I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 113 แน่นอนมันคือวัตถุประสงค์ของข้าหละ ลองดูได้นะ

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 6217 | 2427 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ‘เนี้ยหลี่’เข้าพักอาศัยอยู่ในตึกของ’เอียจืออวิ้น’เป็นเวลาเจ็ดวันแล้ว ในระหว่างเจ็ดวันนี้นอกจากการฝึกฝนและสร้างอาณาเขตหมื่นสัตย์อสูร เขาเพียงพูดคุยกับเอียจืออวิ้นบ้างเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดเป็นพิเศษเกิดขึ้น

‘เนี้ยหลี่’บ่มเพาะพลังจนกระทั้งทะลุผ่านมาเป็น ระดับซิลเวอร์ขั้นห้าดาวแล้ว กระบวนการทะลุผ่านระดับโกลด์เป็นเรื่องที่ยากมาก สำหรับคนทั่วไปต้องมีโอกาสอันดีจริงจะประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตามสำหรับเนี้ยหลี่นั้นมันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น

ณ บริเวณสวน มีเพียงนกตัวน้อย และดอกไม้ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวน สภาพแวดล้อมช่างสวยงามและเงียบสงบนัก

เพื่อทีจะป้องกัน’เนี้ยหลี่’ ‘เอียเซิ่ง’ได้ย้ายที่ทำงานของเขามาอยู่ที่ข้างสวนแห่งนี้แม้เขาจะยุ่งวุ่นวายทุกวัน บางครั้ง’เอียเซิ่ง’ก็ยังใช้อาณาเขตพลังวิญญาณแผ่พุ่งเข้าไปตรวจสอบบริเวณรอบสวนแห่งนี้เพื่อป้องกันมิให้เนี้ยหลี่กระทำการอุอาจใดๆ

แม้ว่า’เอียเซิ่ง’จะรู้สึกว่าไม่ต้องคิดมากนัก เนื่องจากยังมีภาระหน้าที่การงาน แต่เขาก็ไม่เคยลดการป้องกันเนี้ยหลี่ให้คลายลงแม้แต้น้อย

‘เอียซิว’ จู่ๆก็วิ่งเข้ามาด้านใน

“เจ้าเมือง ท่านประธานกู่หยาน ขอเข้าพบ”

‘เอียซิว’กล่าวพร้อมโค้งตัวเคารพ

“โอ้? ท่าประทาน กู่หยาน มาที่นี่เหรอ? รีบนำเขาเข้ามาข้างในเร็วเข้า”

‘เอียเซิ่ง’กล่าวขึ้นมาในทันที ถึงแม้ว่าสมาคมนักปรุงยาที่ผ่านมาแม้ว่ามูลค่าการตลาดสูงมาก แต่ตำแหน่งกลับไม่สูงนัก อย่างไรก็ตามด้วยยาทิพย์ตัวใหม่ ส่งผลให้ท่านประธานกู่หยาน มีตำแหน่งในนครรุ่งโรจน์แห่งนี้ไม่แตกต่างจาก’เอียเซิ่ง’มากนัก

สักครู่ ท่าประธาน’กู่หยาน’ สวนใส่ชุดคลุมสีเทาเดินเข้ามาด้านใน เขาเงยหน้าขึ้นมองมาที่ ‘เอียเซิ่ง’ พร้อมกับโค้งคำนับเล็กน้อยและกล่าวว่า

“ ข้าขอเคารพท่านเจ้าเมือง”

“ท่านประธานกู่หยาน มิต้องมากพิธี ให้คิดเสมือนว่าที่นี่คือบ้านของท่าน”

‘เอียเซิ่ง’กล่าวพร้อมทั้งยิ้มดวงตาของเขานั้นกวาดไปที่ ในหน้า’กู่ หยาน’ และเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ

“ท่าประธานกู่หยาน ดูเหมือนว่าท่านจะมีบางสิ่งที่สำคัญมาพูด ข้าแปลกใจนักเรื่องราวอะไรจึงนำท่านเดินทางมาที่นี่?”

‘กู่หยาน’ชำเลืองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง

“ท่านประธานกู่หยาน ทุกๆคนในที่นี่ล้วนเป็นคนของเรา แม้แต่ยอดยุทธ์ระดับแบล็คโกลด์ก็ไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้”

‘เอียเซิ่ง’ ยิ้มเล็กน้อยอยู่ในใจ ดูเหมือนว่าประธาน’กู่หยาน’ จะระมัดระวังกลัวว่าจะมีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น

การแสดงออกของ’กู่หยาน’ นั้นดูเคร่งขรึม เขามองไปยัง’เอียเซิ่ง’ หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็กล่าวขึ้นว่า

“ ข้าไม่มั่นใจว่าคำพูดเหล่านี้ของข้าควรกล่าว แต่ถ้าไม่พูดก็เกรงว่าผลกระทบที่ตามมามันจะรุนแรงนัก”

“ท่านประธาน กู่หยาน ไม่มีอันตรายสิ่งใดในการพูดความจริงหรอก”

ประธาน’กู่หยาน’ พยักหน้าแล้วกล่าว

“ ก่อนหน้านี้สมาคมนักปรุงยาได้สงสัยว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้แอบสมคบคิดกับสมาคมทมิฬ เมื่อไม่นานมานี้ ผู้อาวุโสหลักของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ เสิ่นหมิง ได้ส่งคนมาโจมตีเนี้ยหลี่ แต่ถูกจับได้ ภายใต้การสอบสวนของสมาคมนักปรุงยา เขาสารภาพ บางอย่างเกี่ยวกับการกระทำของตระกูลศักดิ์สิทธิ์”

“บางอย่าง เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่?”

‘เอียเซิ่ง’

“ขมวดคิ้วแน่น มีเพียงคำพูดจากเสิ่นหมิง เพียงอย่างเดียว ข้ากลัวว่าจะไม่เพียงพอต่อการตัดสินว่า มีการร่วมมือกันระหว่างตระกูลศักดิ์สิทธิกับสมาคมทมิฬ จะต้องมีหลักฐานที่แน่นหนากว่านี้”

‘กู่หยาน’ เงยหน้าของเขาขึ้นมองด้วยแววตาอันดุดันพร้อมทั้งกล่าว

“ หลังจาก เสิ่นหมิง รับสารภาพ เราก็เข้าใจขึ้นมา แต่นั้นไม่ใช่หลักฐานที่เพียงพอ หลังจากนั้นตระกูลศักดิ์สิทธิ์จู่ๆก็ซื้อยาทิพย์จากพวกเราจำนวนมาก ในชุดยาเหล่านั้น เราได้ใส่ ยาตามรอยวิญญาณ และได้ส่งสัตว์อสูรสุนัขล่าเนื้อสามหัว ติดตามพวกมัน ในท้ายที่สุดแล้วพวกเราสามารถยืนยันได้ว่ายาทิพย์เหล่านั้นกำลังมุ่งหน้าไปยังสมาคมทมิฬ”

ถ้าเป็นเช่นนี้ ตระกูลศักดิ์สิทธิ คงไม่สามารถที่จะพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัยได้

“ตระกูลศักดิ์สิทธิได้ฝังรากลึกลงในนครรุ่งโรจน์ แม้จะใช้สิ่งเหล่านี้ยืนยันก็ไร้ประโยชน์ ถึงแม้ว่าจะมี เสิ่นหมิง เป็นพยานสำคัญ มันก็ไม่สามารถที่จะสั่นคลอนฐานนะของตระกูลศักดิ์สิทธิ”

‘เอียเซิ่ง’ เงียบไปชั่วขณะ ท่านประธาน’กู่ หยาน’ คงจะไม่ใส่ความตระกูลศักดิ์สิทธิ์โดยไม่มีเหตุผล

“ ข้าจะส่งบางคนไปตรวจสอบเรื่องนี้เอง”

‘เอียเซิ่ง’ มองไปยัง’เอียซิว’ และกล่าวว่า

“ เอียซิว เรื่องนี้อยู่ในความดูแลของเจ้า”

“ ขอรับนายท่าน”

‘เอียซิว’ พยักหน้ารับคำทันที และพร้อมทั้งกล่าวตอบ

‘กู่ หยาน’ เอ่ยว่าจา ด้วยความกังวลเล็กน้อย

“ ก่อนหน้านี้เมื่อพวกเราได้ตรวจสอบตระกูลศักดิ์สิทธิ์ เราได้กระตุ้นความสนใจพวกมันแล้ว ท่านเจ้าเอียซิว ท่านโปรดระมัดระวังตัวด้วย”

“ ข้าเข้าใจ”

‘เอีย ซิ่ว’ พยักหน้า ตระกูลศักดิ์สิทธิ มีร่างทรงอสูรระดับแบล็คโกลด์อยู่ถึงสามคน แม้ยังไม่ต้องคิดเรื่องอื่นก็รู้ว่า พวกเขานั้นมีพละกำลังมหาศาล ทั้งยังมีสมาคมทมิฬที่หลบซ่อนอยู่อีก เขาไม่กล้าที่จะประมาทเป็นแน่

หลังจากจบการสนทนาสักครู่ ‘กู่หยาน’ ก็เดินจากไป

“เอียซิว ข้าขอโทษ ที่ข้านำปัญหาเรื่องนี้มาให้เจ้า”

‘เอียเซิ่ง’ ถอนหายใจเล็กน้อย ในตอนนี้มีคนจำนวนไม่มากที่สามารถเชื่อถือและไว้วางใจได้ ในนครรุ่งโรจน์แห่งนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ กำแพงเมืองในนครรุ่งโรจน์ ได้ถูกสร้างให้สูงขึ้นจากเดิมมากมายนัก แต่เหล่าอัจฉริยะที่เกิดขึ้นมากลับยิ่งลดน้อยลงไปเรื่อยๆทุกที กำแพงเมืองเพียงอย่างเดียว มันจะไม่สามารถป้องกันพวกเราจากเหล่าสัตว์อสูรได้

“ ท่านเจ้าเมืองไม่ต้องกังวล ยังคงมีพวกชนรุ่นใหม่ที่เหมือนกับ จืออวิ้น และเนี้ยหลี่ พวกเขาจะต้องกลายมาเป็นเสาหลักของนครรุ่งโรจน์แห่งนี้อย่างแน่นนอน”

‘เอียซิว’ กล่าวช่วยให้ ‘เอียเซิ่ง’ ได้ผ่อนคลาย

“เพียงแต่เราไม่รู้ได้ว่าจะต้องรอคอยอีกนานเท่าไร เวลานั้นจึงมาถึง”

‘เอียเซิ่ง’ กล่าวอย่างขมขื่น พร้อมทั้งส่ายหน้า เขาเข้าใจถึงสถานการณ์ในปัจจุบันของนครรุ่งโรจน์ดียิ่ง ตอนนี้หนึ่งในสามของตระกูลหลักอย่าง ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ กำลังทรยศต่อนครรุ่งโรจน์ ใครจะรู้ได้ว่าอนาคตจะออกมาในรูปแบบใด?

‘เอียซิว’ ยังคงเศร้าเล็กน้อย เขามักจะเดินทางติดตาม ‘เอียมอ’ ออกไปข้างนอกนครเป็นประจำ ทำให้รู้ธรรมชาติของสัตว์อสูรลมหิมะ บริเวณรอบนอกนครรุ่งโรจน์แห่งนี้ ซึ่งกำลังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ความแข็งแกร่งของมันก็เพิ่มมากขึ้น ใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่สัตว์อสูรเหล่านั้นจะมาถึง?

‘เอียเซิ่ง’ คิดถึงบางอย่างและกล่าวออกมาพร้อมยิ้มเล็กน้อย

“ ในอีกไม่กี่วัน ฮั่นเอ๋อ จะกลับมา สองปีที่ผ่านมา เขาก็เป็นร่างทรงอสูรระดับโกลด์ ขั้นหนึ่งดาวแล้ว ข้า สงสัยว่าปัจจุบันเขามีการบ่มเพาะพลังวิญาณเป็นเช่นไร?”

‘เอียฮั่น’ เป็นบุตรบุญธรรมของ’เอียเซิ่ง’ ความสามารถของเขานั้นมหัศจรรย์มาก มีจิตวิญญาณของฟ้าดิน และยังได้รับการสนใจจาก’เอียเซิ่ง’ ตอนนี้เขามีอายุยี่สิบปี ได้ติดตามผู้อาวุโสหลักของตระกูล ออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ‘เอียฮั่น’นั้นทำให้ ‘เอียเซิ่ง’ ภาคภูมิใจมาก ถึงขนาดคิดฟูมฟักให้เขากลายเป็นเจ้าเมืองคนต่อไป

‘เอียซิว’ อยู่ในอาการเงียบสงบ ‘เอียเซิ่ง’นั้นฟูมฟัก ‘เอียฮั่น’ ราวกับเป็นลูกของตัวเอง แต่ เขาไม่ได้เป็นคนของตระกูลหิมะเหมันต์ ในสายตาของเขาตำแหน่งของเจ้าเมืองสามารถถ่ายทอดโดยตรงเพียงคนภายในตระกูลหิมะเหมันต์เท่านั้น ลูกสาวของ’เอียเซิ่ง’ ‘เอียจืออวิ้น’นั้นในกาลก่อน ไม่ว่าจะปรับปรุงวิธีการบ่มเพาะพลังแก่ ‘เอียจืออวิ้น’ อย่างไรก็ไม่สามารถก้าวหน้าขึ้น แต่ตอนนี้ ‘เอียจืออวิ้น’ แสดงออกให้เห็นถึงความสามารถในการบ่มเพาะพลังอันน่ามหัศจรรย์ ตำแหน่งเจ้าเมืองคงจะต้องถูกนำมาพิจาณาใหม่อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ‘เอียซิว’ นั้นไม่ได้มีความประทับใจดีๆ กับคนนอกอย่าง’เอียฮั่น’

‘เอียซิว’ คิดเรื่องบางอย่าง และเอ่ยถาม’ เอีย เซิ่ง’

“ ข้าได้ยินว่าบางส่วนของอาณาเขตหมื่นสัตว์อสูร ที่ได้ก่อสร้างสามารถใช้งานได้แล้วในบางส่วนและเผยให้เห็นถึงอำนาจอันแข็งแกร่งของมัน ท่านเจ้าเมืองต้องการที่จะเยี่ยมชมหรือไม่?”

ก่อนหน้านี้ ‘เนี้ยหลี่’ ได้บอกกับ ‘เอียซิว’ ว่าอาณาเขตหมื่นสัตย์อสูรนั้นทำมาจากแปดอาณาเขตย่อย กำลังของอาณาเขตย่อยทั้งแปดเหล่านี้นั้น ค่อนข้างดีเลยทีเดียว หลังจากผสานอาณาเขตย่อยทั้งแปดนี้เข้าด้วยกัน มันจะเกิดพลังอันมหาศาลจนน่าตกตะลึงเลยทีเดียว ตอนนี้ เนี้ยหลี่ ได้สร้างส่วนหนึ่งของอาณาเขตย่อย มันสามารถแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจของมันในส่วนนั้นได้

‘เอียเซิ่ง’ คิ้วขยับเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาสงสัยในคำพูดของ ‘เนี้ยหลี่’เกี่ยวกับอาณาเขตหมื่นสัตว์อสูร มันแข็งแกร่งเหมือนกับที่’เนี้ยหลี่’ ได้บรรยายมันหรือไม่? ทุกส่วนในอาณาเขตหมื่นสัตว์อสูร ล้วนต้องใช้ทรัพยากรปริมาณมหาศาล ถ้ามันไม่แข็งแกร่งจริงอย่างที่เนี้ยหลี่ พรรณนามันต้องเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่

‘เอียเซิ่ง’ เดิมคิดว่ากำลังของ อาณาเขตหมื่นสัตว์อสูร สามารถรู้ได้เพียงเมื่อมันสร้างเสร็จแล้ว เขาไม่เคยคิดว่ามันสามารถทดสอบได้ เขาจึงไม่รีรอที่จะเข้าไปทดสอบมัน

“ เรารีบไปชมกันเถอะ!”

‘เอียเซิ่ง’ กล่าว โดยตัดสินใจในทันที

ตำหนักเจ้าเมืองบริเวณด้านทิศตะวันออก

ที่บริเวณนี้เคยมีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามในการสร้างอาณาเขตหมื่นสัตว์อสูรแล้วพื้นที่บริเวณนี้ถูกเปิดโล่ง ใจกลางของมันเป็นที่ว่าง มีแท่งศิลาขนาดมโหฬารสูงตระหง่านตั้งอยู่หลายสิบต้น แท่งศิลาเหล่านี้ถูกสลักทุกอย่างตามรูปแบบของจารึกลี้ลับเป็นภาพเสมือนจริงของสัตว์อสูร ล้อมรอบมัน

พวกมันทุกตัวคือสัตว์อสูรระดับแบล็คโกลด์ ร่างกายของมันเต็มไปด้วยลวดลายอาคมจากจารึก ที่บางครั้งจะเปล่งแสงสีทองมันวาวออกมา

นี่คือส่วนหนึ่งของอาณาเขตหมื่นสัตว์อสูร จากแปดอาณาเขตสังหารอันยิ่งใหญ่ อาณาเขตย่อยหมื่นสัตว์อสูรสังหาร!

‘เนี้ย หลี่’ และพวกยืนอยู่ตรงด้านหน้าของ อาณาเขตย่อยหมื่นสัตว์อสูรสังหาร พลังอำนาจล้อมรอบพุ่งพล่านไปมา ชนิดที่ว่าเป็นประกายรัศมีแสงจากสวรรค์อันแหลมคม

ถึงแม้ว่า’เนี้ยหลี่’ต้องการซ่อนประการรัศมีของอาณาเขตหมื่นสัตว์อสูร แต่พลังอำนาจจากอาณาเขตหมื่นสัตว์อสูร มันเห็นได้เด่นชัดเกินไป เขาไม่สามารถที่จะซ่อนมันได้โดยง่าย ยังไม่ต้องพูดถึงแท่งศิลาขนาดมโหฬารสูงตระหง่านทุกต้น มันอาจจะเป็นที่ดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้คน

อย่างไรก็ตาม อาณาเขตหมื่นสัตว์อสูร นั้นมี วิธีสังหาร เจ็ดสิบสองชนิด ‘เนี้ยหลี่’เป็นผู้ใช้ความสามารถพิเศษในการควบคุมมัน ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้มันได้ ถึงเขาจะส่งผู้เชี่ยวชาญระดับตำนาน ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายอาณาเขตหมื่นสัตว์อสูรนี้ลงได้

“นี่หรือคืออาณาเขตหมื่นสัตว์อสูรที่เจ้าสร้าง”

‘เอียเซิ่ง’ เงยหน้าขึ้นมองที่มัน แม้ว่าเขาจะตะลึง แต่เขายังไม่แสดงอาการใดๆให้เห็นบนใบหน้า

“ นี่ไม่ใช่ อาณาเขตหมื่นสัตว์อสูร มันเป็นเพียงส่วนย่อย ของอาณาเขตหมื่นสัตว์อสูร” เนี้ย หลี่ไม่แสดงความอ่อนแอใดๆเมื่อพบหน้าเอียเซิ่ง เขายกแขนขึ้นขวางเบาๆแล้วกล่าวว่า “ ถึงจะเป็นเพียงส่วนย่อยของมัน ก็สามารถฆ่าพวกขยะระดับแบล็คโกลด์ ได้อย่างไม่มีปัญหา”

‘เนี้ยหลี่’จงใจยั่วยุ ‘เอียเซิ่ง’

เมื่อได้ยินคำพูดของ’เนี้ย หลี่’ ‘เอียซิว’ และ’เอียเซิ่ง’ ก็มีอาการกระตุกที่มุมใบหน้า ขยะระดับแบล็คโกลด์หรือ?

ในนครรุ่งโรจน์ นอกจาก’เนี้ยหลี่’ ใครจะกล้าเรียกผู้เชี่ยวชาญระดับแบล็คโกลด์ว่าขยะเยี่ยงนี้?

ใครก็ต้องรู้ว่าระดับแบล็คโกลด์นั้น เป็นรองเพียงระดับตำนานเท่านั้น!

‘เอียเซิ่ง’โกรธเพิ่มขึ้น ‘เนี้ยหลี่’ ใคร่ครวญในคำพูดแล้วหรือจึงว่าร่างทรงอสูรระดับแบล็คโกลด์เช่นนี้ มันเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีของร่างทรงอสูรระดับแบล็คโกลด์ เขาปล่อยลมหายใจออกมาพร้อมทั้งกล่าว

“ แค่อาณาเขตนี้ก็สามารถฆ่าร่างทรงอสูรระดับแบล็คโกลด์ได้แน่หรือ? เจ้ารู้จักพลังความแข็งแกร่งของร่างทรงอสูรระดับแบล็คโกลด์แล้วหรือ?”

‘เอียซิว’ ยิ้มอย่างขมขื่น หัวใจนั้นสั่นระรัว เขาไม่รู้ว่าเพราะเรื่องอะไร ‘เนี้ยหลี่’และ’เอียเซิ่ง’ ทุกครั้งที่สองคนนี้อยู่ด้วยกัน พวกเขาจะเหมือนกับคู่ของผงแป้งที่เมื่อโดนประกายไฟพร้อมจะสามารถระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา ‘เอีย เซิ่ง’นั้นมีตำแหน่งสูง ถึงระดับเจ้าเมือง เขามีศักดิ์ศรีที่สูงส่ งทะเลาะกับเด็กธรรมสามัญที่ดูจากภายนอกรู้สึกอ่อนแอนัก

อย่างไรก็ตามเนี้ยหลี่ไม่กลัว’เอียเซิ่ง’แม้แต่น้อย เขายังคงแกล้งแหย่’เอียเซิ่ง’ สาเหตุนี้หละที่ทำให้ ‘เอียซิว’ ทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว

“ท่าเจ้าเมือง ข้าไม่คิดว่า เนี้ยหลี่ จงใจหมายถึงอย่างนั้น เขาเพียงแต่พยายามอธิบายถึงอำนาจการทำลายของอาณาเขต ว่าสามารถทำลายร่างทรงอสูรระดับแบล็คโกลด์ได้โดยง่าย…..?”

เมื่อแล ‘เอียเซิ่ง’ ดูโกรธจัด ‘เอียซิว’ก็พยายามแก้ไขสถานการณ์โดยทันที

“แน่นอนว่ามันคือวัตถุประสงค์ของข้า”

‘เนี้ยหลี่’ถอนหายใจเงยหน้าไปมองเอียเซิ่งพร้อมทั้งกล่าว

“อย่าคิดว่าท่านยิ่งใหญ่เป็นถึงร่างทรงอสูรระดับแบล็คโกลด์ เจ้ายังไม่เคยเห็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงมาก่อน ยังเป็นแค่พวกกบในบ่อน้ำ ในสายตาข้าร่างทรงอสูรระดับแบล็คโกลด์เป็นเพียงแค่ขยะ เจ้าเมือง ท่านเอ่ยว่าอาณาเขตหมื่นสัตว์อสูรของข้าไม่สามารถฆ่าร่างทรงอสูรระดับแบล็คโกลด์ได้ ท่านต้องการลองมันไหม?”

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments