I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 40 ตะเกียงแห่งจิตอสูรเงาพราย

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 5123 | 2533 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘เชินหลินเจี่ยน’และคณะได้มาถึง ณ บริเวณทางทหาร ด้วยความที่พื้นแห่งนี้มีความราบเรียบยิ่ง ทำให้สามารถถูกสังเกตได้อย่างง่ายดาย

“จงขุดลึกลงไป 3 เมตร!”

คนของ’เชินหลินเจี่ยน’เริ่มนำเครื่องไม้เครื่องมือของพวกเขาออกมาและได้เริ่มลงมือขุดพระราชวังใต้ดิน

“เนี้ยหลี่ทางออกนั้นอยู่ที่แห่งใดกัน?”

‘เอียจืออวิ้น’ถาม พวกเขาได้ค้นหาซึ่งทางออกมาประมาณ 2 วันแล้ว แต่ยังไม่สามารถหาทางออกได้แต่อย่างใด

“ทางออกนั้นไม่มีอยู่หรอก”

‘เนี้ยหลี่’สั่นหัวของเขาแล้วพูดว่า

“ถ้าเกิดว่าทางออกนั้นมีอยู่ พวกคนเหล่านั้นคงไม่ติดอยู่ซึ่งที่แห่งนี้และได้จบชีวิตลงที่ห้องโถงหลัก”

“ไม่มีทางออก?”

‘เอียจืออวิ้น’ชะงักไปชั่วครู่และถามอย่างเศร้าใจว่า

“ถ้าเช่นนั้นพวกเราคงไม่สามารถจักออกไปจากที่นี่ได้งั้นหรือ?”

“พวกเรานั้นไม่ต้องหาซึ่งทางออกเองหรอก เหล่าผู้คนจากห้องโถงหลักได้เข้ามาที่แห่งนี้ได้จากภายนอก ซึ่งนั่นหมายความว่า เหล่าคนจากภายนอกนั้นจักสามารถขุดเข้ามาซึ่งทำให้ทางออกปรากฏ พวกเราได้แต่เพียงหวังว่า เชินหลินเจี่ยนนั้นจะสามารถช่วยพวกเราขุดหาทางออกเจอ ถ้าเกิดความคิดของข้านั้นถูกต้อง ทางออกจักตั้งอยู่ที่บริเวณฝึกทหาร” เนี้ยหลี่ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า “พวกเขาจะต้องหาสถานที่นี้ได้อย่างแน่นอน!”

“แล้วเจ้ารู้แน่ได้อย่างไรว่าพวกเขานั้นจะสามารถหาซึ่งสถานที่แห่งนี้พบ”

‘เอียจืออวิ้น’ถามกลับ ‘เนี้ยหลี่’ นั้นดูจะมีความมั่นใจเป็นอย่างมากเหมือนกับว่าเขาสามารถควบคุมทุกสิ่งอย่างให้เป็นไปตามที่ของต้องการได้ เขาแม้กระทั่งคิดอย่างดื้อดึงว่าเธอจะตกหลุมรักเขาอย่างแน่นอน ถ้าทุกสิ่งอย่างไปเป็นตามที่เขาคาดหวังดังนั้นเขาไม่ได้เปรียบดั่งเทพเจ้าเช่นนั้นหรือ?

เพียงแต่เมื่อ’เอียจืออวิ้น’พูดจบลง ผนังกำแพงหินเหล่านี้สั่นขึ้นเล็กน้อยทันทีทันใด

“มันเริ่มต้นขึ้นแล้ว”

‘เนี้ยหลี่’ยิ้มเล็กน้อย เขาสามารถคาดเดาตำแหน่งซึ่งทางออกนั้นตั้งอยู่ได้จากการสั่นไหวที่เกิดขึ้น เขาหันไปและพูดกับ’เอียจืออวิ้น’ว่า

“ไปกันเถอะ”

หลังจากพูดเสร็จ’เนี่ยหลี่’ก็เริ่มเดินไป ‘เอียจืออวิ้น’อ้าปากกว้าง เธอนั้นไม่สามารถประเมินเขาได้เลย ‘เนี้ยหลี่’คนนี้จักต้องเป็นปีศาจอย่างแน่นอน! เขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้เช่นไร ? จะมีวันนั้นจริง ๆ หรือวันที่เธอจักต้องตกเป็นของเขา ? ‘เอียจืออวิ้น’ไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรทำให้แก้มทั้งสองของเธอรู้สึกร้อนผ่าวขึ้น หลังจากนั้นเธอได้เดินก้มหน้าอย่างเงียบ ๆ

ตึง ตึง ตึง !

“เชินหลินเจี่ยนและกลุ่มของเขากำลังขุดกันอย่างขมักเขม่น”

“นั่นไงทางออกอยู่ที่แห่งนั้น!”

‘เนี้ยหลี่’พูดกับเอียจืออวิ้น ทั้งคู่เดินไปยังทิศทางที่เสียงนั้นดังขึ้นและได้หยุดอยู่ที่หน้ากำแพงหินอันหนึ่ง เขาพิจารณากำแพงอันนี้อยู่ชั่วครู่ กำแพงนี้น่าจะมีประตูลับซ่อนอยู่ ก่อนหน้านั้นเมื่อพวกเขาได้ผ่านซึ่งที่แห่งนี้ พวกเขาไม่สังเกตุเห็นซึ่งสิ่งใดเลย

‘เนี้ยหลี่’ได้ว่างมือทั้งสองของเขาไปที่กำแพงหินและค่อยผลักมันช้า ๆ

ครืน ครืน ครืน!

เจ้ากำแพงหินนี้ค่อย ๆ เปิดออก ห้องสมบัติที่ทำจากหินขนาดมหึมาปรากฏอยู่เบื้องหน้า’เนี้ยลี่’และ’เอียจืออวิ้น’ ภายในห้องสมบัตินี้มีทางเดินเชื่อมต่อสู่เบื้องบน อย่างไรก็ตามทางออกนั้นถูกปิดไว้ด้วยก้อนหินขนาดใหญ่และที่ด้านหลังของมันนั้นมีเสียงดังบางอย่างอยู่จำนวนมาก มีใครบางคนกำลังพยายามที่จะเปิดทางเข้านี้

สิ่งของซึ่งอยู่ภายในห้องสมบัติเหล่านี้ทำให้ทั้ง’เนี้ยหลี่’และ’เอียจืออวิ้น’ตกใจเป็นอย่างมาก

สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งของระดับทองแดงและเกราะระดับเงิน แม้กระทั่งคัมภีร์อักขระก็มีอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก คริสตัลอสูร ขนสัตว์และเขาของสัตว์มากมาย มันยังคงเต็มไปด้วยโลหะมีค่าและกองเหรียญทองหลายกอง สิ่งเหล่านี้น่าจะใช้สำหรับเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนของอาณาจักรศักดิ์สิทธ์ และยังคงมีสิ่งของมากมายที่ไม่สามารถระบุค่าได้ ซึ่งของเหล่านี้นั้นคงจะเป็นสมบัติล้ำค่าของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน

ถ้ามีใครบางคนนำทรัพย์สมบัติเหล่านี้กลับไปยังเมืองกลอรี่เพื่อขายแล้ว พวกเขานั้นจักสามารถกลายเป็นเศรษฐีได้อย่างแน่นอนจากการขายมัน

“จืออวิ้นไปเก็บซึ่งของบางสิ่งบ้างสิ !”

‘เนี้ยหลี่’มองไปที่’เอียจืออวิ้น’และพูดขึ้น จำนวนของทรัพย์สมบัตินี้มีมากมายมหาศาล กระเป๋าต่างมิติของเขานั้นไม่สามารถเก็บซึ่งของเหล่านี้ได้ทั้งหมด และถ้าพวกเขาเก็บซึ่งสมบัติเหล่านี้ทั้งหมดไป มันจะเลี่ยงไม่ได้ที่’เชินหลินเจี่ยน’และคณะจะเกิดความสงสัยขึ้น

‘เนี้ยหลี่’นั้นไม่ได้โลภมากแต่อย่างใด เขาเพียงแค่ต้องการหยิบของที่ซึ่งเขาต้องการเท่านั้นและทิ้งไว้ซึ่งของที่เหลือ

สายตาของ’เนี้ยหลี่’ได้ไปตกอยู่ที่แท่นหินขนาดใหญ่ เขาได้สังเกตุเห็นว่าบนแท่นหินนี้นั้นตะเกียงอันหนึ่งกำลังส่องแสงกระพริบไปมา และแสงนั้นช่างน่าลึกลับยิ่งนัก

เมื่อได้เห็นตะเกียงอันนี้ หน้าขอ’งเนี้ยหลี่’เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข มันคือตะเกียงแห่งจิตอสูรเงาพรายอย่างแน่นอน

อสูรเงาพรายนั้นเป็นสัตว์อสูรที่หายากและลึกลับยิ่ง มีเรื่องเล่าว่าเมื่อครั้งอาณาจักรหิมะเหมันต์ได้สูญสิ้น มีเพียงแค่ 7 ดวงจิตแห่งอสูรเงาพรายที่เหลืออยู่และได้ถูกนำไปทำเป็นตะเกียง 7 ชิ้น ทั้งหมดนั้นได้ถูกนำไปวางไว้ภายในวัดซึ่งอยู่ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้น ตะเกียงเหล่านี้ได้ถูกขโมยโดยกลุ่มโจรบางพวกและสูญหายไปจากโลกใบนี้

เหตุผลที่’เนี้ยหลี่’สนใจซึ่งตะเกียงแห่งจิตอสูรเงาพรายนี้เป็นเพราะว่าเขาต้องการจิตอสูรแห่งเงาซี่งอยู่ภายในของมัน!

หลังจากที่เขาได้ถึงระดับเงินแล้ว ‘เนี้ยหลี่’นั้นจะสามารถรวมร่างกับจิตอสูรหนึ่งดวงได้ ด้วยเทคนิคการเคลื่อนพลังพระเจ้าแห่งสวรรค์นั้น สามารถยอมให้’เนี้ยหลี่’รวมร่างกับจิตอสูรที่แตกต่างกันได้ทั้งหมด 7 ดวง

ดังนั้นสำหรับจิตอสูรดวงแรก ‘เนี้ยหลี่’ไม่คาดหวังว่าจะเป็นแค่เพียงจิตอสูรธรรมดา! อย่างไรก็ตาม หากจิตอสูรนั้นแข็งแกร่งเกินไป’เนี้ยหลี่’ก็ไม่สามารถรวมร่างกับมันได้ ด้วยเหตุดังนี้จิตแห่งอสูรเงาจึงเหมาะสมที่สุดแล้ว

แม้ว่าจิตแห่งอสูรเงานั้นไม่ได้มีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่มันก็ยังเป็นจิตอสูรที่ลึกลับที่สุด มันมีความสามารถเฉพาะตัวมากมาย แม้ว่าหลังจากที่ได้รวมกับจิตอสูรนี้ และเนี้ยหลี่ได้ก้าวผ่านไปถึงจุดสุดแล้ว จิตวิญญาณอสูรแห่งเงานี้นั้นก็ยังคงมีบทบาทที่ทรงพลังให้เขาใช้อยู่

เมื่อรวมกับจิตอสูรแห่งเงา ‘เนี้ยหลี่’สามารถเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้บางประเภทได้!

ในชีวิตที่แล้วของเขา ตะเกียงจิตอสูรแห่งเงาได้ตกอยู่ในมือของเสวิ่นเอีย และมันได้ถูกขายภายในการประมูลที่เสวิ่นเอียจัดขึ้น แต่ในชาตินี้นั้นมันได้ตกอยู่ซึ่งมือของเนี้ยหลี่

‘เนี้ยหลี่’เก็บตะเกียงแล้ววางมันลงไปยังกระเป๋าต่างมิติ เขาหันไปมองทาง’เอียจืออวิ้น’ ด้วยความที่เธอมีอัญมณีพิศวงอยู่ เธอนั้นไม่สนใจซึ่งอัญมณีอื่นใดอีก เธอได้เลือกเพียงคริสตัลอสูรและกำไลข้อเท้าเขี้ยวอสูร

‘เอียจืออวิ้น’นั้นสายตาเฉียบแหลมยิ่ง คริสตัลอสูรจำนวนหนึ่งที่เธอถืออยู่เป็นคริสตัลของสัตว์อสูรระดับแบล็คโกลด์ สัตว์อสูรระดับนั้นหาได้ยากยิ่ง ถ้าคริสตัลเหล่านั้นได้นำไปทำซึ่งอาวุธหรือเกราะแล้ว มีโอกาสที่พวกมันจะได้เป็นซึ่งอาวุธและเกราะระดับแบล็คโกลด์

สำหรับกำไลข้อเท้าเขี้ยวอสูร มันเป็นเศษชิ้นส่วนของกระดูกสัตว์อสูรหิมะเหมันต์ระดับตำนาน แม้มันจะเป็นเพียงแค่เศษชิ้นส่วนของกระดูก มันก็ยังคงหาได้ยากยิ่งและสามารถเสริมพลังวิญญาณแห่งอสูรได้

หลังจากเก็บซึ่งสมบัติ

* บูม *

ผนังกำแพงขนาดใหญ่ได้เปิดออกปรากฏทางเข้า สาดแสงสุกสว่างตรงสู่ห้องเก็บสมบัติ ‘เชินหลินเจี่ยน’และคณะในไม่ช้าก็ได้ลงมาลงมาอยู่ภายในรอบ ๆ ห้อง

“เป็นพวกเจ้าเองเรอะ”

‘เชินหลินเจี่ยน’พูด ชะงักไปชั่วขณะเมื่อเขาเห็น’เอียจืออวิ้น’และ’เนี้ยหลี่’ เขาไม่คาดคิดเลยว่า’เนี้ยเหลี่’และ’เอียจืออวิ้น’จะเป็นสิ่งแรก(คาดหวังพบสมบัติซึ่งเป็นสิ่งของ)ที่เขาพบหลังจากการเข้ามาในที่แห่งนี้ เมื่อได้มอง’เอียจืออวิ้น’ ‘เชินหลินเจี่ยน’รู้สึกโล่งออก ถ้าเกิดมีสิ่งใดได้เกิดขึ้นกับ’เอียจืออวิ้น’ แม้เขาจะนำสมบัติเหล่านี้กลับไปได้ แต่เขาจะยังคงต้องพบกับความพิโรธของเจ้าเมืองและ’ลอร์ดเอียโมว’ แต่เมื่อ’เอียจืออวิ้น’ได้ปลอดภัยแล้ว นั้นก็ไม่จำเป็นต้องกังวลซึ่งเรื่องเหล่านั้นอีก

“หัวหน้า พวกเรากำลังจะรวยแล้ว! มีสมบัติมากมายเหลือเกิน!”

คนของ’เชินหลินเจี่ยน’ อุทาน

สมบัติทั้งหลายที่มีอยู่เต็มไปหมดในห้องสมบัตินี้ ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

‘ชูหยวน’และกลุ่มคนต่างเข้ามาและชะงักไปกับภาพเบื้องหน้าของพวกเขาเช่นกัน ของเหล่านี้ได้ถูกกองสูงอยู่ดังภูเขาขนาดย่อม ๆ สิ่งของมากมายที่นี่ล้วนแล้วแต่ล้ำค่ายิ่ง พวกเขาสามารถขายได้เป็นเงินจำนวนหลายสิบล้านหรือแม้กระทั่งเป็นพันล้านซึ่งของเหล่านี้

“เนี้ยหลี่ ตามที่ได้ตกลงกันไว้ของพวกเรา ท่านจักเป็นคนเลือกซึ่งสิ่งของเป็นคนแรก”

‘เชินหลินเจี่ยน’มองไปที่’เนี้ยหลี่’และพูด เขาเป็นคนหนึ่งที่ยึดถือในคำมั่นของเขา และเขานั้นได้ให้คุณค่าของมิตรภาพระหว่างเขาและ’เนี้ยหลี่’

“ข้านั้นได้เลือกเรียบร้อยแล้ว สมบัติทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของท่าน!”

‘เนี้ยหลี่’ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวขึ้น ซึ่งภูเขาสมบัติเหล่านี้นั้นดูเหมือนจะไม่ส่งผลต่อเขาแต่อย่างใด

“ข้าก็ได้เลือกแล้วซึ่งของบางสิ่ง”

‘เอียจืออวิ้น’พูด

“ข้านั้นก็ไม่ต้องการซึ่งทรัพย์สมบัติเหล่านี้อีกเช่นกัน”

‘เชินหลินเจี่ยน’ผงกศรีษะรับและสั่งให้คนของเขาเก็บทรัพย์สมบัติลงสู่กระเป๋าต่างมิติของพวกเขา

‘ชูหยวน’เดินไปข้าง ๆ ‘เชินหลินเจี่ยน’ ลดเสียงของเขาลงและพูดว่า

“นายน้อยเชิน ท่านตั้งใจเช่นนี้จริง ๆ รึ? พวกเขาทั้งสองได้อยู่ที่นี่เป็นเวลานานนัก พวกเขาต้องเก็บซึ่งสิ่งของล้ำค่ามากมายไปแล้วอย่างแน่นอน! พวกเขาน่าจะได้เก็บของที่มีค่ามากที่สุดไปแล้วด้วยเหตุนี้พวกเขานั้นจึงไม่สนใจซึ่งสมบัติเหล่านี้เลย”

“เจ้ากำลังบอกถึงซึ่งสิ่งใดกัน?”

‘เชินหลินเจี่ยน’ขมวดคิ้วของเขา จ้องไปที่’ชูหยวน’

‘ชูหยวน’พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

“ท่านต้องเรียกพวกนั้นทั้งสองให้นำทุกสิ่งอย่างของพวกเขาออกมาเพื่อตรวจสอบก่อนจะออกไปจากที่แห่งนี้ ของชิ้นที่มีค่ามากที่สุดน่าจะอยู่ในมือของพวกเขา”

เมื่อได้ยินคำพูดของ’ชูหยวน’ ‘เชินหลินเจี่ยน’พ่นลมหายใจออกและพูดว่า

“พวกเขานั้นได้มาถึงที่นี่ก่อนพวกเรา และพบซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นกลุ่มแรก แม้พวกเขาจะนำซึ่งสมบัติเหล่านี้ทั้งหมดไป พวกเราก็มิสามารถจะพูดอะไรได้ พวกเขาทิ้งไว้ซึ่งของมากมายไว้ให้แก่พวกเราแล้ว สิ่งนี้นั้นได้แสดงแล้วถึงความมีมนุษยธรรมของพวก”

“นายน้อยเชิน ข้ารับรองได้เลยว่าของที่พวกนั้นได้ไป ทุก ๆ สิ่งนั้นล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่ประเมินราคาไม่ได้! ท่านไม่เสียดายมันหรือ”

‘ชูหยวน’พูดอย่างเป็นกังวล

“ไปตายซะ เจ้าไม่คิดหรือว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังคิดซึ่งสิ่งใดอยู่ เจ้านั้นมีเรื่องขัดแย้งกับเนี้ยหลี่และต้องการใช้ข้าเป็นดั่งตัวกลาง เลวมาก!”

‘เชินหลินเจี่ยน’ยกเท้าของเขาและได้เตะไปที่คางของ’ชูหยวน’ ทำให้เขากระเด็นไป

“พ่าง”

หน้าของ’ชูหยวน’ตกลงก่อนและฟันของเขาซี่หนึ่งได้กระเด็นออก ภายในปากของเขาล้วนเต็มไปด้วยเลือด

‘ชูหยวน’ยกหัวของเขาขึ้นมาอย่างดุร้ายและจ้องไปที่’เชินหลินเจี่ยน’ แต่ในไม่ช้าก็ความโกรธเขาก็ลดลง ‘เชินหลินเจี่ยน’เป็นถึงสมาชิกของตระกูลหลัก สืบเชื้อสายตรงมาจากตระกูลศักดิ์สิทธิ์ เขาจะมีเรื่องกับเชินหลินเจี่ยนได้เช่นไร?

‘เนี้ยหลี่ เป็นความผิดของเจ้าทั้งหมด! ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่!’

‘เชินหลินเจี่ยน’ได้ทำให้ห้องสมบัติว่างเปล่า แม้ว่า’เนี้ยหลี่’ได้เก็บตะเกียงแห่งจิตอสูรเงาพรายและ’เอียจืออวิ้น’ได้เก็บซึ่งของบางสิ่งไปแล้วเช่นกัน แต่ยังคงมีของล้ำค่ามากมายเหลืออยู่และสามารถนำไปขายทำกำไรได้ ดังนั้นการเก็บของเหล่านี้ได้ยังคงเป็นผลดีต่อเขาอย่างมาก

‘เชินหลินเจี่ยน’แตะที่ไหล่ของ’เนี้ยลี่’และพูดว่า

“ น้องข้า ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเจ้าที่แนะนำให้ข้ามาซึ่งพื้นที่ทหารแห่งนี้ ข้าคงไม่สามารถเก็บได้ซึ่งของมากมายเหล่านี้ ในครั้งนี้นั้น เชินหลินเจี่ยนได้ติดหนี้เจ้าอยู่หนึ่งครั้ง ถ้าหากมีสิ่งใดในภายภาคหน้า ขอเพียงแค่ให้เจ้าเข้ามาหาข้าได้โดยตรง!”

‘เชินหลินเจี่ยน’ไม่เคยถามซึ่งสิ่งใดเกี่ยวของที่’เนี้ยหลี่’ได้ไป แต่เพียงแค่ขอบคุณเขา สิ่งนี้ทำให้’เนี้ยหลี่’รู้สึกประทับใจในตัวเขาอย่างมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ‘เชินหลินเจี่ยน’จะกลายเป็นผู้ที่โดดเด่นท่ามกลางเหล่าขุนนางของตระกูลหลักทั้งสาม

“ตกลง”

‘เนี้ยหลี่’ได้พูดต่อไปว่า

“พวกท่านต้องรีบและนำสมบัติไป พวกเราต้องออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว”

“ทำไมกัน”

‘เชินหลินเจี่ยน’ถามด้วยความสงสัย

“ข้าได้วิ่งไปพบบางคนที่มาจากกลุ่มเงาทมิฬ พวกเขานั้นกำลังตามหาพวกเราอยู่!”

‘เนี้ยหลี่’พูด

“โชคดีที่เจ้าอสูรวานรยักษ์ฟ้าผสานวิญญาณได้ขวางทางพวกมันเอาไว้ ไม่อย่างนั้นข้าคงมิสามารถหลบหนีออกมาได้!”

เมื่อได้ยินคำพูดของ’เนี้ยหลี่’ ‘เชินหลินเจี่ยน’ตกใจเล็กน้อย เขารู้ว่าพวกคนจากกลุ่มเงาทมิฬเป็นเช่นไร ถ้าพวกเขาถูกพบโดยกลุ่มเงาทมิฬ มันจะเกิดปัญหาได้

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเราพบอสูรวานรยักษ์ฟ้าผสานวิญญาณได้รับบาดเจ็บ มันเป็นเพราะเหตุนี้เอง”

คนของ’เชินหลินเจี่ยน’พูด

ด้วยความโชคดีที่พื้นที่ของนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้นค่อนข้างกว้างใหญ่ คนเหล่านั้นจากกลุ่มเงาทมิฬจึงไม่ทราบว่าพวกเขาอยู่บริเวณใด มีความเป็นไปได้ที่คนกลุ่มนั้นกำลังค้นรอบ ๆ ที่แห่งนี้อยู่เพื่อตามหาซึ่งพวกเขา ซึ่งหมายความว่าพวกเขานั้นต้องรีบออกจากที่แห่งนี้ในเร็วพลัน

‘เชินหลินเจี่ยน’มองไปยังทิศทางซึ่งมุ่งสู่พระราชวังใต้ดิน

“ที่แห่งนั้นไม่เหลือซึ่งอะไรอยู่ ข้าได้สำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

‘เนี้ยหลี่’พูด ‘เชินหลินเจี่ยน’ผงกศรีษะรับ และได้หันศรีษะของเขาไปเผชิญหน้าฝูงชนและตะโกนว่า

“ไปกันได้!”

จบตอน..

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments