I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 48 พรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 5884 | 2532 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ภายในสนามประลองการต่อสู้ ธงมากมายได้โบกสะบัดไปมา เสียงดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า การสอบแห่งปีที่ทุกคนคาดหมายไว้เป็นอย่างมากนี้ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว สิ่งนี้สำหรับนักเรียนแล้วมีความหมายอย่างมาก

นักเรียนทุกคนจากชั้นเรียนนักต่อสู้ฝึกหัดและชั้นเรียนร่างทรงอสูรฝึกหัดได้รวมตัวกัน ณ บริเวณสนามต่อสู้แห่งนี้ แม้แต่’เนี้ยหลี่’และคณะผู้ซึ่งได้หายตัวไปเมื่อสองเดือนที่แล้วก็ได้กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งบนสนามต่อสู้แห่งนี้ โดยยืนอยุ่ด้วยกันกับเหล่านักเรียนคนอื่น ๆ

เมื่อเห็นว่า’เนี้ยหลี่’ได้มาแล้ว ทั้ง’เอียจืออวิ้น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ได้เดินตรงเข้ามา

ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้ชายจากชั้นเรียนของเขาหรือเด็กผู้ชายจากชั้นเรียนอื่น ๆ เมื่อได้เห็นผู้หญิงทั้งสองอันแสนงดงามยืนอยู่ด้วยกันกับ’เนี้ยหลี่’ พวกเขาต่างเต็มไปด้วยความอิจฉา’เนี้ยหลี่’ชักจะมากไปแล้ว เก็บของดีมากมายไว้กับตัวผู้เดียว

‘เนี้ยหลี’ได้มองไปยัง’เอียจืออวิ้น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ผู้หญิงทั้งสองในตอนนี้งดงามขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน มีแต่คำว่านางฟ้าเท่านั้นที่สามารถใช้อธิบายได้

ด้วยทั้งเทคนิค[ปีกมังกรอัสนีเหมันต์] และ [ฟีนิกซ์น้ำแข็งเก้าชีวิต] ไม่ต้องสงสัยเลย เทคนิคการเคลื่อนพลังที่แข็งแกร่งทั้งสองนี้ พวกมันสามารถขจัดซึ่งสิ่งมัวหมองภายในร่างกายออกไปได้ ทำให้ผู้หญิงทั้งสองนี้มีออร่าเปล่งปลั่งดุจดั่งนางฟ้า

เมื่อไม่นานมานี้ ‘เอียจืออวิ้น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’วรยุธของพวกเธอได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ก้าวหน้าไปไกลเหล่าเพื่อนของพวกเธอทั้ง’เอียจืออวิ้น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ พวกเธอทั้งสองต่างรู้สึกขอบคุณ’เนี้ยหลี่’ ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือของเขาแล้ว พวกเธอคงจะไม่สามารถมีระดับการเคลื่อนพลังเพิ่มขึ้นสูงเช่นนี้

‘เอียจืออวิ้น’ดูเหมือนว่าจะเริ่มนึกอะไรบ้างสิ่งใด หลังจากคุยกับ’เนี้ยหลี่’อยู่ชั่วครู่ เธอได้เดินออกไป

“เนี้ยหลี่ข้าได้ยินมากจากสมาชิกภายในตระกูลของข้าว่ากิจการของตระกูลบันทึกสวรรค์ได้ถูกกดดันอย่างหนักโดยตระกูลศักดิ์สิทธิ์”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ได้เดินไปข้าง’เนี้ยหลี่’และกระซิบบอกเช่นนั้น

“แค่เพียงการค้าขายถูกยกเลิกเท่านั้นหรือ”

‘เนี้ยหลี่’ถามกลับ

“อืม!”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ผงกศรีษะของเธอ ถึงแม้ว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์จะมีอิทธิพลมาก พวกเขายังคงเพียงแค่สามารถสามารถยกเลิกการค้าขายกับตระกูลอื่น ๆ ได้เท่านั้น

เนื่องจากเมืองกลอรี่มีกฏห้ามการขัดแย้งภายใน ถ้าตระกูลศักดิ์สิทธิ์นั้นได้ทำลายตระกูลบันทึกสวรรค์แล้ว ทั้งร่างทรงอสูรลอร์ดเอียมัวและท่านจ้าวเมืองจะไม่ปล่อยให้ตระกูลศักดิ์สิทธิ์เอาไว้

“ถ้าเช่นนั้น ก็ไม่เป็นไรหรอก”

‘เนี้ยหลี่’พูดอย่างมีความสุข ตั้งแต่การเริ่มต้นการขายยาทั้งหลาย(อย่าเลียนแบบนะ)เงินที่’เนี้ยหลี่’ได้มาต่อวันนั้นมีมากกว่า 1ล้านเหรียญจิตมาร รายได้ต่อวันของเขานั้นสามารถเทียบได้กับรายได้ทั้งปีของตระกูลบันทึกสวรรค์ แค่ถูกยกเลิกการติดต่อค้าขายของตระกูลคงไม่ใช่เรื่องใหญ่มากนัก

เมื่อเขาเสร็จซึ่งการสอบและได้กลับสู่บ้าน เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ทุกสิ่งภายในตระกูลบันทึกสวรรค์ได้

แม้ว่าเขาไม่ได้กังวลในสิ่งที่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์คิดจะทำ แต่เขาต้องคอยระวังตัวต่อกลุ่มเงาทมิฬที่ได้เข้าร่วมกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์ คนจากกลุ่มเงาทมิฬจะไม่ทำตามกฏของเมืองกลอรี่ โชคยังดีที่เมืองกลอรี่อยู่ภายใต้การควบคุมเป็นอย่างดี ดังนั้นกลุ่มเงาทมิฬจึงไม่สามารถทำสิ่งใดภายในเมืองกลอรี่ได้โดยง่าย

ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งได้เดินเข้ามา เขาคือ’เสวิ่นเฟย’ ‘เสวิ่นเอีย’และคณะ เมื่อมองดูว่า’เนี้ยหลี่’ได้พูดคุยอย่างสนุกสนานกับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ความโกรธเป็นฟืนไฟในดวงตาของ’เสวิ่นเฟย’ได้ถูกจุดขึ้น

เมื่อได้เห็น’เสวิ่นเฟย’เดินตรงเข้ามา หน้าของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ได้ซีดลงเล็กน้อย กัดริมฝีปากของเธอและได้เดินออกไป เธอไม่ได้เกรงกลัว’เสวิ่นเฟย’ เพราะว่าเธอได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วที่จะสู้กับตระกูลศักดิ์สิทธิ์จนถึงที่สุด อย่างไรก็ตามเธอเป็นกังวลว่าเธอนั้นจะนำมาปัญหาให้กับ’เนี้ยหลี่’

เมื่อสังเกตุสีหน้ากังวลเล็กน้อยของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘เนี้ยหลี่’ขว้าไปที่แขนของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ และพูดเบา ๆ ว่า

“เจ้ากำลังจะไปที่แห่งใดกัน”

“เนี้ยหลี่ ท่านจงปล่อยข้าโดยเร็ว!”

มิเช่นนั้นข้าจะนำปัญหามาให้ท่านได้! ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’กระซิบ

‘เนี้ยหลี’ได้ยักไหล่ของเขา และพูดอย่างเป็นปกติว่า

“นี่ใช่ครั้งแรกหรอกรึที่ข้าได้หยามตระกูลศักดิ์สิทธ์ มีเรื่องอันใดให้ต้องกลัวกัน”

แม้ว่าจะถูกกั้นไว้ด้วยผ้าไหมบาง ๆ ‘เนี้ยหลี่’ยังรู้สึกได้ลาง ๆถึงผิวอันนุ่มนวลของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’แก้มของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยท่าทีเอียงอาย ความมีเสน่ห์ที่เธอแสดงออกมานั้นทำให้เด็กผู้ชายรอบตัวเธอนั้นจ้องมองด้วยความงงงวย ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’รู้สึกซาบซึ้งจนเอ่อล้นภายในหัวใจเธอ เพื่อเธอแล้ว ‘เนี้ยหลี่’เต็มใจที่จะมีเรื่องกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์

“ปล่อยมือของเจ้าซะ!”

เมื่อได้เห็นท่าทีเอียงอายของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’แล้ว ‘เสวิ่นเฟย’ช่วยไม่ได้เลยที่จะรู้สึกโกรธอย่างหึงหวงและผลักมือข้างหนึ่งออกไปยัง’เนี้ยหลี่’

‘เนี้ยหลี่’และ’เซี่ยวหนิง’เอ่อที่กำลังใกล้ชิดกันนั้น ดูเหมือนว่ากำลังตบหน้า’เสวิ่นเฟย’ในที่สาธารณะ เกือบทุกคนรู้ว่า’เซี่ยวหนิงเอ่อ’เป็นคู่หมั่นของ’เสวิ่นเฟย’ แต่การแสดงออกกลับไปของเธอต่อ’เนี้ยหลี่’ดูเหมือนกับว่ากำลังทำให้เขาขายหน้าอยู่

เมื่อรู้สีกได้ถึงฝ่ามือของ’เสวิ่นเฟย’ที่กำลังเข้ามา เขาได้เคลื่อนตัวและได้ดึงแขนขวาของเขา เขาหลบซึ่งฝ่ามือของ’เสวิ่นเฟย’โดยที่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ยังอยู่ในแขนของเขาทั้งสองสิ่งนี้เขาทำได้ในเวลาเดียวกัน และเขาได้ผลักมือข้างหนึ่งออกไปที่’เสวิ่นเฟย’

‘เสวิ่นเฟย’ไม่รู้เลยว่า’เนี่ยหลี่’นั้นสามารถหลบพ้นได้อย่างไร และชั่วขณะถัดไป ฝ่ามือหนึ่งได้เข้ามา เป็นเหตุให้ตัวเขาต้องก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ตาของเขาเบิกกว้าง จ้องไปที่’เนี้ยหลี่’ เขาเริ่มรู้สึกได้ว่าเขาประมาท’เนี้ยหลี่’มากเกินไป ทุกคนต่างรู้ว่า’เสวิ่นเฟย’นั้นได้ถึงระดับเงิน 3 ดาวแล้ว ‘เนี้ยหลี่’ยังคงสามารถหลบการโจมตีของเขาได้และยังสวนกลับด้วยฝ่ามือมาอีก

เหล่าผู้ที่มองอยู่ด้านข้างต่างตกตะลึง เสวิ่นเฟยนั้นมาจากชั้นเรียนระดับอัจฉริยะของสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ แต่เขายังพ่ายแพ้ให้แก่’เนี้ยหลี่’ สิ่งนี้เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก

ทุก ๆ คนต่างสงสัยว่าในตอนนี้นั้นเนี้ยหลี่อยู่ที่ระดับเท่าใดกันแน่?

“เจ้าคือเนี้ยหลี่รึ?”

ตาของเสวิ่นปรากฏแสงไฟวูบวาบ มองอย่างเย็นชาไปที่’เนี้ยหลี่’

“ข้าเอง และเจ้าเป็นใคร?”

‘เนี้ยหลี่’ถามกลับ โดยแสร้งทำเป็นไม่สนใจว่ามือขวาของเขานั้นกำลังจับที่ข้อมือของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’อยู่ ‘เนี้ยหลี่’ตั้งใจทำซึ่งเรื่องอันกำกวมนี้ โดยมุ่งหวังไปที่เสวิ่นเฟยให้ความเกลียดชังปรากฏบนตัวเขา การทำให้’เสวิ่นเฟย’คิดว่าเขาเป็นผู้หนึ่งที่ได้ล่วงเกิน(ให้คิดถึงขั้นไหนก็ไม่แน่ใจน่ะครับ)’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ไปแล้วนั้น แบบนี้แล้ว’เสวิ่นเฟย’คงจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’อีก

แม้ว่าเธอนั้นจะมีความสนิทสนมใกล้ชิดกับ’เนี้ยหลี่’มาก่อน แต่การถูกคว้าข้อมือโดย’เนี้ยหลี่’ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ทำให้หน้าของ’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’รู้สึกร้อนผ่าว

เหล่าผู้ชมที่อยู่ด้านข้างพวกเขาต่างแสดงท่าทีชื่มชมปรากฏบนใบหน้าของเขา ‘เนี้ยหลี่’กล้าที่จะทำเรื่องอวดดีต่อหน้าสาธารณะและคว้าข้อมือคู่หมั้นของบุคคลอื่นโดยที่ไม่รู่ว่าคู่หมั้นของเธอนั้นเป็นใคร และพวกเขายังสังเกตุเห็นบางสิ่งอีกว่า ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ไม่ได้ต่อต้าน’เนี้ยหลี่’เมื่อเขานั้นคว้าข้อมือเธอไว้ มันดูเหมือนกับว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองจะไม่ธรรมดาเลย

เมื่อได้ยินคำของ’เนี้ยหลี่’ ‘เสวิ่นเฟย’แทบระเบิดด้วยความโกรธ ดวงตาทั้งสองของเขาเปิดกว้าง เส้นเลือดมากมายบนคอของเขาปูดขึ้น เขามองอย่างมุ่งร้ายไปที่’เนี้ยหลี่’และพูดว่า

“จำเรื่องนี้ไว้ให้ดี ข้าชื่อเสวิ่นเฟย คู่หมั่นของของหนิงเอ๋อ”

“คู่หมั่นของหนิงเอ๋อ? ใครกัน? หนิงเอ๋อเจ้ามีคู่หมั้นแล้วรึ?”

‘เนี้ยหลี่’มองไปทาง’หนิงเอ๋อ’และได้ถามขึ้น

โดยไม่เปิดโอกาสให้เธอตอบกลับ เขายิ้ม มองไปทาง’เสวิ่นเฟย’และพูดว่า

“เห็นมั้ยมันไม่ใช่เรื่องจริง เจ้าเป็นใคร”

หมาวัดจะมาดหมายดอกฟ้างั้นรึ ตื่นได้แล้ว! เจ้ามีสิทธ์อะไรที่จะมาแต่งงานกับหนิงเอ๋อของข้า?

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’งุนงง เธอไม่แม้กระทั้งมีโอกาสที่จะตอบกลับเหล่าผู้ชมด้านข้างต่างรู้สึกงุนงงไปด้วย ‘เนี้ยหลี่’ชักจะอุกอาจมากเกินไปแล้ว เขาไม่ได้ให้แม้กระทั่งโอกาสแก่เทพธิดา’หนิงเอ๋อ’ได้พูดเลย !

“เขาไม่ใช่คู่หมั้นของข้า ข้าไม่เคยจำซึ่งสิ่งนั้นได้เลย !”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ประกาศ เธอมองไปที่’เสวิ่นเฟย’ ดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจ เธอรู้ชัดว่า’เสวิ่นเฟย’นั้นเป็นคนแบบใด เมื่อก่อนช่วงหนึ่ง ‘เสวิ่นเฟย’ได้เล่นกับเด็กนักเรียนสามัญสองคนแต่โยนความคิดผิดไปให้ผู้หนึ่ง จนรอดพ้นสถานการร์ติดคุก ในอดีตเธอไม่กล้าพิสูจน์มันเพราะการกดดันของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตามเธอจะไม่ยอมให้กับตระกูลศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไปแม้เพียงครั้งเดียว

เมื่อได้ยินที่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’กล่าว ตาของ’เสวิ่นเฟย’มีความเย็นชา เขาหัวเราะอย่างโมโหร้าย

“เซี่ยวหนิงเอ๋อ นี่คือสิ่งที่เจ้าประกาศออกมา อย่าได้เสียใจภายหลังล่ะ!”

ตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกูลปีกมังกรกำลังพยายามที่จะต่อต้านตระกูลศักดิ์สิทธิ์ มันก็เหมือนกำลังต่อต้านกับสวรรค์อยู่
เมื่อได้ฟังคำพูดของ’เสวิ่นเฟย’ หน้าของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เปลี่ยนเป็นซีดลงไปบ้าง เธอเข้าใจดีว่าด้วยกำลังของตระกูลปีกมังกรในตอนนี้

มันเป็นไปไม่แด้แน่นอนที่จะเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลศักดิ์สิทธิ์แม้ตระกูลของเธอต้องถูกกดดันแต่เธอก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปเพราะถ้าเธอต้องได้อยู่ร่วมกับเขา เธอจะมีความรู้สึกเกลียดชังอยู่ตลอดเวลา

เมื่อได้ยินชัดเจนซึ่งบทสนทนาระหว่าง’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’กับ’เสวิ่นเฟย’ ผู้คนที่มองอยู่รอบ ๆ ต่างเข้าใจ ‘เสวิ่นเฟย’ได้ใช้กำลังของตระกูลศักดิ์สิทธิ์เพื่อบังคับให้เซี่ยวหนิงเอ๋อแต่งงานกับเขา ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เองไม่ได้ชอบ’เสวิ่นเฟย’แม้แต่น้อย

“ เลวทราม!”

“ตระกูลศักดิ์สิทธิ์เป็นคนแบบนี้เองเหรอ!”

“ไม่ต้องสงสัยเลย การที่เซี่ยวหนิงที่เป็นคู่หมั้นของเสวิ่นเฟย ไม่เคยเต็มใจที่จะพบปะกับเสวิ่นเฟยเลยสักครั้ง มันเป็นเพราะเหตุเช่นนี้เอง!”

ผู้คนรอบ ๆ ที่มองดูเหตุการณ์นี้อยู่กำลังเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ ในขณะนี้การมองของพวกเขาต่อ’เนี้ยหลี่’นั้นไม่มีความมุ่งร้ายอีกต่อไป ในทางตรงกันข้ามพวกเขาได้ชื่นชม’เนี้ยหลี่’ นอกจาก’เนี้ยหลี่’แล้วใครกันจะกล้าต่อต้านตระกูลศักดิ์ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ได้ ?

ผู้ใดจะกล้าพอที่จะช่วยเหลือเทพธิดา’หนิงเอ๋อ’ออกมาจากขุมนรกกัน(burning stake) ?

เมื่อได้ยินการวิพากษ์วิจารญ์ของกลอรี่มุง หน้าที่หมดหวังของ’เสวิ่นเฟย’ยิ่งน่าเกลียดขึ้นไปอีก สายตาอันเย็นชากวาดมองไปยังผู้คนรอบ ๆ ผู้คนรอบ ๆ เกิดกลัวขึ้นในทันทีทันใดและไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก

“ถ้ายังมีสิ่งใดอีกเข้ามาหาข้าคนนี้ได้เลย ไปหาเรื่องกับผู้หญิงเจ้าเป็นผู้ชายแบบไหนกัน? ไม่ว่าเจ้าจะมาไม้ไหน ข้า เนี้ยหลี่จะเป็นผู้จัดการเจ้าเอง!”

‘เนี้ยหลี่’ประกาศด้วยความภาคภูมิพร้อมกับมองไปที่’เสวิ่นเฟย’ บุคคลเช่น’เสวิ่นเฟย’ได้ถูกชะตากำหนดไว้ให้เป็นดังเช่นก้อนหินที่ถูก’เนี้ยหลี่’ก้าวผ่าน

“สิ่งนี้ไม่เกี่ยวกับเนี้ยหลี่ ทั้งหมดล้วนเป็นความคิดของข้า!”

ตาของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’มองอย่างแน่วแน่ไปที่’เสวิ่นเฟย

“เสวิ่นเฟย แม้ข้าจะต้องตาย ข้าก็จะไม่ขออยู่ร่วมกับเจ้า”

‘เซี่ยวหนิง’เป็นบางคนที่ยอมตายเสียดีกว่าถ้าต้องอยู่อย่างอัปยศอดสู แม้ว่าเธอดูอ่อนแอแต่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวยิ่งนักมิเช่นนั้นแล้วเธอคงไม่วิ่งไปสู่ป่าอสูรทมิฬก่อนพิธีแต่งงานเริ่มขึ้น

โศกนาฏกรรมแบบนี้ในชีวิตที่แล้วของ’เนี้ยหลี่’ ‘เนี้ยหลี่’จะไม่ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก ตั้งแต่เริ่มต้นที่เขาได้รักษาโรคของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’จนถึงบัดนี้ พวกเขาทั้งสองมีความคุ้นเคยซึ่งกันและกันมากขึ้น ‘เนี้ยหลี่’ยังคงมีความประทับใจหลายอย่างซึ่งความสวยงาม ความใจกว้างและความเข้มแข็งของเธอ เขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนกับน้องสาวของเขาเอง

“ฮืม การตัดสินใจนี้ไม่ตกอยู่แก่เจ้า!”

‘เสวิ่นเฟย’หัวเราะอย่างเย็นชา

“เสวิ่นเฟย ข้าจะเข้าไปยังพรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ ถ้าข้าสามารถผ่านการทดสอบของพรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ได้แม้จะเป็นตระกูลศักดิ์สิทธิ์ เจ้าก็ไม่สามารถทำอะไรข้าได้”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ประกาศอย่างภาคภูมิใจ

“ห่ะ ห้ะ ห้า เซี่ยวหนิงเอ๋อ เจ้ากำลังคิดไกลไปมาก เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถผ่านการทดสอบของพรมแดนศักดิ์สิทธ์แห่งสวรรค์? ในระยะกว่าร้อยปีที่ผ่านมานี้ มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่สามารถผ่านการทดสอบของพรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ได้!”

‘เสวิ่นเฟย’พูดอย่างล้อเลียน

พรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์เป็นดินแดนลึกลับภายในสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงอัจฉริยะที่สมบูรณ์แบบถึงจะมีคุณสมบัติเข้าไปยังพรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ได้เมื่อครั้นผู้ใดนั้นได้ผ่านซึ่งการทดสอบของพรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์แล้ว พวกเขาจะกลายมาเป็นอัจฉริยะที่เจิดจรัสสูงสุดของเมืองกลอรี่ และแม้กระทั่งมีโอกาสที่จะได้กลายมาเป็นศิษย์ของร่างทรงอสูรในตำนานลอร์ดเอียมัว!

การที่จะเข้าสู่พรมแดนแห่งสวรรค์ได้นั้น ผู้นั้นจะต้องมีอายุต่ำกว่า 15 ปี ด้วยคุณสมบัตินี้ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’มีอยู่ แต่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’คิดจริง ๆ หรือว่าความฉลาดของเธอนั้นสามารถไปถึงระดับที่มาก เช่นนั้นได้?

ตลอดประวัติศาตร์ของเมืองกลอรี่ที่ผ่านมา มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่สามารถจัดการจนผ่านการทดสอบของพรมแดนแห่งสวรรค์ได้ หนึ่งในนั้นคือลอร์ดเอียมัว และอีกสองคนคือได้จบชีวิตลงแล้วในการต่อสู้ อย่างไรก้ตามพวกเขาได้อยู่ในจุดสุงสุดของร่างทรงอสูรระดับแบล็คโกล อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงระดับในตำนาน!

พรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์นี้ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก ถ้า’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’สามารถผ่านการทดสอบของพรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์นี้ไปได้ ตระกูลศักด์สิทธิ์จะไม่สามารถทำสิ่งใดต่อตระกูลปีกมังกรได้อีก
จบตอน…

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments