I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 53 กลับบ้าน

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 5920 | 2531 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘เนี้ยหลี่’รู้สึกว่า’เสวิ่นเซี่ยว’จ้องมองมาที่เขาด้วยปากอันบิดเบี้ยว การไล่’เสวิ่นเซี่ยว’ออกไม่ได้เป็นความพึงปรารถนาของเขานัก เพราะเป้าหมายของ’เนี้ยหลี่’คือทั้งตระกูลศักดิ์สิทธิ

แม้ว่า’เนี้ยหลี่’จะท้าท้ายตระกูลศักดิ์สิทธิมากแค่ไหน ก็ไม่อยู่ในสายตาตระกูลศักดิ์ เพราะในสายตาตระกูลศักดิ์สิทธิเห็น’เนี้ยหลี่’เป็นเพียงเด็กแค่เหลือขอ เด็กเหลือขอจะคุกคามมันได้อย่างไร แต่เร็วๆนี้พวกมันตระหนักถึงผู้ที่ทำลายตระกูลศักดิ์สิทธิได้ แต่จากการกระทำดังกล่าวพวกมันยังคงไม่สนใจ

หลังจากการทดสอบเมื่อเร็วๆนี้ เนี้ยหลี่มีพลังวิญญาณ 589จุด เมื่อพลังวิญญาณถึง600จุด เขาก็จะสามารถเข้าสู่ระดับเงิน เมื่อเขาเริ่มต้นเข้าสู่ระดับเงินแล้ว เขาก็จะสามารถหลอมรวมเข้ากับจิตอสูรได้

‘เนี้ยหลี่’ได้เลือกจิตอสูรตนแรกไว้แล้ว แต่เขายังคงเตรียมไปที่การประมูลเพื่อหาจิตอสูรที่คู่ควรกับ’ จืออวิ้น’ ‘หนิ่งเอ๋อ’ ‘ลู่เพรียว’ และพวกพ้อง ทั้งนี้กลุ่มของพวกเขาจะต้องเสิรมความแข็งแกร่งมากให้มากยิ่งขึ้น

แต่ช่วงเวลานี้ ‘เนี่ยหลี่’ได้แต่เตรียมตัวกับการได้เป็นร่างทรงอสูรระดับเงิน หลังจากการทดสอบพลังประจำปีได้จบลงแล้ว นักเรียนทุกคนก็ได้วางแผนในอนาคตของตนเองแล้ว

ไม่นานหลังจากนั้น ‘เสวิ่นซิ่ว’ยื่นใบลาออก และได้ออกไปจากสถาบัน เรื่องนี้ได้แพร่กระจายไปในหมู่นักเรียน ผู้ที่เกี่ยวข้องกับ’เนี้ยหลี่’ล้วนไม่ธรรมดา หลังจากนั้นเป็นครั้งแรกที่มีนักเรียนไล่ครูออกไปได้

นอกจากนี้ยังมีนักเรียนบางกลุ่มพยายามเข้าหา’เนี้ยหลี่’ แม้ว่า’เนี้ยหลี่’เป็นเพียงแค่ ร่างทรงอสูรทองแดงหนึ่งดาว แต่ความรู้ของเขาได้ห่างไกลจากอาจารย์บางคนไปมาก คนเหล่านั้นที่ติดตาม’เนี้ยหลี่’พลังได้พุ่งสูงจนน่าตื่นตกใจดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่คนอื่นจะอิจฉา

‘เนี้ยหลี่’ ได้ให้ ‘ตู๋เซอ’และ’ลู่เพรียว’กีดกันพวกคนขี้ประจบ เขาค่อนข้างระวังเรื่องพวกนี้ บรรดาคนที่เขายอมรับในชาติก่อนเท่านั้นที่เขาไว้วางใจ ที่สำคัญที่สุดคือความไว้วางใจ แต่กระนั้นเหล่าผู้คนที่ติดตาม’เนี้ยหลี่’นั้นก็มีจำนวนมากกว่า 26 คนแล้ว

หลังจากการทดสอบ มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการได้เข้าเรียนในชั้นเรียนอัจฉริยะ ‘เนี้ยหลี่’สูดลมหายใจเข้าไปเฮือกหนึ่ง มันถึงเวลาที่เขาต้องกลับบ้านแล้ว เขาจำได้ว่าในอดีตชาติ เมื่อครอบครัวของเขาลำบากนั้น เขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลยทำได้เพียงแต่รู้สึกขมขื่นภายในหัวใจเท่านั้น เขาคิดถึงบ้านมากในตอนนี้

ในที่สุดสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิก็ได้ถึงวันหยุดสักที!

‘เนี้ยหลี่’จ้องมองลงไปในห้วงลึกความทรงจำของอดีตชาติ ความทรงจำของอดีตชาติเริ่มไหลผ่านเข้ามาทีละน้อย

หลังจากช่วงเวลานั้น ‘เนี้ยหลี่’หัวเราะออกมา เมื่อเขาได้กลับมาแล้ว ตระกูลของเขาก็จะไม่มีชีวิตที่ลำบากอีกต่อไป บรรดาศัตรูของตระกูลจะต้องตัวสั่นด้วยความกลัว!

วันปิดเทอมของสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิเป็นเหตุการณ์ใหญ่วันหนึ่งของเมืองกลอลี่ จำนวนนักเรียนในสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิค่อนข้างมาก ดังนั้นนักเรียนจำนวนมากทั้งหมดนี้ในที่สุดก็จะได้กลับไปยังตระกูลของเขา กลุ่มของนักเรียนกำลังเดินทางออกจากสถาบัน

“เนี้ยหลี่ นี่สำหรับเธอ ฉันหวังว่าเธอจะคิดถึงฉันเวลาที่เห็นสิ่งนี้ เอาหละไว้พบกันใหม่ครั้งหน้านะ”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ได้ยื่นทับทิมเม็ดหนึ่งให้แก่’เนี้ยหลี่’ บนทับทิมเม็ดนั้น มีลวดลายละเอียดอ่อนอย่างมากปรากฏอยู่ เมื่อ’เนี้ยหลี่’เงยหน้าขึ้น ‘เซี่ยวหนิเอ๋อ’ได้วิ่งออกไปพร้อมกับใบหน้าที่มีสีแดง

ในทวีปพระเจ้า ‘ทับทิม’เปรียบได้กับความรักของหญิงสาว เมื่อมองไปรูปร่างอรชรของ’เซี่ยวหนิงเอ้อ’ ‘เนี้ยลี่’ไม่สามารถเก็บรอยยิ้มอันขมขื่นได้ เขารู้ว่า’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’รู้สึกยังไงกับเขา ‘เนี้ยหลี่’อดไม่ถึงที่จะยิ้มเล็กน้อยออกมา ความงามที่เย็นชาดุจน้ำแข็งของเธอแท้จริงแล้วช่างอ่อนโยนยิ่งนัก

เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง ‘เอียจืออวิ้น’กำลังยิ้มและมองมาที่’เนี้ยหลี่’ในเวลานั้นแล้วได้มองไปที่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ที่ไกลออกไป แล้วพูดขึ้น

“ในเมื่อเซี่ยวหนิงเอ้อชอบเจ้ามากขนาดนั้นทำไมเจ้าไม่ชอบเธอล่ะ?”

‘เนี้ยลี่’เก็บทับทิมเม็ดนั้น แล้วมองไปยัง’เอื้อจืออวิ้น’ และพูดว่า

“มันคือความเมตตา แต่คนที่ข้าชอบคือเจ้า!”

ความรักจากสองชั่วชีวิตของ’เนี้ยลี่’จะไม่แปรเปลี่ยน ‘เนี่ยลี่’ได้คุยเกี่ยวกับความรู้สึกของเขากับ’เซี่ยวหนิงเอ้อ’แล้ว แม้ว่าเธอยังไม่ยอมแพ้ก็ตาม หน้าของ’เอื้อจืออวิ้น’แดงขึ้น

“เนี่ยลี่!ถ้าเจ้ายังพูดแบบนี้ ข้าจะ…อย่าคิดว่าคนอย่างข้าจะโดนล่อลวงง่ายๆ!”

ในขณะนั้น ‘เอื้อจืออวิ้น’ไม่สามารถหยุดระลึกเรื่องภายในราชวังใต้ตินของเมืองกล้วยไม้โบราณเหล่านั้นได้ ภายในหัวใจเธอรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก และกำปั้นเธอก็บีบเข้ากันอย่างแน่น

“ข้าจริงจัง!”

‘เนี้ยลี่’หัวเราะอย่างเบา ดวงตาเขาจ้องมองไปยัง’เอื้อจืออวิ้น’อย่างลึกซึ้ง

“เจ้า! ข้าจะไม่ยุ่งกับเจ้าอีกต่อไปแล้ว!”

‘เอียจืออวิ้น’กระทืบเท้าของเธอกำลังจะออกไป แต่เธอก็หยุดก้าวทันที เธอเม้มปากของเธอและยิ้ม

“เช่นนั้น ทำไมเจ้าไม่บอกข้า ข้าดีกว่าหนิงเอ๋อเช่นไร?”

‘เนี้ยลี่’ยักไหล่และบอก

“นั่นเปรียบเทียบกันมิได้ ข้าสามารถบอกได้เพียงเท่านี้ ว่ามันคือโชคชะตาที่ได้ลิขิตไว้แล้ว!”

มองลึกเข้าไปในดวงตาของ’เนี้ยลี่’ ‘เอีอจืออวิ้น’รู้สึกราวกับถูกหยุดนิ่ง เธอรู้สึกว่า’เนี้ยลี่’ได้ซ่อนหลายสิ่งไว้จากเธอ ภายในดวงตาของ’เนี้ยลี่’นั้นปรากฏเรื่องราวมากมายที่ปิดบังไว้อยู่ภายใน

หลังจากเธอหยุดชะงักชั่วคราว ‘เอ้อจือวิ้น’ ยกศรีษะเธอขึ้นจ้องมองไปบนท้องฟ้าแจ่มใส

“ ข้าหวังว่าสามีของข้าจะเป็นวีรบุรุษเหมือนปู่ของข้า เขาต้องแข็งแกร่งขนาดเขย่าโลกทั้งใบได้ และใช้ชีวิตเขาเพื่อปกป้องเมืองกลอรี่”

เธอมองไปที่’เนี้ยลี่’แล้วเม้มปากยิ้มขึ้นและพูดว่า

“ถ้าเจ้าสามารถไปถึงร่างทรงอสูรระดับตำนานของอาณาจักรได้ ข้าจะนำมันไปพิจารณาที่หลัง”

“เฮ้ เจ้าพูดอย่างนั้นได้อย่างไร!?เจ้าไม่ได้บอกว่าเจ้าจะยอมรับข้าเมื่อข้าถึงระดับทองหรอกรึ?”

“ก่อนหน้านี้ข้าเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้นนั่นไม่นับ! เจ้าไม่รู้รึไงจิตใจของเด็กผู้หญิงเปลี่ยนได้ตลอดเวลา”

เมื่อพูดแล้ว ‘เอียจือได้อวิ้น’หัวเราะและรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นหลังเธอ ‘เนี้ยลี่’ก็ยิ้มอย่างมีความสุข พูดพึมพำกับตัวเอง

“ถ้าเป็นกรณีนั้น ทำไมเจ้าถึงเลือกข้าในชาติภพก่อนกัน? ในภพที่แล้วของเขา? เนี้ยลี่ในตอนนั้นแม้ยังไม่ถึงระดับเงิน แต่ก็อยู่ด้วยกันกับเอีอจืออวิ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ก็แค่ร่างทรงอสูรระดับตำนาน นั่นไม่ได้ยากเลย”

‘เว่ยหนาน’ ‘ซู่ เซี่ยงจิ้ง’ และ’ซ่างหมิง’ ทั้งสามได้อำลา’เนี้ยหลี่’ และเดินออกจากสถาบันกลับไปยังบ้าน

‘ตู่เซ่อ’และ’ลู่เพียว’ ทั้งสองได้เดินเข้า

“พวกเราก็ขอกลับก่อนด้วยเช่นกัน!”

‘ตูเซ่อ’กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม

“ตกลง”

‘เนี้ยหลี่’ผงกศรีษะแล้วพูดว่า

“พวกเราจะได้พบกันอีกใน 1 เดือนข้างหน้านี้”

“เดือนหน้ามาเจอกันใหม่!”

‘ตูเซ่อ’ผงกศรีษะรับ เขากำลังคิดเกี่ยวกับการกลับไปบ้านของเขา ‘ตู่เซ่อ’อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น การกลับไปบ้านในครั้งนี้ นอกจากการบ่มเพาะพลังของเขาที่พุ่งสูงราวกับจรวดแล้ว ‘เนี้ยหลี่’ได้ให้เงินแก่เขาเป็นจำนวนหลายเหรียญจิตมาร อย่างน้อยที่สุดมันก็เพียงพอที่จะนำคนในตระกูลของเขาให้พ้นจากความทนทุกข์ได้ ในหัวใจของเขา ‘ตูเซ่อ’นั้นมีความรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณอย่างเปี่ยมล้นต่อ’เนี้ยหลี่’ เป็นเพราะ’เนี้ยหลี่’ชีวิตของเขาถึงได้เปลี่ยนไป

‘ลู่เพรียว’ได้วางมือทั้งสองไว้ที่สะโพกของเขา แล้วหัวเราะอย่างดังออกมา

“ในที่สุดข้าก็กำลังกลับบ้านแล้ว! ในครั้งนี้ ข้าไม่จำเป็นต้องกลัวถูกตีโดยพ่อของข้าที่ก้นข้านี้อีกต่อไป!ห่ะ ห้ะ ห้า!”

เมื่อได้เห็นการแสดงออกของ’ลู่เพรียว’ในขณะนี้ ‘เนี้ยหลี่’และ’ตู่เซ่อ’ทั้งสองต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน พวกเขาช่วยไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วพวกเขาก็ถอยห่างจาก’ลู่เพรียว’

ตอนนี้นักเรียนรอบ ๆ ต่างมองพวกเขาด้วยความประหลาดใจ

‘ลู่เพรียว’เข้ามากอด’เนี้ยหลี่’ไว้แน่น และทำให้หน้าของ’เนี้ยหลี่’เปียกโชกจากน้ำลายจากการจูบแล้วกล่าวว่า

“พี่ชาย ข้ารักท่านแทบขาดใจ”

เมื่อมองเห็น’ลู่เพรียว’เป็นเช่นนี้ ‘เนี้ยหลี่’ตัวสั่นและผลัก’ลู่เพรียว’ออกไป

“ออกไปจากตัวข้า ข้าไม่ใช่เกย์”

“ข้าก็ไม่ใช่เกย์เหมือนกัน ท้องฟ้านั้นช่างสดใส พื้นดินก็เป็นสีเขียวชอุ่ม! ข้าขอตัวลาท่านไปก่อน เจอกันในหนึ่งเดือนข้างหน้า!”

‘ลู่เพรียว’ดูราวกับตัวเบาในขณะที่เขาก้าวยาว ๆ เดินออกไป

‘ตูเซ่อ’โบกมือลา’เนี้ยหลี่’และออกไปเช่นกัน

เมื่อได้เห็นสีหน้าที่มีความสุขของเพื่อนทั้งสองของเขา ‘เนี้ยหลี่’ช่วยไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างความมีความสุข และเดินตรงไปยังทิศทางซึ่งตระกูลเขาตั้งอยู่

 

ทิศเหนือของเมืองกลอรี่

ผืนแผ่นดินของเมืองกลอรี่มีขนาดค่อนข้างกว้าง นอกจากเมืองทั้งสองที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแล้ว ยังมีเมืองรองทั้งหมดอีก 6 เมือง การเดินทางจากสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์มายังบ้านของ’เนี้ยหลี่’ แม้จะโดยสารมาด้วยรถแค่ร เขาก็ไม่สามารถมาถึงได้ภายใน2 วัน

‘เนี้ยหลี่’เป็นสมาชิกของตระกูลซึ่งมีนามว่าตระกูลบันทึกสวรรค์ เป็นตระกูลที่อาศัยอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่งซึ่งมีผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ อย่างไรก็ตาม ทรัพยากรบนพื้นที่นี้มีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นจึงอาศัยการทำนาและการเก็บเกี่ยวสมุนไพรบนภูเขาเพื่อดำรงชีวิต

ด้วยความโชคดีที่ระยะห่างจากที่นี่ถึงกองทหารและกำแพงป้องกันเมืองอยู่ใกล้กันมาก มันจึงค่อนข้างปลอดภัย แม้ว่าตระกูลบันทึกสวรรค์เป็นตระกูลขุนนาง มีเพียงหัวหน้าหมู่บ้านของตระกูลบันทึกสวรรค์เท่านั้นที่มีตำแหน่งท่านเคาท์ สิ่งนี้นั้นหมายความว่าถ้าหัวหน้าหมู่บ้านได้ล่วงลับจากไป และไม่มีคนรุ่นใหม่ผู้ใดที่สามารถคู่ควรกับตำแหน่งนี้ ตระกูลบันทึกสวรรค์จะไม่เป็นเช่นที่เคยเป็นมาอีกต่อไป

ด้วยความเป็นหนึ่งในตระกูลขุนนางที่เสื่อมถอยมากที่สุด คฤหาสน์ของตระกูลบันทึกสวรรค์นั้นทรุดโทรมและเก่ามาก กำแพงด้านนอกโดนทำลายเสียหายหนัก อย่างไรก็ตาม ตระกูลนี้ก็ไม่มีเงินเพียงพอเพื่อที่จะซ่อมมัน

แค่ด้านนอกของคฤหาสน์นั้น ใครก็ตามสามารถเห็นได้ถึงพื้นที่กสิกรรมขนาดใหญ่ซึ่งเหล่าผู้คนได้ทำการเพาะปลูกและทำไร่ด้วยพืชหลากหลายชนิด เมื่อพวกเขาเห็นการเดินเข้ามาของ’เนี้ยหลี่’จากที่ไกล ๆ คนในตระกูลคนหนึ่งได้เริ่มทักทายเขาก่อน

“เนี้ยหลี่ เจ้ากลับมาแล้ว ?”

คนของตระกูลผู้นี้รับผิดชอบในการทำฟาร์มไม่ได้มีตำแหน่งที่สูงแต่อย่างใดภายในตระกูลและพ่อของ’เนี้ยหลี่’ก็เป็นหนึ่งในพวกเขาเหล่านั้น

แม้ว่าตระกูลบันทึกสวรรค์กำลังเริ่มเสื่อมถอย แต่จำนวนประชากรของตระกูลนี้มีเป็นจำนวนมาก ในพื้นที่แห่งนี้บริเวณเดียวก็มีบ้านเรือนอยู่หลายพันหลัง ซึ่งหมายถึงมีจำนวนผู้คนที่ได้อาศัยอยู่มีประมาณห้าถึงหกพันอีกด้วย

ภายในตระกูลบันทึกสวรรค์ มีเด็กจำนวนทั้งสิ้น 26 ที่ได้เข้าเรียนในสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ โดย’เนี้ยหลี่’เป็นหนึ่งในพวกเขาเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม บุคคลิกของ’เนี้ยหลี่’ค่อนข้างเก็บตัว

ดังนั้นเขาจึงพูดคุยกับเด็กคนอื่น ๆ น้อยมาก เด็กคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ในชั้นเรียนระดับกลางและชั้นสูง ดังนั้นช่วงปิดภาคเรียนของพวกเขายังไม่มาถึง อีกราว ๆ หนึ่งถึงสองวันก่อนที่พวกเขานั้นจะกลับมาบ้าน

“พี่ใหญ่ เนี้ยหลี่ ท่านกลับมาแล้ว!”

เด็กผู้หญิงร่าเริงตัวน้อย ๆ ได้วิ่งเท้าเปล่ามาหา’เนี้ยหลี่’ ผมของเธอได้ถูกรวบแบบหางหมู และแก้มแดงดั่งผลแอปเปิ้ล มองดูน่ารักน่าเอ็นดู เธอมีชื่อว่า ‘เนี้ยหยู่’ เธอเป็นลูกสาวลุงของเขา

พ่อของเขา ‘เนี้ยหมิง’มีเพียงลูกชายคนเดียว สถานะของพวกเขาในตระกูลบันทึกสวรรค์นั้นต่ำอย่างมาก พวกเขาได้อาศัยการทำกสิกรรมเพื่อเลี้ยงตัวของพวกเขาเอง ด้วยความโชคดี เพียงแค่หนึ่งในสามของผลผลิตที่ต้องนำส่งให้แก่ตระกูล ส่วนที่เหลือนั้นสามารถเก็บไว้สำหรับพวกเขาเองได้ เมื่อค่าเล่าเรียนกำลังจะถูกจ่ายโดย’เนี้ยหลี่’นับแต่นี้เป็นต้นไป พวกเขาสามารถมีชีวิตที่สะดวกสบายขึ้นได้

เกี่ยวกับสมาชิกของตระกูลที่มีอยู่ประมาณ ห้าถึงหกพันคนนั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 60 คนที่เป็นนักต่อสู้ระดับทองแดง หกคนเป็นนักต่อสู้ระดับเงิน สองคนเป็นร่างทรงอสูรระดับเงินและมีเพียงหนึ่งคนที่เป็นร่างทรงอสูรระดับทอง สิ่งนี้คือกำลังของตระกูลบันทึกสวรรค์

ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลบันทึกสวรรค์ก็คือหัวหน้าตระกูล ‘เนี้ยเห้ย’ เขาเป็นร่างทรงอสูรระดับทอง 1 ดาว ตำแหน่งของเขาภายในตระกูลนั้นสูงที่สุด รองลงมาคือนักต่อสู้ระดับทอง 1 ดาว 2 คน และนักต่อสู้ระดับทอง 3 ดาว 1 คน

โดยปกติ หัวหน้าตระกูลจะถูกพบเห็นไม่บ่อยนัก เขามักจะปรากฏตัวขึ้นในงานพิธีต่าง ๆ เท่านั้น

‘เนี้ยหลี่’ลูบไปที่หัวของ’เนี้ยยู่’ เขายังคงสามารถให้ความเอ็นดูเธอได้ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“เซี่ยวหยูเป็นเด็กดีตอนอยู่ที่บ้านหรือไม่?”

“อืม เซี่ยวยู่เป็นดีมาก ๆ !”

‘เนี้ยยู่’กล่าว ผงกศรีษะของเธอ แล้วมองมาด้วยทาทีจริงจัง

“ข้าต้องการเป็นเหมือนอย่างท่านด้วย พี่ใหญ่เนี้ยหลี่ ได้เข้าสู่สถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นนักสู้!”

‘เนี้ยยู่’ได้วาง’เนี้ยหลี่’เป็นดังเป้าหมายของเธอตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่’เนี้ยหลี่’อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอายจนร้อนผ่าวที่แก้ม โดยก่อนหน้าเมื่อเมืองกลอรี่ได้ถูกทำลาย ความสำเร็จอย่างสูงของ’เนี้ยยู่’นั้นมีมากกว่าตัวเขา ดังนั้น’เนี้ยยู่’จึงได้เป็นกังวลในตัวเขา ณ ตอนนั้น อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นพี่ใหญ่ เขายังคงได้รับความเคารพโดย’เนี้ยยู่’ สิ่งนี้ทำให้’เนี้ยหลี่’รู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก และหลังจากนั้นต่อมา’ เนี้ยยู่’ได้ตายในสงครามกับเหล่าสัตว์อสูรที่ได้โจมตีมายังเมือง เธอตายอย่างน่ายกย่อง

แม้ว่า’เนี้ยหลี่’รู้สึกไม่ค่อยดี เขาก็ได้ปล่อยวางมันลงและคิดว่า ‘เป็นสิ่งดีแล้วที่ได้กลับมา’

‘เนี้ยหลี่’เดินไปไกลด้วยกันกับ’เนี้ยยู่’ เมื่อพวกได้เขาเห็น’เนี้ยหลี่’ ‘เนี้ยหมิง’และ’เนี้ยไค่’หยุดทำงานบ้านของพวกเขาไว้ ยิ้มให้กันและกันแล้วเดินตรงมายังที่เนี้ยหลี่ยืนอยู่ (แล้วอยู่ด้วยกันอย่างครอบครัวแสนสุข)

จบตอน…

แปลโดย Supawat Rinnai และ Traross Saiiza
เรียบเรียงโดย Kimaera

 

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments