลมหนาวหิมะพลันฉบับแก้ไขดูซับซ้อนและเข้าใจยากยิ่งกว่าเดิม ‘เหย่จื่อหวิน’มองไม่ออกเลยแม้แต่น้อย

“นี่คืออาคมลมหนาวหิมะพลันฉบับสมบูรณ์”

‘เนี่ยหลี’กล่าวพลางมอง’เหย่จื่อหวิน’

“นี่เป็นคาถาระดับเงินขาว”

‘เหย่จื่อหวิน’เพ่งมองม้วนอาคมลมหนาวหิมะพลัน สองคิ้วขมวดมุ่น ลมหนาวหิมะพลันฉบับดัดแปลงโดย’เนี่ยหลี’ดูซับซ้อนขึ้นเป็นเท่าตัว ตัวนางขณะนี้บอกไม่ได้ว่าลายอาคมนี้ทรงอำนาจเพียงไหน หากไม่มีผู้สร้างมันออกมาเป็นม้วนอาคม

นางไม่เคยเห็นลายอาคมเช่นนี้มาก่อน

“ลายอาคมนี้ประกอบด้วยสามสิบหกรูปแบบพื้นฐาน”

‘เนี่ยหลี’อธิบาย

“นี่คือลักษณะที่เสถียรที่สุด ก่อนหน้านี้ยังขาดความเสถียรอยู่บ้าง”

‘เหย่จื่อหวิน’อุทานดังอา นางไม่ป้อนคำถามต่อ เพียงซุกเก็บม้วนคาถาทีถูกแก้ไขโดย’เนี่ยหลี’ไว้ เตรียมมอบให้ผู้คนจัดสร้างขึ้นเป็นม้วนคาถาเพื่อทดสอบว่าเป็นเช่นที่’เนี่ยหลี’กล่าวจริงหรือไม่

‘เหย่จื่อหวิน’สอบถามเพิ่มเติมในปัญหาเกี่ยวกับลายอาคมสายลมหิมะ รวมไปถึงวิธีการสั่งสมพลัง คำตอบของ’เนี่ยหลี’นั้นสงบและลื่นไหล ภายใต้การชี้แนะของมัน ‘เหย่จื่อหวิน’คลายความสงสัยในตัวของ’เนี่ยหลี’ ยอมรับมันยิ่งกว่าเดิม ต้องใช้เวลาทุ่มเทลงไปเพียงไหนจึงจะมีความรู้ลึกล้ำเช่นนี้?

“ขอบคุณที่สหายร่วมชั้นแซ่เนี่ยช่วยเหลือ อย่าลืมสัญญาวันพรุ่งนี้ ไม่พบไม่เลิกรา”

‘เหย่จื่อหวิน’ยิ้มให้มันด้วยรอยยิ้มประหนึ่งมุกกลมเม็ดงาม รอยยิ้มสดใสเช่นนี้เองกระชากขวัญของ’เนี่ยหลี’ชั่วครู่ ‘เหย่จื่อหวิน’โบกมืออำลา ภาพนางจากเบื้องหลังนั้นช่างเย้ายวนและสง่างาม

‘เนี่ยหลี’อารมณ์ดีขึ้นกะทันหัน มันพึงพอใจที่ได้สนทนากับ’เหย่จื่อหวิน’ยิ่ง

ขณะที่’เนี่ยหลี’กำลังจะเดินออกไปนั้นเอง มือเล็กๆข้างหนึ่งพลันกระชากคอเสื้อของมัน

“เจ้า”

‘เนี่ยหลี’กวาดสายตามอง ท่าทีเคร่งเครียดลง เจ้าของมือนั้นคือ’เสิ่นเยว่’เอง มือขวาของ’เสิ่นเยว่’จับคอเสื้อของ’เนี่ยหลี’ไว้ มันถลึงตามอง’เนี่ยหลี’อย่างดุดัน

“เหย่จื่อหวินพูดอะไรกับเจ้า?”

“ปล่อยมือ หาไม่เราจะได้เห็นดีกัน”

‘เนี่ยหลี’ตอบเสียงเย็น

“เฮอะๆ เห็นดี? ข้า? เนี่ยหลี เจ้าประเมินตัวเองสูงไปแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? คิดว่าตัวเจ้าสูงส่งเพียงเพราะรู้อาคมเพียงนิดหน่อยหรือ? เจ้ามันเป็นตัวต่ำต้อย! ไอ้ลูกหมาบัดซบ! ถอยห่างจากเหย่จื่อหวินเสีย หาไม่เจ้าจะพบว่าคำมีชีวิตอยู่มิสู้ตายเป็นอย่างไร!”

‘เสิ่นเยว่’ข่มขู่

‘ตู้เจ๋อ’ ‘ลู่เปียว’และพวกทั้งสามเห็นดังนั้นก็พุ่งเข้ามา ขณะเดียวกันสมุนหกเจ็ดคนของ’เสิ่นเยว่’ก็ตั้งท่า สายตาจ้องมองพวก’ตู้เจ๋อ’อย่างดุดัน จิตคุกคามเปล่งออกไม่ปิดบัง

นักเรียนในหอสมุดคนอื่นๆเห็นเช่นนี้ก็เริ่มถอยห่าง เกรงจะโดนลูกหลงไปด้วย

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ฟังว่าเสิ่นเยว่กับเนี่ยหลีทะเลาะกันเรื่องเทพธิดาแซ่เหย่ พวกมันกำลังจะตีกันแล้ว”

“เนี่ยหลีเป็นใครถึงกล้าท้าทายเสิ่นเยว่จากสกุลเทพศักดิ์สิทธิ์!”

“เนี่ยหลีเสียสติแล้ว ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง เสิ่นเยว่กำลังจะบรรลุสำริดหนึ่งดารา เนี่ยหลีจะทำอะไรมันได้?”

ในสายตาของ’เสิ่นเยว่’ ด้วยความแข็งแกร่งของมัน รับมือกับ’เนี่ยหลี’เป็นเรื่องง่ายราวพลิกฝ่ามือ ด้วยกำลังเพียงหนึ่งในสิบส่วนก็เพียงพอจะสะกด’เนี่ยหลี’ลงแล้ว

‘เนี่ยหลี’มอง’เสิ่นเยว่’ผู้ผยองด้วยสายตาเหยียดหยัน ในสายตาของมัน ‘เสิ่นเยว่’เป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง มันไม่เป็นว่า’เสิ่นเยว่’เป็นสิ่งคุกคามแม้แต่น้อย

“แม้แต่ตระกูลเทพศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ายังได้แต่เล่นสนุกกับข้า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร?”

แม้ว่าในเชิงของความแข็งแกร่งทางร่างกายและพลังวิญญาณนั้น ‘เนี่ยหลี’ด้อยกว่า’เสิ่นเยว่’ช่วงใหญ่ อย่างไรเสีย’เสิ่นเยว่’เพิ่งจะได้ฝึกฝนพลังเทพวิถีฟ้าเพียงสองวันเท่านั้นเอง หากแต่ในสายตาของ’เนี่ยหลี’ วิธีใช้พลังของเสิ่นเยว่นั้นไร้ความแยบคายโดยสิ้นเชิง ประหนึ่งมนุษย์ถ้ำตนหนึ่ง

“แม้ข้าจะมีความแข็งแกร่งแค่สามสิบแปดจุด พลังวิญญาณเพียงสามสิบสอง แต่ให้จัดการเจ้าจนหมอบนั้นเหลือเฟือนัก”

“เจ้าคิดว่ามีสกุลเทพศักดิ์สิทธิ์หนุนหลังแล้วสามารถกระทำตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ? ถือครองเวิ้งวิญญาณเขียวแล้วนับเป็นอัจฉริยะหรือ? เจ้ายังอ่อนเชิงนัก!”

‘เนี่ยหลี’คว้าข้อมือของ’เสิ่นเยว่’ กดนิ้วกลางลงไปบนข้อมือ ส่งแรงออกจากนิ้วกลางไปยังข้อมือเพื่อคลายการจับของ’เสิ่นเยว่’ช้าๆ

‘เสิ่นเยว่’ตื่นตะลึงเมื่อพบว่า’เนี่ยหลี’คว้าข้อมือของมันไว้ แขนทั้งข้างพลันรู้สึกชาด้าน ทั้งไร้เรี่ยวแรง ไม่ว่าจะพยายามใช้พลังเพียงใด มือของมันยังมิอาจต้านแรงของ’เนี่ยหลี’ได้

มือของ’เนี่ยหลี’ทรงพลังประหนึ่งคีมเหล็ก บีบรัดลงไปบนมือของ’เสิ่นเยว่’ ความเจ็บปวดสุดทนทานที่เกิดขึ้นทำให้ใบหน้าของ’เสิ่นเยว่’บิดเบี้ยว

“มันทำได้อย่างไร? ความแข็งแกร่งของข้าเหนือกว่ามันอย่างเห็นได้ชัด ไยข้ามิอาจต่อต้าน?”

ในความเห็นของ’เสิ่นเยว่’ ‘เนี่ยหลี’เป็นเพียงมดปลวกชนชั้นต่ำตัวหนึ่ง ไร้เวิ้งวิญญาณระดับสูง ทั้งอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงถือมีดฆ่าไก่ ในขณะที่มันเป็นถึงอัจฉริยะผู้ถือครองเวิ้งวิญญาณเขียว ทั้งได้รับการบำเพ็ญเพียรควบคู่กับยาวิเศษแต่วัยเยาว์ พลังของมันควรจะเหนือกว่าเพื่อนร่วมรุ่นในทุกด้าน

แต่ในการประมือเพียงชั่วครู่ มันกลับไม่อาจล้ม’เนี่ยหลี’ลงได้

ตัวบัดซบผู้นี้ใช้ทักษะภูตผีอันใดกัน?!

‘เนี่ยหลี’แค่นเสียงเบาๆ แม้พลังของมันไม่อาจเพิ่มขึ้นกว่านี้ได้อีก ทักษะควบคุมพลังของ’เนี่ยหลี’ย่อมเหนือกว่า’เสิ่นเยว่’อย่างชัดแจ้ง เด็กชายใช้ปลายนิ้วส่งพลังลงบนจุดชีพจรที่ข้อมือของ’เสิ่นเยว่’ ทำให้แขนของเด็กชายนั้นไร้เรี่ยวแรงลงโดนพลัน

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments