I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 90 เข้าสู่ตำหนักของเท่านเจ้าเมือง

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 6520 | 2427 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“เนี่ยหลี่ เจ้ามีเหตุผลอะไรที่นำมันมาให้กับข้าหรือเปล่า?”

‘เอียจื่ออวิ้น’เงยหน้าของเธอดวงตาที่สดใสคู่นั้นกระพริบพร้อมมองไปยัง’เนี่ยหลี่’

“เพราะว่าข้ารักเจ้า”

‘เนี่ยหลี่’มองที่’เอียจื่ออวิ้น’พร้อมรอยยิ้มและพูดมัน

“แต่ข้าไม่สามารถรับมันได้”

หลังจากที่ได้ยินคำสารภาพของ’เนี่ยหลี่’ มันทำให้ ‘เอียจื่ออวิ้น’ออกอาการเขินอาย เธอได้รับหลายสิ่งจาก’เนี่ยหลี่’มามากมายแล้ว ถ้าเธอรับบางสิ่งเพิ่มเติมจาก’เนี่ยหลี่’อีก เธอไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณเขาในภายภาคหน้าได้อย่างไร

“เกี่ยวกับเรื่องนี้ ให้คิดซะว่าเจ้าติดหนี้ข้าอยู่หนึ่งหน แน่นอนในอนาคตว่าตัวข้านั้นต้องมีสิ่งบางให้เจ้าช่วยเหลือ”

‘เนี่ยหลี่’คิดสักครู่และกล่าวไป การให้สาวสวยผู้มีความดื้อรั้นยอมรับของสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก(accept แปลว่า รับมอบ ได้เช่นกัน)

“มีสิ่งใดที่ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ด้วยรึ?”

‘เอียจื่ออวิ้น’ก้มหน้าของเธอลง แก้มของเธอหายจะการเป็นสีแดงแล้ว

“แน่นอนเจ้ามีบางสิ่งที่สามาถช่วยข้าได้ เจ้าคือลูกสาวของท่านเจ้าเมือง มีผู้คนมากมายต้องการที่จะให้เจ้าช่วยเช่นเดียวกับข้า ข้าได้รวมร่างกับอสูรวิญญาณแล้ว นอกจากนี้คุณสมบัติของราชินีหิมะไม่เหมาะสำหรับข้า ไม่มีความจำเป็นที่ข้าจะต้องเก็บมันไว้”

‘เนี่ยหลี่’มอง’เอียจื่ออวิ้น’ขณะที่เธอก้มหน้าลง เขาคิดกับตัวเองว่า เธอผู้นี้ช่างมีความงดงามเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ’เนี่ยหลี่’ ‘เอียจื่ออวิ้น’ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า

“ได้ข้าตกลง แต่สิ่งที่เจ้าจะให้ข้าทำมันจะต้องไม่ใช่สิ่งที่ชั่วร้ายนะ”

“แน่นอน เจ้าเคยเห็นผู้ชายคนไหนซื่อสัตย์มากกว่าข้าไหม?”

‘เนี่ยหลี่’ทำหน้าจริงจังและกล่าวมัน

หลังจากที่ได้ยิน ‘เอียจื่ออวิ้น’ก็หัวเราะ ตอนที่หัวเราะเธอช่างเหมือนกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน คำพูดที่จริงจังของ’เนี่ยหลี่’กลับดูตลกมาก เมื่อไม่นานมานี้ใครกันเป็นผู้ก่อเรื่องให้แก่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ด้วยความรอบรู้ของเขา

“เนี่ยหลี่ ข้าตกลงยอมรับราชินีหิมะตนนี้ ข้าอยากจะเห็นนักว่าอัตราการเจริญเติบโตระดับพระเจ้าที่เจ้าพูดถึงมันเป็นเช่นไร แม้ว่าข้าจะเป็นหนี้เจ้าหนึ่งอย่าง เจ้าสามารถขอให้ข้าช่วยเจ้าทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ แต่มันจะต้องไม่เป็นอะไรที่ชั่วร้าย มิฉะนั้นข้าจะบอกกับพ่อข้าให้จ่ายเงินให้แก่เจ้าสำหรับจิตวิญญาณอสูรตนนี้”

‘เอียจื่ออวิ้น’ยกมือของเธอเบาๆ เหมือนกับผีเสื้อและวิ่งหนีไป

‘เอียจื่ออวิ้น’ไม่ทราบว่าที่เธอยอมรับของจาก’เนี่ยหลี่’เป็นเพราะความใกล้ชิดกับเขา ถ้ามันเป็นคนอื่นเช่น’เสิ่นเอวีย’และพรรคพวกของเขา เธอจะไม่มีทางที่จะยอมรับอย่างแน่นอน

เขาหันมองไปที่แผ่นหลังของ’เอียจื่้ออวิ้น’หลังจากที่เธอออกมาจนกระทั่งเธอหายไป ‘เนี่ยหลี่’ก็ยิ้มและพูดกับตัวเองเบาๆ

“อีกไม่นานหรอก เราจะได้พบกันอีกครั้ง ทั้งในชีวิตก่อนหน้านี้และชีวิตในตอนนี้ โชคชะตาฟ้ากำหนดมาให้เราคู่กัน แม้ว่าเจ้าจะไม่ต้องการมันก็ไม่สามารถอะไรทำได้หรอก”

หลังจากที่พูด’เนี่ยหลี่’เขาได้หันกลับมาและเดินจากไป

ข่าวของ’เนี่ยหลี่’ที่เอาชนะคนในตระกูลศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นถึงร่างทรงอสูรระดับ 1 ดาวทอง ‘เสิ่นหนิง’ ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทั้งเมืองกลอรี่สั่นสะเทือนด้วยข่าวนี้ เพราะในรอบหลายปีที่ผ่านมาเมืองกลอรี่ไม่ได้มีอัจฉริยะที่เปล่งประกายอย่างน่าตื่นตาตื่นใจเช่นนี้มาก่อน

เป็นอีกครั้งที่ตระกูลบันทึกสวรรค์ได้รับความสนใจจากทุกคน ในแต่ละวันนั้นมีผู้คนจำนวนมากก็ต้องการที่จะเข้าไปเยี่ยมชมตระกูลบันทึกสวรรค์

‘เนี่ยหลี่’ได้เงียบหายไปไม่ได้ออกมาพบปะกับผู้คนแต่อย่างใด ผู้ใดที่ต้องการจะพบ’เนี่ยห’ลี่ก็จะถูกกีดกันโดยคนในตระกูลบันทึกสวรรค์

ขณะที่ข่าวได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองนั้น ผู้คุ้มกันของเมืองกลอรี่ได้พบร่องรอยการเคลื่อนไหวของสมาคมทมิฬ พวกเขาเข้าโจมตีและจับกุมพวกสมาคมทมิฬได้หลายสิบคน

เพื่อที่จะมั่นใจในความปลอดภัยของ’เนี่ยหลี่’ ท่านเจ้าเมือง’ Ye zong(เอียเซิ่ง)’ ตัดสินใจที่จะนำตัวเนี่ยหลี่เข้าไปอยู่ในตำหนักของเขาเพื่อที่จะได้ง่ายต่อการคุ้มครอง

หลังจากที่ได้ยินข่าวเลื่อนการตัดสินของสมาคมทมิฬ หาก’เนี่ยหลี่’ยังคงอยู่ที่ตระกูลบันทึกสวรรค์ สมาคมทมิฬจะไม่ปล่อย’เนี่ยหลี่’ไว้แน่ แต่เนื่องจาก ‘เนี่ยหลี่ไ’ด้เข้าไปสู่ตำหนักของท่านเจ้าเมือง พวกเขายังคงไม่มีความกล้าพอที่จะทำอะไร เพราะในตำหนักของท่านเจ้าเมืองทุกที่นั้นมีทั้งร่างทรงอสูรและนักสู้ ระดับตำนานแลระดับทองคำดำนับไม่ถ้วน

นอกจาก’เนี่ยหลี่’แล้ว ‘เนี่ยหลี่’ยังพา’เนี่ยยู่’เข้าไปในตำหนักของท่านเจ้าเมืองด้วย เพราะเขาต้องการที่จะสอนแนวทางการบ่มเพาะพลังให้กับ’เนี่ยยู่’ ในฐานะที่เป็นคนของตระกูลบันทึกสวรรค์

สำหรับช่วงเวลานี้ไม่มีใครกล้าที่จะไปแตะต้องพวกเขา และในระยะยาวที่เขาจะไม่ได้กลับไปอยู่ที่ตระกูลบันทึกสวรรค์ แน่นอนสมาคมทมิฬจะไม่ทำอะไรกับตระกูลของเขา เพราะมันไม่มีค่าและความสำคัญมากพอที่จะทำเช่นนั้น

ทั้งหมดอยู่ในการคาดการณ์ของ’เนี่ยหลี่’ เขาได้เตรียมแผนการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เขาจึงเปิดเผยความแข็งแกร่งของเขาในการประลองยุทธ

มีเรื่องเล่าว่าเมื่อ’เสิ่นเอวีย’แห่งตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้ล่วงรู้ว่าความแข็งแกร่งของเนี่ยหลี่อยู่ที่ระดับทองและ’เนี่ยหลี่’ได้เข้าสู่ตำหนักของท่านเจ้าเมือง เขาแทบกระอักเลือดด้วยความเศร้าโศกและความไม่พอใจ แต่เดิมเค้ายังมีความหวังกับ’เอียจื่ออวิ้น’เล็กน้อย แต่เขารู้ว่าบัดนี้ไม่มีความหวังใดๆเหลือให้เค้าอีกต่อไป

เมื่อ’หยางซิน’ได้ยินข่าวนี้สมาคมนักปรุงยาก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไม’เนี่ยหลี่’ถึงมีความมั่นใจ ‘เนี่ยหลี่’คาดไว้แล้วว่าเขาน่าจะถูกเชิญเข้าไปยังตำหนักของท่านเจ้าเมือง ในอนาคตเมื่อเธอต้องการที่จะเจอกับ’เนี่ยหลี่’ เธอจะไปต้องยังตำหนักของท่านเจ้าเมือง

ภายในตระกูลศักดิ์สิทธิ์

ผู้นำตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ‘เสิ่นฮอง’ ได้กลับมาจากการออกไปฝึกผู้เดียว เขาได้เพิ่มระดับพลังของเขาครั้งยิ่งใหญ่ แต่เขาก็ยังไม่สามารถเข้าไปสู่การเป็นร่างทรงอสูรระดับตำนานได้ การจะบรรลุเป็นร่างทรงอสูรระดับตำนานนั้นไม่ง่ายเลย หลังจากที่เขาเพิ่มระดับพลังของเขาขึ้นมา เขาเข้าใจในจุดนี้ชัดเจน

เขาสงสัยในวิธีที่’เอียม่อ’สามารถผ่านเข้าสู่ระดับตำนานได้ ทุกวันนี้เขาได้คิดเกี่ยวกับการที่อายุของได้มากขึ้นและการฝึกของเขานั้นมีสัญญาณของการฝึกพลังที่ช้าลง ทำให้’เสิ่นฮอง’มีความวิตกกังวลมากอยู่ภายใน

เมื่อเขาได้ยินเกี่ยวกับการเดิมพันนั้นเขาโมโหราวกับฟ้าคำรามทันที เสิ่นหมิงได้รับความปลอดภัยจากสิ่งที่ทำ ซึ่งเขากังวลเรื่องนี้มาตลอด แต่เขาไม่คิดว่า’เสิ่นหมิง’จะกระทำจริง

การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดพลาดอย่างมาก ในการสูญเสียเงินจำนวน 450,000,000 เหรียญจิตมารในการแพ้พนัน เงินที่จำนวนมากขนาดนั้น สามารถนำไปซื้อยำบำรุงวิญญาณและยาผสานวิญญาณให้กับพวกเด็กรุ่นใหม่ได้ตั้งเท่าใดกัน?

“เสิ่นหมิง เจ้ารู้ความผิดของเจ้าหรือไม่”

‘เสิ่นฮอง’ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้นำ เขาจ้องมองอย่างเย็นชาไปยัง’เสิ่นหมิง’ที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านล่าง

เมื่อรู้สึกถึงสายตาอันน่ากลัวของ’เสิ่นฮอง’ ร่างกายของเสิ่นหมิงก็สั่นด้วยความกลัว เขารีบกล่าวว่า

“ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยท่านผู้นำ ข้าไม่เคยคิดว่าเนี่ยหลี่ของตระกูลบันทึกสวรรค์จะสามารถฝึกพลังไปถึงระดับทองได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ข้าถูกเจ้าเด็กนั่นหลอก โปรดดูในส่วนที่ข้าเคยทำประโยชน์ให้แก่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์…….”

“หุบปาก!!”

‘เสิ่นฮอง’ตวาดแล้วจ้องมองไปยัง’เสิ่นหมิง’

‘เสิ่นหมิง’เงียบในทันทีและไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีกต่อไป

‘เสิ่นฮอง’ตกอยู่ในภวังค์ความเงียบ การที่สูญเสียเงินจำนวน 450,000,000 เหรียญจิตมารในเวลานี้ ยังไม่มีผลกระทบต่อการวางรากฐานของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ในเวลานี้ แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกกดดันก็คือในระหว่างที่เขาแยกตัวออกไปฝึก

ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลศักดิ์สิทธิ์และตระกูลบันทึกสวรรค์มาถึงยังจุดแตกหักเหมือน น้ำกับไฟ แต่เดิมนั้นตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลบันทึกสวรรค์นั้นไม่มีอะไรที่จะทำให้ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ต้องสนใจแม้แต่น้อย แต่เจ้าหนูเนี่ยหลี่ทำให้เขาไม่สามารถที่จะไม่สนใจได้อีกต่อไป

อายุ 13 ปีแต่สามารถแข็งแกร่งได้ถึงระดับทอง ความสามารถของเขาแม้แต่’เสิ่นฮอง’ก็อิจฉา

ใครจะบอกได้ว่าเด็กคนนี้จะก้าวหน้าไปได้ไกลเพียงใด?  เมื่อเด็กคนนี้เติบโตขึ้น เขาอาจจะเป็นภัยคุมคามทั้งต่อตระกูลศักดิ์สิทธิ์หรือแม้กระทั่งสมาคมทมิฬ

การมุ่งร้ายนี้อาจจะเลือนลางเหมือนมันไม่เคยมีอยู่ ถ้าในกรณีที่เนี่ยหลี่ไม่ได้มีความแค้นเคืองกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ‘เสิ่นฮอง’สามารถที่จะเก็บเขาไว้ก่อนได้ แต่’เนี่ยหลี่’นั้นมีเรื่องกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ต้น เขามีแต่จะต้องกำจัดทิ้งเท่านั้น

ตอนนี้’เนี่ยหลี่’ได้รับการคุ้มครองจากตำหนักท่านเจ้าเมือง การที่จะสังหาร’เนี่ยหลี่’ในตอนนี้นั้นเป็นเรื่องยาก

“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะอยู่ที่ตำหนักท่านเจ้าเมืองตลอดเวลาโดยที่จะไม่ออกมาข้างนอก”

‘เสิ่นฮอง’คิดอย่างเย็นชา เขามองไปยัง’เสิ่นหมิง’ที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นและกล่าวว่า

“เสิ่นหมิงเจ้ารู้กฏของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ตามกฏของตระกูล ใครที่ทำความผิดพลาดมาสู่ตระกูลนั้นจะถูกประหารโดยไม่มีข้อยกเว้น แต่พิจารณาจากที่เจ้าได้รับใช้ตระกูลมายาวนานและได้ทำประโยชน์ให้ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ไว้มาก ข้าจะให้เจ้าได้โอกาสที่จะกระทำการลบล้างความผิดในครั้งนี้”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ’เสิ่นฮอง’ ตาของเสิ่นหมิงก็เปล่งประกายด้วยความความหวัง เขาเงยหน้าขึ้นและถามว่า

“ท่านสั่งมาได้เลยท่านผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นปีนภูเขาแหลมสูงหรือจะลงทะเลเพลิงข้าก็จะทำมันทุกอย่าง”

“เยี่ยมมาก เจ้าจงนำคนไปสังหารเนี่ยหลี่ซะ เมื่อเจ้าสามารถสังหารเนี่ยหลี่ได้ ข้าจะส่งคนออกจากเมืองและไปยังสมาคมทมิฬเพื่อที่จะจัดการให้เจ้าได้อยู่ในตำแหน่งหลักของกิจการในสมาคมทมิฬ”

‘เสิ่นฮอง’พูด

“แต่เนี่ยหลี่อยู่ในตำหนักของท่านเจ้าเมือง……”

‘เสิ่นหมิง’รู้เรื่องราวระหว่างตระกูลศักดิ์สิทธิ์และสมาคมทมิฬ เขาต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างการสังหารเนี่ยหลี่หรือเขาต้องถูกตระกูลประหาร เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว…

“มันจะต้องมีสักวันที่เขาออกมาจากตำหนักของเจ้าเมือง”

‘เสิ่นฮอง’พูดเบาๆ

“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจักไปทำตามคำสั่งของท่าน”

ตาของเสิ่นหมิงปรากฏแสงชั่วขณะแห่งความแค้นเคืองขึ้นมา เขารู้ว่านี้เป็นโอกาสเดียวของชีวิตที่เขามีมิฉะนั้นเสิ่นฮองจะทำให้แน่ใจว่าตัวเขา(เสิ่นหมิง)นั้นจะไม่เหลือแม้แต่เถ้ากระดูก

“เสิ่นหมิง ข้าเชื่อว่าเจ้าจะรักษาคำพูดของเจ้าเป็นอย่างดี อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ”

‘เสิ่นฮอง’ได้ใช้มือขวาของเขาหมุนแหวนของเขาที่มือซ้ายไปมาขณะพูดเรื่องนี้

หลังจากที่ได้ยินเสียงที่ทรงอำนาจของ’เสิ่นฮอง’ ‘เสิ่นหมิง’ไม่สามารถหยุดตัวสั่นได้ นอกเหนือจากตัวเขาแล้ว ยังมีชีวิตของครอบครัวของเขาทั้งหมดที่อยู่ในมือของเสิ่นฮอง เขามีแต่จะต้องรับการเดิมพันนี้เท่านั้น

 

แปลโดย นักอ่านไร้นาม
ตรวจทานโดย Kemaera(เนื่องจากนักแปลท่านนี้ได้ติดต่อผมไว้ก่อนแล้วว่าจะช่วยแปล หากนักแปลท่านใหม่มีความต้องการส่งผลงานแปลสามารถติดต่อได้ที่แฟนเพจแอดคนใหม่ เพื่อนำการแปลของท่านไปให้นักแปลในปัจจุบันให้ความอนุเคราะห์ช่วยตรวจสอบ)

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments