I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 50 พลังหมัด

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 6091 | 2532 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

การที่’เสิ่นเอีย’เสนอตัวเองโดยฉับพลัน ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นจำนวนมาก

ภายในชั้นเรียนนักต่อสู้ฝึกหัด ‘เสิ่นเอีย’ ‘เอียจืออวิ้น’และ’เซี่ยวหนิงเอ่อ’เป็นผู้ซึ่งใกล้จะทะลุซึ่งระดับ 1 ดาวทองแดงแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นจุดสนใจทั้งปวง นอกจากสิ่งนี้แล้ว

ยังมีอีกเหตุการณ์ที่ความสนใจจำนวนมากนั้นได้รวมตัวไปยังการเดิมพันระหว่างอาจารย์’เสิ่นเซี่ยว’และ’เนี้ยหลี่’ อย่างไรก็ตาม ผู้คนทั่วไปไม่คิดว่า’เนี้ยหลี่’นั้นจะสามารถไปถึงระดับ 1 ดาวทองแดงได้ในระยะเวลาอันสั้นเพียงนี้

ถ้าการไปถึงระดับ 1 ดาวทองแดงเป็นเรื่องง่ายเพียงนั้น ดังนั้นคงจะไม่มีผู้คนมากมายผู้ซึ่งไม่สามารถทะลุผ่านกำแพงนั้นได้และกลายมาเป็นนักต่อสู้หรือร่างทรงอสูรได้ตลอดชั่วชีวิตของพวกเขา

หินทดสอบพละกำลังนั้นเป็นหินขนาดมหึมา มันส่องประกายแวววาวดั่งโลหะออกมา นักต่อสู้สามารถต่อยไปยังหินทดสอบพลังด้วยพละกำลังทั้งหมดของพวกเขา และหินทดสอบพลังจะเป็นรอยยุบบอกถึงระดับพลังที่แน่นอนจากหมัดนั้น ด้วยรอยที่ปรากฏขึ้นพวกเขาสามารถบอกซึ่งพลังของผู้ใดได้

“บูม”

‘เสิ่นเอีย’ได้ต่อยกำปั้นของเขาไปยังหินทดสอบพลัง รอยยุบจาง ๆ รอยหนึ่งปรากฏบนหินทดสอบพลัง อาจารย์ทั้งหลายที่เป็นผู้ควบคุมได้เดินเข้ามาดู

“ผลการทดสอบ ระดับ 1 ดาวทองแดง ค่าพลัง 120!”

ซึ่งคนอื่น ๆ ก็กล่าวเช่นนั้น ว่าพลังหมัดของ’เสวิ่นเอีย’ได้อยู่ระดับพลังประมาณที่120

นักเรียนจากชั้นเรียนต่อสู้ฝึกหัดต่างอุทานออกมา พวกเขาไม่คิดฝันว่าเด็กผู้ชายเช่น’เสิ่นเอีย’ได้ก้าวไปถึงระดับเช่นนั้นแล้ว โดยทั่วไป นักเรียนผุ้ซึ่งฝึกฝนพลังวิญญาณเพียงสิ่งเดียวจะมีพลังทางร่างกายที่จะค่อย ๆ ลดลง แต่กระนั้น ความแข็งแกร่งทางร่างกายของ’เสิ่นเอีย’มีอัตราการเพิ่มขึ้นค่อนข้างรวดเร็วเมื่อเทียบกับเหล่านักเรียนคนอื่น ๆ  เขาได้ก้าวถึงระดับ 1 ดาวทองแดงเรียบร้อยแล้ว

ทุก ๆคนมีโอกาส 3 ครั้งที่จะทดสอบกำลังของตัวเอง สำหรับค่าพลังที่ได้นี้ ‘เสิ่นเอีย’ไม่ค่อยรู้สึกพอใจกับมันสักเท่าใดนัก เขาจัดตำแหน่งของตัวเองเสียใหม่ แล้วเขาก็รวบรวมพลังที่มีทั้งหมดของเขาและปล่อยหมัดออกไป

บูม!

‘เสิ่นเอีย’ได้ปล่อยหมัดลงไปบนหินทดสอบกำลังอีกครั้ง

“ผลการทดสอบ ระดับ 1 ดาวทองแดง พลัง130!”

“ผลการทดสอบ ระดับ 1 ดาวทองแดง พลัง 135!”

หลังจากเมื่อเห็นผลลัพธ์ของการสอบ ‘เสิ่นเอีย’ได้ปรากฏท่าทางที่แสดงความพอใจออกมาและกำลังไปสู่การทดสอบพลังวิญญาณต่อไป

ผลการทดสอบพลังวิญญาณของ’เสวิ่นเอีย’ปรากฏออกมา ที่พลังวิญญาณ 115 ภายใต้สถานการณ์ทั่วไปผู้ใดที่มีพรสวรร์ทั้งการต่อสู้และจิตแห่งอสูรจะถูกเลือกให้กลายเป็นร่างทรงอสูร และพลังวิญญาณเป็นหนทางที่มีความสำคัญกว่าพละกำลังมากนัก

“พลังวิญญาณของเสิ่นเอียได้ก้าวผ่าน 100 เขาได้เป็นร่างทรงอสูรระดับ 1ทองแดงเรียบร้อยแล้ว”

“การบ่มเพาะพลังที่รวดเร็วเช่นนี้ เขานั้นเป็นสมาชิกของตระกูลศักดิ์โดยแท้จริง”

“ทรงพลังมาก! เขาสามารถเข้าสู่ชั้นเรียนร่างทรงอสูรฝึกหัดได้แล้ว”

“ถ้าร่างทรงอสูรระดับ 1 ดาวทองแดงยังคงไม่สามารถคู่ควรกับสิ่งนี้ เมื่อนั้นก็ไม่ผู้ใดอีกที่จะผ่านการคัดเลือก”

เมื่อได้ยินการพูดคุยกันของเหล่าผู้ชมทั้งหลาย ที่มุมปากของ’เสิ่นเอีย’นั้นได้ยกขึ้น มองอย่างภาคภูมิใจไปที่’เนี้ยหลี่’และพวกของเขา

บทเวทีนั้น ด้วยระยะห่างที่ไม่ไกลมากนัก เหล่าคณาจารย์อาวุโสของสถาบันต่างแสดงรอยยิ้มพึงพอใจ สำหรับการที่ร่างทรงอสูรผู้หนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นภายในชั้นเรียนนักต่อสู้ฝึกหัดเป็นเรื่องที่หาได้ค่อนข้างยาก

“ใครจะเป็นคนต่อไป?”

อาจารย์ผู้คุมสอบได้มองไปยังกลุ่มคนใกล้ ๆ และถามขึ้น

“ให้ข้าเป็นคนต่อไป?”

‘หลู่เพียว’ได้ก้าวออกมาจากฝูงชน เดินตรงไปยังหินทดสอบพลัง เหล่าฝูงชนของนักเรียนทั้งหลายต่างเริ่มการสนทนาของพวกเขา

“นั้นคือหลู่เพียว!”

“หลู่เพียวไม่ได้อยู่ในชั้นเรียนมาเป็นเวลาช่วงหนึ่งแล้ว”

“หลู่เพียวไม่น่าจะถึงระดับ 1 ดาวทองแดงได้ขณะนี้ ใช่ไหม? ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้มีพรสวรรค์ที่จะกลายเป็นร่างทรงอสูรคนหนึ่งได้เลย”

เมื่อได้ยินการวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่านักเรียนอื่น ๆ ‘หลู่เพียว’ยิ้มและมองไปยัง’เนี้ยหลี่’ ‘ตูซือ’ และเพื่อนทั้งสาม พวกคนเหล่านี้คิดผิดและได้ประมาณพวกเขาต่ำเกินไป!

หลังจากฝึกฝนซึ่งเทคนิคบ่มเพาะพลังของ’เนี้ยหลี่’แล้ว การบ่มเพาะหลังของ’หลู่เพียว’ได้ก้าวผ่านไปไกลกว่าเพื่อนทั้งหลายของพวกเขามากนัก

เขาได้มองไปที่’เสิ่นเอีย’และกลุ่มของเขา ‘หลู่เพียว’แสดงรอยยิ้มแบบดูถูก โดยกระตุกคิ้วของเขาไปมา

“เจ้าเด็กนี้มันชักจะอวดดีเกินไปแล้ว! พวกเราต้องสั่งสอนบทเรียนสักบทให้แก่เขาสักหน่อยเร็ว ๆ นี้ !”

ลูกน้องหลายคนใกล้ ๆ ‘เสิ่นเอีย’กล่าว

ตาของ’เสิ่นเอีย’ได้หรี่ลง ปรากฏนัยย์ตาเย็นชา ตอนนี้แม้กระทั่งผู้ติดตามของ’เนี้ยหลี่’ก็กำลังท้าทายเขา พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าทองฟ้านั้นมันสูงเพียงไหน?

ภายใต้สายตาของผู้ชมทุกคน ‘หลู่เพียว’ได้เดินไปยังหินทดสอบพลัง และได้ยืนอยู่ด้านหน้าของมัน ‘ลู่เพรียว’เหวี่ยงออกไปซึ่งหนึ่งหมัด

“หมัดนี้ของหลู่เพียวจะมีกำลังมากสักเพียงใด?”

นักเรียนทั้งหลายที่อยู่ใกล้หัวเราะอย่างเย็นชา

เสียงหนึ่ง

“ปั่ง”

ดังกระจายไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ แม้แต่หินทดสอบพลังทั้งก้อนก็ยังคงสั่นด้วยเสียงนี้

“มันเกิดอะไรขึ้น?”

“เป็นเสียงที่ทรงพลังยิ่ง!”

อาจารย์ผู้คุมสอบอยู่ด้านข้างต่างงุนงงไปด้วย หลังจากเริ่มรู้สึกตกใจไปชั่วครู่ เขาได้เดินมายังลู่เพรียวและทำการมองดูไปที่หินทดสอบพลัง เขาได้เงียบไปชั่วขณะก่อนจะกล่าวว่า

“ผลการทดสอบระดับ 2 ดาวทองแดง ระดับพลัง 265!”

ฝูงชนรอบ ๆ ทันใดได้เข้าสู่ภาวะโกลาหล

“สิ่งนี้เป็นเป็นได้อย่างไร?”

“ผลการทดสอบนี้ผิดพลาดหรือไม่?”

ผู้ใดก็รู้ว่าหมัดของ’หลู่เพียว’นั้นเป็นเพียงแค่หมัดเบา ๆ อันหนึ่ง หมัดนั้นเพียงอย่างเดียวก็ได้สะสมพลังมากไว้ถึงเพียงนั้น เขาอยู่ที่ระดับ 2 ดาวทองแดงเรียบร้อยแล้ว และไม่ไกลจากระดับ 3 ดาวทองแดงมากนัก ‘หลู่เพียว’ยิ้มเล็กน้อย ในการฝึกตนช่วงนี้ของเขา เขานั้นไม่หยุดพักเลย

และด้วยเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่ได้รับมาจาก’เนี้ยหลี่’พร้อมกับการใช้ยาทิพย์จำนวนมากในทุก ๆ วัน ไม่ต้องกล่าวถึงการอาบน้ำหญ้าทะเลหมอกม่วงด้วย เป็นเหตุให้การบ่มเพาะพลังของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้น

หลังจากนั้นสักพักใหญ่ ทุก ๆคนต่างหลุดจากภาวะงุนงง และมองหน้าซึ่งกันและกัน ผู้หนึ่งที่อายุเพียง 13 ปี ก็มีพรสวรรค์ทางด้านพลังถึงเพียงนี้ สามารถได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะผู้หนึ่งท่ามกลางสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดนี้ได้

“ไม่เลวเลย ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีอัจฉริยะผู้นี้ปรากฏตัวอยู่ในชั้นเรียนนักต่อสู้ฝึกหัด มันดูเหมือนกับนักเรียนกลุ่มนี้นั้นทำได้ดีกว่าที่เขาคิด”

หนึ่งในคณาจารณ์อาวุโสของสถาบันกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ผลการทดสอบของนักเรียนในปีนี้ไม่ควรปรากฏออกมาแย่ได้ เพราะว่ายาทั้งหลายเหล่านั้นที่ออกมาจากสมาคมนักปรุงยา”

ผู้หนึ่งของเหล่าอาวุโสกล่าวอย่างนุ่มนวล สิ่งนั้นเป็นเรื่องจริงที่ผลจากยาของสมาคมปรุงยามีผลที่ทรงพลังมาก ซึ่งเป็นผลทำให้ระดับค่าเฉลี่ยของเหล่านักเรียนเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก

เพื่อที่จะบำรุงเหล่าคนรุ่นใหม่นี้ ทุก ๆ ตระกูลต่างเต็มใจที่จะจ่ายเงินเป็นจำนวนมหาศาลเพื่อยาเหล่านั้น

‘หลู่เพียว’ได้มองไกลออกไปยัง’เสิ่นเอีย’ด้วยท่าทียั่วเย้า และได้เห็นใบหน้าของ’เสวิ่นเอีย’เป็นสีดำคล้ำ ซึ่งเป็นผลมาจาก’หลู่เพียว’! อย่างไรก็ตาม การคิดถึงความแข็งแกร่งของ’หลู่เพียว’ ‘เสิ่นเอีย’ไม่สามารถช่วยได้ที่จะรู้สึกหดหู่ใจ ‘หลู่เพียว’ทำอย่างไรถึงเพิ่มพลังได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่นานเช่นนี้ ? เขาได้ใช้ยาทิพย์เป็นจำนวนมากเช่นนั้นหรือ?

ใบหน้าของอาจารย์’เสิ่นเซี่ยว’ก็กลายมาเป็นหน้าตาที่หน้าเกลียด แม้ว่า’หลู่เพียว’จะเป็นนักเรียนของเธอ ‘หลู่เพียว’มักจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลากับ’เนี้ยหลี่’ ซึ่งนั้นทำให้เธอไม่ครั่นพอใจนัก เธอตระหนักดีถึงผลการทดสอบกำลังเมื่อก่อนของ’หลู่เพียว’ เขาเพิ่มความพละกำลังได้สูงถึงระดับที่น่าตกใจนี้ได้อย่างไร?

นั่นไม่ได้หมายความ’เนี้ยหลี่’ก็เป็นเช่นนั้นด้วย…

ดวงตาของ’เสิ่นเซี่ยว’ได้มองไปยัง’เนี้ยหลี่’ ผู้ที่กำลังพูดคุยอย่างมีความสุขกับสองสาวนั้น’

โอกาสที่สองของการทดสอบพลัง ‘หลู่เพียว’ยังคงยืนอยู่อย่างแน่วแน่ เขาใช้พลังทั้งหมดของเขาและเหวี่ยงหมัดหนึ่งไปยังหินทดสอบพลัง

“บูม”

รอยกำปั้นลึก ๆ ปรากฏอยู่บนหินทดสอบพลัง

“ผลการสอบ: ระดับ 3 ดาวทองแดง ค่าพลัง 325”

อาจารย์ผู้คุมสอบถูกทำให้ชะงักไปชั่วครู่และพูดผลการสอบออกมาด้วยความพรั่นพรึง พรสวรรค์ของ’หลู่เพียว’นี้เป็นที่น่าตกใจเป็นที่สุด เขาเป็นอัจฉริยะที่พุ่งแรงอย่างแน่นอน

เหล่านักเรียนด้านหลังเขาที่ได้ผ่านการทดสอบไปแล้วนั้น กำลังสูดอากาศเย็นเฮือกใหญ่เข้าไป

“ฟักแฟงคืออะไร อิอิ พวกเขาจะให้โอกาสพวกเราลองใหม่สักครั้งได้ไหม”

“ไม่ใช่มนุษย์!”

พวกเขาก็มีอายุเท่า ๆ กันที่ 13 ปี ถ้าพลังที่พวกเขาทำได้นั้นสูงกว่า 80 ก็จะนับได้ว่าเป็นผู้ที่โดดเด่นแล้ว อย่างไรก็ตามพลังของหลู่เพียวได้ทะลุผ่าน 300 ไปยังระดับ 3 ดาวทองแดง สิ่งนี้ได้ก้าวผ่านซึ่งความมั่นใจของพวกเขาไป

โดยไม่สนซึ่งความรู้สึกตกใจของฝูงชน ‘หลู่เพียว’สั่นหัวของเขา ปรากฏความไม่พอใจในผลการทดสอบของเขา เขาจัดตำแหน่งการยืนของเขาอย่างแน่วแน่ และเหวี่ยงหมัดทรงพลังหมัดหนึ่งไปยังหินทดสอบพลัง

“บูม”

“ผลการสอบ: ระดับ 3 ดาวทองแดง ค่าพลัง 370!”

ผู้คุมสอบได้สูดหายใจเฮือกใหญ่และกล่าวขึ้น สายตาที่เขามอง’หลู่เพียว’นั้นเป็นประกาย เขาคิดย้อนกลับไปเมื่อสมัยตัวเขานั้นเป็นเด็กนักเรียนคนหนึ่ง เขายังถึงเพียงแค่ระดับ 1 ดาวทองแดงเท่านั้น ‘หลู่เพียว’นั้นน่าจะสามารถเข้าสู่ระดับชั้นเรียนอัจฉริยะของสถาบันกล้วยไม้ศักด์สิทธิ์ได้

จำนวนของนักเรียนที่สามารถเข้าสู่ชั้นเรียนอัจฉริยะนี้มีได้ไม่เกิน 50 คน ที่จะกลายเป็นนักเรียนที่ได้เข้าชั้นเรียนอัจฉริยะนี้ โดยการเรียนการสอนที่พวกเขาจะได้รับนั้นก็ต่างกับชั้นเรียนทั่วไป เพราะว่าทุก ๆ นักเรียน 10 คนจะมีอาจารย์หนึ่งคนเป็นผู้ให้คอยให้ความรู้พวกเขา

และพวกเขานั้นต่างเป็นอาจารย์ชั้นหัวกะทิภายในสถาบันทั้งหมดนี้! ยิ่งไปกว่านั้น เหล่านักเรียนอัจฉริยะจะได้รับการปกป้องเป็นพิเศษจากเมืองกลอรี่ ถ้าพวกเขาไม่ได้กระทำซึ่งความผิดซึ่งไม่สามารถจะให้อภัยได้ จะไม่มีผู้ใดสามารถแตะต้องตัวพวกเขาได้

มิเช่นนั้นแล้วมันจะเหมือนกับการไม่ปฏิบัติตามกฏของเมืองกลอรี่

เมืองกลอรี่ยังคงถูกรุนรานโดยสัตว์อสูรอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเหล่านักเรียนอัจฉริยะจึงได้ถูกปกป้องเป็นพิเศษ

“หลู่เพียวไม่ได้ใส่ใจในการฝึกตนอย่างถูกต้องมิเช่นนั้นแล้ว การสอบของเขาคงจะไม่ออกมาต่ำเช่นนี้!”

‘ตู่ซือ’ที่อยู่ด้านข้างยิ้มออกมาเล็กน้อย

เหล่านักเรียนทั้งหลายที่อยู่ใกล้ ๆ หลังจากได้ยินซึ่งคำพูดของ’ตู่ซือ’ ต่างชะงักอย่างตกใจ ‘หลู่เพียว’ไม่ได้ฝึกอย่างหนักและยังสามารถทำซึ่งผลการสอบแบบนั้นได้ ถ้าเขาได้พยายามเต็มที่แล้วจะไม่ทำให้พวกเข้ารู้สึกสลดใจมากกว่านี้เหรอ? ช่วยไม่ได้เลยที่สายตาของพวกเขานั้นจะชำเลืองมาตกอยู่ที่’ตู่เซ่อ’และพวกพ้อง ‘หลู่เพียว’ได้อยู่ด้วยกันกับ’ตู่ซือ’และ’เนี้ยหลี่’เมื่อพลังของเขานั้นเพิ่มสูงขึ้น สามารถเป็นไปได้หรือไม่ว่า’เนี้ยหลี่’และ’ตู่ซือ’และพวกที่เหลือจะมีพลังแบบนั้นด้วย..

เริ่มต้นการทดสอบต่อไป ‘ลู่เพรียว’เดินตรงไปเพื่อการทดสอบพลังวิญญาณ ‘หลู่เพียว’ได้กำอัญมณีวิญญาณเอาไว้ในมือของเขา และการทำปล่อยพลังวิญญาณเข้าไปในอัญมณีวิญญาณนี้ ชั่วครู่หลังจากนั้น อัญมณีวิญญาณได้เปล่งจุดของแสง และค่อย ๆเพิ่มมากและมากขึ้นเรื่อย ๆ สว่างมากและสว่างมากขึ้น

“ร่างทรงจิตอสูรระดับ 3 ดาวทองแดง ค่าพลังวิญญาณอยู่ที่ 367 !”

เพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับการทดสอบพลังวิญญาณ

เมื่อได้ยินผลการสอบเช่นนั้น แม้กระทั่งเหล่าผู้อาวุโสของสถาบันต่างอดเคลื่อนตัวไปมามิได้ ร่างทรงอสูรนั้นล้ำค่ายิงกว่านักต่อสู้มากนัก ผู้ที่มีอายุเพียง 13 ปีที่เป็นร่างทรงอสูรระดับ 3 ดาวทองแดงนั้นเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติมากยิ่งนัก สิ่งนี้เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

“เจ้าหนูคนนี้เป็นอัจฉริยะอย่างแน่นอน จัดให้เขาเข้าสู่ชั้นเรียนอัจฉริยะ”

ความคิดของเหล่าอาวุโสต่างเห็นพ้องร่วมกันทั้งหมด ชื่อของ’หลู่เพียว’นั้นในไม่ใช้ก็เป็นที่จดจำของพวกเขาทุก ๆ คน เหล่าผู้อาวุโสบางคนต่างเตรียมตัวที่จะรับ’ลู่เพรียว’เข้ามาเป็นศิษย์ของเขา

ไม่มีสิ่งใดต้องพูดอีกเกี่ยวกับความอัจฉริยะของหลู่เพียว ดังเหล่าผู้อาวุโสยังคงต้องการคนที่มีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาเพื่อช่วยยกสถานะของตัวพวกเขาเอง จึงมีเหล่าผุ้อาวุโสบางคงที่จะต่อสู้เพื่อให้ได้หลู่เพียวมาเป็นศิษย์ของเขา

หลังจากการสอบ ‘หลู่เพียว’ได้มายืนข้าง ๆ มองไปที่’เนี้ยหลี่’ ‘ตู่ซือ’และพรรคพวกพร้อมกับรอยยิ้ม เขาตื้นเต้นเป็นอย่างมากเกี่ยวกับผลการสอบของเขา

ด้วยผลการทดสอบนี้ ข้าไม่จำเป็นต้องถูกตำหนิโดยผู้ชายแก่ ๆ คนหนึ่งของข้าเมื่อข้ากลับถึงบ้าน ‘หลู่เพียว’คิดด้วยความภาคภูมิใจ เมื่อชายชราคนนั้นได้เห็นผลการทดสอบของเขา กรามของเขาคงจะล่วงหล่นออกมาเป็นแน่’

“ใครคือคนต่อไป?”

อาจารย์ผู้คุมสอบมีดวงตาเป็นประกาย มองไปยังเหล่านักเรียนจากชั้นเรียนต่อสู้ฝึกหัด ในการทดสอบคราวที่แล้วนั้น ไม่มีเคยมีนักเรียนอัจฉริยะผู้ใดเลยที่จะจุดแสงลุกโชนภายในดวงตาของผู้อื่นได้มาก่อน เขาไม่คิดว่านักเรียนจากชั้นเรียนฝึกหัดต่อสู้นี้ ผู้ใดเล่าจะมีความคิดว่าจะมีผู้เป็นอัจฉริยะอย่างน่าตกใจถึงสองคนได้’  สิ่งนี้ทำให้ตัวเขานั้นคอยติดตามดูการสอบของนักเรียนที่มาจากชั้นเรียนต่อสู้ฝึกหัด

 

จบตอน…

แปลโดย – ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม

เรียบเรียงโดย –

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments