I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 77 งานประลอง

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 5891 | 2529 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

พวกผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างสงสัยว่าทำไม’เนี้ยหลี่’จึงดูไม่เกรงใจท่านผู้นำตระกูลแม้แต่น้อย แต่’เนี้ยไฮ้’และ’เนี้ยอิ้ง’ก็ไม่ได้สนใจสายตาเหล่านั้น และ’เนี้ยไฮ้’ยังประกาศอีกว่า

 “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเนี้ยหลี่จะมีสถานะในตระกูลบันทึกสวรรค์อยู่ในระดับเดียวกับข้า”

พวกพวกอาวุโสพวกนั้นไม่เข้าใจถึงคำสั่งของ’เนี้ยไฮ้’เลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อเป็นคำสั่งของผู้นำตระกูล พวกเขาก็จะปฏิบัติตาม

“ข้าได้รับการแจ้งมาว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งคำเชิญไปยังตระกูลต่างๆ เพื่อให้เข้าร่วมงานประลองรุ่นเยาว์ที่พวกเขาจัดขึ้นโดยงานนี้พวกเราเองก็ได้รับคำเชิญนั้นด้วย เจ้าคิดว่าเราควรจะเข้าร่วมงานประลองครั้งนี้หรือไม่ ?”

‘เนี้ยไฮ้’ถาม’เนี้ยหลี่’ เพราะเนื่องจากงานประลองรุ่นเยาว์จะถูกจัดขึ้นปีละครั้งโดยหนึ่งในตระกูลหลัก ซึ่งคำเชิญต่าง ๆ จะถูกส่งไปยังตระกูลต่าง ๆ ที่แข็งแกร่งในเมืองกลอรี่

หากมันเป็นเพียงงานประลองธรรมดา พวกเขาคงจะไม่ต้องกังวลอะไรมาก แต่’เนี้ยไฮ้’กังวลว่าครั้งนี้ พวกตระกูลศักดิ์สิทธิ์จะต้องคิดทำอะไรกับพวกเขาอย่างแน่นอน

“ทำไมเราถึงจะไม่เข้าร่วมงานประลองล่ะ ? แล้วก็ส่งจดหมายไปบอกสมาคมนักปรุงยาให้มาชมการแข่งขันด้วย แค่นั้นก็สบายใจได้แล้ว”

‘เนี้ยหลี่’พูดอย่างใจเย็น ในเมื่อตระกูลศักดิ์สิทธิ์ส่งคำเชิญมาแล้วทำไมเขาจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันล่ะ ?

เมื่อได้ยินคำของ’เนี้ยหลี่’ พวกอาวุโสต่างงุนงงกันไปหมด ‘เนี้ยหลี่’สามารถเรียกสมาคมนักปรุงยามาเมื่อไหร่ก็ได้หรือ ?

“ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องรบกวนเจ้าช่วยเขียนจดหมายไปบอกผู้อำนวยการหยางด้วย”

‘เนี้ยไฮ้’พูด พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย เขารอคำพูดนี้จาก’เนี้ยหลี่’อยู่แล้ว เพราะถ้าหากมีสมาคมนักปรุงยามาดูการแข่งขันตระกูลศักดิ์สิทธิ์คงจะไม่กล้าเล่นสกปรก

“เราต้องส่งผู้เข้าแข่งขัน 3 คน เนี้ยหลี่, เจ้าอยากจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่ ? ”

‘เนี้ยอิ้ง’ถาม’เนี้ยหลี่’ เพราะเขาเองเพิ่งทราบว่า’เนี้ยหลี่’ได้เลื่อนขั้นเป็นร่างทรงอสูรระดับซิลเวอร์และได้รวมร่างกับวิญญาณปิศาจเรียบร้อยแล้ว

“แน่นอน ข้าจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันนี้ !”

‘เนี้ยหลี่’พยักหน้า เขาเองก็เพิ่งจะรวมร่างกับแพนด้าเขี้ยวอสูร นี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ใช้การประลองนี้ทดสอบความแข็งแกร่งของแพนด้าเขี้ยวอสูรด้วย และยิ่งไปกว่านั้น เขามีเรื่องที่ต้องสะสางกับ’เฉินเฟย’ แล้วเขาจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปได้อย่างไร ?

‘เสิ่นเฟย’ คือพี่ชายของ’เสิ่นเอวี่ย’ และเป็นคู่หมั้นของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’

พวกผู้อาวุโสต่างแปลกใจ เพราะเนี้ยไฮ้และเนี้ยอิ้งต่างพูดจาอย่างสุภาพเมื่อคุยกับ’เนี้ยหลี่’ แต่เมื่อพวกเขาคิดถึงยาบำรุงที่’เนี้ยหลี่’มอบให้แก่ตระกูลแล้ว พวกเขาก็พอจะเข้าใจได้ว่า สถานะของ’เนี้ยหลี่’ในตระกูลต่อจากนี้ไปจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

นอกเหนือจาก’เนี้ยหลี่’แล้ว ยังมี’เนี้ยเสี่ยวเฟิง’ และ’เนี้ยหยู’ สมาชิกของตระกูลบันทึกสวรรค์ ได้เข้าร่วมด้วย โดยทั้งคู่อยู่ที่ระดับ ซิลเวอร์ 2 ดาว

‘เนี้ยหยู’คนนี้ไม่ใช่น้องสาว’เนี้ยหลี่’นะครับ ในภาษาจีนเป็นคนละตัวแค่ออกเสียงคล้าย ๆ กัน

เด็กหนุ่มอายุ 20 ปี แต่สามารถกลายเป็นร่างทรงอสูรระดับซิลเวอร์ 2 ดาวได้ ก็นับว่าเก่งมากแล้ว ซึ่งทั้งคู่นับว่าเป็นอัฉริยะของตระกูลเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม วิญญาณอสูรของพวกเขาทั้งคู่นั้นธรรมดามาก ดังนั้น’เนี้ยหลี่’จึงมอบวิญญาณอสูรระดับซิลเวอร์ ที่มีระดับการเติบโต : ไม่ธรรมดา ให้’เนี้ยไฮ้’นำไปมอบให้กับพวกเขาทั้งคู่

วิญญาณอสูร จะมีระดับการเติบโตเรียงจาก ดี  – ยอดเยี่ยม  – ไม่ธรรมดา  – พระเจ้า

วิญญาณอสูรที่เนี้ยหลี่รวมร่างด้วย ทั้งสองตัว มีระดับการเติบโต :พระเจ้า ทั้งคู่เลย

ขอแก้คำแปลนิดนึงนะครับ ต่อจากนี้ไป ผมจะแปล  ว่าวิญญาณอสูรแล้วนะครับ ก่อนหน้านี้แปลว่าวิญญาณปิศาจ แปลตรงตัว
แต่มันฟังดูแปร่ง ๆ

“งานประลองครั้งนี้ต้องมีการเตรียมงานอย่างน้อยก็อีกครึ่งเดือน เนี้ยหลี่, เจ้าควรเริ่มเตรียมตัวได้แล้วนะ เพราะข้าได้ข่าวมาว่าผู้เข้าร่วมการแข่งขันจากตระกูลศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่มีความแข็งแกร่งระดับซิลเวอร์ 5 ดาวทั้งนั้น”

‘เนี้ยไฮ้’พูดพวกเขาเองก็ต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการประลองครั้งนี้ด้วย

“โอ้ อย่างนั้นหรือ”

‘เนี้ยหลี่’ตอบแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร

วิธีรับมือกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ ? ‘เนี้ยหลี่’ไม่ได้กังวลถึงเรื่องนั้นเลยเพราะถ้าตระกูลศักดิ์สิทธิ์คิดจะเล่นสกปรกอะไรล่ะก็ สิ่งนั้นก็จะไม่สามารถรอดพ้นไปจากสายตาของเขาได้อย่างแน่นอน

หลังจากนั้น’ เนี้ยไฮ้’ ‘เนี้ยอิ้ง’ และพวกที่เหลือได้ปรึกษากันถึงอนาคตของตระกูลบันทึกสวรรค์กับ’เนี้ยหลี่’ รวมไปถึงเรื่องการใช้เงินก้อนโตเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของตระกูลบันทึกสวรรค์ด้วย

“พวกท่านไม่ต้องห่วงเรื่องเงินหรอกนะ ข้าสามารถมอบเงิน100 ล้านเหรียญจิตมารให้กับตระกูลได้ เพื่อเรื่องนี้ แต่พวกท่านควรจะระวังเกี่ยวกับเรื่องคนที่จ้างเข้ามา ว่าคนพวกนั้นจะต้องไม่ใช่คนที่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์หรือกิลด์มืดส่งมา”

‘เนี้ยหลี่’คิดและพูดออกมา

มอบเงิน 100 ล้านเหรียญจิตมารให้กับตระกูลหรือ ? ทั้ง’เนี้ยหมิง’ และผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ทำตาลุกวาวเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ‘เนี้ยหลี่’ทำเหมือนกับว่าเขาสามารถใช้เงินมากขนาดนั้นได้โดยไม่ต้องคิดอะไร

เงินจำนวน 100 ล้านเหรียญจิตมาร สามารถทำอะไรให้กับตระกูลได้มากและด้วยเงินจำนวนนี้ พวกเขาสามารถที่จะจ้างผู้คุ้มกันระดับโกลด์ได้อย่างสบาย ๆ

‘เนี้ยไฮ้’และ’เนี้ยอิ้ง’ ไม่ได้แสดงอาการอะไรมาก เนื่องจากว่าเขาทราบดีว่า’เนี้ยหลี่’นั้นร่ำรวยมากขนาดไหน เงิน 100 ล้านเหรียญสำหรับ’เนี่ยหลี่’แล้ว อาจจะไม่ได้มากอะไรเลย แต่เงินจำนวนนี้จะสามารถทำให้ตระกูลบันทึกสวรรค์มั่นคงขึ้นอีกมากมาย

ในตอนนี้พวกผู้อาวุโสคนอื่น ๆ เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไม’เนี้ยไฮ้’ถึงให้ความสำคัญกับ’เนี้ยหลี่’มากถึงเพียงนี้ ความรู้สึกไม่ชอบหน้า’เนี้ยหลี่’ก็หายไปจากความคิดของพวกเขา ยังไงเสีย ตระกูลบันทึกสวรรค์ก็เป็นรากเหง้าของพวกเขา ถ้าสิ่งใดมีประโยชน์ต่อตระกูล
พวกเขาก็พร้อมที่จะสนับสนุน และคนที่บริจาคสิ่งต่าง ๆ ให้กับตระกูลมากมายอย่าง’เนี้ยหลี่’นั้น สมควรได้รับการยกย่องจากทุกคน

ต่อให้เป็นคนที่มีตำแหน่งต่ำที่สุดในตระกูล ถ้าเขาสามารถมอบเงิน 100 ล้านเหรียญจิตมารให้กับตระกูลได้ พวกเขาก็จะยกย่อง

หลังจากพวกเขาปรึกษากันไปหลายชั่วโมง ‘เนี้ยไฮ้’และคนอื่น ๆ ก็เริ่มที่จะทำตามแผนที่วางไว้ คือส่งคนไปยังสมาคมร่างทรงอสูร และสมาคมนักสู้ เพื่อที่จะจ้าง และรวบรวมกำลังพล

สมาคมร่างทรงอสูร และสมาคมนักสู้ นั้นต่างจากสมาคมนักปรุงยาอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่มีอำนาจมากขนาดนั้น และทำได้เพียงให้ร่างทรงอสูรกับนักสู้ต่าง ๆ มาขึ้นทะเบียนเอาไว้ เพื่อที่คนเหล่านั้นจะได้ถูกจ้างไปทำงานให้กับตระกูลต่าง ๆ ด้วยวิธีการนี้ พวกเขาจะได้มีรายได้ไปจุนเจือครอบครัวได้ เพราะตระกูลใหญ่ ๆ นั้นมักจะจ้างคนเหล่านี้ไป เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตระกูล

โดยปกติทุกตระกูลจะมีหน่วยคุ้มกันของตัวเองอยู่แล้ว แต่สำหรับตระกูลบันทึกสวรรค์ พวกเขาได้เลิกจ้างหน่วยคุ้มกันไปนานแล้ว
เนื่องมาจากปัญหาทางการเงินที่มีมาก่อนหน้านี้ แต่ในตอนนี้ พวกเขาสามารถที่จะจ้างหน่วยคุ้มกันเหล่านั้นกลับมาได้อย่างสบาย ๆ

ยิ่งไปกว่าการมอบเงิน 100 ล้านเหรียญจิตมารให้กับตระกูล ‘เนี้ยหลี่’ยังถ่ายทอดเทคนิคการฝึกฝนพลังให้แก่ตระกูลอีกด้วย ทำให้คนในตระกูลสามารถใช้เทคนิคเหล่านี้ และเพิ่มความแข็งแกร่งของตระกูลได้

ณ ขณะเดียวกัน ที่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์

ที่ห้องโถงหลักของนายคลังของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ‘เฉินหมิง’ กำลังจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ภายในตระกูลอยู่ ทันใดนั้นเองก็มีชายหนุ่มสามคนเดินเข้ามา โดยคนที่เดินนำเขามานั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่คือ’เฉิยเฟย’ และตามมาด้วยผู้ชายหน้าโหดวัยยี่สิบต้น ๆ อีกสองคน

“คารวะท่านนายคลัง !”

‘เฉินเฟย’ป้องมือขึ้นทำท่าเคารพ

“คารวะท่านายคลัง !”

ชายทั้งสองคนโค้งคำนับท่านนายคลังผู้

อาวุโส ‘เฉินหมิง’ โดยเด็กหนุ่มทั้งสองคนนี้เป็นคนจากตระกูลย่อยของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นสถานะของพวกเขาจึงต่ำกว่า’เฉิยเฟย’
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าเฉินเฟยก็ตาม

“อื้ม !!”

‘เฉินหมิง’พยักหน้ารับ และแอบถอนหายใจเบา ๆ ถึงแม้ว่าความสามารถของ’เฉินเฟย’จะไม่ได้แย่ เพราะเป็นถึงร่างทรงอสูรระดับซิลเวอร์ 3 ดาว แต่เมื่อเทียบกับสมาชิกของตระกูลย่อยอย่าง’เฉินหนิง’และ’เฉินเซี่ยว’แล้ว ก็ยังห่างชั้นกันมากนัก เฉินหนิงวัย20 ได้กลายเป็นร่างทรงอสูรระดับซิลเวอร์ 5 ดาว และเฉินเซี่ยววัย23 ได้เป็นถึงร่างทรงอสูรระดับโกลด์ !

พรสวรรค์ของทายาทตระกูลหลักนั้น เทียบไม่ได้เลยกับพรสวรรค์ของทายาทจากตระกูลย่อย ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ไม่เกิดขึ้นมาหลายชั่วอายุคนแล้ว

“นายน้อยเฉิยเฟยแน่ใจนะว่าท่านต้องการเข้าร่วมงานประลองในครั้งนี้ ?”

‘เฉินหมิง’ถามอย่างสุภาพ

“เจ้าแน่ใจหรือไม่ ? ว่าเนี้ยหลี่จากตระกูลบันทึกสวรรค์จะเข้าร่วมงานประลองนี้ด้วย”

‘เฉินเฟย’ถามกลับ เนื่องจากเรื่อง’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ หัวใจของเขาจึงเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อ’เนี้ยหลี่’ ดังนั้น เมื่อเขาได้ยินว่าตระกูลบันทึกสวรรค์เข้าร่วมงานประลองในครั้งนี้ด้วย ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของตัวเขาเองจะยังไม่มากนัก แต่เขาก็ต้องการเข้าร่วมแข่งขันในงานประลอง

“ข้าได้รับจดหมายตอบกลับจากตระกูลบันทึกสวรรค์แล้ว และเป็นที่ยืนยันอย่างแน่ชัดแล้วว่า ตระกูลบันทึกสวรรค์จะเข้าร่วมงานประลอง ซึ่งเจ้าเนี่ยหลี่นั่น ก็เข้าร่วมด้วย”

‘เฉินหมิง’ค่อย ๆ ตอบ

“และเพราะเหตุนี้ข้าจึงต้องเข้าร่วมงานประลองในครั้งนี้ ข้าจะเหยียบเจ้าเด็กนั่นให้จมดิน และจะทรมานมันให้ถึงที่สุด !”

‘เฉินเฟย’พูด ดวงตาของเขาแสดงถึงความเย็นชา และเมื่อคิดถึง’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ หัวใจของเขาก็ยิ่งทวีความเกลียดที่มีต่อ’เนี้ยหลี่’ยิ่งขึ้นไปอีก

จบตอน…

แปลโดย มินนี่ งิงิ

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments