I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 93 การเผชิญหน้าระหว่างพ่อตากับลูกเขย

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 6980 | 2427 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ในชาติพบที่แล้วตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ ‘เนี้ยหลี่’ มิได้รู้จักติดต่อกับบิดาของ ‘เอียจืออวิ้น’ มากซักเท่าไร อย่างไรก็ตามเขานั้นรู้ว่า บิดาของนางนั้นเป็นคนใจแข็งและมีบุคลิกลักษณะท่าทางที่แข็งกร้าว ทำให้เขาเป็นผู้ที่จัดการได้ยากมาก

‘เนี้ยหลี่’นั้นได้ยินมาจาก ‘เอียจืออวิ้น’ว่า บิดาของนางเป็นคนที่เข้มงวดมาก นับตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับนางจึงมิค่อยจะราบรื่นเท่าไรนัก

ถ้า’เนี้ยหลี่’ถูกพ่อตา พบในขณะที่ ‘เนี้ยหลี่’ มีสัมพันธ์กับลูกสาวของเขา ตอนที่’เนี้ยหลี่’นั้นกำลังเปลือยกายอยู่ ใครบ้างจะรู้ว่าเขาจักทำเช่นไร

‘เนี้ยหลี่’ครุ่นคิดอย่างสงบว่ามีเรื่องที่น่ากังวลใดหรือไม่ ก็พบว่ามีเรื่องที่ขว้างกางเกงออกไป เขาตกใจจึงเรียกจิตอสูรปิศาจเงาพร้อมใช้ ความสามารถล่องหนซ่อนตัวจากการต่อสู้ และรีบรุดออกไปในเร็วพลัน

เขาจักต้องรีบออกไปจากที่นี่ในทันที มิเช่นนั้นจะมิมีโอกาสอีกแล้ว ทุกๆคนต่างรู้ว่า เจ้าเมือง นั้นเป็นถึงร่างทรงอสูรระดับ แบล๊คโกลด์ และมีขั้นสูงมาก จนใกล้เคียงกับระดับตำนานเลยทีเดียว

ณ ขณะนี้ที่บริเวณลานหน้าตึก

ชายผู้แข็งแกร่งจนน่าเกรงขาม กำลังก้าวเดินอย่างสง่าผ่าเผยเข้ามาภายใน เขาสวมใส่ชุดคลุมสีเทา และผูกมัดผมซึ่งยาวจนถึงแผ่นหลัง ใบหน้าแลดูเคร่งครึม แผ่กลิ่นอายอันเย็นเยือกจนจับใจออกมาจากร่างกาย ขณะเดียวกันก็สร้างความรู้สึกบ่งบอก ให้ทราบถึงความสูงศักดิ์ในเวลาเดียวกันแผ่พุ่งออกมาจากรอบตัวเขา

‘เอียจืออวิ้น’ กลัวจนยืนแข็งทื่อ นางมิเคยคาดคิดเลยว่าบิดาของนางนั้นจักเข้ามาในเวลานี้ ดังนั้นนางจึงอยู่ในอาการตะลึงมึนงงไปชั่วขณะ ถ้าบิดาของนางรู้ว่าเนี้ยหลี่กำลังอาบน้ำในห้องของนาง ใครก็รู้ว่า เขาอาจจะต้องทำอะไรบางสิ่งเป็นแน่

“จืออวิ้น เจ้าแลสีหน้ามิค่อยดีเลยนี่ เจ้าเจ็บป่วยประการใดหรือไม่?”

‘เอียเซิ่ง’ ขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยวาจาถาม

“มะ………ไม่มี”

‘เอียจืออวิ้น’ รีบส่ายหน้าของนาง หัวใจนางตอนนี้นั้นสั่นระรัวจนมิสามารถห้ามปรามได้ ถ้า’เนี้ยหลี่’รู้ว่บิดาของนางกำลังเข้ามาในห้องเขาจักต้องซ่อนตัวเพื่อมิให้ถูกพบ ถ้าเขาถูกพบบิดาของนางจะโกรธแล้วเขาจักต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน

ณ เวลานี้ ‘เอียจืออวิ้น’กำลังกังวล เป็นห่วงความปลอดภัยของ’เนี้ยหลี่’ ทันใดนั้น ‘เอียเซิ่ง’ รู้สึกเหมือนว่ามีบางสิ่งผิดปกติไป เขาพบว่า

“ทำไมจึงมีกลิ่นอายของบุคคลอื่นอยู่ในสถานที่เช่นนี้?”

เมื่อได้ยินวาจา’เอียเซิ่ง’ ‘เอียจืออวิ้น’ก็รู้สึกตกใจขึ้นมันที นางรูว่าบิดาของนางนั้นเป็นถึงร่างทรงอสูรระดับแบล๊คโกลด์ ซึ่งมีขั้นที่สูงมาก จนเหลืออีกเพียงขั้นเดียวจะก้าวเข้าสู่ระดับตำนานแล้ว ดังนั้นประสาทความรู้สึกของเขาจึงช่างเฉียบแหลมยิ่งนัก

“มันมิมีสิ่งใดหรอก? หนูอยู่ที่นี่คนเดียว!”

‘เอียจืออวิ้น’ รีบส่ายมือปฏิเสธพร้อมเอ่ยวาจา แลดูกังวลยิ่งนัก

‘เอียเซิ่ง’ ชำเลืองมองด้วยสายตาอันเย็นชา ไปยัง’เอียจืออวิ้น’ ก็รู้ว่านางกำลังพูดจาโกหก จากนั้นกวาดสายตาไปรอบๆทันที พบว่ามิเพียงแต่มีกลิ่นอายของบุคคลอื่นอยู่ที่นี่ มันคือผู้ชาย ‘เอียเซิ่ง’ ถอนหายใจพร้อมปลดปล่อยพลังวิญญาณอันรุนแรงแผ่กระจายไปทั่วเป็นบริเวณกว้างจนถึงบริเวณลานหน้าตึกเลยทีเดียว

ในขณะนั้น ‘เนี้ยหลี่’ ที่เตรียมการจะหลบหนีออกจากลานหน้าตึก ก็รู้สึกถึงแรงกดดันของพลังวิญญาณ แผ่พุ่งมาจากบริเวณฟากฟ้า จนทำให้เขานั้นมิกล้าที่จะขยับกายเคลื่อนไหวใดๆ สิ่งที่เขากลัวก็พลันปรากฏเป็นจริงขึ้นมาแล้ว เขาเก็บซ่อนกลิ่นอายทั้งหมดโดยปลดปล่อยพลังวิญญาณสร้างเขตแดน ห่อหุ้มเร้นกายเข้าไปในดวงจิตอสูรปิศาจเงา

‘เอีย เซิ่ง’ แผ่พลังวิญญาณพวยพุ่งออกรอบพื้นที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากนั้นเขาก็ตรวจสอบจับพบบริเวณที่’เนี้ยหลี่’อยู่

‘เนี้ยหลี้’นั้นรู้สึกไม่ค่อยพึงพอใจเท่าใดนัก ที่ในชาติพบนี้ เขามิค่อยจะมีเวลาบ่มเพาะพลังวิญญาณมากนัก นอกจากนี้พลังวิญญาณเขายังเป็นเพียงร่างทรงอสูร ระดับซิลเวอร์ ขั้นสามดาว ถ้าหากเขามีความสามารถถึง ระดับโกลด์และได้ปรับแต่งเปลี่ยนแปลงรูปแบบความสามารถในการล่องหน ของจิตอสูรปิศาจเงา เขาจักมิถูกตรวจพบได้โดยง่ายเป็นแน่

ณ ตอนนั้น ‘เอียเซิ่ง’ ได้ตรวจพบสถานที่ๆเขาอยู่เรียบร้อยแล้ว

“มันมีความสามารถในการล่องหนอยู่จริง ข้ามิคาดคิดว่าเขาจะมีความสามารถที่มีอยู่เพียงน้อยนิดเช่นนี้ เขามิได้เป็นผู้ที่มีความฉลาดเพียงน้อยเป็นแน่นอน!”

‘เอีย เซิ่ง’ ถอนหายใจ เขาเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การต่อสู้มาหลากหลาย แต่เขากลับรู้เพียงน้อยนิดถึงความสามารถในการล่องหน คลื่นพลังวิญญาณที่แผ่ออกมาเป็นเส้นสายทำหน้าที่เหมือนดั่งเชือกที่ร้อยรัด ‘เนี้ยหลี่’จนแน่นขึ้นเรื่อยๆ

ภายใต้การร้อยรัดของห่วงเชือกจากแรงพลังวิญญาณช่างมีประสิทธิภาพมากมายนัก ความสามารถในการล่องหน ของ’เนี้ยหลี่’ก็เริ่มหายไป พลันค่อยๆแลเห็นร่างกายของเขาเด่นชัดปรากฏเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

บูม!!!

แรงพลังวิญญาณของ ‘เอียเซิ่ง’ ช่างโหดร้ายรุนแรงยิ่งนัก จนสามารถร้อยรัด’เนี้ยหลี่’พร้อมทั้งฟาดลงกับพื้นปฐพีจนเกิดรอยแยกขึ้นที่ผิวหน้าของดินได้เลยทีเดียว

“ อัก ”

‘เนี้ยหลี่’กระอักเลือดออกมา ร่างกายและอวัยวะภายในของเขาบอบช้ำได้รับบาดเจ็บสาหัสจากผลกระทบของแรงกระแทก ‘เอียเซิ่ง’ช่างไร้เมตตาปราณีนัก ความแข็งแกร่งของเขานั้น สามารถฆ่าเนี้ยหลี่ให้ตายได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้เลย

“เนี้ยหลี่ เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

เห็นภาพเหตุการณ์นี้ ‘เอียจืออวิ้น’ นางรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของ ‘เนี้ยหลี่’ ในทันทีพร้อมทั้งช่วยพยุงตัวเขาขึ้น นางขมวดคิ้วด้วยความโกรธพร้องทั้งจดจ้องยัง ‘เอียเซิ่ง’

“ท่านพ่อทำร้ายเพื่อนของหนูช่างมิมีเหตุผลยิ่งนัก?”

“เพื่อน?”

‘เอียเซิ่ง’ ปล่อยลมหายใจอย่างรุนแรง พร้อมจดจ้องมายัง เอียจืออวิ้นด้วยสายตาอันเกรี้ยวกราด พร้อมทั้งเอ่ยวาจาว่า

“จงอธิบายให้ข้าเข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่?”

“ข้ามีนามว่า เนี้ยหลี่ ยินดีที่ได้พบกับท่านเจ้าเมือง”

‘เนี้ยหลี่’เริ่มทำการใช้พลังวิญญาณของเขารักษาอาการบาดเจ็บให้ทุเลาขึ้นทีละน้อย พร้อมทั้งเอ่ยวาจาและป้องมือคำนับ ไม่ว่ายังไงเขานั้นยังคงเป็นบิดาของ’เอียจืออวิ้น’ นอกจากนี้ยังเป็นพ่อตาของเขาในอนาคต การพบปะกันครั้งแรกนี้มันชั่งน่าอายเล็กๆเลยจริงเชียว

“เนี้ยหลี่? ดูเหมือนว่าเจ้ามีสิ่งใดที่ปิดบังข้าอยู่ เจ้าคือเด็กที่ได้รับการคัดสรรค์ให้มาอยู่ยังตำหนักของเจ้าเมืองใช่หรือไม่? เจ้ายังคงสนทนาสิ่งใดกับลูกสาวของข้ากัน?”

‘เอียเซิ่ง’แล’เนี้ยหลี่’ด้วยสายตาอันเย็นชา ‘เนี้ยหลี่’ซึ่งตอนนี้ร่างกายท่อนล่างของเขานั้นสวมใส่เพียงกางเกง ส่วนท่อนบนนั้นปกคลุมด้วยเสื้อตัวน้อย สายตาอันเย็นเยือกของเอียเซิ่งนั้นจับจ้องมองมายัง’เนี้ยหลี่’และ’เอียจืออวิ้น’

“แน่นอน ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อจักเยี่ยมเยือนเพื่อนร่วมชั้นเรียน เมื่อได้รู้ว่านางนั้นอยู่ที่นี่ข้าจึงมาเพื่อจะพบเท่านั้น”

‘เนี้ยหลี่’ ส่งรอยยิ้มอันขื่นขม พร้อมเอ่ยวาจา

“เยี่ยมเยือน? เจ้าต้องการสิ่งใดกันจึงทำให้ต้องเปลื้องผ้าในการเยี่ยมเยือนเช่นนี้?”

‘เอียเซิ่ง’ปล่อยลมหายใจอันกราดเกรี้ยว มันเป็นเหมือนดั่งสายฟ้าที่ฟาดลงมายังกลางใจของ’เนี้ยหลี่’ เมื่อจับจ้องมองมายัง’เนี้ยหลี่’ใบหน้าอันเคร่งขรึมของเขามิได้ลดลง

“จืออวิ้น เจ้าช่างทำให้ผ้าผิดหวังยิ่งนัก ข้ามิเคยคาดคิดเลยว่าเจ้าจักทำลายชื่อเสียงของตระกูลเราลงได้”

เมื่อได้ยินคำกล่าวของ’เอียเซิ่ง’ นางพลันสะดุ้งตกใจเล็กน้อย แววตาของนางนั้นช่างแลดูเศร้า

เมื่อแลมายัง’เอียจืออวิ้น’ นางนั้นช่างเศร้านัก ‘เนี้ยหลี่’แหงนหน้าขึ้นจองมองไปยังเอียเซิ่งพร้อมเอ่ยวาจา

“ ท่านลุง โปรดอย่าได้เข้าใจผิด มิมีสิ่งใดระหว่าง จืออวิ้นและข้า ถ้ามีปันหาใดๆ ทุกอย่างนั้นให้ตรงมาหาข้า ที่ปล่อยให้นางอยู่เพียงลำพังผู้เดียว”

หลังจากได้ยินคำกล่าวของ’เนี้ยหลี่’ ‘เอียเซิ่ง’นั้นพลันทวีความโกรธยิ่งกว่าเดิม เขาก้าวย่างมายังเนี้ยหลี่อย่างช้าๆ ละอองฝุ่นผงธุลีและศิลาก้อนเล็กๆในลานล้วนล่องลอยขึ้นในเวหา ความคั่งแค้นของระดับแบล๊ค โกลด์ นั้นช่างเต็มเปลี่ยมไปด้วยความน่ากลัวยิ่งนัก ‘เนี้ยหลี่’และ’เอียจืออวิ้น’ ต่างรู้สึกถึงกลิ่นอายของความกดดันที่แผ่พุ่งออกมาจากร่างกายของเขา

“ตรงมาที่เจ้าอะไรกัน? ดูเหมือนจ้ายังกระดูกอ่อนนัก กลับช่างกล้าทำลายชื่อเสียงของตระกูลหิมะเหมันต์ จงอย่าฝันว่าเจ้าจักมีชีวิตรอดไปได้”

‘เอียเซิ่ง’ ขยับแขนขวาไปมาก็พลันปรากฏคลื่นของแรงพลังวิญญาณพุ่งตรงไปยัง’เนี้ยหลี่’

‘เนี้ยหลี่’สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที เขาคิดว่า’เอียเซิ่ง’เพียงจะคร่ากุมและตบตีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มิเคยคาดคิดเลยว่า’เอียเซิ่ง’จักเป็นคนเลือดเย็นได้ถึงเพียงนี้ ความแข็งแกร่งของเขานั้นชั่งมากนัก มิมีทางเลยที่เขาจักสามารถต่อสู้กับผู้ซึ่งอยู่ในระดับ แบล๊คโกลด์ ได้ ถ้าเขานั้นสามารถที่จะเพิ่มพลังวิญญาณให้อยู่ในระดับ โกลด์แม้เพียงขั้นน้อยๆ ก็จักมีโอกาสต่อกรได้แล้ว

ถ้าข้าสิ้นชีพลงตรงนี้ ทุกสิ่งที่ทำมานั้นต้องพลันพังมลายลงไปเป็นแน่!

ประชาชนในนครรุ่งโรจน์ทั้งหมดยังรอคอยความช่วยเหลือจากข้า!

บูม!!!

พลังจากเขตแดนวิญญาณของเขากระแทกไปยัง’เนี้ยหลี่’ จนลอยละลิ่วพร้อมทั้งมีเลือดพุ่งกระจายออกจากมุมปาก ไปกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรงก่อนที่เขาจักล้มตัวลง
.
“ด้วยความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อยของเจ้า กลับกล้าอวดดี ในตำหนักเจ้าเมืองแห่งนี้เชียวหรือ?”

‘เอียเซิ่ง’ ก้าวขาขวาออกมาก็พลันมีคลื่นแรงพลังวิญญาณพวยพุ่งโหมกระหน่ำออกมา

“ท่านพ่อ ไม่นะ!”

เมื่อเห็นฉากนี้ หยดน้ำตาพลันไหลรินลงมาอาบแก้มของ’เอียจืออวิ้น’ นางกระโจนทะยานออกมาปกป้อง’เนี้ยหลี่’ พลังวิญญาณของนางพวยพุ่งออกมาแลเห็นเป็นสายกลับกลายมาเป็นรูปลักษณ์ ราชินีลมหิมะเหมันต์ก็พลันปรากฏบนเรือนร่างของนาง

จากนั้นลมหิมะพัดปกคลุมไปทั่วฟากฟ้า แปรเปลี่ยนกลายมาเป็นพายุหิมะ ทรงพลานุภาพยิ่งนัก พัดโหมกระหน่ำรุนแรงก่อร่างกลายเป็นกำแพงปกป้องอยู่ด้านหน้าให้แก่นางนั้น

บูม!!!

ภายใต้แรงโจมตีจากพลังวิญญาณของ’เอียเซิ่ง’ กำแพงหิมะก็พลันมลายกระจัดกระจายออกไปสิ้น

ช่างมีความแข็งแกร่งแตกต่างกันมากมายยิ่งนัก แม้’เอียเซิ่ง’จักมิได้เรียกดวงจิตอสูรของเขาออกมา ยังสามารถพิชิต’เนี้ยหลี่’และ’เอีย จืออวิ้น’ ที่ผสานรวมกับดวงจิตอสูรเรียบร้อยแล้วอย่างง่ายดาย

“ถึงกับรวมร่างกันราชินีหิมะเหมันต์ได้จริงๆ และยังกล้าต่อกรกับบิดาดูเหมือนเจ้าจักพัฒนาขึ้นมากนัก”

‘เอียเซิ่ง’แลด้วยสายตาอันหนาวเหน็บไปยัง ‘เอียจืออวิ้น’

‘เอียเซิ่ง’ปลดปล่อยรังสีสังหารอันน่ากลัวพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา

กลิ่นอายที่แผ่ออกมานั้น’เอียจืออวิ้น’รู้สึกไม่คุ้ยเคยเลย นางร้องไห้จนน้ำตาไหลรินอาบแก้มพร้อมทั้งเอ่ยวาจา

“พ่อจ๋า ข้าขอวิงวอนต่อท่านโปรดกรุณาปล่อย เนี้ยหลี่ไปเถิด ถ้าท่านสามารถปล่อยเขาไปได้ หนูยินยอมรับโทษทัณฑ์ทุกอย่างจากท่าน”

เมื่อแลเห็นการแสดงออกด้วยความเย็นชาบนสีหน้าของ’เอียเซิ่’ง ‘เนี้ยหลี่’ก็ เช็ดเลือดที่มุมปาก พร้อมลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ คลื่นของพลังวิญญาณพวยพุ่งหมุนวนขึ้นรอบๆตัวเขา จากนั้นพลันแปรเปลี่ยนกลับกลายมาเป็นรูปลักษณ์ ของปีกขนาดใหญ่บนแผ่นหลังด้วยพลังวิญญาณ

นอกจากนี้ปีกจากด้านหลังของ’เนี้ยหลี่’ ยังมีขนาดใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับปีกของ’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’มากนัก นอกจากนี้ยังมีถึงสามคู่ ปีกขนาดใหญ่ทั้งหก กระพือช้าๆอยู่ด้านหลัง แผ่คลื่นพลังวิญญาณเข้าเผชิญหน้ากับ’เอียเซิ่ง’

“เหตุผลเดียวที่ข้ามิต่อสู้ เพียงเพราะว่าท่านคือบิดาของจืออวิ้น หาใช่เพราะข้าเกรงกลัวท่านไม่….”

คำพูดอันเหน็บหนาวค่อยๆเปล่งออกจากปากของ’เนี้ยหลี่’อย่างช้าๆ สายตาของเขาช่างแหลมคมประดุจใบมีดนัก

ณ ตอนนี้นั้น ‘เนี้ยหลี่’ ลอยนิ่งอยู่กลางเวหา แลดูดุจดั่งคล้ายกับเทพพระเจ้าลงมาจุติก็มิปาน ดวงตาทั้งคู่ของเขามองดูเศร้าหม่นหมอง พร้อมทั้งแผ่กลิ่นอายอันน่ากลัวออกมารอบตัว

จากนั้นผู้น้อยก็ป้องมือขอขอบคุณความเมตตากรุณาจากท่านผู้อ่าน ผู้แปล และแอดมินมากๆ เลยนะครับ

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments