I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 80 ไม่พบกันนานนะ!

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 5992 | 2529 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ที่สถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์

ชายชราผู้มีหนวดเคราและผมสีขาว ที่อยู่ด้านหน้าของแม่นาง ‘เซียวหนิงเอ๋อ’ผู้เลอโฉม ผู้อาวุโสผู้นี้คือรองอาจารย์ใหญ่ ของสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ ‘เย่เฉิง’

“เซียวหนิงเอ๋อ เจ้าแน่ใจนะ ว่าเจ้าต้องการที่จะเข้าสู่ เขตแดนสวรรค์ศักดิสิทธิ์ ?”

เย่เฉิงทำหน้ามุ่ยขมวดคิ้วขณะที่ถามเซียวหนิงเอ๋อ

“เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าเขตแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์นั้นมี ภัยอันตรายมากมายเพียงใด ? มีนักเรียนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่เข้าไปแล้วกลับออกมาได้มิหนำซ้ำบางคนที่กลับออกมาได้ก็ต้องพบเจอกับปัญหาการจัดการพลังวิญญาณของตนเอง”

“ท่านรองอาจารย์ใหญ่คะ ข้ายังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอเพื่อที่จะเข้าไปยังเขตแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือคะ?”

‘เซียวหนิงเอ๋อ’ เงยหน้าถามผู้อาวุโส ‘เย่เฉิง’ ด้วยดวงตาที่เป็นประกายเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า

“หาใช่เยี่ยงนั้นไม่ เป็นเรื่องจริงที่ว่ากันด้วยเรื่องคุณสมบัติของเจ้านั้น นับว่าเพียงพอเลยทีเดียว การเข้าไปภายในแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เป็นประโยชน์สูงสุดก่อนที่จะเลื่อนขั้นเป็นระดับเงินก็ว่าได้”

‘เย่เฉิง’ พยักหน้าลง นับเป็นเวลาที่นานโขที่เขาไม่มีนักเรียนที่โดดเด่นเช่นนี้

“ข้าได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าข้าจะเข้าไปภายในเขตแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์”

‘เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ ตอบกับ’เย่เฉิง’ดวงตานางช่างเต็มไปด้วยความหนักแน่นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนหน้านี้

“พ่อของเจ้ามีความเห็นเป็นเช่นใดบ้าง?เขาเห็นด้วยกับการกระทำของเจ้างั้นรึ?”

“คะ ท่านอาวุโส”

พยักหน้าตอบแต่ความเป็นจริงนั้นนางไม่ได้บอกแก่ตระกูลนางเลย

“ตกลง งั้นข้าจะสนองความต้องการนั้นแก่เจ้า”

‘เย่เฉิง’ พยักหน้าตกลง ‘เย่เฉิง’พร้อมกับอาจารย์อีกไม่กี่คน นำ’เซียวหนิงเอ๋อ’ มายังอาคารใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางด้านหลังของสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์

อาจารย์ของสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ต่างมองหน้ากันและกัน เป็นเรื่องจริงที่ว่าพวกเขาทั้งหมดชื่นชมความกล้าหาญของ ‘เซียวหนิงเอ๋อ’ ที่มุ่งมั่นจะเข้าไปภายในเขตแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เขตแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความลี้ลับมากมายนับไม่ถ้วน

มีเพียงอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะด้วยกันเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ในบรรดาเหล่าผู้ที่เข้าไปภายในเขตแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์หลายคนได้เกิดปัญหาในส่วนพลังวิญญาณของพวกเขา บางส่วนก็ออกมาได้แต่ก็ไม่ได้สิ่งใดติดไม้ติดมือกลับมา

มีเพียงส่วนน้อยที่สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านั้นและผ่านเขตแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้สำเร็จ และแน่นอนว่าผู้ที่สามารถผ่านเขตแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาจะได้รับพลังมายมายมหาศาล อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็จะกลายเป็นร่างทรงอสูรระดับทองคำดำ มีเพียง’เอี้ยมัว’เท่านั้นที่สามารถไปถึงระดับตำนานได้

ตามตำนานเกี่ยวกับเขตแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่ผ่านการทดสอบจากเขตแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ จะกลายเป็นอัจฉริยะที่ผู้คนจับจ้องไปทั้งเมืองกลอรี่ก็ว่าได้ ด้วยความสามารถดังกล่าวเหล่าอัจฉริยะยังได้รับการคุ้มครองจากตำหนักเจ้าเมืองอีกด้วย พวกเขาสามารถปกป้องเหล่าอัจฉริยะ ไม่ให้ผู้ใดมารบกวนการบ่มเพาะพลัง ของเขาหรือเธอ นอกเหนือจากนี้ยังได้รับสิทธิ์พิเศษมากมายต่างๆนาๆนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า เหตุใดเมืองกลอรี่ถึงยังไม่พังพินาศลงจากการคุกคามของพวกสัตว์อสูรเพราะเมืองกลอรี่มีการปกป้องและให้อภิสิทธิ์เหล่าเด็กอัจฉริยะเหล่านี้ แน่นอนเพราะว่ามันเป็นการป้องกันตัวเมืองเองด้วยเช่นกัน ดังนั้นการปกป้องอัจฉริยะกลุ่มนี้ของเมืองกลอรี่นับเป็นการป้องกันที่สมบูรณ์และรอบคอบมากเลยทีเดียว

ภายใต้การแนะนำของ ‘เย่เฉิง’ และเหล่าคณาจารย์’เซียวหนิงเอ๋อ’ เดินไปยังอาคารใหญ่ของสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ ในหัวของเธอเริ่มคิดถึง’เนี่ยหลี่’ ‘เนี่ยหลี่’ป่านนี้เจ้าทำการใดอยู่นะ

‘ข้าไม่ยอมแพ้ที่จะไล่ตามหลังเจ้าหรอกนะ ข้าจะไปอยู่ต่อสู้เคียงข้างเจ้า สักวันนึงเจ้าจะต้องหันมาสนใจข้า!’

‘เซียวหนิงเอ๋อ’รำพึงรำพันกับตนเอง ใบหน้าของนางช่างมีเสน่ห์เย้ายวนเป็นยิ่งนัก นางยังคงจำ’เนี่ยหลี่’ได้ทุกอิริยาบถ ไม่รู้ด้วยเหตุใด’เนี่ยหลี่’ไม่สามารถจะเลือนหายไปจากดวงใจของนางได้เลย

เหตุผลที่ ‘เซียวหนิงเอ๋อ’พยายามอย่างหนัก ครึ่งหนึ่งของเหตุผลนั้นคือเพื่อดึงดูดความสนใจจาก’เนี่ยหลี่’

‘เซียวหนิงเอ๋อ’เงยหน้าขึ้นพลางหยุดความคิดลงแล้วก้าวเดินต่อไป

หลายวันต่อมาสนามประลองทางตอนเหนือของเมืองกลอรี่

สนามประลองทางตอนเหนือ เป็นเขตพื้นที่การต่อสู้ ที่มีเส้นรอบวงไม่กี่กิโลเมตร มันเพียงพอที่จะรองรับการยืนดูโดยรอบของผู้คนนับหมึ่นได้ ในพื้นที่นี้ มันได้ถูกจัดการประลองอยู่บ่อยครั้ง นี่เป็นสาเหตุที่ผู้คนในเมืองกลอรี่มีความสนอกสนใจในศิลปะการต่อสู้เป็นอย่างมาก หลายคนเดินทางมาที่นี่เพื่อจะวางเดิมพันต่างๆในการประลองนี้เช่นกัน

ในขณะนี้ที่นั่งของตระกูลต่างๆถูกจัดวางไว้ในทิศเหนือของสนามประลอง สมาชิกของตระกูลบันทึกสวรรค์นั่งอยู่มุมทางทิศเหนือ
ระยะห่างระหว่างพวกเขากับตระกูลศักดิ์สิทธิ์อยู่ไม่ไกลมากนัก

ในอดีตที่ผ่านมาของขุนนางชนชั้นล่างอย่างตระกูลบันทึกสวรรค์นั้นไม่มีผู้ได้เลยที่จะให้ความสำคัญ แต่บัดนี้ทุกสิ่งอย่างล้วนเปลี่ยนไป ไม่มีตระกูลใดเลยที่จะละเลยการกระทำที่มีต่อตระกูลบันทึกสวรรค์

ซึ่งสี่งเหล่านี้เองที่เป็นตัวจุดชนวนให้ตระกูลอื่นเกิดความอิจฉาริษยา เกลียดชังไม่น้อยเลย ‘หยางซิ่น’ และ สามผู้อาวุโสของสมาคมนักปรุงยาเองก็นั่งข้างตระกูลบันทึกสวรรค์

พวกเขาได้พูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนานกับตระกูลบันทึกสวรรค์ เรื่องนี้เป็นดังเชื้อเพลิงที่สุมไฟความริษยาของตระกูลอื่นๆให้มีมากเพิ่มยิ่งขึ้นไปอีก

โดยปกติแล้วพวกเขาต่างพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อจะเข้าให้ถึงตัว’หยางซิ่น’และเหล่าผู้อาวุโสของสมาคมนักปรุงยา แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามมากเพียงใดก็ยังมิได้รับความแลเหลียวจากสมาคมนักปรุงยาเลยแม้แต่น้อย พวกเขาไม่เคยอยู่ในสายตาของสมาคมนักปรุงยาเลย แต่ตระกูลบันทึกสวรรค์กลับได้รับการปฏิบัติอย่างสุภาพจาก ‘หยางซิ่น’

“น้องชายตัวน้อย หม้อประหลาด ของน้องเกือบทำให้พี่สาวสุดสวยคนนี้ตายเลยนะ เจ้ามีแผนจะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้?”

‘หยางซิ่น’เอ่ยปากถาม’เนี่ยหลี่’พร้อมแสดงท่าทางยั่วยวนอวดเสน่ห์จากเรือนร่างของนาง ความจริงคือสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นนั้น คนที่พยายามจะลอบสังหารนางได้ถูกองครักษ์ ของนางสังหารเรียบร้อยแล้ว นางจึงไม่ได้รับอันตรายใดๆ

อย่างไรก็ตามต่อหน้า’เนี่ยหลี่’นางพยายามพูดให้ดูเหมือนเป็นจริงจังไม่ใช่เล่นๆ

‘เนี่ยหลี่’รู้ถึงจุดประสงค์ของการกระทำของหยางซิ่น จึงยิ้มเล็กน้อยก่อนเอ่ยปากบอก

“เกี่ยวกับเรื่องนี้น้องชายเป็นหนี้ท่านแล้วพี่หยางซิ่นโปรดกรุณาด้วย”

“เช่นนั้นก็ดี!”

รอยยิ้มของ’หยางซิ่น’เผยออกมา ก่อนที่จะบิดขี้เกียจเผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าของเอวที่เรียบเนียนชวนหลงใหล และพูดว่า

“เหตุใดการประลองนี้ถึงยังไม่เริ่มเสียทีข้าชักจะเริ่มเบื่อแล้วนะ น้องชายตัวน้อยเมื่อไหร่เจ้าจะขึ้นไปเสียที ?ข้าจะได้วางเดิมพันข้างเจ้า! ”

ชายหนุ่มจากตระกูลอื่นๆ เมื่อได้เห็นส่วนโค้งเว้าของหยางซิ่น แทบเป็นไปมิได้เลยที่จะละสายตาไปจาก ‘หยางซิ่น’ ยิ่งได้เห็นหน้าอกอวบอิ่มเข้ารูปเวลาเธอยืดตัวยิ่งแล้วไปใหญ่ ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะต้องกลืนน้ำลายกันไปตามๆกัน

ด้วยความงามเฉกเช่นคนชั้นสูงของนาง สถานะของนางนั้นก็ไม่ธรรมดาเลย ผู้ใดกันที่จะกล้าไปเล่นตลกกับนาง ? นางมีอำนาจที่จะตัดสินชะตากรรมของตระกูลได้อย่างง่ายดาย ใครจะกล้าไปกวนใจนางกัน?

‘หยางซิ่น’มิได้สนใจกับสายตาของผู้อื่นที่มองนางเลยแม้แต่น้อย เพราะในสายตานางนั้นมักจะมองไปที่’เนี่ยหลี่’เพียงผู้เดียว

ขณะที่’เนี่ยหลี่’กับ’หยางซิ่น’พูดคุยกัน กลุ่มผู้คนตระกูลศักดิ์สิทธิ์ก็เดินผ่านไป หนึ่งในนั้นคือหนึ่งในผู้นำตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ผู้อาวุโส ‘เสิ่นหมิง’

“ไม่ได้พบกันนานเลยทีเดียว! ผู้อำหนวยการหยาง ข้าไม่เคยคาดฝันเลยว่าท่านมีความสนใจการต่อสู้ระหว่างตระกูลด้วย”

‘เสิ่นหมิ่ง’ยิ้มกล่าว ภายในดวงตาของเขาเป็นบ่งบอกเป็นนัยของความกลัว เขาไม่คาดคิดเลยว่าตระกูลบันทึกสวรรค์นั้นจะมีความสามารถที่โน้มน้าว ผู้อำนวยการ’หยาง’และเหล่าผู้อาวุโสท่านอื่นๆมายังที่นี่

แม้ว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์จะเป็น หนึ่งในสาม ตระกูลหลัก หากในการเผชิญหน้ากับสมาคมนักปรุงยา พวกเขายังมีความเกรงกลัวต่อสมาคมนักปรุงยาเป็นอย่างมากไม่ต้องกล่าวถึงตระกูลอื่นๆเลยตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้มีการซื้อยาจากสมาคมนักปรุงยาเป็นจำนวนมาก ถ้าจู่ๆ สมาคมนักปรุงยาลดจำนวนของน้ำยาลงแล้วละก็ พวกเขาจะได้รับผลกระทบมากมายเลยทีเดียว

“เปล่าเลยท่าน อาวุโส ตัวข้านี้มิได้มีความสนใจในการประลองนี้เลยแม้แต่น้อย ข้าแค่มาที่นี่เพื่อดู น้องชายเนี่ยหลี่ตัวน้อย ข้าก็อาจจะวางเดิมพันไป ข้าทราบมาว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ทำหน้าที่เป็นผู้รับวางเดิมพันในปีนี้”

‘หยางซิ่น’กล่าวพร้อมยิ้มไปพลางๆ

น้องชาย…? เนี่ยหลี่? ‘เสิ่นหมิง’ เพ่งจ้องมองกวาดไปทั่วใบหน้าของ’เนี่ยหลี่’ ‘เสิ่นหมิง’คิดไม่ตกกับความสัมพันธ์ระหว่าง’เนี่ยหลี่’กับ’หยางซิ่น’

“ผู้อำหนวยการหยาง ท่านเข้าใจถูกแล้ว ทางตระกูลศักดิ์สิทธิ์ของเรารับเป็นเจ้าภาพการวางเดิมพันในปีนี้ ท่านผู้อำนวยการหยางมีความสนใจที่จะวางหนึ่งหรือสองเดิมพันดีละ ?”

การแสดงออกของ’เสิ่นหมิง’ชะงักไปชั่วครู่ เขาไม่สามารถรู้ได้เลยว่าฐานะของสมาคมนักปรุงยานั่นมั่งมีมากมายเพียงใด? แม้จะเป็นถึงตระกูลศักดิ์สิทธิ์เขาก็ไม่กล้าที่จะเล่นด้วย

“ข้า เพียงต้องการเล่นแบบสบายๆ เดิมพันของข้าคือน้องชายเนี่ยหลี่เพียงคนเดียว ผู้อาวุโสหมิงอย่าได้กังวลต่อเรื่องนี้ไปเลย ฮ่าฮ่า!”

‘หยางซิ่น’หัวเราะเบาๆ

‘เนี่ยหลี่’มองไปที่ ‘เสิ่นหมิง’ แล้วเคลื่อนไปดู ‘เสิ่นเฟย’ ที่อยู่ด้านข้าง เขาเห็นว่า ‘เสิ่นเฟย’ มองมาที่เขาด้วยความมุ่งร้ายเปรียบได้ดังกับอสรพิษตัวนึงไม่เพียงแม้แต่ความเกลียดชังที่ขโมยคู่หมั้นไปเขา

‘เสิ่นเฟย’ เกลียด’เนี่ยหลี่’ปรารถนาที่จะให้’เนี่ยหลี่’นั้นตายๆไปเสีย นี่ถ้า’เนี่ยหลี่’ไม่ได้มี ‘หยางซิ่น’หนุนหลังแล้วละก็ เขาคงกระโจนเข้าทำร้าย’เนี่ยหลี่’แล้วเป็นแน่

“ฮ่าฮ่า ศิษย์พี่เสิ่น เป็นเวลานานเหลือเกินที่ไม่ได้พบท่าน ช่างน่ายินดีเสียจริง”

‘เนี่ยหลี่’ไม่สนใจสายตาที่มุ่งร้ายของ ‘เสิ่นเฟย’ อย่างสิ้นเชิง

มิหนำซ้ำยังกล่าวทักทายราวกับไม่ได้ตระหนักถึงความแค้นระหว่างพวกเขา

 

กวนประสาทเขาอะดิ

จบตอน…

แปลโดย คุณสินธุ์นวล

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments