I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 24 ออกเดินทาง

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 5381 | 2534 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ในขณะเดียวกัน ‘ตูเซอ’และ ‘ลูเปียว’และคนอื่น ที่รีบมาก็มาถึง

“เสิ่น เหย่ เจ้ามันน่ารังเกียจเกินไปแล้ว เจ้าใช้คนตั้ง 6 คน รุมเนียหลี่คนเดียว ช่างไม่มีความยุติธรรมเอาซะเลย”

‘ตูเซอ’รู้สึกว่าไม่มีความยุติธรรมเอาซะเลย แต่เห็น’เนี่ยหลี’ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเขาจึงหยุดพูด แม้ว่า’เนี่ยหลี่’จะแกล้งทำตัวให้อยู่ในสภาพอนาจ แต่ความเป็นจริง’เนี่ยหลี่’นั้นไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย เหล่าเด็กนักเรียนต่างก็วิพากษ์วิจารณ์การกระทำของ’เสิ่นเหย่’

“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ! “

‘เสิ่นเหย่’ รู้สึกสับสนและคับแค้นใจมาก ไม่สามารถจะอธิบายเป็นคำพูดได้เลย

เมื่อ’ลูเปียว’และพวกเห็น’เนี่ยหลี่’แล้วก็พลันเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างโดยไม่ต้องบอก

“ถึงขนาดนี้แล้วแกยังกล้าปฏิสธอีกงั้นรึ? ดูสิเนี่ยหลี่มีบาดแผลเต็มตัวไปหมดแล้ว นี่ไม่ใช้เพราะพวกเจ้ารุมกระทืบเขายังงั้นรึ?เจ้ากล้าสาบานมัยหล่ะว่า เหตการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ มิใช่เจ้าหรอกรึที่สั่งให้คนของเจ้าเข้าไปทำร้ายเนี่ยหลี่ ทุกคนในที่นี้ต่างได้ยินและเห็นสิ่งที่เจ้าทำ”

‘ลูเปี่ยว’คำราม

“ฉันไม่ได้บอกไปอย่างนั้น,แต่จริงๆแล้ว..”

‘เสิ่นเหย่’กำลังที่จะหาข้อแก้ตัว ‘เสียวหนิงเอ๋อ’และ’เย๋จื้ออวิ๋น’นั้น มอง’เสิ่นเหย่’ด้วยท่าทางรังเกียจ อันที่จริงแล้วเขาพยายาจะทำลาย’เนี่ยหลี่’ในโรงเรียนอย่างนั้นรึ? มันเป็นเรื่องที่อุกอาจเกินไปแล้ว ยิ่งเมื่อเห็นภาพจริงๆทั้งสองก็เชื่อในสิ่งที่เห็นเลยทีเดียว

สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริงแล้วยังไงล่ะ เขาจะแก้ตัวได้ยังไง ที่เขาสั่งให้พรรคพวกรุม’เนี่ยหลี่’จนตายเป็นเพียงคำพูดลวกๆก็เท่านั้น การฆ่าคนในสถานศึกษารึ? ถ้ามันเป็นเรื่องจริงแม้แต่ครอบครอบเทพศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็มิอาจช่วยอะไรได้

แต่สำหรับคนอื่นที่ได้ยินคำพูดนั้นแล้ว คงจะเข้าใจในความหมายที่ต่างกัน

“เย่ เซิ่ง รองอาจารย์ใหญ่มาแล้ว”

“ชิ เนี่ยหลี่ วันนี้ข้าพ่ายแก่เจ้า แต่แกล้างคอไว้ได้เลยข้าจะให้แกได้ชดใช้อย่างสาสม”

‘เสิ่นเหย่’ปัดมือไปมา และเดินไปพร้อมกับพวกของเขา

“เนี่ยหลี่ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ใหม”

‘เสียวหนิงเอ๋อ’ แสดงใบหน้าเป็นกังวลและกำมือไปที่แขนของ’เนี่ยหลี่’

“ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เจ็บเล็กน้อยไม่มีอะไรรุนแรง ดีที่พวกเจ้ามาก่อน”

‘เนี่ยหลี่’ยิ้มและมองไปที่’เซียวหนิงเอ๋’ และ ‘เย่จื้ออวิ๋น’

หลังจาที่’เซียวหนิงเอ๋’ได้ฝึกเทคนิคเพาะพลังแบบใหม่ ทำให้ผิวพรรณของเธอเป็นที่น่ามองยิ่งนัก เมื่อเปรียบกับที่ผ่านมาช่างมีเสน่ห์ช่างจะพรรณายิ่งนัก ส่วน’เย่จื้ออวิ๋น’ ก็เช่นกันช่างสวยงามไม่แพ้กันช่างน่าดึงดูดใจอย่างยิ่ง

สองความงามที่อยู่ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ช่างน่าอิจฉาอย่างยิ่ง เห็นความกังวลของ’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ที่มีต่อ’เนี่ยหลี่’แล้ว ‘เย่จื้ออวิ๋น’ก็รู้สึกแปลกๆอยู่เหมือนกัน

“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

‘เย่จื้ออวิ๋น’ยิ่มเบาๆ

หลังจากเห็นฉากที่’เนี่ยหลี่’อยู่ใกล้ๆกับเทพธิดาทั้งสอง ทำให้เด็กชายรอบๆสงบใจไม่ได้เลย ทุกคนต่างไม่เข้าใจว่า’เนี่ยหลี่’ใช้วิธีอย่างเช่นอะไรกัน ส่วนสาวๆที่อยู่รอบๆ ก็เริ่มเห็นว่า’เนี่ยหลี่’เองหน้าต่าก็ดูค่อนข้างหล่อเหลาอยู่เหมือนกัน ทำให้ทุกคนต่างจ้องมายังพวกเขา

เด็กชายบางคนเริ่มที่จะไม่ชอบ’เนี่ยหลี่’ ที่บังอาจมาแย่งเทพธิดาของพวกเขา แถมยังเอาไปทั้งสองคนอีกด้วย นั่นล่ะคือสิ่งที่พวกเขาทนไม่ได้ แม้ก่อนหน้านี้พวกเขาจะรู้สึกสงสาร’เนี่ยหลี่’ที่โดน’เสิ่นเหย่’รังแกอยู่ก็ตาม เมื่อมาเห็นฉากดังกล่าวทำให้ความรู้สึกก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นเกลียดชังแทนนั่นเอง

เมื่อเห็นความงามของ ‘เย่จื้ออวิ๋น’ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ’เนี่ยหลี่’แล้ว ‘เสียวหนิงเอ๋อ’ เธอก็รู้สึกะวนกระวายใจยังไงไม่รู้ เธอเองรู้ดีว่า’เนี่ยหลี่’นั้นมีใจให้’เย่จื้ออวิ๋น’ แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า ในเมื่อ’เนี่ยหลี่’ตอนนี้ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในใจของเธอเรียบร้อยแล้ว เธอคิดแค่ว่าจะคอยอยู่เคียงข้าง’เนี่ยหลี่’รอจนกว่าเขาจะหันกลับมามองเธอบ้างก็เท่านั้นเอง แต่เธอไม่รู้เลยว่า’เนี่ยหลี่’กับ ‘เย่จื้ออวิ๋น’นั้นมีความสัมพันธ์ต่อกันไม่ธรรมดาตั้งแต่ชาติก่อนนี้

“เนี่ยหลี่ฉันจะพาคุณไปยังห้องเรียนเองนะ ฉันได้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้เธอด้วยล่ะ”

‘เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ พูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนพร้อมนำมือไปประคองแขนของ’เนี่ยหลี่’ ซึ่งทำให้ปทุมถันของเธอนั้นไปสัมผัสกับแขนของเนี่ยหลี่เบาๆ

ความรู้สึกนุ่มนวล และเสน่ห์ของ’เสียวหนิงเอ๋อ’ทำให้’เนี่ยหลี่’ขวยเขิน และมองไปยัง’เย่จื้ออวิ๋น’

“จื้ออวิ๋น, ฉัน..”

“ในเมื่อปัญหาต่างๆได้รับการแก้ไขแล้ว ฉันคงต้องไปแล้ว”

‘เย่จื้ออวิ๋น’ แกล้งทำทีว่าเธอไม่ได้สนใจอะไรเลย พร้อมหมุนตัว และเดินจากมา นอกจากนี้เธอก็ไม่สามารถบอกได้ว่าทำใมเธอถึงรู้สึกแปลกๆ เธอไม่ได้มีความรู้สึกใดๆกับ’เนี่ยหลี่’นี่นา แต่ทำใมเธอถึงรู้สึกอึดอัดใจเมื่อเห็นเขากับ’เซียวหนิงเอ๋อ’อยู่ด้วยกัน ด้วยล่ะ

“มันไม่ใช่ธุระกงการของฉันด้วยนิ”

‘เย่จื้ออวิ๋น’พึมพำในใจ ‘เนี่ยหลี่’และ’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ทำสิ่งที่ต้องการได้เลย

‘ตูเซอ’ และ’ลูเปียว’ ยิ้มอย่างมีเลิศนัยพร้อมกับยกนิ้วให้กับ’เนี่ยหลี่’ เจ้านีช่างมีความสามารถจริงๆ สามารถทำให้สนิทสนมกับเทพธิดาทั้งสองได้ แม้ว่า’เย่จื้ออวิ๋น’จะไม่ได้มีปฏิกิริยามากมายเท่าไหร่ แต่เมื่อ’เนี่ยหลี่’กำลังพ่ายแพ้ให้กับลูกน้องของ’เสิ่นเหย่’ ดูเหมือนว่าเธอเองก็รู้สึกห่วง’เนี่ยหลี่’อยู่เป็นพิเศษเหมือนกัน

และห่างออกมาจากฝูงชนใบหน้าของ ‘เสิ่น เฟย’ ช่างดูมืดมนน่ากลัวยิ่งนัก เมื่อเขานั้นเห็น’เสียวหนิงเอ๋อ’ช่วยพยุง’เนี่ยหลี่’ออกไปช้าๆ

“แกกล้าที่จะต่อต้านครอบครัวเทพศักดิ์สิทธิและยังบังอาจมายุ่งกับผู้หญิงของฉันอีก เจ้าต้องมีชีวิตที่ไม่ดีแน่ “

เขากำมัดหมัดแน่น จนได้ยินเสียงหมัด เขาเป็นพี่ชายคนโตของ ‘เสิ่นเหย่’ และบรรลุถึงระดับเงินแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นเขาเป็นนักเรียนในห้องเรียนอัจริยะอีกด้วย แม้อย่างนั้นเขาก็มองไปยัง’เนี่ยหลี่’ไม่วางตาเลยทีเดียว

จากเหตการณ์หลายอย่างที่ผ่านมานั้น,’เนี่ยหลี่’นั้นนับว่าเป็นศัตรูของครอบครับเทพศักดิ์เรียบร้อยแล้ว

หลังจากกลับมายังห้องเรียน ‘เนี่ยหลี่’พยายามคืนเงินให้แก่’เสียวหนิงเอ๋อ’ จำนวน 1,000,000 เหรียญจิตมาร แม้’เสียวหนิงเอ๋อ’จะไม่ต้องการก็ตาม สำหรับตอนนี้นั้นเข้านั้นมีกำไรมากมายจากการขายหญ้าหมอกม่วง และยังมีเก็บอีกหลายร้อยหลายพันจินเลยทีเดียว แม้ราคาจะลดลงมาบ้างเหลือแค่ จินล่ะ 200 เหรียญจิตมารก็ตาม แต่ภายใน 3 ปีนี้ ความต้องการหญ้าหมอกม่วงยังมีไม่ขาดอยู่ดี

‘เนี่ยหลี่’ตอนนี้นั้นเป็นที่สนใจในหัวข้อการพูดคุยกันที่สถานศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ต่อต้านครอบครัวเทพศักดิ์ หรือความสัมพันธ์อันคลุมเคลือกับเทพธิดาทั้งสอง ทำให้ทุกคนต่างมุ่งที่จะหาคำตอบดังกล่าว แม้แต่ในหมู่นักเรียนหญิงก็เริ่มมีคนเขียนจดหมายรักส่งมายังเขาด้วย ถึงแม้จะเป็นเรื่องไม่งามที่จะส่งจดหมายให้ผู้ชายก่อนก็ตาม

‘เนี่ยหลี่’ในชีวิตก่อนของเขานั้นไม่มีใครให้ความสนใจใดๆกับเขาเลย เขามีสภาพไม่มีตัวตนในโรงเรียนเลยทีเดียว เขาไม่คิดเลยว่าชาตินี้ของเขาจะมีคนสนใจเขามากอย่างนี้

เขาได้จัดการทำลายจดหมายรักทั้งหมดที่ส่งมากหาเขา,ตั้งแต่เขาได้เกิดใหม่นี้ หัวใจของเขาก็เป็นของ’เย่จื้อหวิ๋น’คนเดียว หญิงคนอื่นๆนั้นสามารถเทียบได้กับ’เย่จื้อหวิ๋น’ได้รึ? หลังจากผ่่านประสบการณ์ที่ลำบากและเฉียดตายมาหลายอย่างในชาติที่แล้วเขายังยึดมั่นอยู่เช่นเดิม สำหรับ’เสียวหนิงเอ๋อ’นั้น สำหรับเขาเธอเป็นเพื่อนที่ดีของเขาเท่านั้น

ด้วยการบำเพ็รอย่างต่อเนื้อด้วย[เทคนิคเทพวิถีฟ้า] เขตแดนวิญญาณของ’เนี่ยหลี่’ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เชื่อว่าเวลา 2 เดือนนั้นเป็นเวลาที่มากเกินพอเลยทีเดียว

ทุกคืนนั้น’เนี่ยหลี่’จะใช้ยารวมวิญญาณ และยาบำรุงวิญญาณ พร้อมทั้งลงไปแช่ในในน้ำยาหมอกม่วง ซึ่งทำให้การบำเพ็รของเขารวดและพัฒนาจนน่ากลัวเลยทีเดียว

นอกจากจะบำเพ็ญเพียรแล้วเขายังฝึกความแข็งแกร่งทางกายภาพด้วย เพื่อเสริมแข็งแกร่งทางร่างกายเขา แม้ว่าการฝึกเสริมพลังวิญญาณจะเป็นการเสริมร่างกายอยู่แล้วก็ตาม แต่การฝึกร่างกายก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่นั่นเอง เมื่อไปถึงระดับเงินได้แล้ว จะสามารถรวมร่างทรงกับจิตวิญณาญสัตว์ปิศาจได้

ความแข็งแกร่งของร่างกายจึงมีส่วนในการเพิ่มประสิทธิภาพของจิตวิญญาณ สัตว์ปิศาจ เนื่องจากเมื่อรวมร่างกับ จิตวิญญาณปิศาจจะช่วงเพิ่มขอบเขตของจิตวิญญาณได้ หากร่างกายอ่อนแออาจทำพลังที่มีมากเกินไประเบิดออกมาก็ได้

แม้ว่าจิตวิญญาณ สัตว์ปิศาจ จะมีมากมายหลากหลาย ที่จะเลือกในการรวมร่าง เมื่อถึงระดับเงินนั้นแล้วร่างกายไม่พร้อม อาจทำให้ไม่สามารถรวมร่างกับ จิตวิญญาณ สัตว์ปิศาจได้ก็เป็นได้

‘เนี่ยหลี่’ จึงต้องการที่จะวางรากฐานของเขาให้แข็งแกร่งในขณะนี้ การฝึกพลังโดยการวิ่ง,ปีนเขาและยกน้ำหนัก จึงเป็นสิ่งที่ดีในการฝึกร่างกาย

ในพริบตาก็ผ่านมาแล้ว 2 วัน พลังวิญญาณของ’เนี่ยหลี่’ในตอนนี้ก็เพิ่มมาถึง 76 แล้ว คาดว่าไม่อีกกี่วันเขาจะสามารถก้าวไปถึง 1 ดาวทองแดงได้

เช้าวันที่ 3

‘เฉิน หลินเจียน’ และพวกกำลังรวบรวมทุกคนในการเดินทางอยู่หน้าห้องสมุด

นอกจา’เฉินหลินเจียน’แล้ว ยังมี ‘เย่จื้ออวิ๋น’ และ’เสิ่นเหย่’อีกด้วย พวกเขานั้นรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่น่าแปลกใจเท่าใดนักที่จะร่วมกับคณะสำรวจซากโบราณเมืองกล้วยไม้

“เจ้าก็จะไปด้วยรึ?”

‘เย่จื้ออวิ๋น’ มองมายัง’เนี่ยหลี่’ด้วยความประหลาดใจ การผจญภัยนี้ถูกจัดขึ้นโดย’เฉิน หลินเจียน’ เขารู้จักกับ’เฉิน หลินเจียน’ตั้งแต่เมื่อไหร่? ‘เนี่ยหลี่’ช่างเป็นคนที่เกินความคาดหมายยิ่งนัก

“ใช่”

‘เนี่ยหลี่’พยักหน้าและยิ้ม

“แกรนหาที่ตายเองนะ,คงจะโทษคุณอื่นไม่ได้แล้วล่ะ!”

‘เสิ่นเหย่’พูดเบาๆด้วยใบหน้าที่โหดเหี้ยมพร้อมกับกระซิบบางอย่างกับลูกน้องของเขาคนหนึ่ง และลูกน้องคนนั้นก็ออกไปทันที ในเมื่อลูกน้องระดับทองแดงไม่สามารถจัดการ’เนี่ยหลี่’ได้ เห็นที่ต้องส่งคนที่มีฝึมือดีกว่านี้มา จากตระกูลของเขา

‘เนี่ยหลี่’เหลือบมองมายัง’เสิ่นเหย่’ทุกการกระทำของเขาอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด ‘เฉินหลินเจียน’ มองไปยังทุกคนพร้อมมองมาทาง’เนี่ยหลี่’ และพูดขึ้นว่า

“เอาล่ำ ! ดูเหมือนพวกเราจะมาพร้อมกันทุกคนแล้ว มันคงถึงเวลาที่พวกเราจะเดินทางแล้ว”

‘เฉินหลินเจียน’ได้รวบรวมคนมาจำนวน 28 คน เพื่อที่จะไปสำราจที่เมืองโบราณกล้วยไม้ ซึ่งไม่รวม’เสิ่นเหย่’,ลูกน้องอีก 7 คน ‘เนี่ยหลี่’และ’เย่จื้อหวิ๋น’ เรื่องที่มายังนครกล้วยไม้โบราณนี้’เนี่ยหลี่’ไม่ได้บอกต่อ’ตูเซอ’และ’ลูเปียว’ และพวกของเขา ซึ่งพวกเขากำลังบำเพ๊รเพียรอย่างหนักที่ห้องสมุดอยู่นั่นเอง และนครกล้วยไม้โบราณยังเป็นสถานที่อันตรายสำหรับพวกเขาอีกด้วย

ทั้งหมด 35 คนนั้นได้จัดเตรียมอาหาร หน้าไม้สำหรับล่าสัตว์ และอุปกรณ์ตั้งแคมป์มาด้วยนั้นเอง

การผจญภัยของพวกเขาในครั้งนี้ เป็นการแอบมากันเอง โดยได้แจ้งแค่ว่าพวกเขาออกมาฝึกวิชากันที่หุบเขาธรรมดานั่นเอง

ที่มาจาก

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments