I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 112 คุยกับข้านะ

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 6174 | 2427 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เมื่อได้ยินคำพูดจาก’เนี้ยหลี่’ ใบหน้าของ’เอียเซิ่ง’ก็กลับกลายมาเป็นสีเขียวขึ้นทันที เพราะพูดแต่เรื่องร้ายๆใส่ให้แก่เขา เท่านั้นยังไม่เลวพอ ยังวาจาตอแหลใส่’จืออวิ้น’ ผู้ไร้เดียงสา ชั่งไร้คุณธรรมและมโนธรรม เสียจริงเชียว!

ถ้าเขาไม่ได้ต้องการให้’เนี้ยหลี่’ช่วยสร้างอาณาเขตหมื่นอสูรแล้วหละก็เขาจักต้องสั่งสอนบทเรียนอันรุนแรงให้กับ’เนี้ยหลี่’เป็นแน่

‘เอียจืออวิ้น’กล่าววาจาพร้อมสีหน้าที่แลเศร้ากับ’เนี้ยหลี่’

“ เนี้ยหลี่อย่าได้เข้าใจท่านพ่อของข้าผิดไป จริงๆแล้วท่านเป็นบุคคลที่ดีมาก ข้ารู้ว่าเขาปรารถนาที่จักใช้เวลาอยู่กับข้า แต่เนื่องจากท่านเป็นเจ้าเมืองต้องแบกรับภาระความเป็นความตาย ของประชาชนจำนวนมากในนครรุ่งโรจน์ จึงมิกล้าที่จะหย่อนยานลงแม้แต่เพียงน้อย ถึงเขาจักไม่ใช้เวลานานมากให้กับข้า เขายังคงเป็นบุคคลที่ข้าเคารพนับถือมากที่สุด ข้าเพียงแต่เกลียดตัวเองที่อ่อนแอ และไม่สามารถแบ่งเบาภาระเขาได้………………”

หลังจากได้ยินคำพูดของ’เอียจืออวิ้น’ ‘เอียเซิ่ง’ที่หลบอยู่ที่มุมก็รู้สึกคัดจมูกเล็กน้อย ต่อหน้าลูกสาวเขาเป็นพ่อที่เข้มงวดเสมอ เขานั้นรู้ว่ามันยังไม่เพียงพอ เขารู้สึกติดค้าง’เอียจืออวิ้น’มากนัก เมื่อได้ยินวาจา’เอียจืออวิ้น’วันนี้ เขาไม่สามารถจะทำให้หัวใจสงบลงได้เป็นเวลานาน นี่หรือความคิดที่แท้จริงของ’เอียจืออวิ้น’

“เนี้ยหลี่ เดิมทีแล้วข้าคิดว่าความสามารถพิเศษของข้า…….ข้ากลัวว่ามันจะมิสามารถเพิ่มขึ้นจนสูงเหมือนพ่อของข้า แต่เมื่อเจ้าถ่ายทอดวิธีการบ่มเพาะพลังวิญญาณให้แก่ข้า และยังมอบดวงจิตอสูรราชินีหิมะเหมันต์ ทำให้ข้านั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วช่วยทำให้ข้าบรรลุความฝัน แม้ว่าท่านพ่อจะไม่ยอมรับให้เราได้อยู่ด้วยกัน แต่เพื่อทดแทนบุญคุณของเจ้า เข้าจักยอมรับคำร้องขอสามข้อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรตราบใดที่ข้าสามารถทำได้ ข้าจะไม่ปฏิเสธมัน”

‘เอียจืออวิ้น’ก็รู้บางสิ่งทำให้แก้มของนางแดงไปทั้งใบหน้า อย่างไรก็ตามนางก็ยืดอกภาคภูมิใจ สายตาของนางแจ่มใสบ่งบอกถึงความหนักแน่นชัดเจน

ตั้งแต่เด็ก พ่อของนางได้สั่งสอนในการใช้ชีวิตว่าบุญคุณต้องทดแทน นอกจากนี้เขายังสั่งสอนในเรื่องความซื่อสัตย์ และยึดมั่นคำสัญญา

‘เอียเซิ่ง’ขมวดคิ้ว ใจของเขาเริ่มเอนเอียง เมื่อเหตุผลที่ ‘จืออวิ้น’ บ่มเพาะพลังวิญญาณได้อย่างรวมเร็วเพราะ’เนี้ยหลี่’ให้คำแนะนำ เหตุนี้ทำให้มุมมองที่เขามองเนี้ยหลี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่า’เนี้ยหลี่’ยังดูแล’จืออวิ้น’ค่อนข้างดี

“จริงหรือ? ไม่ว่าขอให้ทำเรื่องอะไร เจ้าจะไม่ปฏิเสธมัน?”

‘เนี้ยหลี่’ยิ้มชั่วร้ายราวกับปิศาจ พร้อมทั้งเดินเข้ามาหา’เอียจืออวิ้น’

เมื่อเห็นรอยยิ้มอันเต็มเปี่ยมบ่งบอกถึงความหมาย ของ’เนี้ยหลี่’ และก้าวย่างเข้าไปหานาง’เอียจืออวิ้น’ ความลึกลับนั้นทำเอานางตกอยู่ในความกังวลเลยทีเดียว แก้มแดงขึ้นมาก ‘เนี้ยหลี่’กำลังเดินมาทำอะไร? ฉากที่ปรากฏในสมอง นางรู้ว่าจักต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้น นางยืดอกขึ้น นางมีสัญญา ต้องตอบสนองคำขอของ’เนี้ยหลี่’สามข้อ นางก้มหน้าหลบไปมองอย่างอื่น

‘เนี้ยหลี่’เดินเข้าไปทีละก้าวๆ เข้าไปด้านข้าง’เอียจืออวิ้น’ และก้มศรีษะลงจ้องมองที่’เอียจืออวิ้น’ พบว่าเอียจืออวิ้นนั้นในตอนนี้ชั่งเอียงอายมีเสน่ห์เป็นยิ่งนัก ริมฝีปากบางใส จมูกสันเป็นคมราวคริสตอล สายตาแลดูเฉลียวฉลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความงดงามของนางนั้น เหมือนดั่งผลองุ่นที่สุกทำให้ใครๆต่างก็หมายปองที่จักลิ้มรส

นางสวมชุดสีขาว ผูกริบบิ้นรวบรัดหน้าอกขึ้น เผยให้เห็นร่างที่น่ารักของนาง กระโปรงปลิวไสวต้องสายลม ดุจดั่งเทพธิดาในยามราตรี ขณะที่กลิ่นหอมจากกายนางก็มากเกินกว่าหญิงสาวสามัญชนทั่วไป

นางชั่งเป็นหญิงที่มีเสน่ห์มากยิ่งนัก!

ฉากของชีวิตในชาติภพก่อนค่อยๆฉายออกมาอย่างช้า ๆ พุ่งตรงมาสู่โสตประสาทเซลล์สมองของ’เนี้ยหลี่’ จนทำให้เขารู้สึกอ่อนไหวในจิตใจ ตอนนี้เขาอยากจะโอบกอดร่างที่งดงามดุจดั่งหยกนี้เหลือเกิน!

ความรู้สึกของ’เนี้ยหลี่’ปิดกั้นทุกอย่างรอบตัว บรรยากาศอันสุดแสนพิเศษเช่นนี้’เอียจืออวิ้’ ตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น หัวใจของนางสั่นระรัวเร็วยิ่งนัก เหมือนดั่งหยกที่ขาวยกเว้นตั้งแต่ว่าส่วนคอขึ้นไปกลายเป็นสีแดง

บรรยากาศแห่งความรักอบอวนล้อมรอบทั้งสองคนเอาไว้ บรรยากาศในช่วงค่ำคืนนี้ช่างน่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก

‘เอียเซิ่ง’ที่อยู่ในเงามืดได้ดูการกระทำของ’เนี้ยหลี่’แสดงออกกับ’เอียจืออวิ้น’เป็นอาการของคนเหลาะแหละไม่จริงใจ ทำให้มุมมองของเขาต่อ’เนี้ยหลี่’เปลี่ยนไปอีกทันที เส้นเลือดที่แขนของเขาปูดขึ้น ถ้า’เนี้ยหลี่’สัมผัสนิ้วมือลงบนร่าง’จืออวิ้น’ เขาจักไม่รั้งรอที่จะซัด’เนี้ยหลี่’ให้ลงไปกองที่ตรงนั้น ต่อให้เป็นแม่ของเขาก็ไม่สามารถห้ามปรามเขาได้

‘เนี้ยหลี่’สูดดมกลิ่นอายของร่างกาย’เอียจืออวิ้น’อย่างบ้าคลั้ง ประกายตาของเขานั้นบอกถึงความโดดเดี่ยวและโศกเศร้า ตลอดเวลา เขากังวลว่าทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นจะเป็นเพียงความฝัน ทุกๆคืนเขามักจะตื่นเนื่องจากฝันร้าย เมื่อเจอฉากที่เอียจืออวิ้นสิ้นใจ น้ำตาแห่งความเสียใจพลันรินไหลอาบใส่ใบหมอน

‘เอียจืออวิ้น’นั้นมิเคยล่วงรู้เลยว่า’เนี้ยหลี่’นั้นรักมั่นแต่นางผู้เดียวตลอดมา เขาต้องเผชิญหน้ากับความตายเพียงลำพังมาหลายร้อยปี สิ่งเดียวที่เขาคิดคือ’เอียจืออวิ้น’เท่านั้นทำให้เขาเกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจ จนมันฝังรากลึกลงไปจนถึงแกนกระดูกเลยทีเดียว

เมื่อได้ย้อนเวลากลับมามีความสุขได้อีกครั้ง เขาจึงกลัวที่จักสูญเสียทุกอย่างเหมือนคราวก่อน เขาจึงมิยอมหยุดที่จะเพิ่มความแข็งแกร่ง รวมทั้งผู้ที่อยู่เคียงข้างเขาทั้งหมด พวกเขาจักได้มีกำลังป้องกันตนเองเมื่อภาวะวิกฤตินั้นมาถึง

ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาจะไม่ยอมปล่อยให้คนเหล่านี้ต้องสูญเสียไปอย่างแน่นอน

เมื่ออยู่ใกล้ชิด’เอียจืออวิ้น’เขารู้สึกได้เลยถึงชีพจรของนาง ‘เนี้ยหลี่’ปรารถนาที่จะโอบกอดกายนาง อยากจะพูดคุยเรื่องราวของหัวใจและเรื่องสัพเพเหระอื่นๆ

อย่างไรก็ตามเขาถอนหายใจยาวๆ เก็บซ้อนความรู้สึกไว้ภายในใจ ถ้าเขาโอบกอดเอียจืออวิ้นในขณะนี้ เขากลัวว่านางจักตกใจกลัวและผลักเขาออกไปแน่นอน?

ที่มุมปากของ’เนี้ยหลี่’นั้นหงายเงยขึ้นเล็กน้อย เขาเดินไปด้านข้าง’เอียจืออวิ้น’และเอ่ยวาจาที่ข้างหูช้าๆ

“คำขอข้อแรก ข้าต้องการให้เจ้า…..”

เมื่อ’เนี้ยหลี่’กล่าวคำว่าเจ้าเขาจงใจลากเสียงให้ยาวออกไป

เมื่อได้ยินคำพูดของ’เนี้ยหลี่’ ‘เอียจืออวิ้น’ร่างกายเริ่มสั่นไหว มือทั้งสองข้างก็สั่นจนแทบหยุดไม่อยู่ นางคาดเดาว่า’เนี้ยหลี่’จักต้องพูดคำนั้นออกมาแน่นอน แม้ว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรม แต่’เนี้ยหลี่’เป็นผู้มีบุญคุณมากนัก และนางได้สัญญาว่าจะยอมทำตามคำขอร้อง สามข้อ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดนางจะไม่ปฏิเสธมัน

ถ้ามันคือ’เนี้ยหลี่’คงจะมิใช่เรื่องยากที่จะทำใจยอมรับ และมันก็เป็นตามหัวใจนางด้วย

แม้ว่านางจะคิดเช่นนี้แต่หัวใจของนางยังคงว้าวุ่นนัก

“เจ้าสัตว์เดรัจฉานตัวน้อย กล้าทำเรื่องเช่นนี้ให้เห็น ถ้าเข้าไม่จัดการกับเจ้า!”

‘เอียเซิ่ง’กำหมัดแน่นปะทุพลังแผ่พุ่งออกมาจากจุดนั้น เขากำลังระเบิดพลังของระดับแบล็คโกลด์ รังสีสังหารพวยพุ่งออกจากร่างกายของเขา

ในตอนนี้เขาพร้อมที่จะระเบิดทุกสิ่ง ถ้าจอมยุทธ์ผู้เก่งฉกาจระดับแบล็คโกลด์ลงมือสวนแห่งนี้ต้องพังพินาศลงไปแน่
‘เอียจืออวิ้น’ เอามือสีขาวเรียวงามวางไว้บนหน้าอกที่สั่นไหว ตอนนี้หัวใจนางเต้นไม่เป็นจังหวะ แก้มนางแดงด้วยความอาย มันทำให้เมื่อแลเห็นนางแล้วช่างดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก นางตอนนี้นั้นช่างเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสนวุ่นวายอยู่ภายในใจ

รู้สึกได้ถึงรังสีอันรุนแรงจากกาย’เอียเซิ่ง’ที่พวยพุ่งออกมา ‘เนี้ยหลี่’รู้ว่าระยะยังอยู่อีกไกลเพียงพอ ถ้าเขาจะสานต่อจนกว่า ‘เอียเซิ่ง’จะระเบิดอารมณ์ออกมา

‘เนี้ยหลี่’ยืดอกขึ้นและอมยิ้มพร้อมกล่าว

“ ข้าต้องการให้เจ้า…………….พูดคุยกับข้า”

“คุยกับเจ้า?”

‘เอียจืออวิ้น’ ยกมือข้างขวาหยุดที่กลางอากาศ นางตะลึงมึนงงมาก พร้อมจ้องมองมายัง’เนี้ยหลี่’

“ เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไรอย่างอื่นเหรอ?”

‘เนี้ยหลี่’เอ่ยถาม พร้อมกวาดสายตาลงไปหา’เอียจืออวิ้น’ที่แก้มแดงเปล่ง เขาเปิดปากพูดและมองไปยังเอียจืออวิ้นที่อยู่ในการตะลึง

“มันอาจเป็นไปได้ที่เจ้าคิดว่าข้าต้องการทำสิ่งนั้นกับเจ้า? ถ้าข้าทำเช่นนั้นข้าจะมิกลายเป็นคนเลวหรือ?”

เมื่อได้ยินคำพูด’เนี่ยหลี่’ ‘เอียจืออวิ้น’นั้นอยากที่จะขุดหลุมแล้วโยนตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้น เดิมทีนางคิดว่า’เนี้ยหลี่’จะทำเรื่องไม่เหมาะสมกับนางตามต้องการ……

อย่างไรก็ตามนางเกิดมาในตระกูลหิมะเหมันต์เห็นสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมากมายระหว่างตระกูล เมื่ออายุครบสิบสามปีแล้สามารถแต่งงานได้ ดังนั้นจึงเป็นธรรมชาติที่เธอจะมีความรู้ในเรื่องเหล่านั้น

ถ้า’เนี้ยหลี่’เป็นคนดี ไม่ได้คิดทำอย่างนั้น? ‘เนี้ยหลี่’ทำให้นางเข้าใจวัตถุประสงค์ของเขาผิดไป!

“เนี้ยหลี่ ข้าเกลียดเจ้า”

‘เอียจืออวิ้น’ เข้าใจได้เลยว่านางนั้นโดน’เนี้ยหลี่’แกล้งแล้ว นางระบายความโกรธโดยกระทืบไปบนเท้าของ’เนี้ยหลี่’พร้อมหันไปมองรอบๆก่อนวิ่งหนีไป ‘เนี้ยหลี่’นั้นแหย่นางเล่นเกินไปแล้ว แน่นอนหละว่ามันคือวัตถุประสงค์ของเขา

เมื่อย้อนกลับไปทุกคนคงคิดว่าคำพูดเหล่านั้นได้ทำให้หัวใจของนางนั้นหลุดลอยไปไกลเรียบร้อยแล้ว

“โอ้วววว”

แม้ว่ามันจะไม่เจ็บมาก ‘เนี้ยหลี่’ยังคงยืนกุมขาของเขา และส่งเสียงร้องออกมา มองไปยัง’เอียจืออวิ้น’ พร้อมตะเบ็งเสียง

“ อ้าว ไหนเจ้าพูดว่าจะยอมทำตามคำขอของข้าไม่ใช่หรือ? ทำไมเจ้าไม่อยู่พูดคุยกับข้าแล้วรีบวิ่งหนีไปหละ?”

“คุยกับตัวเจ้าเองเถอะ!”

‘เอียจืออวิ้น’ถอนลมหายใจแล้วตะโกน พร้อมทั้งวิ่งเข้าไปให้ตึกของนาง

เมื่อเห็นฉาก’เอียจืออวิ้น’วิ่งกลับเข้าไปในประตู ‘เนี้ยหลี่’ก็อารมณ์ดีขึ้นเขาผิวปากย่างมีความสุข

‘เอียเซิ่ง’ผู้อยู่ที่มุม เกือบจะระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์นั้น เขาก็ถึงกับตะลึงไปในทันที และเก็บซ่อนกลิ่นอายกลับเข้ามา ถ้า’เนี้ยหลี่’ทำสิ่งที่ไม่ดีกับ’เอียจืออวิ้น’เขาจะลงมือจัดการอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขาไม่มีเหตุผลที่ต้องลงมือแล้ว ตอนนี้เขารู้ว่าถูก’เนี้ยหลี่’หลอกแล้ว เมื่อเห็น’เนี้ยหลี่’ที่ยืนผิวปากไกลออกไป เขายิ่งรู้สึกจนหนทาง

‘เนี้ยหลี่’นั้นช่างเป็นผู้ที่มิสามารถประเมินได้ด้วยสามัญสำนึก ‘เนี้ยหลี่’เป็นคนแบบไหนกัน? แม้แต่เขาก็ไม่สามารถนึกมันได้

เมื่อมองในปัจจุบัน ‘เนี้ยหลี่’นั้นเป็นเพียงเด็กบ้าอายุเพียงสิบสามถึงสิบสี่ปี มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะคาดคิดออกมาได้?

เมื่อคิดย้อนกลับไป แม้ว่า’เนี้ยหลี่’จะเป็นเพียงชนชั้นสามัญตัวเล็กๆแต่การกระทำและความคิดนั้นนอกกรอบ ตลอดจนบุคลิกของเขาก็นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว

แต่เขายังคงมีความกังวลใจเล็กๆน้อยเกี่ยวกับ’เอียจืออวิ้น’ ซึ่งโดยปกติจะจิตใจบริสุทธิ์ กล้าหาญ และเฉลียวฉลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ แต่ตอนนี้ นางกลับถูกแกล้งโดย’เนี้ยหลี่’อย่างสมบูรณ์แบบ เขายังต้องศึกษาเนื้อหลี่ให้รู้ ‘เนี้ยหลี่’อาจตั้งใจทำบางสิ่งที่ไม่ดีกับนางก็เป็นได้

ภาพของ’เอียเซิ่ง’ค่อยๆหายเข้าไปในความมืดอย่างช้าๆ

รู้สึกว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกมจาก’เอียเซิ่ง’นั้นจะหายไป ‘เนี้ยหลี่’ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เขาเพียงจะแกล้ง’เอียเซิ่ง’เล็กน้อย พ่อตาของเขามักจะมีใบหน้าที่เคร่งขรึมจนดูน่าเบื่อเกินไป เมื่ออยู่ในตำหนักเจ้าเมืองนั้นเขามักมุ่งเน้นที่การฝึกฝน บางคราวจึงมาเล่น กับ’เอียจืออวิ้น’บ้าง และคงทำให้’เอียเซิ่ง’สนใจ

หลังจาก’เอียเซิ่ง’จากไปแล้ว เขาเริ่มต้นฝึกฝน

‘เนี้ยหลี่’คิดคิดอยู่ในใจ นำศิลาดวงจิตอสูรออกมาวางลง ‘เนี้ยหลี่’แผ่กลิ่นอายแห่งความมืดผสานกับดวงจิตอสูรแพนด้าเขี้ยว และดวงจิตอสูรปิศาจเงา ในเขตแดนวิญญาณของ’เนี้ยหลี่’ อย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ ‘เนี้ยหลี่’คิดที่จะเชื่อมต่อกับดาบเทพอัสนีดาวตกอีกด้วย

ดาบเทพอัสนีดาวตกนั้นเรืองแสงเปล่งประกายสายฟ้าพวยพุ่งไปมา ลำแสงนั้นช่างแลดูอบอุ่นนุ่มนวลนัก แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจเกรี้ยวกราดรุนแรง เมื่อเนี้ยหลี่ใช้ดาบอัสนีดาวตกโจมตีเมื่อไรก็จะมีพลังทำลายอันน่ากลัวนัก

ถ้า’เอียเซิ่ง’รู้สึกถึงกลิ่นอายพลังวิญญาณลึกลับที่แผ่ออกมาจาก’เนี้ยหลี่’ เขาจะสงสัยจนต้องตกใจแน่เพราะว่า’เนี้ยหลี่’ในตอนนี้นั้นพลังวิญญาณได้ทะลุผ่านขีดจำกัดของความสำเร็จในช่วงอายุของเขาแล้ว อย่างไรก็ตาม’เนี้ยหลี่’นั้นเก็บซ่อนกลิ่นอายพลังวิญญาณเอาไว้ แม้ว่าจะเป็นระดับแบล็คโกลด์อย่างเอียเซิ่งก็เป็นเรื่องยากที่จะตรวจจับมันพบ

‘เนี้ยหลี่’ค่อยๆ เข้าไปสู่เขตแดนวิญญาณเริ่มทำการฝึกฝน

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments