I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 39 อัญมณีพิศวง

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 5223 | 2533 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘เอียจืออวิ้น’ดูเหมือนว่ากำลังรู้สึกเจ็บปวดด้วยอาการที่เธอขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อ’เนี้ยหลี่’มองดูเธอนั้นมีใบหน้าที่เข้ารูป เรือนร่างและผมที่แผ่สยายมาอยู่บนหัวไหลของเธอ ทั้งหมดนี้ต่างแผ่รังสีความงดงามของเธอออกมาแม้ว่าเธอกำลังทำสีหน้าเจ็บปวด แต่มันก็ยังไม่สามารถบอกถึงความรู้สึกทั้งหมดของเธอในตอนนี้ได้

ในขณะนี้ ‘เอียจืออวิ้น’สวมใส่อยู่เพียงผ้าที่คาดหน้าอกของเธอไว้เท่านั้น ชุดของเธอนั้นขาดวิ่นอย่างมาก เผยให้เห็นโคนขาอ่อนขาวๆ ของเธอ สิ่งเหล่านี้ล้วนเพิ่มความยั่วยวนในตัวเธอเข้าไปอีก

หลังจากเกิดใหม่ ‘เนี้ยหลี่’นั้นสามารถควบคุมจิตใจให้ไม่สนใจซึ่งแรงดึงดูดจากสิ่งต่างๆ ได้ อย่างไรก็ตาม ความงดงามของ’เอียจืออวิ้น’ทำให้เขาหายใจแรงขึ้น เมื่อใดก็ตามที่เขาได้เห็น’เอียจืออวิ้น’เขามักหวนรำลึกถึงช่วงเวลาที่เขาทั้งสองได้อาศัยอยู่ร่วมกันเมื่อชาติที่แล้วของเขา

ถึงแม้ว่าช่วงเวลาทีทั้งสองอยู่ด้วยกันนั้นช่างแสนสั้น แต่มันก็ได้ตราตรึงอยู่ในหัวใจของเขาตลอดมา มันเป็นช่วงเวลาที่ล้ำค่าที่สุดแล้วในชีวิตของเขา

มีเพียงแต่’เนี้ยหลี่’ที่รู้ว่า’เอียจืออวิ้น’จะงดงามเพียงใดในอีกไม่กี่ปีในภายภาคหน้านี้ เหมือนดอกบัวที่ตูมได้ที่และบานออก ทั้งงดงามและน่าหลงใหล ทั้งเหมือนกับดังนางฟ้าที่ร่วงลงมาจากสวรรค์ สูงส่งและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก

เมื่อถึงตอนนั้น ผู้คนที่ตกหลุมรักใน’เอียจืออวิ้น’จะมีมากมายจนนับไม่ถ้วน ผู้ชายมากมายพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อเธอ ‘เสวิ่นเอีย’ก็รวมอยู่ในนั้นด้วย ‘เสวิ่นเอีย’พยายามที่จะพาเธอออกจากเมืองกลอรี่นับครั้งไม่ถ้วน

เมื่อสงครามจวนใกล้จะมาถึง อย่างไรก็ตาม’เอียจืออวิ้น’ได้ปฏิเสธ เขาไม่มีทางเลือกจำใจต้องยอมแพ้ ‘เอียจืออวิ้น’กับเลือกปกป้องเมืองและได้เลือกคนธรรมดาอย่าง’เนี้ยหลี่’ และนั่นถือเป็นเกียรติสูงสูงสุดแล้วในชีวิตของเขา

หลังจากรักษาบาดแผลของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจเท่าใดนัก ‘เนี่ยหลี่’คลุมร่าง’เอียจืออวิ้น’ไว้ด้วยเสื้อผ้าของเขา เพราะเสื้อผ้าของเธอไม่สามารถใส่ได้อีกต่อไป

เขามีความอดทนที่จะรอคอยให้’เอียจืออวิ้น’ยอมรับในตัวเขา ปล่อยให้ตัวเธอค่อย ๆ เติบโตขึ้นไปพร้อมกับเขาดังเช่นเป็นมาในอดีต

‘เนี้ยหลี่’นั่งเอาขาไขว้กันไว้ทั้งสองข้าง นั่งลงข้าง’เอียจืออวิ้น’ ความรู้สึกลึกลับของเศษหน้ากระดาษของหนังสือจิตอสูรท่องเวลา ส่งผลต่อพลังวิญญาณซึ่งอยู่ในส่วนของวิญญาณเขานั้นค่อยๆ เพิ่มขึ้น

ถ้ามีโอกาสเขาต้องไปที่พระราชวังแห่งทะเลทรายอย่างแน่นอนเพื่อไปเอาหนังสือแห่งจิตอสูรท่องเวลามาให้ได้!

หลังจากเขาได้รับพลังจากแสงสีขาวนั้น ‘เนี้ยหลี่’รู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นบ้างเล็กน้อย

ในตอนนี้พลังวิญญาณของ’เนี้ยหลี่’นั้นได้มากกว่า 150แล้ว ‘เนี่ยหลี่’สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนจากส่วนของวิญญาณเขา ว่ามีเหล่าพลังงานอื่นอยู่อีก มันอยู่ภายในแสงที่ไกลออกไป มันเต็มไปด้วยพลังงานมากกว่าที่เขามีอยู่ในตอนนี้

อย่างไรก็ตามพลังเหล่านั้นยังคงอยู่ในส่วนที่ลึกมากภายในส่วนของวิญญาณของเขา โดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขานั้นจะสามารถนำพลังนั้นมาเป็นของตัวเองได้

‘เนี้ยหลี่’ค่อยเริ่มเคลื่อนพลังวิญญาณ พลังวิญญาณแผ่ออกมาคล้าย ๆ กับสสารที่ไหลเวียนรอบ ๆ ‘เนี้ยหลี่’

เมื่อ’เนี้ยหลี่’เริ่มดำดิ่งไปภายในจิตใจของเขา ‘เอียจืออวิ้น’ก็ได้ตื่นขึ้นเธอเริ่มสัมผัสไปที่ร่างกายส่วนต่าง ๆ ของเธอ และเธอก็รู้ว่าเธอนั้นไม่ได้สวมใส่เสื้อเลย ทันใดนั้นหน้าของเธอซีดเผือก

‘เนี่ยหลี่’เจ้าคนชั่ว เขาทำเกินไปแล้ว

ด้วยความรู้สึกว่าเธอยังคงสวมกระโปรงอยู่ หลังจากนั้นเธอรู้สึกโล่งใจอย่างไรก็ตาม เธอยังคงเต็มไปด้วยความอับอายและขุ่นเคืองในหัวใจของเธอ ตั้งแต่ยังเด็ก ร่างกายของเธอไม่เคยถูกเห็นจากเด็กผู้ชายคนไหนมาก่อน และ’เนี่ยหลี่’นั้นก็ได้ถอดเสื้อของเธอออกตอนเธอไม่ได้สติ

ความรู้สึกของเธอนั้นค่อนข้างยุ่งเหยิงเพราะเธอรู้ว่า’เนี้ยหลี่’ถอดเสื้อของเธอออกนั้นก็เพื่อที่จะรักษาบาดแผลของเธอ

อย่างไรก็ตาม’เอียจืออวิ้น’ก็ยอมรับมันไม่ได้ ‘เนี้ยหลี่’ต้องทำมันเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่างแน่นอน เธอยังคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขานั้นได้ทำอะไรกับเธอหรือไม่ตอนเธอนั้นไม่ได้สติยิ่งไปกว่านั้น เธอยังไม่สามารถเข้าใจเนี้ยหลี่ได้มากนัก ดังนั้นใจของเธอยังคงไม่ได้เปิดรับเขา

‘เนี้ยหลี่’ซึ่งในตอนนั้นนั่งอยู่ข้าง’เอียจืออวิ้น’ค่อยลืมตาขึ้นช้า ๆ ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า

“เจ้าตื่นแล้ว”

เมื่อเห็นสายตาของ’เนี้ยหลี่’ ทันใดนั้น’เอียจืออวิ้น’ตระหนักได้ว่าเธอยังคงไม่ได้สวมใส่เสื้อ เธอจับเสื้อคลุมของเนี้ยหลี่ไว้แน่นกับตัว และพูดด้วยเสียงกังวลว่า

“หันหลังไป! ข้าต้องการสวมเสื้อผ้าของตัวเอง”

‘เนี่ยหลี่’หันศรีษะของเขาไปทางอื่น แล้วยิ้ม

“เจ้าทำเหมือนกับว่าข้าไม่เคยได้เห็นมันมาก่อน”

เมื่อได้ยินคำพูดของ’เนี่ยหลี่’ หน้าของ’เอียจืออวิ้น’เป็นสีแดงระเรื่อ เธอมีความคิดถึงขั้นที่ว่าจะไม่สนใจภาพลักษณ์ของผู้หญิงเรียบร้อยอีกต่อไปและไปบดขยี้เนี้ยหลี่ให้รู้แล้วรู้รอด เธอรู้สักอับอายและไม่พอใจอย่างมาก เพราะเนี้ยหลี่พูดมันออกมาเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ก่อนหน้านี้เมื่อเนี้ยหลี่พูดถึงรอยสักรูปผีเสื้อบนร่างกายของเธอ เธอเริ่มสงสัย’เนี้ยหลี่’ว่าเขาเคยได้แอบดูเธอในขณะที่กำลังอาบน้ำ

‘เอียจืออวิ้น’รีบสวมเสื้อผ้าของตนอย่างเร่งรีบและพูดด้วยเสียงต่ำ ๆ ว่า

“เรียบร้อยแล้ว”

‘เนี้ยหลี่’หันหลังกลับมาและดวงตาเขาเป็นประกาย ‘เอียจืออวิ้น’ได้สวมใส่ชุดสีม่วง (น่าจะหยิบมาจากกระเป๋าต่างมิติของเธอ) ความงดงามของเธอนั้นช่างเลอค่ายิ่งนัก ‘เอียจืออวิ้น’นั้นงดงามไม่ว่าจะสวมชุดใดก็ตาม

เอียจืออวิ้นจ้องมองไปที่เนี้ยหลี่และรู้สึกเศร้าใจ เนี้ยหลี่เป็นคนที่ไม่มียางอายเลยมันทำให้เธอรู้สึกจนปัญญา’เอียจืออวิ้น’ก้มหัวเธอลงต่ำแล้วคิดชั่วครู่หลังจากนั้นเธอนั้นถาม’เนี้ยหลี่’

“เนี่ยหลี่เจ้าชอบข้าหรือไม่”

“ใช่แล้ว”

‘เนี่ยหลี่’ยิ้มเล็กน้อย เขายอมรับอย่างเปิดเผย

แม้ว่าเธอจะรู้เรื่องนี้ดีอยุ่แล้ว แต่เมื่อได้ยินมันจาก’เนี้ยหลี่’ หัวใจเอียจืออวิ้นเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย เธอสูดหายใจลึก ด้วยท่าทีจริงจังเธอพูดกับเนี้ยลีว่า

“เนี้ยหลี่ พวกเรายังเด็กนัก ใครจะรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า ไม่แน่ในอีกไม่กี่ปีเจ้าอาจจะพบคนอื่นที่เจ้าชอบอีกก็เป็นไป พวกเราควรสนใจในการเล่าเรียนเป็นอันดับแรก ด้วยการฝีกอย่างหนักนั้นพวกเราจักสามารถก้าวต่อไปบนเส้นทางของการฝึกผสานพลังได้ เจ้าควรฝึกฝนจนได้ระดับทองเสียก่อน และถ้าเจ้าสามารถทำได้และเมื่อนั้นเจ้ายังคงชอบข้าอยู่ ข้าตกลงที่จะเป็นผู้หญิงของเจ้า”

‘เอียจืออวิ้น’หน้าแดงระเรื่อ หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างอธิบายไม่ได้

เมื่อได้เห็น’เอียจืออวิ้น’ทำท่าเอียงอายและได้ฟังคำพูดของเธอ ‘เนี้ยหลี่’พบว่ามันช่างน่าขบขันยิ่งนัก ‘เนี้ยหลี่’มองที่’เอียจืออวิ้น’ด้วยความขบขัน เธอนั้นช่างเป็นเด็กที่ไม่รู้อะไรเสียเลย เขาทำดวงตาโตแกล้งทำเป็นเหมือนตื่นเต้นและพูดว่า

“เรื่องจริงรึ? นั่นวิเศษมาก การฝึกนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับข้า ถ้าข้าพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ข้าสามารถไปถึงระดับทองได้ในเพียงปีหน้านี้เท่านั้นแหละ! เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าห้ามกลับคำพูดของตัวเจ้าเองนะ!”

หลังจากพูดไปแบบนั้น เนี้ยหลี่เก็บหัวเราะไว้อยู่ภายใน

“ปีหน้านี่เหรอ”

‘เอียจืออวิ้น’เต็มไปด้วยความงุนงง ปีหน้านี้นั้นเร็วมากเกินไป และ’เนี้ยหลี่’สามารถที่จะถึงระดับทองได้ในปีหน้านี้เช่นนั้นหรอ? เธอมีสีหน้าตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในทันที

“ที่ข้าอยากจะบอกคือพวกเราจำเป็นต้องค่อย ๆ คิดถึงเรื่องนี้อย่างช้า ๆ”

ทันใด’เนี้ยหลี่’แสดงท่าทีเปลี่ยนไปและพูดว่า

“แม่นางเอียจืออวิ้นกำลังกลับคำพูดของท่านอยู่เหรอ?”

‘เนี้ยหลี่’ยักไหล่ และเปลี่ยนไปมีท่าทีอีกแบบพร้อมกับพูดว่า

“ข้ารู้แล้วว่า คำพูดที่คนในตระกูลชั้นสูงพูดนั้นเชื่อถือไม่ได้ ลืมมันไปเสียเถอะ มันไม่สำคัญหรอก”

เธอเห็นว่าในท่าทีผิดหวังของ’เนี้ยหลี่’นั้นมีความดูถูกได้ซ่อนไว้อยู่ ‘เอียจืออวิ้น’กัดปาดของเธอ และขบฟันของเธอพร้อมกับพูดว่า

“ข้อตกลงนั้นก็ยังคงมีอยู่!ถ้าเจ้าสามารถก้าวไปถึงระดับทองได้ เมื่อนั้นข้อตกลงก็จะมีผล”

เมื่อเห็น’เอียจืออวิ้น’แสดงออกถึงท่าทีเคร่งเครียด ที่มุมปากของ’เนี้ยหลี่’ค่อย ๆ ยกขึ้นเล็กน้อย เขารู้ว่า’เอียจืออวิ้น’นั้นไม่เคยกลับคำพูดของเธอ อย่างไรก็ตาม การหลอกล่อจนเธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าและคายไม่ออกนี้ มันจะมากเกินไปสำหรับเธอหรือไม่ ? แต่สิ่งสำคัญที่เขาสนใจนั้นคือ ด้วยความเข้าใจจากคำพูดและการแสดงออกของเอียจืออวิ้นนั้นแสดงว่าในสักวันหนึ่งนั้น ตัวเขาจะสามารถชนะหัวใจของเด็กหญิงผู้งดงามนี้ได้

ข้าจะต้องตกเป็นผู้หญิงของ’เนี้ยหลี่’จริง ๆ หรือนี่? เมื่อข้าเป็นผู้หญิงของเขาแล้วข้าจักต้องทำสิ่งใดบ้าง? ‘เอียจืออวิ้น’รู้สึกสับสนเล็กน้อย แม้ว่าเธอยังคงมีความประทับใจต่อ’เนี้ยหลี่’อยู่ไม่น้อย แต่นั่นเป็นความรู้สึกระหว่างเพื่อนกันเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดเขาทั้งสองต้องมาอยู่คู่กัน … ‘เอียจืออวิ้น’คิดขึ้น และรู้สึกหัวหมุนในทันทีทันใด

‘เอียจืออวิ้น’นั้นทุ่มหัวใจของเธอให้แก่การฝึกผสานพลัง แต่การปรากฏตัวของเนี้ยหลี่นั้นได้ทำลายความสงบของใจเธออย่างสิ้นเชิง

“อะไรกันนี่”

‘เอียจืออวิ้น’มองไปที่อัญมณีสีไพลินได้สวมอยู๋บนคอของเธอ สีสันของของอัญมณีนี้ช่างเจิดจรัสยิ่ง ภายในอัญมีนั้นเหมือนกับว่ามีกลุ่มดาวนับล้านดวงเคลื่อนตัวอยู่ เธอสามารถสัมผัสมันได้ถึงพลังอันไม่สิ้นสุดภายในอัญมณีนี้

“มันคืออัญมณีพิศวง นี่คือของขวัญที่ข้าได้มอบให้แก่เจ้า การสวมใส่มันจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วของการฝึกเป็น 3 เท่าและมันสามารถหล่อเลี้ยงพลังวิญญาณของเจ้าไปด้วยในขณะเดียวกัน แม้กระทั่งตอนที่เจ้าเดิน มันก็ช่วยฝึกพลังวิญญาณของเจ้าด้วย”

‘เนี้ยหลี่’ยิ้มด้วยความช่วยเหลือของเขาแม้ว่าเธอจะไม่ได้ฝึกอย่างหนัก การบรรลุระดับทองได้นั้นไม่ได้ยากเย็นแต่อย่างใด และการไปถึงระดับที่สูงกว่านั้นก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ (‘เนี้ยหลี่’ยิ้มเพราะ เมื่อเธอก้าวหน้าได้เร็วจนพอใจแล้วตอนนั้นก็สามารถคิดถึงเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ได้แล้วสิ )

“ข้าไม่สามารถรับสิ่งล้ำค่าเช่นนี้ได้”

‘เอียจืออวิ้น’รีบพูดและเตรียมที่จะถอดอัญมณีออกจากจากคอของเธอ

‘เนี้ยหลี่’คว้าข้อมือเธอไว้และพูดว่า

“ข้านั้นได้บางสิ่งที่ดีกว่ามาไว้แล้ว”

เจ้าสามารถรับสิ่งนี้เอาไว้ได้”

เธอรีบสลัดมือของเธอออก ที่แก้มทั้งสองของเธอรู้สึกร้อนผ่าว เธอนั้นนิ่งเงียบไปชั่วครู่และพูดว่า

“ถ้าเช่นนั้น ข้าจักเก็บสิ่งนี้ไว้ให้เจ้า เจ้าสามารถรับมันคืนไปได้ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เจ้าจักต้องการมัน”
“ตกลง!” เนี้ยหลี่ยิ้ม หลังจากนั้นเขายืนขึ้น “ไปหาทางออกจากที่นี่กันเถอะ”

เมื่อ’เอียจืออวิ้น’เตรียมพร้อมที่จะลุกขึ้นนั้น ‘เนี้ยหลี่’ยิ้มและได้ยื่นมือของเขาออกไปหาเธอ เธอลังเลอยู่ชั่วขณะแต่ก็ได้ยื่นมืออันเรียบเนียนดั่งหินหยกของเธอวางบนฝ่ามือของ’เนี้ยหลี่’

‘เนี้ยหลี่’ออกแรงของเขาเล็กน้อยและดึงเธอขึ้นมา หัวใจของเขานั้นพองโตเพราะว่าหญิงที่อันงดงามที่อยู่ตรงหน้าเขานี้อย่างน้อยก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาเท่าใดนัก

ทุก ๆ สิ่งภายในห้องโถงนี้ได้ถูกเก็บรวบรวมมาเรียบร้อยแล้ว รวมถึง’เอียจืออวิ้น'(น่าจะหมายถึงเก็บอยู่ในหัวใจ) พวกเขาทั้งสองเริ่มสำรวจเพื่อหาทางออกภายในทางเดินลึก ๆ นี้ ภายในสถานที่นี่นั้นเหมือนกับเขาวงกตยิ่งนัก

หลังจากผ่านไปสองวันติดต่อกัน ‘เนี้ยหลี่’และ’เอียจืออวิ้น’ยังคงอยู่ภายในเขาวงกตใต้พื้นดิน เดินทางด้วยความสับสนขณะที่พวกเขาสำรวจหาทางออก

ในขณะนี้ ภายในป้อมหินของนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธ์ ‘เชินหลินเจี่ยน’ ‘ ฮูเหยียน’  ‘หลานเร่อ’และคนอื่น ๆ ได้รวมตัวกันอยู่ภายในป้อมหินนี้

“ผู้คน 29 คน”

‘เชินหลินเจี่ยน’พูดด้วยความหดหู่ใจเล็กน้อย การเดินทางครั้งนี้ก็เพื่อจะมาสำรวจ อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือเลยและพวกเขายังสูญเสียผู้คนไปถึง 8 คน ถ้าพวกที่สูญเสียเป็นคนธรรมดาทั่วไป เขายังพอยอมรับมันได้ แต่พวกเขาไม่สามารถหาเอียจืออวิ้นพบได้ไม่ว่าที่ใด และสิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกแย่มาก

‘เอียจืออวิ้น’นั้นเป็นถึงลูกสาวของจ้าวเมืองและเป็นหลานของ’เอี้ยมัว’ซึ่งอยู่ระดับในตำนาน ถ้าเกิดมีสิ่งใดเกิดขึ้น เขาคงไม่สามารถที่จะรับผลจากสิ่งนี้ได้

‘ฮูเหยียน’ ‘หลานเร่อ’มองตรงไปยังป่ารกชัฏไม่ไกลนัก เธอพยายามมองหาเงาของเนี้ยหลี่ที่อาจปรากฏตัวขึ้น

“ลืมมันเสียเถอะ”

ชีวิตที่แสนสั้นของหนุ่มน้อยนั้นได้จบไปแล้ว ‘ชูหยวน’เดินตรงไปด้านข้างของ’ฮูเหยียน’ ‘หลานเร่อ’ เขาได้พูดด้วยน้ำเสียงชิงชัง

“หุบปากเดี๋ยวนี้!”

‘ฮูเหยียน’ ‘หลานเร่อ’สวนกลับด้วยความโกรธ เธอรู้สึกว่าคนที่มีความสามารถเช่น’เนี้ยหลี่’นั้นจะสามารถรอดกลับมาได้

“สิ่งนี้เป็นความจริงแน่นอนแล้ว! ศพของเขาต้องถูกวานรยักษ์ฟ้าระดับผสานวิญญาณกินไปเรียบร้อยเป็นแน่!”

‘ชูหยวน’หัวเราะ ความคิดที่ว่าพลังวิญญาณของเขานั้นได้ถูกดูดออกไปโดย’เนี้ยหลี่’ เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เนี้ยหลี่ได้ตายไป เพราะ’เนี้ยหลี่’การฝึกนับหลายปีของเขาจึงสูญเปล่า

“เจ้าคนถ่อย”

‘ฮูเหยียน’ประณามอย่างโกรธเกรี้ยว

“ถ้าเจ้ายังไม่หยุดทำเช่นนี้อีก อย่าหาว่าข้าหยาบคายกับเจ้าก็แล้วกัน”

‘ชูหยวน’อ้าปากของเขาโดยต้องการพูดบางสิ่ง แต่เมื่อเขาได้เห็นท่าทีของ’ฮูเหยียนหลานเร่อ’ที่แสดงออก เขายิ้มเล็กน้อย ยักไหล่แล้วเดินไปที่อื่น

‘เชินหลินเจี่ยน’ทำหน้าถมึงทึง เขาไม่ควรปล่อยให้’เอียจืออวิ้น’อยู่กับ’เนี้ยหลี่’ ถ้าเธอถูกป้องกันโดยนักต่อสู้ระดับเงิน ‘เอียจืออวิ้น’คงไม่หายไปเช่นนี้

“ข้าจะทิ้งคนไว้สองคนรอคอยการกลับมาของพวกเขา ผู้อื่นจะตามข้ามาที่พื้นที่ทหาร”

‘เชินหลินเจี่ยน’ตะโกน เขาเป็นคนเด็ดขาดและรู้แน่ว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่จะรออยู่ที่นี้ พวกเขาควรมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ทหารเป็นอันดับแรก และจะกลับมาค้นหา’เอียจืออวิ้น’และ’เนี้ยหลี่’ในภายหลังด้วยความหวังอย่างยิ่งว่า ‘เอียจืออวิ้น’ยังปลอดภัยอยู่

“ข้าจะรออยู่ที่นี่เพื่อรอคอยพวกเขา!”

‘ฮูเหยียนหลานเร่อ’ได้คคิดชั่วครู่ก่อนพูดออกไปภายในดวงตาทั้งสองของเธอเต็มไปด้วยความเศร้า ถ้าเธอไม่สามารถรอจนกระทั่งเนี้ยหลี่กลับมาได้ เธอก็จะไม่ย้ายไป ณ สถานที่แห่งใดอีก

 

ที่มา: 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments