I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 41 เสวิ่น เฟย

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 5657 | 2532 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ถ้า’เชินหลินเจียน’มีความลุ่มหลงจนยอมแพ้ให้แก่การยั่วยวนของทรัพย์สมบัติและยังคงสำรวจต่อไปซึ่งพระราชวังใต้ดิน ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วสถานะของพวกเขาจะตกอยูในอันตรายอย่างมาก

ด้วยความโชคดี ‘เชินหลินเจี่ยน’นั้นเป็นบรุษที่หนักแน่นผู้หนึ่ง

เมื่อพวกเขาเหล่านั้นกลับมายังบริเวณป้อมหิน น้ำตาของ’ฮูเหยียนหลานเร่อ’ไหลร่วงลงไม่หยุด เมื่อเธอได้พบซึ่ง’เนี้ยหลี่’

“เนี้ยหลี่ เจ้ากลับมาแล้ว วิเศษมากเลย !”

‘ฮูเหยียน หลานเร่อ’ได้พูดพร้อมกันนั้นเธอได้ถลาตัวไปหา’เนี้ยหลี่’และกอดเขาไว้แน่น หน้าอกอันเต่งตึงคู่นั้นของเธอได้ติดกันอย่างแนบแน่นไปบนหน้าอกของ’เนี้ยหลี่’

“ขอบคุณมากที่ได้สละชีวิตของตัวเจ้าเองเพื่อช่วยข้าเอาไว้! มิเช่นนั้นแล้ว ข้าคงต้องจบลงภายในท้องของเจ้าวานรยักษ์ฟ้านั่น”

‘ฮูเหยียน หลานเร่อ’ซึ่งตอนนี้หน้าของเธอมีสีแดงระเรื่อได้มองเยี่ยงคนรักไปที่’เนี้ยหลี่’

“ข้านั้นกำลังถูกบีบคอจนถึงแก่ความตายโดยเจ้า ! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”

เขารู้สึกเสียหน้า ‘ฮูเหยียน หลานเร่อ’กับแสดงความรักของเธอโดยผิดตัว เหตุผลที่เขาสละชีวิตของเขาโดยเข้าขวางทางเจ้าอสูรวานรยักษ์ฟ้าเอาไว้นั้นเป็นเพราะว่าเขาต้องการที่ปล่อยให้’เอียจืออวิ้น’หนีไปได้อย่างปลอดภัย ไม่ใช่เธอ!

เมื่อได้เห็นท่าทีของ’เนี้ยหลี่’ที่ดูไม่มีความสุข ช่วยไม่ได้ที่’เอียจืออวิ้น’จะหัวเราะออกมา ‘เนี้ยหลี่’ไม่แม้แต่จะสนใจการเสนอตัวของหญิงที่งดงามอย่าง’ฮูเหยียนหลานเร่อ’ซึ่งได้มอบให้แก่ตัวเขา สมองเขานั้นคงจะอัดแน่นอย่างมีปัญหา

อย่างไรก็ตาม การที่’ฮูเหยียนหลานเร่อ’มาเคล้าเคลียใกล้ชิดกับ’เนี้ยหลี่’นั้น หัวใจของ’เอียจืออวิ้น’นั้นรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาบ้าง และเธอได้พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ

“มันคือกลุ่มเงาทมิฬ!”

คนของ’เชินหลินเจี่ยน’พูดพร้อมกับหายใจเอากลุ่มก้อนอากาศเย็นเข้าไปก้อนใหญ่

‘เชินหลินเจี่ยน’ได้มองไปที่ด้านนอกของป้อมหินและเห็นกลุ่มคนในชุดคลมดำหลายคนปรากฏตัวขึ้นในภายในวิสัยทัศน์ของเขาพร้อมกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาลดเสียงต่ำลงและพูดว่า

“ทางนี้”

‘เชินหลินเจี่ยน’นำพาคณะเข้าไปสู่ป่าหนาทึบซึ่งอยู่ด้านหลังของป้อมหิน

“จงระวังตัวให้มากและอย่าทิ้งร่อยรอยใดเอาไว้!”

ภายใต้การคุมคามของกลุ่มเงาทมิฬ คณะได้วิ่งอย่างลนลาน และเฉียดผ่านจากไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งหลายรู้ว่าจักเกิดผลร้ายขึ้นอย่างน่ากลัวถ้าพวกเขาถูกจับได้ซึ่งพวกกลุ่มเงาทมิฬ

‘เนี้ยหลี่’ชำเลือกมองไปด้านหลังของเขา และเริ่มคิดในใจของเขาว่า แม้จะเพียงเผชิญหน้ากันอย่างผิวเผิน ‘เนี้ยหลี่’นั้นได้จำซึ่งพลังรอบตัวที่เปล่งออกมาของหัวหน้ามันไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าหัวหน้าคนนั้นได้เห็นแล้วซึ่งใบหน้าของเขา ดังนั้นแม้เขาจะได้กลับสู่เมืองกลอรี่แล้ว เขาก็ยังคงต้องระวังตัวอยู่มาก

นอกจากตระกลูศักดิ์สิทธิ์ ยังคงมีกลุ่มเงาทมิฬที่คุกคามเมืองกลอรี่ตลอดมา ทำให้มีเขารู้สึกว่าเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบทำได้กำลังก่อตัวขึ้นภายในใจของ’เนี้ยหลี่’ เขาต้องเสริมความแข็งแกร่งของเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มิเช่นนั้นแล้ว เมื่อภยันตรายมาถึง เขาจะไม่มีแม้กระทั่งกำลังที่จะปกป้องซึ่งตัวของเขาเอง

หลังจากได้รับมาแล้วซึ่งตะเกียงของจิตอสูรแห่งเงา เขาต้องรีบเพิ่มวรยุทธของเขาไปสู่ระดับเงิน(เพื่อจะได้รวมกับจิตอสูรดวงนี้ได้) หลังจากได้รวมกับอสูรแห่งเงาแล้ว เขาจะมีความสามารถที่จะปกป้องตัวของเขาเองได้ ระดับเงินนั้นอาจะเป็นเรื่องที่ยากยิ่งที่จะก้าวถึงสำหรับคนธรรมดาทั่วไป แต่สำหรับ’เนี้ยหลี่’ มันไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด

เมื่อ’เนี้ยหลี่’และคณะกลับมาสู่เมืองกลอรี่แล้ว พวกคนเหล่านั้นจากกลุ่มเงาทมิฬไม่สามารถทำการตามจับพวกเขาได้อีก เมื่อเป็นเช่นนั้น ทุก ๆ คนต่างรู้สึกโล่งใจ

ข่าวเรื่องการกลับมาของคณะ’เชินหลินเจี่ยน’ได้แพร่สะพัดอย่างรวดเร็วทั่วทั้งเมืองกลอรี่ เรื่องที่น่าตกใจที่สุดคือทรัพย์สมบัติที่’เชินหลินเจี่ยน’และกลุ่มได้นำกลับมา ทั้งหมดนั้นมีจำนวนมากมายมหาศาลจนน่าตกใจเป็นที่สุด มีการประมูลขนาดใหญ่ครั้งหนึ่งได้ถูกจัดขึ้นและทรัพย์สมบัติที่’เชินหลินเจี่ยน’ได้มานั้นถูกขายในราคาที่สูงอย่างมาก

ความทะยะยานอยากของเมืองกลอรี่ได้ถูกจุดขึ้น ผู้คนมากมายต่างเริ่มเดินทางไปไปสำรวจนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยความหวังที่จะได้รับอะไรติดไม้ติดมือกลับมาเป็นของพวกเขาบ้าง

พายุนี้(ความกระตือรือร้นหาสมบัติ)ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเนี้ยหลี่แม้แต่น้อย เขาได้มาซึ่งตะเกียงของจิตอสูรแห่งเงาซึ่งเขานั้นละโมบในมัน และเช่นกันโดยไม่ได้คาดหวังเขาได้มาซึ่งเศษหน้ากระดาษของหนังสือแห่งจิตอสูรท่องเวลา การเก็บเกี่ยวซึ่งสมบัติที่เขาได้มาในการเดินทางครั้งนี้ได้ไปไกลเกินกว่าที่เขาคิดเป็นอย่างมาก

และในขณะเดียวกัน มีข่าวอื่นตามมาอีกซึ่งทำให้เขาต้องครุ่นคิด เขาได้ยินว่าก่อนที่’เชินหลินเจี่ยน’และคณะจะกลับมาสู่เมืองกลอรี่ ‘เสวิ่นเอีย’ได้กลับมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีผู้ใดที่กลับมาพร้อมกับ’เสวิ่นเอีย’เลย สิ่งนี้นั้นค่อนข้างจะน่าแปลกเกินไป

ด้วยกำลังของ’เสวิ่นเอีย’เพียงผู้เดียว เป็นไปได้เช่นไรที่เขาจะเดินผ่านเส้นทางอันตรายนับไม่ถ้วนและกลับสู่เมืองกลอรี่?

เขาได้คิดย้อนกลับไปเมื่อเขาได้พบกลุ่มคนพวกนั้นซึ่งมาจากกลุ่มเงาทมิฬภายในนครกล้วยไม้ศักดิสิทธิ์ ความคิดของ’เนี้ยหลี่’ได้ผุดขึ้นซึ่งสิ่งหนึ่งที่อาจเป็นไปได้ บางทีอาจมีเรื่องลับบางอย่างที่เกี่ยวข้องกันระหว่างตระกูลศักดิ์สิทธิ์และกลุ่มเงาทมิฬ เขาควรที่จะคิดเรื่องนี้โดยเร็ว

มีสัญญาณบ่งบอกมากมายที่เกี่ยวข้องกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์ในชีวิตที่แล้วของเขา การทรยศต่อเมืองกลอรี่นั้นได้แสดงว่าพวกเขานั้นได้ละทิ้งซึ่งความรับผิดชอบของพวกเขามาเป็นระยะเวลานานแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเขามีความโอกาสอย่างมากที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มเงาทมิฬแล้ว

ในชีวิตที่แล้วของเขานั้น ‘เนี้ยหลี่’ได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มเงาทมิฬไม่มากนัก มีเรื่องเล่าว่ากลุ่มเงาทมิฬได้ตั้งฐานของพวกมันภายในเทือกเขา แอนเซสทรัล อยู่บนที่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นความลับและปลอดภัยอย่างยิ่ง

บางทีเมื่อตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้ทรยศต่อเมืองกลอรี่ในชีวิตที่แล้วของเขา พวกเขาได้ตัดสินไปอยู่ร่วมกับกลุ่มเงาทมิฬ มิเช่นนั้นแล้ว พวกเขาจะไปอยู่ซึ่งที่แห่งไหนได้กัน?

ให้ตายเถอะ ! ทำไมเขาถึงเพิ่งคิดได้ตอนนี้?!

‘เนี้ยหลี่’กำหมัดของเขาไว้แน่นขณะนี้ได้ปรากฏซึ่งเส้นเลือดมากมายบนแขนทั้งสองของเขา ในวันที่เมืองกลอรี่ล่มสลาย เขาได้เห็นครอบครัวของเขาจบชีวิตลงด้วยกรงเล็บของเหล่าสัตว์อสูรด้วยตาคู่นี้ของเขา หลังจากนั้นเขาได้ไปรวมกับกลุ่มผู้รอดชีวิตของเมืองกลอรี่และเดินทางไปยัง[ทะเลทรายไม่สิ้นสุด] ที่ซึ่งเขาเห็น’เอียจืออวิ้น’ได้ตายลงไปก่อนตัวเขาเป็นสาเหตุให้เขานั้นพเนจร’ไปทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับคนบ้า

แสงหนึ่งนั้นปรากฏฉับพลันในดวงตาทั้งสองของ’เนี้ยหลี่’ ไม่ว่าจะเป็นตระกลูศักดิ์สิทธิ์หรือกลุ่มเงาทมิฬพวกมันจักต้องถูกกำจัดสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ (ที่ห้องสมุด)

หลังจากการกลับมา วรยุทธของ’เนี้ยหลี่’ได้ก้าวกระโดดและเติบโตขึ้นทุกวัน เจ้าเศษหน้ากระดาษของหนังสือแห่งจิตอสูรท่องเวลายังคงทำหน้าที่ของมันไม่ยอมหยุด โดยได้ช่วยเคลื่อนพลังวิญญาณของ’เนี้ยหลี่’ ด้วยการช่วยเคลื่อนพลังในส่วนวิญญาณของเขา พลังวิญญาณของเขาค่อย ๆ เติบโตขึ้น

หลังจากนั้น 3 วัน ด้วยความช่วยเหลือของหญ้าทะเลหมอกม่วงจำนวนมากและยาทิพย์ วรยุทธของ’เนี้ยหลี่’ในท้ายที่สุดได้ก้าวถึงระดับทองแดง 2 ดาว

ถ้าเขาสามารถไปถึงระดับทองแดง 3 ดาวก่อนการสอบในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้ และแสดงมันระหว่างการสอบ เมื่อนั้น’เนี้ยหลี่’และพรรคพวกจะได้รับความสนใจอย่างสูงจากสถาบันและถูกปฏิบัติเยี่ยงผู้ฉลาดล้ำ จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแก่เขาได้ โดยผู้มีตำแหน่งสูงสุดของสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์หรือตำแหน่งที่สูงกว่าของเมืองกลอรี่ ทุก ๆ คนเหล่านี้จะให้ความสนใจอย่างสูงต่อผู้เป็นอัจฉริยะ เมื่อ’เนี้ยหลี่’ได้ถูกระบุว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว ตระกูลศักดิ์สิทธิ์จะไม่สามารถแตะต้องตัวเขาอย่างง่าย ๆ ได้

ยังคงมีเวลาเหลือเฟือจะกระทั่งถึงการทดสอบในอีก 2 เดือน ‘เนี้ยหลี่’นั้นมีเวลามากเกินพอ ข้าง ๆ ของ’เนี้ยหลี่’ ‘ตูเช่อ หลู่เพรียว’และคนอื่น ๆ วรยุทธของพวกเขาเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง

ในตอนนี้ ‘เสวิ่นเอีย’นั้นไม่อยู่ในสายตาของเนี้ยหลี่อีกต่อไป ขณะที่เวลาได้เคลื่อนผ่านไป เสวิ่นเอียตระหนักได้ถึงความห่างของ’เนี้ยหลี่’ที่จะมีมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุดก็เกินกว่าที่เขาจะเอื้อมถึง

ในขณะนี้ มีข่าวลือได้แพร่กระจายอย่างกว้างขวางไปทั่วทั้งสถาบัน

“ท่านรู้หรือไม่? แม่นางฮูเหยียน หลานเร่อกำลังจับตาดูเนี้ยหลี่ทุกวัน ในชั้นเรียนนักต่อสู้ฝึกหัด!”

“ท่านได้ยินมาบ้างหรือไม่? แม่นางฮูเหยียน หลานเร่อประกาศต่อหน้าฝูงชนว่าเธอต้องการไล่จับเนี้ยหลี่และสุดท้ายได้เกิดเรื่องขัดแย้งกับแม่นางหนิงเอ๋อ”

“เจ้ารู้ไหม? แม่นางฮูเหยียน กับแม่นางหนิงเอ๋อต่อสู้กันเพื่อแย่งเด็กผู้ชาย! และข้ารู้มาว่าเด็กชายคนนั้นเป็นเพียงแค่นักเรียนจากชั้นเรียนต่อสู้ฝึกหัด”

ข่าวลือเริ่มจะเพิ่มมากขึ้นและมากขึ้นอย่างอุกอาจ โดยที่ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงเพียงใด

เสียงซุบซิบได้แพร่กระจายอย่างบ้าคลั่งไปทั่วทั้งสถาบัน ทั้งหมดทั้งมวลเกี่ยวกับเรื่องที่ว่า เรื่องซึ่งเกี่ยวกับผู้หญิงสองคนได้ฉุดแย่งผู้ชายคนหนึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น หัวใจของเรื่องนี้ก็คือผู้หญิงเหล่านั้นคือ’ฮูเหยียน หลานเร่อ’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’

ซึ่งทั้งสองต่างก็มีความงดงามและความฉลาดเฉลียวที่หาได้ยากภายในสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าคนหนึ่งนั้นที่พวกเขาแย่งกันจักเป็นอัจฉริยะผู้หนึ่ง นั่นก็คงไม่ใช่เรืองแปลกอันใด แต่อย่างไรก็ตามคนนั้นที่พวกเขาไล่ตามนั้นกลับกลายเป็นเพียงนักเรียนของชั้นเรียนต่อสู้ฝึกหัด สิ่งเหล่านี้สร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกคน

เมื่อไม่นานมานี้ ‘เนี้ยหลี่’เริ่มเป็นจุดสนใจ สิ่งแรกเลยเขาได้ทำลายความน่าเชื่อถือของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ และต่อมาเขาได้ยั่วยุซึ่งอาจารย์ของเขา หลังจากนั้นได้มีข่าวแพร่ออกมาว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ต้องการที่จะกำจัดเขาเสียและตอนนี้สองหญิงงามยังได้ไล่ตามเขาอีก เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเหตุให้’เนี้ยหลี่’กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วซึ่งสถาบันแห่งนี้

‘ฮูเหยียน หลานเร่อ’ได้แวะมาที่ห้องสมุดของสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อใช้เวลาของทั้งคู่อยู่ด้วยกันแต่ถูกหลบหนีโดยเนี้ยหลี่ มีเรื่องเล่าว่าหลังจากนั้น ทุก ๆ วันเมื่อสถาบันเลิก ‘ฮูเหยียน หลานเร่อ’จะคอยเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูของสถาบัน รอคอย’เนี้ยหลี่’

“เนี้ยหลี่ ถ้ากลุ่มที่ควบคุมกฏของโรงเรียนมาพบว่าเจ้าได้แอบปีนซึ่งกำแพงนี้เพื่อออกไปแล้วล่ะก็ ผลที่ตามมาคงจักไม่ดีเท่าไหร่นักนะ!”

‘ลู่เพรียว’พูดโดยหัวเราะไปด้วยระหว่างที่เขามอง’เนี้ยหลี่’

‘เนี้ยหลี่’ได้เปลี่ยนท่าทางของเขาและพูดว่า

“ถ้าข้าออกไปซึ่งประตูแห่งนั้น ข้าจักเหมือนวิ่งเข้าสู่นังผู้หญิงบ้านั่น ช่างลำบากเสียจริง!”

“เนี้ยหลี่จงพูดความจริงแก่พวกเรา เจ้าไปข้องแวะซึ่งแม่นางฮูเหยียน หลานเร่อได้เช่นไร?”

‘ลู่เพรียว’ถามขึ้นด้วยความที่เขาหึงหวง อิจฉาและเกลียดเนี้ยหลี่ที่กำลังถูกไล่ตามโดยหญิงงามเช่น’ฮูเหยียน หลานเร่อ’ และ’เนี้ยหลี่’ยังทำท่าเหมือนไม่ใช่เรื่องแตกต่างอันใด สิ่งนี้นั้นทำให้’ลู่เพรียว’พูดไม่ออก ถ้าเป็นตัวเขาแล้วละก็ ไม่มีความจำเป็นต้องให้’ฮูเยียน หลานเร่อ’ต้องมาไล่ตามหรอก เขาจะมอบกายของเขาไปกองไว้ที่หน้าประตูบ้านของเธอเลย

ไม่ต้องคิดถึงเลยเรื่องความยั่วยวนของ’ฮูเหยียน หลานเร่อ’ เพียงแค่ได้สัมผัสหน้าอกขนาดมหึมาของเธออย่างเดียวนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว ถ้า’เนี้ยหลี่’ไม่ได้บอกพวกเขาว่าเขานั้นได้ชอบซึ่ง’เอียจืออวิ้น’อยู่ พวกเขาคงอดสงสัยไม่ได้ว่า’เนี้ยหลี่’นั้นคงชอบเพียงแต่ผู้ชายเป็นแน่

“ข้าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอันใดกับเธอ… ผู้หญิงคนนี้เพียงแต่น่าขบขัน!”

เนี้ยหลี่พูดพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อย

“ถ้าเช่นนั้นแล้วคงไม่มีทางเลือก ดูเหมือนว่าพวกเราจักต้องไต่ซึ่งกำแพงนี้ออกไปพร้อมกับเจ้าตั้งแต่บัดนี้ไป”

‘ตูเซ่อ’หัวเราะพร้อมกับยักไหล่ของเขาไปด้วย เขาไม่ได้สนใจซึ่งเรื่องราวซุบซิบเหล่านี้ เขาเพียงแต่ต้องการมุ่งไปที่การฝึกฝน และเปลี่ยนโชคชะตาให้แก่ครอบครัวเขา เป็น’เนี้ยหลี่’ที่ได้ให้โอกาสแก่เขาที่จักทำเช่นนั้นได้ ดังนั้นเขาจะสนับสนุน’เนี้ยหลี่’แม้จักต้องแลกด้วยชีวิตของเขาก็ตาม

ในตอนนี้ กลุ่มคนจำนวนหนึ่งพร้อมกับเครื่องหมายอยู่ในระยะห่างที่ไม่ไกลได้ตะโกนว่า

“เฮ้ พวกเจ้านั้นอยู่ชั้นเรียนอะไรกัน? พวกเจ้ามาทำอะไรซึ่งที่แห่งนี้ รออยู่ตรงนั้นนะ !”

‘เนี้ยหลี่’และเพื่อนของเขาต่างมองกันไปมา

“ชู่ว ชู่ว ชู่ว”

ร่าง 6 ร่างบินออกมาเหนือกำแพงของสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์และปิดบางอย่างไว้
(ตอนอ่านที่แรกเลยนึกว่าคนเหล่านี้มาช่วยพวกเนี้ยหลี่ แต่ที่จริงแล้วตอนที่คนกลุ่มนั้นถามถึงคงเป็นพวกนี้ที่ซ่อนรออยู่ที่กำแพงรอให้คนกลุ่มนี้ปรากฏ แต่พวกเนี้ยหลี่ได้ยินเข้าและนึกว่าพูดถึงพวกตน )
สถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ ระดับอัจฉริยะพร้อมความสามารถพิเศษ

กลุ่มนักเรียนกลุ่มหนึ่งเริ่มรวมตัวกันเข้าหากัน

“หะ ฮ่ะ ฮ้ะ(เสียเวลาคิดเมโลดีหัวเราะนานอยู่ หะ ฮ่ะ ห้า(หัวเราะเองเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง))!เสวิ่นเฟย ได้ข่าวมาว่าคู่หมั้นของเจ้านั้นได้ต่อสู้กับฮูเหยียนหลานเร่อด้วยเรื่องผู้ชายผู้หนึ่ง เป็นเรื่องจริงเช่นนั้นรึ”

เขาประชดอย่างไม่เกรงกลัว และได้เดินผ่านวัยรุ่นตัวสูงอายุประมาณ 16 – 17 ปี พร้อมกับเริ่มหัวเราะ

ชั้นเรียนผู้มีอัจฉริยะของสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ภายในได้ถูกแบ่งเป็นหลาย ๆ กลุ่ม และความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มก็ไม่ลงรอยกันอย่างมาก คนผู้นี้มีชื่อว่า ‘เอียหอง’ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องครอบครัวหนึ่งของ’เอียจืออวิ้น’ ตัวเขาค่อนข้างได้รับการยกย่องในชั้นเรียนระดับอัจฉริยะนี้ และตอนนี้เขามาพร้อมกับเหล่ากลุ่มคนซึ่งได้ติดตามเขาโดยที่เขานั้นเป็นศัตรูกับ’เสวิ่นเฟย’

เมื่อได้ยินคำพูดของ’เอียหอง’ ‘เสวิ่นเฟย’กำหมัดของเขาไว้แน่นโดยแรงดันการกำหมัดนี้เกือบทำให้เลือดของเขาพุ่งออกจากฝ่ามือ แม้ว่าเรื่องเหล่านี้ยังคงไม่ได้ถูกยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นเรื่องซุบซิบเหล่านี้ที่แพร่กระจายภายในสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้นทำให้เสวิ่นเฟยอับอายขายหน้ามากเป็นที่สุด

“ข้าได้ยินมาจากน้องสาวของข้าว่าแม่นางคนนั้นไม่ได้ชอบเจ้าเลย ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ทำไมต้องฝืนใจเธอด้วยล่ะ ? เพียงแค่เจ้าปล่อยเธอไป เจ้าจะได้หลีกเลี่ยงได้ที่จักกลายเป็นสามีผู้ซึ่งภรรยามีชู้ได้ภายในวันหนึ่งข้างหน้า!?”

‘เอียหอง’หัวเราะด้วยความที่เขาเป็นญาติกับ’เอียจืออวิ้น’ ดังนั้นเขาถึงได้ยินเรื่องราวซึ่งหนึ่งถึงสองสิ่งเกี่ยวกับ’เสี้ยวหนิงเอ๋อ’ ภายใต้อิทธิพลของ’เอียจืออวิ้น’ เขานั้นจะคอยหาเรื่องกับ’เสวิ่นเฟ่ย’ภายในชั้นเรียนไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เขาทำได้

ถึงแม้ว่า ‘เสวิ่นเฟย’รู้สึกเศร้าใจ เขาสงสัยว่าทำไม’เอียหอง’ถึงได้ตามรังควาญเขาอยู่ทุกครา เขานั้นไม่มีทางเลือก สถานะของ’เอียหอง’นั้นได้กดอย่างแน่นให้ตัวเขาต่ำลง ดังนั้นไม่ว่าเขาจะร้ายกาจเพียงใด ตัวเขายังคงเลือกที่จะไม่เผชิญหน้าตรง ๆ กับ’เอียหอง’

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องในครั้งนี้ ‘เสวิ่นเฟย’ไม่สามารถทนซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้อีกต่อไป เขาพ่นลมหายใจออก

“ไม่มีใครสามารถแย่งผู้หญิงของข้าไปได้”

ถ้าข้าไม่สามารถได้เธอ เมื่อนั้นผู้อื่นก็ทำได้แต่ฝันไปเท่านั้นแหละว่าจะได้ไป

จบตอน..

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments