I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 42 อายุมิได้สะท้อนซึ่งความรู้

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 5690 | 2532 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เมื่อใดยินที่’เสวิ่นเฟย’กล่าว คิ้วของ’เอียหอง’ได้ขมวดเข้าหากันด้วยความโกรธ ในขณะที่ความแค้นได้ปรากฏขึ้นภายในดวงตาของเขา ‘เสวิ่นเฟย’ชักจะข่มกันมากเกินไปแล้ว! ถ้า’เสวิ่นเฟย’นั้นกล้าแตะต้อง’เสี้ยวหนิงเอ๋อ’ ‘เอียหอง’ผู้นี้จะเป็นผู้ที่หยุดเขาไว้เอง!

‘เอียหอง’พ่นลมหายใจแรงและเดินจากไป

‘เสวิ่นเฟย’มองไปที่หลังของ’เอียหอง’ รอยยิ้มเลือนรางได้ปรากฏที่ปากของเขา

อย่าได้คิดนะว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ของข้าจะกลัวซึ่งตระกลูหิมะเหมันต์ของเจ้า อย่าได้คิดว่าเพียงเจ้ามีร่างทรงอสูรระดับตำนานอยู่ผู้หนึ่งแล้วจะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่นัก จักต้องมีซึ่งวันหนึ่งที่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ของข้าได้ก้าวมาแทนที่ตระกูลหิมะเหมันต์ของพวกเจ้า เขาคิดตำหนิอย่างเงียบ ๆ

“เนี้ยหลี่”

เสียงแหลม ๆ ที่แจ่มชัดนี้ได้เรียกเขา

เมื่อ’เนี้ยหลี’มองไปที่เสียงนั้น เขาได้เห็นเซี่ยวหนิงเอ๋อซึ่งเธอนั้นได้สวมชุดแบบเรียบง่ายและสง่างาม

“เฮ้! หนิงเอ๋อ ไม่ได้พบเจ้าหลายวันแล้วแลดูเหมือนว่าเจ้านั้นมีความงดงามเพิ่มมากขึ้นนะ!”

‘เนี้ยหลี่’ยิ้มเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ‘เนี้ยหลี่’ได้รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยเมื่อเขาคิดถึงเรื่องราวของ’ฮูเหยียนหลานเร่อ’ (เป็นความงามซึ่งมาพร้อมภาระ หลานเร่องามเหมือนกับเสี้ยวหนิงเอ๋อแต่ต่างกันที่พฤติกรรมและความจริงใจ)

เมื่อได้ยินคำของ’เนี้ยหลี่’ ดวงตาทั้งสองของ’เสี้ยวหนิง’เอ๋อปรากฏแสงแห่งความสุขขึ้นทันใดและใบหน้าของเธอเริ่มมีสีแดงเล็กน้อย เธอได้นำบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าต่างมิติ มอบมันให้กับ’เนี้ยหลี่’

“หญ้าทะเลหมอกม่วงที่ท่านได้ให้ข้านำไปขายนั้นได้ถูกขายหมดเรียบร้อยแล้ว นี่คือเงินของท่าน”

หลังจากได้ยินเซี่ยวหนิงเอ๋อพูดเช่นนั้น ‘ลู่เพรียว’ และ’ตูเซ่อ’ต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความสับสน พวกเขาสงสัยว่า’เนี้ยหลี่’ได้ใช้ซึ่งเวทย์มนต์อันใดต่อ’แม่นางหนิงเอ๋อ’ ผ่านการมองพวกเขา เป็นไปได้เช่นไรที่’แม่นางหนิงเอ๋อ’จะเชื่อฟังอย่างว่าง่ายไม่ว่า’เนี้ยหลี่’จะพูดสิ่งใด

สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้ทั้ง’ลู่เพรียว’และ’ตูเซ่อ’พูดไม่ออก นี่ยังคงใช่เทพธิดาหนิงเอ๋อที่พวกเขารู้จักหรือ? เทพธิดาเช่นเธอมักจะเย็นชาต่อผู้อื่น ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าใกล้เธอ อย่างไรก็ตามกลับเป็นเรื่องที่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงเมื่ออยู่กับ’เนี้ยหลี่’

“ขอบใจเจ้ามาก!”

‘เนี้ยหลี่’รับเงินมาอย่างเป็นกันเองแล้วเก็บลงกระเป๋าต่างมิติของเขา พวกเขาไม่จำเป็นต้องปฏิบัติกันอย่างสุภาพต่อกัน

“เทพธิดาหนิงเอ๋อ ท่านได้มีต่อสู้กับฮูเหยียน หลานเร่อจริงหรือไม่?”

‘ลู่เพรียว’กระพริบตาพร้อมกับมองอย่างซุบซิบ(ครหา)ไปที่’เสี้ยวหนิงเอ๋อ’

‘เสี้ยวหนิงเอ๋อ’ได้เงยหน้าของเธอขึ้นและมองไปที่’เนี้ยหลี่’ เธอมีท่าทีอายเล็กน้อยและถามเขาว่า

“ไม่มีซึ่งอะไรหรอก ข้าเพียงแต่โต้เถียงกับเธออยู่ชั่วครู่เท่านั้น เนี้ยหลี่ท่านได้ชอบผู้หญิงคนจริง ๆ หรือไม่”

“ไม่มีทางเลย ผู้หญิงคนนั้นมาตอแยข้าเกินไป อย่าไปยุ่งกับเธออีกในคราวหน้า”

‘เนี้ยหลี่’บอกมือไปมาอย่างปฏิเสธ

“อ้อ”

‘เสี้ยวหนิงเอ๋อ’ตอบกลับเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามภายในใจของเธอนั้น เธอนั้นรู้สึกโล่งอก ผู้หญิงที่ยั่วยวนเช่น’ฮูเหยียนหลานเร่อ’ นั้นทำให้เธอรู้สึกถูกคุกคาม

“การฝึกที่ผ่านมาหลายวันนี้ทำให้ตัวของพวกข้านั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อทั่วตัว ตัวของพวกเราเริ่มที่สกปรก และพวกเรากำลังเตรียมตัวไปอาบน้ำ ท่านต้องการมาร่วมกับพวกเราหรือไม่?”

‘ลู่เพรียว’แหย่ด้วยความขบขัน

“ ข้า….ข้าจะไม่ไปด้วย!”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เริ่มพูดติดอ่าง จ้องเขม็งไปที่’ลู่เพรียว’

“ท่านสามารถไปด้วยกันสองต่อสองกับเนี้ยหลี่ พวกเราจะไม่ไปรบกวนพวกท่าน”

‘ลู่เพรียว’หัวเราะขึ้น

เมื่อได้ยินที่’ลู่เพรียว’พูดนั้น หน้าของ’เสี้ยวหนิงเอ๋อ’ปรากฏสีแดงขึ้นมาฉับพลัน

“ลู่เพรียวนั้น ไม่ได้มีเรื่องที่เป็นแก่นสารใดจะกล่าว อย่าได้ไปใส่ใจกับเขาเลย!”

‘เนี้ยหลี่’ได้ตบไปที่หลังศรีษะของลู่เพรียวและได้พูดกับ’เสี้ยวหนิงเอ๋อ’

“อืม”

‘เสี้ยวหนิงเอ๋อ’ผงกศรีษะรับ ท่าทีเอียงอายของเธอนั้นไม่สามารถบอกได้ว่าช่างน่าเสน่หหาเพียงไร

“เนี้ยหลี่ เจ้าไม่หลงเหลือไว้ซึ่งความพี่น้องต่อกันเลย เจ้าได้พูดไปว่าข้าไม่มีเรื่องที่เป็นแก่นสารให้พูด ”

เจ้านั้นเห็นหญิงนั้นสำคํญกว่าเพื่อน! ข้าคงจะไม่สู้กับเจ้าด้วยเรื่องเกี่ยวกับเธอหรอก

เมื่อได้เห็นการโต้เถียงระหว่าง’เนี้ยหลี่’และ’ลู่เพรียว’เช่นนั้น ‘เสี้ยวหนิงเอ๋อ’รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย มันได้ผ่านมาเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่เธอได้มีเพื่อนเช่นนั้นอยู่รอบ ๆ ตัวของเธอ ภายในความคิดเธอปรากฏรูปร่างหนึ่งขึ้นมา มัน(สรรพนามแทนความคิดที่ปรากฏขึ้น ผู้แปลน่าจะหมายถึงสิ่งนี้ไม่ได้ใช้เรียกคน)คือเอียจืออวิ้น

เมื่อเธอยังเด็ก เธอและ’เอียจืออวิ้น’ทั้งสองต่างเคยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังเมื่อความห่างระหว่างพวกเขาค่อย ๆ เพิ่มขึ้นมากเรื่อย ๆ

แต่ยิ่งไปกว่านั้น คนที่’เนี้ยหลี่’ชอบก็คือ’เอียจืออวิ้น’

‘เสี้ยวหนิงเอ๋อ’ได้คิดอย่างเป็นความลับอยู่ภายในใจของเธอ ว่าเธอนั้นจะไม่มีวันยอมแพ้ให้กับ’เอียจืออวิ้น’เด็ดขาด!

ห่างออกไปไม่ไกลนักกลุ่มของคนประมาณ 10 คนค่อย ๆ เดินเข้ามา หัวหน้าของกลุ่มนี้นั้นเป็นผู้ชายอายุราว ๆ 30 ปีเห็นจะได้ รูปร่างของเขาสูงใหญ่ เส้นผมสีเหลืองบาง ๆ คลุมใบหน้าของเขาไว้เกินกว่าครึ่ง ดวงตาของเขานั้นเฉียบคมราวกับตาของเหยี่ยว

ชายผู้นั้นกวาดสายตาชำเลืองมองมาที่’เนี้ยหลี่’ ภายในดวงตาเขาปรากฏความแปลกใจในสิ่งหนึ่งอย่างฉับพลันแต่ก็กลับมาเป็นดวงตาที่สงบในทันใด

‘เนี้ยหลี่’มีความคิดลับ ๆ อยู่ในใจว่า ข้าเคยได้พบชายผู้นั้นมาก่อนหรือไม่?

เมื่อชายผู้นั้นได้เดินผ่านตัวเขา ‘เนี้ยหลี่’สามารถจับได้ถึงพลังงานหนึ่งที่เปล่งออกมา กลุ่มของผู้คนเหล่านี้เป็นพวกกลุ่มเงาทมิฬเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่พวกเขาได้พบที่นครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่ อย่างไรก็ตามการแสดงออกของ’เนี้ยหลี่’ยังคงสงบอยู่เมื่อเขาเดินผ่านคนกลุ่มนี้

เขาไม่ได้แสดงถึงปฏิกริยาใดออกมา ถ้าหากว่าเขาได้แสดงอาการตอบสนองขึ้นมาซึ่งสิ่งหนึ่งแล้วและถูกคนพวกนั้นจับพิรุธได้ เมื่อนั้นพวกมันจะต้องปิดปากเขาอย่างแน่นอน

หลังจากทิ้งระยะห่างพอสมควรแล้ว ผู้ชายคนนั้นหันหลังกลับและชำเลืองมองมาที่’เนี้ยหลี่’

“หัวหน้า เจ้าหนูนั้นเป็นไปได้ว่าจะไม่สามารถจำพวกเราได้”

ลูกน้องคนหนึ่งข้างตัวเขาพูดขึ้น

“ใช่แล้ว”

ชายผู้นั้นตอบกลับพร้อมกับผงกศรีษะเล็กน้อย ชายผู้นี้คือหยุนหัว ดิคอน เพราะว่าด้วยสถานะเฉพาะของเขานั้น เขาต้องมีควา
ระมัดระวังเป็นอย่างสูงเมื่ออยู่ภายในเมืองกลอรี

“พวกเราต้องกำจัดเสียซึ่งคนผู้นั้นหรือไม่?”

ลูกน้องอีกคนได้ถามขึ้น

“ไม่จำเป็น”

‘หยุนหัว ดิคอน’กล่าวพร้อมกับสั่นหัวของเขา ถ้าพวกเขานั้นได้ฆ่าซึ่งบางคนแล้วในเมืองกลอรี่ มันจะเป็นปัญหาได้ถ้าทางคฤหาสน์จ้าวเมืองเริ่มที่จะทำการสอบสวน

หลังจากได้เดินผ่านถนนสองสายลงมา เกิดความแน่ใจแล้วว่ากลุ่มเหล่านั้นไม่สามารถสังเกตุเห็นได้ ‘เนี้ยหลี่’ถอนใจด้วยความโล่งอก

“หนิงเอ๋อ พวกคนกลุ่มนั้นเป็นใครกัน”

‘เนี้ยหลี่’ยิ้มเล็กน้อยและถามขึ้น

“กลุ่มคนจากเมื่อครู่นี้หรือ?”

‘เสี้ยวหนิงเอ๋อ’คิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเธออมยิ้ม

“กลุ่มคนเหล่านั้นมาจากภัตตาคารดารา และภัตตาคารดาราเป็นหนึ่งในธุรกิจของตระกูลศักดิ์สิทธิ์”

‘เสี้ยวหนิงเอ๋อ’ไม่รู้ว่าทำไม’เนี้ยหลี่’ถึงได้ถามเช่นนี้ออกมา

เมืองกลอรี่นั้นมีอันตรายอยู่ทั่วจริง ๆ ดูเหมือนว่าเขาจำเป็นต้องเผยความสามารถบางอย่างของเขาออกมาเสียแล้ว เพื่อได้รับมาซึ่งความแน่ใจในความปลอดภัยของชีวิต

ดูเหมือนว่า สถานการณ์ในตอนนี้ของเมืองกลอรี่ปรากฏว่าเริ่มซับซ้อนมากกว่าที่เขาคิดไว้ทีแรก เขาไม่รู้ว่ามีผู้คนของกลุ่มเงาทมิฬที่กำลังซ่อนตัวอยู่บริเวณรอบ ๆ เมืองเป็นจำนวนเท่าใด

ดังนั้นเขาต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง เนี้ยหลี่หวนรำลึกอย่างละเอียดถึงกลุ่มคนที่ได้ต่อสู้เพื่อเมืองกลอรี่จนวาระสุดท้ายในชีวิตที่แล้วของเขา พวกคนเหล่านั้นตายเยี่ยงวีรบุรษในศึกต่อสู้ครั้งสุดท้าย น่าจะเป็นพวกคนที่เขาสามารถวางใจได้

‘เนี้ยหลี่’ต้องรวบรวมพลังทุก ๆ อย่าง ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ภายในเมืองกลอรี่ สถานะของสมาคมนักปรุงได้เริ่มเสื่อมลง อย่างไรก็ตาม มันยังสามารถคงอยู่ได้อย่างน่าประหลาด สมาคมปรุงยานั้นสถานะอยู่ตำกว่าเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตระกูลหลักทั้งสาม

ภายในสมอง’เนี้ยหลี่’ เขามีความรู้ทุกชนิดมากมายมหาศาลเกี่ยวกับการปรุงยานี้ ถ้าพวกเขาได้ใช้มันอย่างถูกต้อง พวกเขาจะสามารถเสริมพลังให้แก่สมาคมปรุงยานี้ได้ เมื่อสมาคมปรุงยาแข็งแกร่งขึ้น

เมืองกลอรี่ก็จะเข็มแข็งขึ้นตามไปด้วย สิ่งนี้สามารถคิดได้ว่าเป็นสิ่งที่’เนี้ยหลี่’ได้สนับสนุนให้แก่เมืองกลอรีได้

สมาคมปรุงยาเป็นสถานที่ใหญ่โตมโหฬาร ลานสำหรับกิจกรรมรื่นเริงย์เพียงอย่างเดียวก็กินซึ่งพื้นที่มหาศาล คฤหาสน์ที่อยู่เบื้องหน้าปรากฏนักปรุงยามากมายโดยที่พวกเขาสวมใส่ชุดคลุมที่มีสีแตกต่างกันไป กำลังเดินเข้าและเดินออกอยู่

แม้ว่าสมาคมปรุงยาเริ่มจะเสื่อมถอยลงแล้วบ้าง สิ่งหนึ่งนั้นยังคงสามารถเห็นได้ว่าสมาคมปรุงยานั้นเคยรุ่งโรจน์เพียงใด เมื่อได้เห็นฐานที่ตั้งของสมาคมปรุงยาที่ได้สร้างไว้ซึ่งสิ่งก่อสร้างที่งดงามนี้

นักปรุงยาแบ่งระดับได้เป็น ผู้ฝึกหัด ผู้รอบรู้ และผู้เชี่ยวชาญ ทุกๆ ระดับสามารถแยกย่อยไปได้อีกเป็นหลายชั้นคือ เริ่มต้น กลาง และสูง พวกผู้ฝึกหัดนั้นจะสวมชุดคลุมสีเทา ผู้รอบรู้จะสวมชุดคลุมสีขาว และผู้เชี่ยวชาญจะสวมชุดคลุมสีเงิน นักปรุงยาส่วนมากที่เดินเข้าและออกอยู่ในระดับผู้ฝึกหัด สำหรับระดับผู้รอบรู้นั้น พวกเขาไม่ค่อยปรากฏให้พบเห็นเท่าใดนัก มีเพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้นที่สามารถพบเห็นได้

ด้วยเหตุที่สมาคมปรุงยาเริ่มเสื่อมถอยลง พวกอัจฉริยะทั้งหลาย(ภายนอก)นั้นรู้สึกฝืนใจที่ต้องให้เวลาของพวกเขาในการปรุงยานี้ พวกเขามุ่งไปที่การฝึกวรยุทธแทน ดังนั้น จำนวนของนักปรุงยารุ่นใหม่ที่เพิ่มขึ้นนั้นจึงมีน้อยและน้อยลงขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากได้เดินเข้าสู่สมาคมปรุงยา ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘ตูเซ่อ’ และ’ลู่เพรียว’ และคณะต่างมองไปรอบ ๆ สถานที่แห่งนี้ พวกเขายังคงไม่เข้าใจว่าทำไม’เนี้ยหลี่’ถึงได้มาซึ่งที่นี่

‘เนี้ยหลี่’ค่อย ๆ นึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ภายในสมาคมปรุงยา ที่นี่มีกลุ่มบุคคลอาวุโสอยู่ทั้งหมด 6 ท่านซึ่งมีคำพูดที่ทรงอิทธิพลที่สุด พวกเขาเป็นกลุ่มของชายชราโดยตำแหน่งที่ต่ำทีสุดในกลุ่มนั้นคือระดับผู้รอบรู้ขั้นกลาง ถัดมาคือ 2 ผู้รอบรู้ขั้นสูง สำหรับระดับผู้เชี่ยวชาญในขณะนี้นั้น สมาคมปรุงยาไม่มีเลยสักผู้เดียว นอกจากกลุ่มคนอาวุโสทั้ง 6 นี้ ยังคงมีผู้อำนวยการซึ่งคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ ภายในสมาคมปรุงยานี้

ภายในศึกต่อสู้ครั้งสุดของเมืองกลอรี่เมื่อชีวิตที่แล้วของเขา สมาคมปรุงยานี้นั้นได้เข้าร่วมด้วยจำนวนมาก ท้ายที่สุด ทุก ๆ คนก็ได้จบชีวิตในสงครามดังวีรบุรุษ ด้วยเหตุนี้แม้เพียงสิ่งเดียวนั้น ‘เนี้ยหลี่’ก็สามารถมั่นใจได้ว่าพวกเขานั้นไม่ได้เข้าร่วมกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์

“ยินดีที่ได้พบท่านที่นี่ มีอะไรให้ข้ารับใช้ท่านบ้าง”

หญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งสวมชุดคลุมสีเทาเดินเข้ามาและถามขึ้น เธอเป็นพนักงานต้อนรับของคฤหาสน์สมาคมปรุงยา

“ข้ามาที่แห่งนี้เพื่อเข้ารับการทดสอบปรุงยา”

‘เนี้ยหลี่’ได้กล่าวขึ้นพร้อมกับมองไปที่ผู้หญิงสูงคนนี้และยิ้มเล็กน้อย

“ไม่ทราบว่าจะให้ข้าเรียกท่านด้วยชื่อใด”

‘เสี้ยวหนิงเอ๋อ’ ‘ตูเซ่อ’ ลู่’เพรียว’และคณะต่างมองไปที่’เนี้ยหลี่’ด้วยความตกใจ เริ่มต้นเลยพวกเขาคิดว่าการที่’เนี้ยหลี่’มายังที่แห่งนี้นั้นเพื่อมาหาใครบางคน พวกเขาไม่เคยคิดเลย ว่า’เนี้ยหลี่’จะมาที่แห่งนี้เพื่อรับการทดสอบเป็นนักปรุงยา

สามารถเป็นไปได้หรือที่เนี้ยหลี่จะทำได้ดีเรื่องการปรุงยานี้ด้วย?

หลังจากที่ได้อยู่ร่วมกันกับ’เนี้ยหลี่’มาเป็นเวลานาน ด้วยเหตุการณ์ที่น่าแปลกใจทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว’เนี้ยหลี่’ ‘ตูเซ่อ’ ‘ลู่เพรียว’ และคณะไม่พบว่ามันน่าแปลกใจแต่อย่างใด

หญิงผู้นี้ได้มองที่’เนี้ยหลี่’ด้วยความแปลกใจเล็กน้อย จำนวนของคนเด็กเยาว์วัยที่มายังสมาคมปรุงยาเพื่อรับการทดสอบเป็นนักปรุงยานั้นค่อนข้างหาได้ยาก แต่เมื่อมีผู้มาใหม่มาเยือน เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่สมาคมปรุงยาจะต้อนรับพวกเขา

“ท่านสามารถเรียกข้าได้ว่า เซี่ยว หลาน ท่านมาที่นี่เพื่อการทดสอบเป็นนักปรุงยาระดับผู้ฝึกหัด ถูกต้องหรือไม่? ท่านนั้นได้เตรียมพร้อมมาแล้วเพียงใด ? นักปรุงยาระดับฝึกหัดนั้นจักคุ้ยเคยเป็นอย่างดีกับหนังสือพื้นฐานของการปรุงยามากกว่า 10 เล่ม”

‘เซี่ยว หลาน’พูด ยิ้มเล็กน้อย หนังสือเหล่านั้นมีจำนวนคำมากกว่าแสนคำเกี่ยวกับการพื้นฐานของการปรุงยา และสิ่งเหล่านั้นเพียงอย่างเดียวก็ทำให้คนจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนถอยหนีไป อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพื่อที่จะเข้ามาสู่การเป็นนักปรุงยานั้น ถ้าพวกเขาไม่รู้แม้กระทั่งพื้นฐานและหลักของการปรุงยา อาจเป็นสาเหตทำให้ถึงแก่ความตายได้

“แม่นาง เซี่ยวหลาน ข้าสามารถเข้ารับการทดสอบระดับผู้รอบรู้ได้หรือไม่”

‘เนี้ยหลี่’ถามพร้อมกับมองไปที่’เซี่ยว หลาน’

เมื่อได้ยินคำพูดของ’เนี้ยหลี่’ ‘เซี่ยวหลาน’ชะงักไปชั่วครู่ และพูดว่า

“ แม้มันจะเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่ท่านรู้แล้วรึว่าจำเป็นต้องใช้การฝึกฝนมากเพียงใดเพื่อจะได้กลายมาเป็นนักปรุงยาระดับผู้รอบรู้นี้ นอกจากหนังสือเหล่านั้นที่เกี่ยวกับพื้นฐานแล้ว ยังคงมีหนังสืออื่นอีกมากกว่าหนึ่งร้อยเล่มเกี่ยวกับสมุนไพรชนิดต่าง ๆ ที่ท่านจะต้องทำความคุ้นเคยกับมัน”

‘เซี่ยวหลาน’กวาดสายตำชำเลืองมองไปยัง’เนี้ยหลี่’ และคิดภายในใจของเธอว่า’เนี้ยหลี่’คนนี้นั้นช่างโง่เขลานัก แม้ว่าเขาจะเริ่มต้นอ่านหนังสือเหล่านั้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เขาก็มิสามารถจะอ่านพวกมันเจนจบ ยังมิต้องพูดถึงเลยซึ่งการคุ้นเคยและเข้าใจในหนังสือเหล่านั้น ผู้ที่อยู่ในระดับรอบรู้ขั้นต้นส่วนมากแล้วได้อุทิศเวลาเป็นอย่างมากในการอยู่ที่ระดับฝึกหัด

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ‘เนี้ยหลี่’นั้นน่าจะไม่เคยแม้กระทั้งสัมผัสกับหม้อปรุงยามาก่อน แม้ว่าเขาจะผ่านรอบแรกของการสอบได้ ในรอบที่สองของเขานั้น เขาจะต้องทำให้ตัวยาเพิ่มความสามารถขึ้นและเขาคงไม่สามารถจะผ่านมันไปได้ ‘เนี้ยหลี่’เป็นผู้ที่ไม่คิดอย่างสมเหตุสมผล เขาไม่ได้ใช้เวลาของเขาผ่านการศึกษาอย่างถูกต้องและกำลังหวังจะก้าวขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยก้าวไปเพียงก้าวเดียวนี้

‘เนี้ยหลี่’กระพริบตา มองไปที่’เซี่ยว หลาน’และพูดขึ้น

“อายุนั้นไม่ได้บ่งบอกซึ่งความรู้ของผู้ใด ถูกต้องหรือไม่”

‘แม่นางเซี่ยว หลาน’ ขอเพียงแค่ท่านนำข้าไปสูการทดสอบระดับผู้รอบรู้ขั้นต้นด้วย
จบตอน…

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments