I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 49 ทดสอบพละกำลัง

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 5868 | 2532 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

พรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะผ่านการทดสอบเช่นนั้นรึ?
อย่างไรก็ตาม เสวิ่นเฟย’ยังไม่ทราบว่าภายในช่วงเวลาอันสั้นนี้ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ได้ฝึกซ้อมเคล็ดวิชา[มังกรผงาดอัศนีเหมันต์]

*ตามที่’เนี่ยหลี่’แนะนำเธอไม่เหมือนกับแต่ก่อน

หลังจากการบ่มเพาะพลังวิญญาณพลังของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ก็ได้ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดี่ยวกันตระกูลมังกรผงาดฟ้า* ทั้งหมดของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ได้สนับสนุนเธอ ความสามารถของเซี่ยวหนิงเอ๋อในตอนนี้นั้นไม่สามารถเปรียบเทียบกับแต่ก่อนได้

“หลังจากที่พูดออกมาเจ้าคิดว่าเจ้ามีคุณสมบัติเพียงพอหรือ?”

‘เสวิ่นเฟย’ กล่าวออกมาพร้อมหัวเราะอย่างเย็นชา มีเพียงนักเรียนที่โดดเด่นที่สุดเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเข้าไปยังพรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ได

“พรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์”

‘เนี้ยหลี่’ยิ้มเล็กน้อย มันต้องเป็นสถานที่แห่งนั้นที่เขาต้องไปให้ได้อย่างแน่นอน ในอดีตชาติ เมืองกลอรี่ได้ถูกทำลาย เข้าได้เขาไปในพรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ บางสิ่งที่ได้ซ่อนอยู่นั้นเป็นสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจจินตนาการได้ ดังนั้น ‘เนี้ยหลี่’ต้องได้รับคุณสมบัติเพื่อจะเข้าไปยังพรมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์นี้ให้จงได้ !

“อุ่นใจได้เลย เซี่ยวหนิงเอ๋อนั้นมีคุณสมบัติพอ รอดูได้เลย ตอนนี้เจ้าจะไปไหนก็ไป!”

‘เนี้ยหลี’กล่าวอย่างเย็นชา คนอย่าง’เสวิ่นเฟย’ไม่คู่ควรที่จะมาเป็นคู่ตอสู้ของ’เนี้ยหลี่’ สิ่งที่กระตุ้นจิตใจของ’เนี้ยหลี่’ไม่ใช่เพียงแค่ผู้สืบสายเลือดของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้คนเดียว แต่เป็นทั้งหมดของตระกูลศักดิ์สิทธิ์
เสวิ่นเฟยจ้องมองไปที่’เนี้ยหลี่’ ทันใดนั้นเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา พร้อมกล่าวอย่างเย็นชา

“เนี้ยหลี่เจ้ากล้าไหม? ตระกูลศักดิ์สิทธิ์จะจัดแข่งขันศิลปะการต่อสู้ของเหล่าอัจฉริยะ เมื่อถึงเวลานั้น เราจะเชิญตระกูลบันทึกสวรรค์ด้วย เจ้ากับข้าสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งพอถึงเวลานั้นจะไม่มีการติดใจเอาความ เจ้ากล้ารึป่าว”

เลวทรามมากสายตาของคนโดยรอบได้มอง’เสวิ่นเฟย’ด้วยความชิงชังแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่คิดสาปแช่งในใจเท่านั้น เขาเป็นนักเรียนที่มาจากชั้นเรียนอัฉริยะและมีอายุได้ 17 ปีแล้ว ระดับเคลื่อนพลังของเขาก็ได้เข้าสู่ระดับเงิน แต่ทว่าเนี้ยหลี่’นั้นยังไม่ถึงระดับทองแดง 1 ดาวเลย

การที่’เสวิ่นเฟย’พยายามจริงจังที่จะชักชวนเพื่อต่อสู้กับเนี้ยหลี่นั้น เห็นได้ชัดว่า’เสวิ่นเฟย’มีเจตนาที่จะฆ่า’เนี้ยหลี่’เท่านั้น!
ถึงแม้ว่า’เนี้ยหลี่’ได้ปฏิเสธ ก็จะไม่มีใครพูดสิ่งใดเลย

“ แล้ว ? เจ้ากล้ารึเปล่า? ถ้าเจ้าไม่กล้าหละก็เจ้ามันก็เป็นแค่คนขี้ขลาดคนหนึ่ง!”

‘เสวิ่นเฟย’กล้าพูดออกมาโดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง พร้อมกับหัวเราะอย่าเย็นชา

จู่ๆ’เซี่ยวหนิ่งเอ๋อ’ก็ได้ตึงเครียดขึ้นพร้อมมองไปที่’เนี้ยหลี่’ ‘เนี้ยหลี่’ยิ้มเล็กน้อย เขาได้ทำการบีบเบา ๆ ไปที่มือของ’หนิงเอ๋’อ ทำให้เธอรู้สึกคลายกังวล

“ตั้งแต่ข้าได้ท้าท้ายตระกูลเจ้า ไหนเลยเรื่องแค่นี้ทำไมข้าจะไม่กล้า”

‘เนี้ยหลี่’หัวเราะดังลั่น พร้อมความมั่นใจเต็มเปี่ยม ผู้คนต่าง ๆรอบข้างล้วนไม่เชื่อกับภาพที่เห็น’เนี้ยหลี่’ยอมรับคำท้าทายของ’เสวิ่นเฟย’ ‘เสวิ่นเฟย’นั้นอยู่ในระดับเงินแถมยังเป็นนักเรียนชั้นอัจฉริยะ ‘เนี้ยหลี่’บ้าไปแล้วหรือ?

‘เซี่ยวหนิ่งเอ๋อ’เห็นท่าทีมั่นใจของ’เนี้ยหลี่’ นางรู้สึกคลายกังวลลงไม่มีสิ่งใดยากสำหรับ’เนี้ยหลี่’ ‘เนี้ยหลี่’นั้นมีพลังที่ยากหยั่งถึงเขาสามารถแก้ไขทุกปัญหาได้

“เมื่อเจ้าได้ตกลงแล้ว เจ้าอย่าได้กลับคำและอย่าได้คิดหนีเชียว ข้าจะรอเจ้าในการต่อสู้ที่จะมาถึงนี้”

‘เสวิ่นเฟย’แค่นเสียงในจมูก นัยตาเขาคมราวกับมีดเมื่อพวกมันกวาดตามองผ่าน’เนี้ยหลี่’และ’เซี่ยวหนิ่งเอ๋อ’ ฉันจะทำให้แกทั้งสองได้รู้ซึ้ง เมื่อเจ้าได้พ่ายแพ้ให้แก่ข้า ข้าจะได้สนุกกับการได้เห็นแกอ้อนวอนขอความเมตตาหลังจากนั้นก็จะฆ่าเจ้าต่อหน้า’เซี่ยวหนิ่งเอ๋อ’ซะ!

‘เสวิ่นเฟย’หันหลังกลับและเดินจากไป ‘เสวิ่นเอี่ยว’ ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากพี่ชายเขานัก ก็มองยังมุ่งร้ายมาที่เ’นี้ยหลี่’ด้วย แต่ไม่ช้าก็จากมาและตามหลัง’เสวิ่นเฟย’ไป

หลังจากออกมาชั่วครู่ ‘เอียจืออวิ้น’ก็ได้กลับมา เธอมองตรงไปยัง’เนี้ยหลี่’และถามเขาด้วยความห่วงใย

“ข้าได้ยินว่าท่านยอมรับการประลองของเสวิ่นเฟย”

“มันไม่มีอันใด ข้านั้นมีแผนแล้ว เมื่อได้เห็นว่าเจ้าห่วงใยข้าเพียงใดนั้น ข้าก็รู้สึกซาบซึ้งในหัวใจแล้ว”

‘เนี้ยหลี่’กล่าว

‘เอียจืออวิ้น’ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำใดมาบรรยายได้ เธอกระทืบเท้าด้วยความโกรธและพูดว่า

“ใครบอกกันว่าข้านั้นห่วงใยเจ้า มันเป็นความรู้สึกรักข้างเดียวของเจ้าทั้งนั้น?”

‘เสวิ่นเฟย’ได้ก้าวถึงระดับเงินนานแล้ว ระดับของเขาอย่างน้อยก็อยู่ที่ระดับร่างทรงอสูร 2 ดาวเงิน เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเจ้านั้นสามารถเอาชนะเขาได้ ?

แม้ว่าเธอได้พูดแล้วว่าเธอนั้นไม่ได้ห่วงใย แต่ที่จริงแล้ว ‘เอียจืออวิ้น’ยังคงกังวลอยู่

“พวกเราจะได้เห็นเมื่อเวลานั้นมาถึง”

เนี้ยหลี่ได้ยักไหล่ของเขา

“ท่านยอมรับการประลองนี้เป็นเพราะเซี่ยวหนิงเอ๋อเป็นแน่ มันดูราวกับว่าความรู้สึกของท่านที่มีต่อเซี่ยวหนิงเอ๋อนั้นเป็นเรื่องจริง เป็นสิ่งดีกว่าที่จะดีต่อเธอให้มาก มิเช่นนั้น ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป”

‘เอียจืออวิ้น’แค่นเสียงอย่างเย็นชา เธอไม่รู้ตัวว่าทำไมเมื่อเธอได้พูดคำเหล่านั้นออกไป เธอรู้สึกคร่ำละห้อยหาอยู่ภายในใจของเธอ

ในเมื่อท่านชอบ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’มากถึงเพียงนี้ ทำไมเจ้าจึงยังมาตามจีบข้า? เธอคิดขึ้น ระลึกถึงเหตุการณ์ภายในพระราชวังใต้ดิน เธอรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อยในดวงใจ เนี้ยหลี่ได้เห็นทุกสิ่งที่เขาไม่ควรมอง

“คนแบบเสวิ่นเฟยนั้นเหมือนกับขยะ ข้าไม่สามารถทนได้ซึ่งผู้หญิงเช่น’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ต้องไปตกอยู่ในมือของ’เสวิ่นเฟย’ ด้วยสิ่งนี้ต่างหากที่ข้าช่วยเธอออกมา!”

‘เนี้ยหลี่’อธิบายอย่างรวดเร็ว เขามีเพียงความประทับใจอันดีต่อ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เท่านั้น แต่ไม่ว่าความประทับใจนั้นจะมากเพียงใด มันก็ไม่สามารถเทียบได้กับชะตากรรมที่เอียจืออวิ้นและเขาได้ผ่านมาร่วมกัน

“เจ้าไม่ดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย”

‘เอียจืออวิ้น’บุ้ยปาก

เมื่อได้ยินที่’เอียจืออวิ้น’พูด ‘เนี้ยหลี่’ไม่รู้ว่าเขาจะหัวร้องหรือร้องไห้ดี ในชีวิตที่แล้วของเขา เขาได้ประสบพบพานหลายสิ่ง มือของเขานั้นได้ผ่านมาแล้วซึ่งเลือดที่ไหลรินซึ่งชีวินที่นับได้ไม่ เขาได้ทำสิ่งต่าง ๆ ลงไปมากที่ขัดกับจิตสำนึกของเขา อย่างไรก็ตามเขาไม่ใช่คนเลวทรามเช่น’เสวิ่นเฟย’

“เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องนั้นกับข้า มันดูเหมือนกับว่าข้านั้นกังวลหรือ?”

‘เอียจืออวิ้น’ขมวดคิ้วและแค่นเสียง

เมื่อเผชิญหน้ากับผู้อื่น ๆ ‘เอียจืออวิ้น’วางตัวสง่างามอย่างเฉยเมย เธอจะวางตัวห่างจากผู้อื่นเป็นพัน ๆ ลี้ ความสงบเล็กน้อยของเธอบอกถึงว่าเธอนั้นไม่กังวลเกี่ยวกับเขา

‘เนี้ยหลี่’กอดอกของเขาและสูดหายใจลึก โลกนี้ช่างสวยงาม เขามีความรู้สึกกับชีวิตในชีวิตปัจจุบันของเขานี้ เมื่อเทียบกับการต้องร่อนเร่ไม่รู้จบและการฆ่าเมื่อชีวิตที่แล้วของเขา ชีวิตของเล่าเรียนนั้นมีความสงบสุขกว่าอย่างมาก เขาถูกเกลียดและถูกรบกวนโดยคนเลวทราวอย่าง’เสวิ่นเอีย’ ‘เสวิ่นเฟ่ย’ และ’ชู่หยวน’  และเขาได้แหย่กระเซ้าสาวงามเช่น’เอียจืออวิ้น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ชีวิตนี้ช่างแสนสุขสบายนัก

เมื่อได้เห็นท่าทีอิ่มเอมใจของ’เนี้ยหลี่’ ‘เอียจืออวิ้น’รู้สึกโกรธ และถามว่า

“เจ้ากำลังหัวเราะเรื่องอันใด?”

“ข้ากำลังหัวเราะเช่นนั้นหรือ?”

‘เนี้ยหลี่’พูดขณะพยายามควบคุมเสียงหัวเราะของเขา

‘เอียจืออวิ้น’รู้สึกเศร้าใจ ‘เนี้ยหลี่’นั้นน่ารำคาญมากเกินไป เธอรู้สึกเหมือนว่าต้องการทุบตี’เนี้ยหลี่’ อย่างไรก็ตามไม่รู้ว่าเหตุใด แม้ว่าเธอจะเกลียด’เนี้ยหลี่’ แต่เธอยังคงดูเหมือนชอบอยู่ด้วยกันกับเขา บางทีเป็นเพราะเธอไม่มีมีเพื่อนสนิท(เพื่อนแท้)มาเป็นเวลานานแล้ว การที่ได้อยู่กับ’เนี้ยหลี่’รู้สึกสบายใจปราศจากการหวาดระแวง

เมื่อได้เห็น’เอียจืออวิ้น’และ’เนี้ยหลี่’กำลังพูดคุยกัน ด้วย’เอียจืออวิ้น’ดูเหมือนว่าจะโยนทิ้งซึ่งความสำรวมเมื่ออยู่กับ’เนี้ยหลี่’ ทำให้กลุ่มของเด็กผู้ชายคลุ้มคลั่งด้วยความหึงหวง ท่าทีที่สง่างามของเธอเป็นเหตุให้ผู้อื่นที่ได้ยลโฉมเธอนั้นตกอยู่ในความงุนงง ‘เนี้ยหลี่’คว้าข้อมือเซี่ยวหนิงเอ๋อเมื่อชั่วครู่นี้ และตอนนี้เขากำลังเย้าแหย่กับ’เทพธิดาเอียจืออวิ้น’

ทำไมสิ่งดี ๆ ทั้งหลายเหล่านี้ถึงได้ตกอยู่กับ’เนี้ยหลี่’ ? สวรรค์นั้นช่างไม่ยุติธรรม!

‘ตู่เซ่อ’ ‘ลู่เพรียว’และคณะรู้สึกอิจฉา’เนี้ยหลี่’อยู่ลึก ๆ

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้รู้สึกหึงหวงภายในใจของพวกเขาแต่อย่างใด ‘เนี้ยหลี่’คือพี่ชายของพวกเขา เป็นพี่ชายคนเดียวของพวกเขาตลอดชีวิตที่ผ่านมา ‘ตู่เซ่อ’ ‘ลู่เพรียว’กำลังพูดคุยกับนักเรียนจากชั้นเรียนพวกเขา ด้วยลักษณะพิเศษซึ่งความเป็นผู้นำของ’ตู่เช่อ’ได้ดึงดูดให้เหล่าสามัญชนมากมายติดตามเขา

หลังจากนั้นชั่วครู่ ‘เสวิ่นเซี่ยว’ได้เดินมา สะโพกเธอส่ายไปมา(ขณะเดิน) เธอชำเลืองมองผ่านกลุ่มนักเรียนและสายตามาตกอยู่กับเนี้ยหลี่ สายตาเธอเปลี่ยนเป็นครบกริมเมื่อมันตกมาที่เขา

‘เสวิ่นเซี่ยว’พูดด้วยโทนเสียงต่ำว่า

“การทดสอบประจำปีสำหรับชั้นเรียนของพวกเราจะเริ่มในไม่ช้านี้ ทุก ๆ คนตามข้ามา!”

“อาจารย์ เสวิ่นเฟย ดังที่ท่านได้พูดกับข้าก่อนหน้านี้ ถ้าข้าสามารถไปถึงระดับ 1ดาวทองแดงได้ ท่านจะลาออกจากโรงเรียนแห่งนี้ สิ่งนั้นยังเป็นจริงอยู่หรือไม่?”

‘เนี้ยหลี่’ได้พูดไปแบบนั้นอย่างกระทันหัน แล้วเขาก็หัวเราะและเริ่มพูดต่อ

“ถ้าท่านมาขอขมาแก่ข้า และขอร้องให้ข้ายกเลิกการพนันระหว่างเรา บางทีข้าจะทบทวนมัน”

“เจ้ากำลังพยายามใช้กลอุบายกับข้ารึ? ข้าไม่หลงกลง่าย ๆ หรอก!”

‘เสวิ่นเซี่ยว’ได้คิดเช่นนั้น เธอพ่นหายใจออกและพูดว่า

“ข้าเสวิ่นเซี่ยวยึดมั่นในคำพูดของข้า ถ้าเจ้าสามารถไปถึงระดับ 1 ดาวทองแดงได้ ข้าจะลาออก”

‘เนี้ยหลี่’ยักไหล่และพูดว่า

“เช่นนั้นท่านควรจะรีบไปและเขียนจดหมายลาออกของท่านให้เรียบร้อยเสียดีกว่า”

“ไว้พูดเมื่อการทดสอบของเจ้าถึงระดับ 1 ดาวทองแทงก็แล้วกัน”

‘เสวิ่นเซี่ยว’แค่นเสียง และนำพาเหล่านักเรียนทั้งหมดของชั้นเรียนเดินตรงไปยังห้องโถงแห่งการสอบ

มีนักเรียนจำนวนหลายพันคนภายในสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ ทุก ๆ คนต่างเข้ารับการทดสอบของตัวเองการทดสอบนั้นใช้ซึ่งเวลาอยู่บ้าง

ระหว่างทางเดินนั้น นักเรียนมากมายเริ่มพูดคุยกัน

“ข้าได้ยินมาว่าในชั้นเรียนฝึกหัดร่างทรงจิตอสูร มีอยู่ 2 คนผู้ซึ่งพลังวิญญาณของเขาได้ก้าวถึงระดับ 3 ดาวทองแดงแล้ว! ชั้นเรียนฝึกหัดร่างทรงจิตอสูรนั้นยิ่งใหญ่มาก!”

“สิ่งนั้นแหละ พวกเขาเหล่านั้นมากมายได้บ่มเพาะพลังมากกว่าพวกเราไป 1 หรือ 2ปี”

“ข้าได้ยินมาว่า ชั้นเรียนฝึกหัดซึ่งรูปแบบอักขระ มีผู้หนึ่งซึ่งพลังของเขาอยู่ที่ระดับ 2ดาวทองแดง!”

กลุ่มของนักเรียนซึ่งได้สวมใส่เสื้อผ้าต่างกันไปกำลังยุ่งอยู่กับการวิพากษ์วิจารณ์

ภายในสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ มีอยู่ 6ชั้นเรียนในระดับฝึกหัด เพราะว่าชื่อของพวกมันนั้นแตกต่างกันเพื่อแสดงถึงความสามารถที่พวกเขาทำได้ดี ที่แตกต่างกันด้วย

อย่างไรก็ตาม พวกเด็ก ๆ นั้นเปลี่ยนใจอยู่ตลอดเวลา ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจะปรับเปลี่ยนทิศทางการบ่มเพาะพลังของพวกเขา ท่ามกลางชั้นเรียนทั้งหมด ชั้นเรียนฝึกหัดร่างทรงจิตอสูรได้รับความสนใจมากที่สุดเพราะที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ที่เหล่าอัจฉริยะมุ่งความสนใจไปมากที่สุด

เกี่ยวกับการสอบในชีวิตที่แล้วของเขา เซี่ยวหนิงเอ๋อและเอียจืออวิ้นได้เข้าสู่ชั้นเรียนร่างทรงอสูรฝึกหัดและเนี้ยหลี่ยังคงอยู่ที่ชั้นเรียนนักต่อสู้ฝึกหัด แม้ว้าเขาได้ทำอย่างดีที่สุดแล้วในการฝึกตน การบ่มเพาะพลังของเขายังคงเพิ่มขึ้นได้อย่างช้า ๆ ราวกับมันไม่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

แต่ชีวิตนี้จะไม่เป็นเช่นชีวิตที่แล้วของเขา ไม่เพียงแต่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’และ’เอียจืออวิ้น’แต่รวมแม้กระทั่ง’ตู่เซ่อ’ ‘ลู่เพรียว’และเพื่อนทั้งสามที่จะมีโชคชะตาที่พลิกผัน

“ชั้นเรียนของนักต่อสู้ฝึกหัดมาที่แห่งนี้!”

“นี่คือชั้นเรียนที่มีขยะมากที่สุดใช่มั้ย? มีเรื่องเล่าว่าภายในกลุ่มของพวกเขา มีคนมากมายที่มีเพียงจิตสีชาต!”

“ส่วนของวิญญาณมีสีชาติยังสามารถบ่มเพาะพลังได้อีกหรือ?”

“อย่างไรก็ตาม ข้าได้ยินมาว่ามีซึ่งบางคนที่ความฉลาดของพวกเขานั้นไม่เลวเลยทีเดียว โดยใกล้จะถึงระดับทองแดงในไม่ช้านี้ ยกตัวอย่างเช่นเอียจืออวิ้นและเซี่ยวหนิงเอ๋อ!”

เมื่อได้ยินชื่อทั้งสองเหล่านี้ ผู้ชายหลายคนมีดวงตาเป็นประกาย ไม่ว่าเป็นที่แห่งใด หญิงสาวอันงดงามยังคงเป็นจุดศูนย์กลางแห่งความสนใจของทุก ๆคน แม้ว่าอายุของพวกเขายังค่อนข้างน้อย พวกเขาได้ผ่านการบ่มเพาะพลังมาตั้งแต่เยาว์วัย ดังนั้น ความรู้สึกนึกคิดของพวกเขาได้เรียนรู้หลายสิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ท่ามกลางชั้นเรียนนักต่อสู้ฝึกหัด สองหญิงผู้งดงามที่สุดไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือ’เอียจืออวิ้น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ เหล่าผู้ชายในชั้นเรียนร่างทรงอสูรระดับฝึกหัดล้วนแสดงความคาดหวังในดวงตาของพวกเขา

ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี ‘เอียจืออวิ้น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’จะเข้าสู้ชั้นเรียนของพวกเขา เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะมีโอกาสมากมายที่จะได้ใกล้ชิดกับพวกเธอทั้งสอง

เมื่อมองดูเหล่านักเรียนจากชั้นเรียนร่างทรงอสูรฝึกหัดที่มีดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง เนี้ยหลี่อดหัวเราะไว้ไม่ได้เลย ภายในช่วงชีวิตนี้ พวกเขาจะต้องผิดหวัง เพราะว่าไม่ว่าทั้ง’เอียจืออวิ้น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ พวกเธอจะได้เข้าไปยังชั้นเรียนร่างทรงอสูรระดับอัจฉริยะ

ภายใต้การนำของ’เสวิ่นเซี่ยว’ ชั้นเรียนนักต่อสู้ฝึกหัดได้เข้าสู่ห้องโถงแห่งการทดสอบ บนเวทีที่ไกลออกไป ได้ยกตัวขึ้นเพื่อให้สามารถมองเห็นการทดสอบทั้งหมดได้

“รอบแรก การทดสอบพละกำลัง ผู้ใดจะเป็นคนแรก?”

หนึ่งในเหล่าอาจารย์ได้ถามไปยัง’เสวิ่นเซี่ยว’

‘เสวิ่นเอีย’ได้มองดูไปยังนักเหล่านักเรียนทั้งหมดภายในชั้นเรียนของเขา ‘เสวิ่นเอีย’ได้ก้าวออกมาและพูดอย่างภูมิใจว่า

“ข้าจะเป็นคนแรก!”

หลังจากการพูด เขาได้ก้าวไปยังหอคอยศิลาวัดพลัง
จบตอน…

[แปลโดย supawat Rinnoi& Kimaera]

 

ที่มา: 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments