I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 83 เจ้าให้ข้าชนะเองนะ

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 5865 | 2439 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ทั้งสนามประลองยุทธ์ภาคสนามล้วนเต็มไปด้วยเสียงตะโกนโห่ร้องกันระงม ในขณะนี้นั้นหัวของ’เสิ้นหมิง’ที่ปักอยู่กลางเวทีเริ่มเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และทำความสะอาดใบหน้าของเขาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเศษดิน เขาพยายามที่จะฟืนตัวยืนขึ้น

นะตอนนี้นั้นความโกรธของ’เสิ้นเฟย’ได้พุ่งขึ้นจนจักทะลุของฟ้าไปแล้ว เหตุผลที่ว่าทำไมเขานั้นมิยอมเรียกจิตอสูรของเขาออกมาเป็นเพราะ ผู้อาวุโส’เสิ้น หมิง’ นั้นสั่งให้เขาเอาชนะหลังจากทีผ่านไปแล้วยี่สิบกระบวนเท่าเท่านั้น ใครบ้างจะรู้ว่า ‘เนี้ยหลี่’จักสามารถเรียกจิตอสูรได้โดยที่ไม่มีปราศจากการเล่ากล่าวของผู้ใดมาก่อน

เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ ไร้เหตุผลสิ้นดี ‘เสิ้นเฟย’กำลังระเบิดอารมณ์เขาเขาไปยังผู้อาวุโส’เสิ้นหมิง’ที่แนะนำเขาทำเช่นนั้น

“เวลานี้เจ้าถามเรื่องของมัน ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”

‘เสิ้นเฟย’ แผ่คำรามด้วยความโกรธ แดนจิตวิญญาณรอบตัวเขากำลังสั่นไหว แผ่กลิ่นอายของจิตอสูรออกมาจากร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง ‘เสิ้นเฟย’เปล่งวาจาพร้อมจ้องมายัง’เสิ้น หมิง’

‘เสิ้นเฟย’หลอมรวมจิตอสูร ที่มีพละกำลังมากมายนั่นคือ จิตอสูรพยัคฆ์ทมิฬสีชาด(สีดำ แดง) เดิมเป็นสัตว์อสูรที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก อสูรตนนี้ถูกล่าโดยฝีมือของผู้นำของตระกูลศักดิ์สิทธิ์เองเลยทีเดียว ระดับของมันนั้นคือ สัตว์อสูร ระดับทองดำ ขั้น 1 ดาว เพราะฉะนั้น มันจึงแข็งแกร่งเป็นอย่างมากซึ่งแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้ ‘เสิ้นเฟย’แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว

“นายน้อยเสิ้นเฟย กำลังผสานกับจิตอสูรขั้นสุดท้ายแล้ว……………..”

ผู้ชมบริเวณสนามประลองต่างรู้สึกร้อนขึ้นมาทันที

“รัศมีที่แผ่ออกมานี้……”

“ สวรรค์! มันช่างน่ากลัวเกินไปแล้วถึงกับมีเจ้าพยัคฆ์ทมิฬสิชาดตัวนี้เชียวเหรอ!”

พยัคฑ์ทมิฬสีชาดเจอกับแพนด้าเขี้ยว? ช่างเป็นเรื่องที่ง่ายดายต่อการคาดเดานัก เกือบทุกคนล้วนคิดว่าแพนด้าเขี้ยวนั้นจักต้องพ่ายภายในหนึ่งกระบวนท่า

‘เสิ้นเฟย’ แผ่พลังออกจากร่างกายเพิ่มมากขึ้น รังสีของพยัคฆสีชาดตัวนั้นแข็งแกร่งมากนักจนทำให้ทุกๆคนในสนามประลองรู้สึกตกใจกับพลังอำนาจของมันที่พวยพุ่งออกมาเป็นอย่างมาก

‘เนี้ยไฮ่’ และ’เนี้ยอิ้ง’ และพวกเขานั้นนั่งแทบไม่ติดเก้าอี ‘เนี้ยหลี่’จิตอสูรกังฟูแพนด้าเขี้ยว มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จักสู้กับพยัคฆ์ทมิฬสีชาดตัวนี้ ความแตกต่างของระดับกำลังนั้นชั่งต่างกันยิ่งนัก

“ตอนนี้ทันไหม?ที่จะอนุญาตให้เนี้ยหลี่ขอยอมแพ้?”

ผู้ที่พนันข้าง’เสิ้นเฟย’ พวกเขาตอนนี้ต่างตะโกนกันเสียงดังก้อง เชียรกันอย่างออกนอกหน้านอกตา ในมุมมองของพวกเขางานนี้’เสิ้นเฟย’ชนะแน่!

ในที่สุดเสียงตะโกนเหล่านั้นก็พลันเงียบลง

ในขณะที่เหลือการดำเนินการผสานจิตในขอบเขตแดนจิตวิญาณอีกไม่กี่อึดใจเขาก็จักสามารถเรียกจิตอสูรของเขาออกมาได้สำเร็จ ‘เนี้ยหลี่’นั้นก็พุ่งกระโจนทะยานไม่กี่ครั้งก็มาอยู่ตรงข้างหน้าเขาแล้ว จากนั้นก็ตะปบไปที่หลังศีรษะของ’เสิ้นเฟย’อย่างแรง

เปรี้ยง!

‘เสิ้นเฟย’ที่กำลังหลอมรวมจิตอสูรให้ประสานกันกับร่างกายของเขา แต่กลับโดนโจมตีด้วยฝ่ามืออย่างหนักหน่วงรุนแรง จนกระทั้งพื้นดินแยกแตกกระจายออกไปเป็นหลุมขนาดใหญ่คล้ายอุกาบาตตกปรากฏขึ้นเลยทีเดียว ‘เสิ้นเฟย’ถูกแทรกแทรงระหว่างการผสานกับจิตอสูรจนจิตวิญาณนั้นแตกซ่านกระจายออกไปทั่วทุกทิศ เมื่อจ้องมองไปยัง’เสิ้นเฟย’ในขณะนี้ช่างน่าเศร้าเสียยิ่งนัก ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขานั้น โดนตบจนมันไปแทรกติดอยู่กับพื้นดินที่แตกกระจายออกเป็นหลุมขนาดใหญ่นั้น

จอมวายร้ายที่จัดการเขานั้นมิใช่ใครที่ไหนก็คือ ‘เนี้ยหลี่’นั้นเอง เขายืดตัวขึ้นตรงๆจ้องมองไปยังเสิ้นเฟยที่กองอยู่กับพื้น

ตะลึงกันทั้งสนาม!

ผู้คนทุกชนชั้นทั่วทั่งสนามประลองล้วนตกใจอย่างหนักมาก จนลืมหายใจหายคอกันเลยทีเดียว!

‘เนี้ยไฮ่’ ‘เนี้ยอิ้ง’ ‘หยางซิน’ และพวกเขาเขาต่างล้วนตะลึงมึนงงไปตามๆกัน

“ช่างน่ารังเกียจ! น่ารังเกียจเหยียดหยามจริงๆ”

‘เนี้ยอิ้งไฮ่’ ‘เนี้ยอิ้ง’และพวกของเขาต่างหน้าตารู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เขาทั้งหลายรู้สึกว่าการการกระทำในครั้งนี้นั้นทำให้เขาเสียศักดิ์ศรีอย่างรุนแรง มันยังเป็นคนของตระกูลบันทึกสวรรค์อยู่หรือเปล่า? สี่งนี้……..ตระกูลบันทึกสวรรค์ช่างสอนสั่งให้ผู้สืบเชื้อสายรุ่นใหม่ได้น่ารังเกียจถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

พวกที่เดิมพันข้าง’เนี้ยหลี่’ชนะนั้นในตอนนี้นั้นยังรู้สึกหน้าแดง แม้ว่าพลังฝ่ามือของ’เนี้ยหลี่’นั้นจะมีมาก แต่สิ่งนี้…..มันดูเหมือนว่าจะไม่ถูกต้องนัก

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการต่อสู้ระหว่างอัจฉริยะกับอัจฉริยะเกิดขึ้นมากมาย แต่พวกเขานั้นไม่เคยพบเคยเจอกับเหตุการณ์ต่อสู้เช่นนี้มาก่อนเลย

ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งหมดนั้นจะเรียนรู้จากการต่อสู้ซึ่งกัน เป็นกาศึกษาศิลปะการต่อสู้ ซึ่งมีอยู่มากโดยเฉพาะการอัญเชิญจิตอสูรเข้ามาต่อสู้ โดยปกติแล้วทั้งสองฝ่ายจะเรียกจิตอสูรลงมาผสานให้เสร็จก่อน จากนั้นจึงค่อยเข้าสู่การประลอง พวกเขาไม่เคยพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ‘เนี้ยหลี่’ได้เรียกจิตอสูรของเขาในชั่วพริบตาโดยไม่ต้องกระทำการอันใด และจัดการกับคู่ต่อสู้ระหว่างที่กำลังผสานจิตอสูรของเขาในทันที

พวกตระกูลศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในบริเวณใกล้ๆเวทีเกือบจะกระโดดขึ้นบนเวที

“เจ้าพวกตระกูลบันทึกสวรรค์ พวกเจ้านั้นจักทำตัวน่ารังเกียจเกินไปแล้ว! การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ตรงไปตรงมา! คนจากตระกูลศักดิ์สิทธิ์ล้วนตระโกนโห่มายังตระกูลบันทึกสวรรค์”

แม้ว่า ‘เนี้ยไฮ่’ ‘เนี้ยอิ้ง’ และพวกของเขาจักเสียความรู้สึก จากการกระทำของ’เนี้ยหลี่’เล็กน้อย แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะแสดงมันออกมา ต่อหน้าของพวกตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้

“เราได้ล่วงละเมิดกฎการประลองยุทธ์ครั้งนี้หรือไม่? พวกคุณไม่มีสิทธิ์ ที่จะกล่าวหาเรา!”

“ข้ามิต้องการคำสั่งสอนของพวกเจ้าเกี่ยวกับตระกูลบันทึกสวรรค์ดอก?”

“เจ้าพวกตระกูลศักดิ์สิทธิ์ มิใช่นายน้อยของพวกเจ้านั้นโง่เองหรือ? เขาเป็นเพียงแค่หมูสนามเท่านั้น เมื่อเห็นคู่ต่อสู่ผสานกับจิตอสูร เขากับไม่ยอมผสานกับจิตอสูรก่อนที่จะเริ่มทำการต่อสู้ กลับหันหน้าไปทางคู่ต่อสู้ของเขาก่อนที่จะผสานกับจิตอสูรเอง จักโทษใครได้?”

คนจากตระกูลบันทึกสวรรค์กล่าว

ในขณะนั้น ‘หยางซิน’ ก็มองมาที่’เสิ้นหมิง’ พร้อมทั่งกล่าวคำพูดเล็กน้อย

“ท่านผู้อาวุโสเสิ้นหมิง การที่ไม่สามารถกระทำเช่นนั้นได้ เพราะว่าพวกตระกูลศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถจ่ายเงินเดิมพันจากการพ่ายแพ้ได้ใช่ไหม?”

แม้ว่า’เนี้ยหลี่’จะกระทำสิ่งนี้น่ารังเกียจเล็กน้อย แต่นางก็ยังคงอยู่ข้าง’เนี้ยหลี่’เสมอ

เมื่อมองไปที่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นบนเวทีประลอง ‘หยางซิน’ ก็เปล่งรอยยิ้มชั่งมีเสน่ห์เป็นยิ่งนัก ‘เนี้ยหลี่’นั้นชั่งเป็นคนที่คาดเดาได้ยากเสียจริงเชียว เมื่อมองจากรูปลักษณ์ภายนอกของเขาจะมองเหมือเป็นเด็กที่สดใสบริสุทธิ์ แต่เบื้องลึกในจิตใจของเขานั้นชั่งเต็มไปด้วย ปฏิภาณและไหวพริบ ผิดกับการที่เห็นได้ในภายนอก ตลอดเวลาที่ผ่านมาการตัดสินใจในสิ่งต่างๆของเขานั้นช่างหลักแหลมเฉียบคมน่าดึงดูดตาดึงดูดใจเป็นยิ่งนัก

‘เสิ้นหมิง’ สีหน้าที่บูดบึ้ง เขาคิดว่า ‘เนี้ยหลี่’นั้นมีไหวพริบมากเสียจริงๆ เขาสามารถยอมรับการพ่ายแพ้ในรอบนี้ได้ เพราะ’เนี้ยหลี่’ยอมรับข้อตกลงว่าจะสู้ทั้งสามรอบ รอบแรกนั้นไม่เป็นไร เพียงรู้ว่าจิตอสูรของ’เนี้ยหลี่’นั้นคือแพนด้าเขี้ยวใหญ่ ‘เสิ้นหมิง’ก็แอบยิ้มอยู่ในใจของเขาแล้ว เขาจะพิจารณาตัดสินใจเลือกคู่ต่อสู่จัดการกับ’เนี้ยหลี่’ในรอบต่อไป ซึ่งจักทำให้เขานั้นได้รับเงินที่เสียไปกลับคืนมา

‘เสิ้นหมิง’กล่าวตอบโต้หยางซินทันที

“ ไม่แน่นอนเงินจำนวนน้อยเช่นนั้นตระกูลศักดิ์สิทธิ์สามารถจ่ายมันได้อยู่แล้ว!”

ขณะนั้นในสนามประลอง’เสิ้นเฟย’ กำลังพยายามตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้น ร่างกายเขานั้นแทบจะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ หลังจากการโดนตบไปสองฉาดใหญ่จาก’เนี้ยหลี่’ มีเลือดไหลรินออกจากส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณปาก จมูก ส่วนใบหน้าของเขานั้นล้วนเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว เรื่องราวก่อนหน้านี้คือเขาต้องการที่จะผสานกับจิตอสูรของเขาในเขตแดนของจิตวิญญาณแต่โดน’เนี้ยหลี่’นั้นตบกระแทกแทรกกลางระหว่างผสาน เลยทำให้การหลอมรวมกับจิตอสูรนั้นพลาดไป

“ท่านนายน้อยเสิ้นเฟย ท่านยังอยู่ไหวไหม?”

“เราเพียงแค่เรียนรู้ซึ่งกันและกันจากการต่อสู้เท่าทันคงไม่หวังสิ่งใดมากไปกว่านี้ ถ้าท่านไม่สามารถยืนไหวก็ยอมแพ้ได้นะ “

‘เนี้ยหลี่’กำลังหมอบลงเอ่ยวาจาที่ข้างหู’เสิ้นเฟย’

‘แพ้อะไร ใครจะยอมกัน?’

‘เมื่อเขายอมจำนน เงินจำนวนกว่าห้าสิบล้านเหรียญจิตมารที่ได้รับก็จักหายไป!’

‘เขายังไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน!’

เขาปล่อยลมหายใจออกมาอย่างรุนแรง และพยายามที่จะต่อสู้อีกครั้ง เขตแดงจิตวิญญาณของเขาก็พลันปรากฏขึ้น เขาเตรียมการที่จะผสานกับจิตอสูรคลื่นรังสีแผ่ออกมายังรุนแรงในทันใดนั้นร่างกายของเขาก็มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างเริ่มมีเขี้ยวโผล่ออกมาจากมุมปาก เล็บยาวและแหลมคมจนกลายเป็นกงเล็บ ระเบิดเสียงคำรามออกมากึกก้องกังวาน จิตอสูรพยัคฆ์ทมิฬสีชาดชั่งเปล่งพลังพวยพุ่งออกมาได้น่ากลัวยิ่งนัก

เมื่อข้าผสานกับจิตอสูรได้แล้ว เจ้าแพนด้าเขี้ยว มิสามารถสู้ข้าได้แน่ ถ้าเจ้าต้องการที่จะกัดการกับข้าระหว่างการผสาน กับจิตอสูร? มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน เปลวเพลิงความร้อนจากพยัคฆ์สีชาดเพียงพอที่จะแผดเผาเจ้าให้มอดไหม้ลงไปในทันที เสิ้นเฟยคิดในจิตนาการเขาเขา เปลวเพลิงนั้นก็ยังคงพวยพุ่งออกมาจากร่างกายเขาอย่างรุนแรง

“นายน้อยเสิ้นเฟย แสดงพลังที่แท้จริงของเขาให้เห็นแล้ว”

เปลวเพลิงสีแดงของพยัคฆ์ทมิฬไฟเป็นเปลวเพลิงที่ร้อนแรงมากสามารถที่จะเผาพลาญทุกอย่างให้ไหม้เป็นจุลลงได้ในทันที

“ความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริงช่างคู่ควรยิ่งนักท่านนายน้อยเสิ้นเฟย ถึงเวลาเนี้ยหลี่นั้นจักต้องโดนชำระแค้นแล้ว เจ้าไม่สามารถที่จะเข้าใกล้เปลวเพลิงสีชาดนี้ได้แน่ เมื่อนายน้อยเสิ้นเฟยหลอมรวมกับจิตอสรูของเขาเสร็จ เจ้าจักต้องโดนจัดการในหนึ่งกระบวนท่า”

“จิตอสูรที่น่ารักอย่างแพนด้าเขี้ยวนั้นจักเป็นคู่ต่อสู้ของพยัคฆ์ทมิฬไฟสีชาดได้เช่นไร? แม้ว่าเขานั้นจะโดนฟาดมาสองฝ่ามือก็ตาม จักเป็นไร?”

เสียของผู้ชมในสนามประลองนั้นเพิ่มขึ้นสูงจนดังจนหูแทบดับกันเลยทีเดียว

“เปลวเพลิงสีแดงแล้วไงหละ? พลังมากยังไงไม่เข้าใจงง? “

ในขณะนั้น ‘เนี้ยหลี่’ซึ่งได้ผสานกับจิตอสูรกังฟูแพนด้าเขี้ยวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากเปลวเพลิง แม้ว่าเขาจักยืนอยู่ภายในเปลวเพลิงสีชาดอันร้อนแรงก็ตาม

พยัคฆ์ทมิฬสีชาดของ’เสิ่นเฟย’นั้นความสามารถของมันไม่เลวเลยทีเดียว แต่มันเทียบกับกังฟูแพนด้าเขี้ยของ’เนี้ยหลี่’ไม่ได้เลย ระยะห่างของระดับนั้นช่างมากจริงๆ ไม่มีผู้ใดสามารถจินตนาการหยั่งรู้ถึงศักยภาพกังฟูแพนด้าเขี้ยวได้ อย่างไรก็ตามอาจมีการวิธีต่อสู้ที่จะทำให้กังฟูแพนด้าเขี้ยวนั้นได้รับบาดเจ็บแต่มันช่างน้อยมากซะเหลือเกิน?

อย่างไรก็ตามในตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จักแสดงความสามารถอันแข็งแกร่งนั้นให้ใครได้เห็น

ขณะที่’เสิ้นเฟย’กำลังผสานจับจิตอสูรเกือบจะเสร็จอยู่แล้ว ‘เนี้ยหลี่’ยกขาของเขาขึ้นแล้วเหยียบลงไปอย่างไร้ปราณีเข้าไปในเขตแดนวิญญาณของ’เสิ้นเฟย’ ทำให้’เสิ้นเฟย’ตกใจอย่างหนักมากถึงเกือบลืมหายใจ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาผสานกับจิตอสูรล้มเหลว จิตอสูรของเขาก็ยังมิอาจออกมาแสดงความสามารถอีกเหมือนเดิม

เสียงจากการกระทืบนั้นดังมากจนน่าตกตะลึงไปเลยทีเดียว ทุกๆคนล้วนจินตนาการ ตามความรู้สึกว่า เจ้าแพนด้าเขี้ยวใหญ่คงจักต้องหมุนควงสว่านลงไปกองกับพื้นเป็นแน่ หลังจากเปลวเพลิงสีชาดมอดดับลง สิ่งที่ปรากฏคือ ‘เสิ้นเฟย’นั้นกำลังถูกเหยียบอย่างเมามันอยู่กับพื้นอย่าไร้ความปราณีต่อหน้าต่อตาพวกเขา

“การผสานจิตผิดพลาดอีกครั้งเหรอ?”

“สามารถทำเช่นนี้ได้เหรอ”

กระบวนท่ากระทืบอันลือลั่นจนน่ากลัวนั้น ถูกปลดปล่อยออกมา ข้าจักระบายความแค้นให้กับ’หนิงเอ๋อ’ ‘เนี่ยหลี่’คิดอยู่ภายในใจ ‘เสิ้นเฟย’นั้นถูกทรมานโดย’เนี้ยหลี่’เป็นภาพที่ช่างน่าตื่นตาตื่นใจจนน่าสยองยิ่งนัก แต่ดูเหมือเขาจักยังมิยอมหยุดโดยง่าย

“ข้าได้ยินมาว่านายน้อยเสิ้นเฟยนั้น พิชิตสวนดอกไม้ของเหล่าสาวๆมามากมายยังกับของเล่น ข้าจักทำให้เจ้ามิสามารถเล่นจ้ำจี้กับสาวๆได้อีก”

ใน’เนี้ยหลี่’จัดการเตะเข้าไปยังกล่องดวงใจดังโพละ จากวันนี้ไปเกรงว่าหลังจากวันนี้ไป ‘เสิ้นเฟย’จะมิมีความสามารถในการที่จะผลิตมนุษย์ออกมาอีกได้เลยทีเดียว

พวกที่พนันข้าง’เสิ้นเฟย’ชนะนั้น แทบจะหลับตาอามือก่ายหน้าเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เดิมทีเมื่อได้ยินเสียงอันน่ากลัวนั้น พวกเขาคิดว่าจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์กลับมา อย่างไรก็ตามจากการเตะจำนวนไม่กี่ครั้งของ’เนี้ยหลี่’นั้นได้ทำลายความหวังจะกลับมาอีกครั้งของพวกเขาจนมลายสิ้น

“ซวยๆ ๆ ช่างโชคร้ายจริงๆต้องเสียเงินแล้วหรือนี้”

นักพนันข้าง’เสิ้นเฟย’กล่าวพร้อมเอามือก่ายหน้าผาก

“ต้องโทษเจ้าหมูสนามเสิ้นเฟย เขาเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไปเลยไม่ยอมเชิญอสูรออกมาในการต่อสู้ตอนแรก สุดท้ายจนจบการต่อสู้เขาก็เลยมิมีโอกาสเรียกจิตอสูรออกมาช่างน่าขันยิ่งนัก”

“แต่ตระกูลบันทึกสวรรค์นั้นก็ช่างขี้โกงเสียจริง เขามิปล่อยโอกาสให้เสิ่นเฟยได้อัญเชิญจิตอสูรเสร็จ ช่างไม่มีจิตวิญญาณของนักต่อสู้เสียเลย”

เมื่อคิดถึงวิธีการต่อสู้พวกนั้น เขาทั้งหลายนั้นอยากจะร้องไห้เลยจริงๆ หลังจากการประชุมกันแม้เนี้ยหลี่จะทำพฤติกรรมน่ารังเกียจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้? แม้ว่าพวกเขาสามารถประณามการกระทำของ’เนี้ยหลี่’ในครั้งนี้ได้ แต่ว่ามันก็ไม่ได้อยู่ในกฎของการแข่งขัน

‘เสิ้นหมิง’สามารถเล็งเห็นว่า การที่’เนี้ยหลี่’ไม่ยอมให้โอกาส’เสิ้นเฟย’ได้ประสานจิตอสูรของเขาเลย ทำให้ประลองยุทธ์ครั้งนี้นั้นจะจบลงโดยการที่’เสิ้นเฟย’ มิสามารถผสานจิตอสูรได้และถูก’เนี้ยหลี่’นั้นกระทืบตืบอย่างเมามัน ต่อไปอีกเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่กล่าวยอมแพ้

“การประลองยุทธ์ครั้งนี้ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้พ่ายแพ้ได้โปรดหยุดเถิด!”

‘เสิ้นหมิง’เปล่งวาจาด้วยใบหน้าที่โกรธจัด เสียงของเขานั้นก้องกังวาน ได้ยินไปทั่วทั้งสนามประลอง จนทุกๆคนสารถรู้สึกได้ถึงความโกรธจากน้ำเสียงของเขา

ในสนามประลอง ผู้ชมต่างยิ้มอย่างขมขื่น นี่คือการต่อสู้ที่ไร้สาระที่สุดตั้งแต่พวกเขาเคยเจอมา

ในขณะนั้น’เสิ้นหมิง’และ’เสิ้นจ้าว’ จากตระกูลศักดิ์สิทธิ์ต่างมองไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพวกเขานั้นไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า’เสิ้นเฟย’จะพ่ายแพ้แบบน่าอนาจถึงเพียงนี้ จากการต่อสู้ของ’เสิ้นเฟย’ที่ถูก’เนี่ยหลี่’กระทืบอยู่นั้น เห็นได้ว่ากำลังของแพนด้าเขี้ยวตัวนั้นมีพลังเพียงเล็กน้อย เขาไม่จำเป็นต้องทดสอบความแข็งแกร่งอย่างแท้จริงของ’เนี้ยหลี่’ ดูเหมือนการผสมระหว่าง’เนี้ยหลี่’กับแพนด้าเขี้ยวช่างดูไร้พิษสงและน่ารักยิ่งนัก มันมิสามารถช่วยให้พวกเขาลดความรู้สึกดูถูกเหยียดหยามลงได้แม้ซักเพียงน้อย

พวกเขามองไปยัง’เสิ้นเฟย’ที่ตอนที่กำลังถูกกระทืบไปเรื่อยๆ แต่ไม่นึกเศร้าใจแต่อย่างใดตรงกันข้าม พวกเขากลับแอบรู้สึกเพียงขำอย่างหนักมากอยู่ในใจเท่านั้น ที่นายน้อยทายาทสายตรง ต้นแบบของชนรุ่นใหม่กำลังถูกกระทำอย่างหนักหน่วงกลางเวทีในตอนนี้ ชั่งเป็นผู้ที่ฉลาดน้อยเสียจริงเชียว

พวกเขาได้ยินมาว่านายน้อย’เสิ้นเฟย’นั้นจะมักจะชอบเล่นกับสาวๆอยู่เป็นประจำ แม้พวกเขาจักต้องเสียเงินเดิมพันจำนวนมากจากการที่’เสิ้นเฟย’พ่ายแพ้’เนี้ยหลี่’ แต่พวกเขานั้นก็ยังคิดว่าจักได้มันกลับคือมาในรอบหลังอย่างแน่นอน เมื่อนายน้อยสายตรงของตระกูลกลายมาเป็นขยะในตอนนี้ มันก็เป็นเวลาที่พวกเขาจักแสดงความสามารถออกมา ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้อื่นนั่นเอง

เมื่อได้ยินคำพูดของ’เสิ้นหมิง’ ความรู้สึกสนุกของ’เนี้ยหลี่’ก็พลันหายไปในทันที ทำไมถึงพ่ายได้เร็วเช่นนี้ไม่สนุกเอาเสียเลย ‘เนี้ยหลี่’ขึ้นมายืนบนร่างกายเสิ้นเฟยก่อนที่จะป้องมือคำนับแล้วจึงเอ่ยวาจา

“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า การต่อสู้ครั้งนี้ชั่งสนุกเสียจริงๆ ท่านพี่เสิ้นเฟย ท่านอุดส่าเสียสละให้ข้าชนะง่ายๆขอบใจมากๆ”

เมื่อได้ยินคำพูดและเห็นท่าทางของ’เนี้ยหลี่’ ทุกๆคนพากันตะลึงไปตามๆกัน ‘เนี้ยหลี่’นั้งช่างเป็นคนเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายแบบไม่มีขีดจำกัดเลยทีเดียว

สนุกสนานกระนั้นเชียวหรือ? มีเพียง’เนี้ยหลี่’ ที่สนุกขนาดนี้ จากเริ่มต้นจนจบการประลองนั้น ‘เนี้ยหลี่’เป็นฝ่ายตบตีกระทำยำเท้า ‘เสิ่นเฟย’ จนเละเป็นโจกติดอยู่กับพื้นมาโดยตลอด และไม่ยอมให้’เสิ้นเฟย’ได้มีโอกาสที่จะตอบโต้สวนกลับได้เลย การต่อสู้รอบนี้มันเลยทุกคนเลยดูเหมือนว่า’เสิ้นเฟย’ยอมให้’เนี้ยหลี่’นั้นชนะได้โดยง่าย

จากการที่เขามิสามารถผสานกับจิตอสูรได้เลยซักครั้ง กลับถูกแต่’เนี้ยหลี่’ ตีเอาๆ เพียงฝ่ายเดียวจนดูน่าสมเพศเวทนาน่าสงสารเป็นยิ่งนัก

ผู้ที่เสียเงินเพราะเดิมพันข้าง’เสิ้นเฟย’นั้น ต่างตะโกนก่นด่าสาปแช่งกันระงม

“แ….ง เขาเล่นบ้าอะไรกัน?!กูเสียตังนะโว้ย”

“มันคงไม่ใช่ สมาคมนักปรุงยา กับตระกูลศักดิ์สิทธิ์รวมหัวกันมาหลอกอาตังพวกเราหรือ?!”

“ เจ้าพวกตระกูลศักดิ์สิทธิ์ทำให้พวกข้านั้นเสียเงินจำนวนมาก ข้าจะเกลียดพ่อเจ้าไปตลอดชีวิตเลย”

ขณะนี้นั้น ที่มุมหนึ่งของที่นั่งของผู้ชม สาวน้อยผู้น่ารักผู้สูงศักดิ์ ‘อี้จืออวิ้น’ มิสามารถ ที่จะหัวเราะออกมาได้ เมื่อนางได้ยินว่ามีการประลองยุทธ์ระหว่างตระกูลศักดิ์สิทธิ์และตระกูลบันทึกสวรรค์ นางก็อยากที่จะมาร่วมชม แม้ว่านางจะมีความกังวลใจเกี่ยวกับ’เนี้ยหลี่’เล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงมาหลบซุ้มแอบอยู่ที่มุมและคอยจับจ้องมองไปยัง’เนี้ยหลี่’ตลอดเวลา

เดิมที่นั้นนางคิดว่า’เนี้ยหลี่’จักต้องพ่ายจนได้รับบาดเจ็บหนัก แต่เมื่อมองไปยัง’เนี้ยหลี่’ ซึ่งดูสดใสร่าเริงยิ่งนัก หล่อนก็คลายความกังวลในลงไปได้ จนกระทั้งเดี๋ยวนี้ยังไม่มีผู้ใดทำให้’เนี้ยหลี่’ได้รับอันตรายได้แม้เพียงน้อยนิด สายตาทั้งคู่ของนางนั้นมาองเห็นภาพจากด้านหลังของ’เนี้ยหลี่’ ได้อย่างชัดเจน ความกังวลใจก็เริ่มลดลงแล้วนางก็พลัน อมยิ้มอย่างสดใสออกมา

แม้ว่า ‘อี้จืออวิ้น’ จะนั่งหลบอยู่ที่มุมหนึ่ง แต่ความสง่าสดใสน่ารักดูมีเสน่ห์ของนางนั้น ได้ดึงดูสายตาของผู้คนให้จับจ้องไปที่เธออย่างรวดเร็ว พวกเขามิรู้เลยว่า นางนั้นจักเป็นถึงลูกสาวของเจ้าเมือง ยังคงคิดว่าสาวสวยน่ารักนางนั้นเป็นสาวสวยที่ไม่ค่อยจะได้พบเจอได้ง่ายนัก

 

จบตอน….

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments