I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 120 ชายหนุ่มแสนดีงาม

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 6385 | 2427 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ร่างทรงอสูรได้จมลงสู่ความสิ้นหวัง ถึงแม้ว่าเขาจะใช้วิชาลับเพื่อที่กำจัดอสรพิษเพลิงที่พันธนาการเขาไปแล้วก็ตาม หลังจากที่เขาใช้ทุกวิธีทางจนหมดแล้วก็ยังมีอสูรวิญญาณระดับแบล๊คโกลด์อีกหลายสิบตัวอยู่ทั่วบริเวณรอบๆ มันไม่มีทางที่จะหนีไปได้เลย!

เขารู้สึกเสียใจอย่างที่สุด ใครจะไปนึกว่ามดปลวกเช่นระดับซิลเวอร์ห้าดาว จะสามารถกดดันเขาได้ถึงเพียงนี้? ถ้ารู้มาก่อนว่าจะเป็นเช่นนี้เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เนี้ยหลี่หนีรอดไปจากเงื้อมมือเขา!

แต่ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว!

เปลวไฟลุกโชติช่วงระเบิดออกมาจากอสรพิษเพลิงอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์ก็คับขันขึ้นเรื่อยๆ ร่างทรงอสูรเริ่มรู้สึกหายลำบากมากขึ้นและจวนเจียนสิ้นสติจากแรงกดดัน

“หัวใจนักรบคลั่ง!”

ร่างทรงอสูรคำรามก้อง ขนสัตว์บนร่างเขาตั้งชันขึ้น และเริ่มกลายเป็นสีเลือดมันวาว กรงเล็บแหลมคมของเขาส่องประกายแสงเย็นเหยียบได้ตวัดฉีกกระชากร่างของอสรพิษเพลิงออก

บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม!

อสรพิษเพลิงตกอยู่ภายใต้การโจมตีอันหนักหน่วง และต่อเนื่องด้วยการดิ้นรนของร่างกายมัน หางของมันก็ได้เหวี่ยงฟาดไปทั่วทุกที่

ในโลกแห่งอสูรวิญญาณ เมียร์แคทเป็นนักล่าตามธรรมชาติของสายพันธุ์อสรพิษ เมื่ออสรพิษเพลิงได้รับการโจมตีเข้าไปมันก็เลื้อยไปยังอีกด้านหนึ่งในทันที

“หัวใจนักรบคลั่งอย่างนั้นหรือ แม้ว่ามันจะทำให้พลังการต่อสู้ของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า แต่ด้วยระยะเวลาที่จำกัด นอกจากนั้นหลังจากที่เจ้าคลุ้มคลั่งและสูญเสียสติสัมปชัญญะ มันยังทำให้เจ้าหมดหนทางที่จะหลบหนี อย่างไรเสียเพียงแค่หัวใจนักรบคลั่งมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำลายค่ายกลหมื่นอสูรนี้ได้หรอก!”

‘เนี้ยหลี่’ไม่แปลกใจเมื่อเห็นอสรพิษเพลิงล่าถอยไป เขาได้วางแผนสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว เขาได้ทำการบังคับอสรพิษเพลิงให้บีบบังคับร่างทรงอสูรระดับแบล๊คโกลด์ให้แสดงพลังการต่อสู้จนถึงขีดสุด ทำให้มันสูญเสียสติสัมปชัญญะของตัวเองไป

“หมีอเวจี ไป!”

เจ้าหมีอเวจีคำรามกึกก้องและพุ่งทะยานเข้าห้ำหั่นกับร่างทรงอสูร

เมื่อร่างทรงอสูรเปิดการใช้งานหัวใจนักรบคลั่งดวงตาทั้งสองของเขาก็แดงกล้ำประดุจสัตว์ร้ายที่สูญเสียสติสัมปชัญญะ เขาหาได้สนใจถึงความแข็งแกร่งของเจ้าหมีอเวจีและได้พุ่งเข้าใส่หมีอเวจีในทันที

บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม!

คลื่นพลังปราณระเบิดออกมาจากทั่วทิศทาง เป็นสาเหตุให้พื้นดินรอบๆเริ่มแตกออก

“แม้ว่ามันจะอยู่ที่ระดับแบล๊คโกลด์สองดาว แต่ทว่าหลังจากการปลดปล่อยพลังต่อสู้ของหัวใจนักรบคลั่งดูน่ากลัวมาก ถึงว่าจะทำให้ข้าประหลาดใจนิดหน่อย แต่อย่างไรเสียหากเจ้าใช้หัวใจนักรบคลั่งแล้วล่ะก็ มันก็ไม่มีหนทางที่จะหนีรอดไปได้แล้ว!”

ภายใต้การควบคุมของ’เนี้ยหลี่’ เจ้าหมีอเวจีได้กระหน่ำการโจมตีประดุจพายุเข้าใส่ร่างทรงอสูรนั่น

เจ้าหมีอเวจีมันเป็นอสูรวิญญาณประเภทป้องกันที่มีกล้ามเนื้อและผิวหนังที่แข็งแกร่ง มันไม่เกรงกลัวแม้กระทั้งการเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่มีระดับสูงกว่า ในขณะที่เมียร์แคทนั้นเป็นจิตวิญญาณอสูนประเภทเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว ถ้าหากมันต้องการที่จะหนีล่ะก็ เจ้าหมีอเวจีมันก็คงจะไล่จับอย่างยากลำบากเป็นแน่

อย่างไรก็ตามในขณะนี้ร่างทรงอสูรนั้นได้บ้าคลั่งอย่างสมบูรณ์แล้ว และความคิดที่จะหลบหนีนั้นไม่ได้อยู่ในหัวของเขาอีกต่อไป

ถึงแม้ว่าการโจมตีของเมียร์แคทจะดูดี แต่เมื่อตกอยู่ในสถานะบ้าคลั่งแล้วพวกมันไม่สามารถสร้างบาดแผลให้แก่ร่างกายของหมีอเวจีได้แม้แต่น้อย ที่พวกมันทำได้ก็เพียงแค่ทำให้หมีอเวจีรู้สึกคันๆก็เท่านั้น

เจ้าหมีอเวจีฟาดฝ่ามือหนักๆกระแทกเข้าไปที่หัวของ’เมียร์แคท’อย่างรุนแรง

บรึ้ม!

ร่างของร่างทรงอสูรกระแทกลงไปบนพื้นประดุจการกำเนิดของปากปล่องภูเขาไฟก็ไม่ปาน

ร่างทรงอสูรยังคงดิ้นรน และกู่ร้องด้วยความโกรธเกรี้ยวและพยายามที่จะลุกขึ้น แต่ทว่าเจ้าหมีอเวจีกระทืบลงไปบนกลางหลังของมันอย่างรุนแรง

พื้นดินสั่นสะเทือน เลือดได้ฉีดพุ่งออกมาจากปากของร่างทรงอสูร อีกทั้งรูปลักษณ์ของ’เมียร์แคท’ก็ค่อยๆกลับคืนเป็นร่างมนุษย์อย่างช้าๆ ร่างที่ไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวของมันนอนแผ่อยู่บนพื้น เห็นได้ชัดว่ามันได้สลบไร้สติไปเรียบร้อยแล้ว

ทันใดนั้นผู้คนหลายคนก็มาถึง มันคือ’กง เหลียงชู’ กับพรรคพวกก่อนหน้านี้

‘กง เหลียงชู’ กับพรรคพวกถูกกดดันอย่างหนักหน่วง พวกเขาได้ทำการขับไล่พวกสมาคมทมิฬในพื้นที่รอบๆ แต่ทว่ากลับไม่สามารถจับได้แม้สักคน ความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามมีมากเกินไป นอกจากนี้พวกเขายังระแวงเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของพวกมันมากเกินไปจึงไม่มีโอกาศที่จะตอบโต้กลับ

หลังจากนั้นพวกเขารู้สึกได้ถึงการต่อสู้อันรุนแรงจากที่นี้ พวกเขาจึงมุ่งหน้ามา ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงการต่อสู้ก็ได้จบลงไปก่อนแล้ว

เมื่อ’เนี้ยหลี่’เห็น’กง เหลี่ยงชู’กับพรรคพวกมาถึง เขาก็ค่อยๆลอยลงมาด้านล่าง เขามองไปที่’กง เหลี่ยงชู’กับพรรคพวก เขาได้ประสานมือของเขากล่าวว่า

“ท่านผู้อาวุโสกง เหลี่ยงชู นี่คือร่างทรงอสูรระดับแบล๊คโกลด์จากสมาคมทมิฬ มันยังไม่ตาย แต่ทว่าพลังจิตวิญญาณอสูรของมันหมดลงแล้ว ได้โปรดรีบนำมันไปขังไว้ในคุกของคฤหาสต์เจ้าเมืองเถิด!”

ผู้เชี่ยวชาญระดับแบล๊คโกลด์จากสมาคมทมิฬ แน่นอนมันจะต้องล่วงรู้ความลับมากมายจากสมาคมทมิฬเป็นแน่ ดังนั้นพวกมันจะต้องมีประโยชน์ทีเดียว

ในที่สุดวันนี้เมื่อกลอรี่ก็ได้ทำการควบคุมตัวผู้เชี่ยวชาญระดับแบล๊คโกลด์จากสมาคมทมิฬ

‘กง เหลี่ยงชู’รู้สึกพึงพอใจเล็กน้อย จวบจนถึงตอนนี้ พวกเขาสามารถทำการจับกุมใครบางคนจากสมาคมทมิฬได้ ณ ตอนนี้’เนี้ยหลี่’ผู้มีระดับซิลเวอร์ห้าดาวได้จับปลาใหญ่ตัวนี้มา! พวกเขาจึงรอดจากการตำหนิติเตียนและหลังจากที่เขาได้ทำการสร้างผลงานครั้งยิ่งใหญ่ให้กับเมืองกลอรี่

‘กง เหลี่ยงชู’กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า

“คุ้มกันมันไปห้องขัง! ระวังอย่าให้มันหลบหนีไปได้!”

เหล่านักสู้ระดับแบล๊คโกลด์หลายคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง’กง เหลี่ยงชู’รีบเข้าไปมัดร่างทรงอสูรจากสมาคมทมิฬในทันที

“ขอบใจมากสำหรับการทำงานหนักของเจ้า”

เมื่อพวกเขาพูดคุยกันจบ ‘เนี้ยหลี่’ก็กระโดดไปยังด้านข้าง และทำการเปิดการทำงานของค่ายกลหมื่นอสูรเพื่อค้นหาเป้าหมายต่อไปในทันที

เมื่อ’กง เหลี่ยงชู’กับพรรคพวกกำลังควบคุมตัวร่างทรงอสูรจากสมาคมทมิฬจากไป ร่างๆหนึ่งในเสื้อคลุมสีขาวลอยตัวอยู่ด้านบน คนๆนี้คือ’เอียเซิ่ง’ เขามองไปยังร่างทรงอสูรระดับแบล๊คโกลด์จากสมาคมทมิฬ และมองไปยังเนี้ยหลี่ เขาไม่เคยคิดเลยว่า’เนี้ยหลี่’นั้นจะสามารถใช้ค่ายกลหมื่นอสูรทำการจับกุมผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมทมิฬได้

เหตุผลว่าทำไมเอียเซิ่งถึงมาหา’เนี้ยหลี่’ เป็นเพราะว่าเขาได้ทราบข่าวจาก’เอียจื่ออวิ้น’ แต่ว่าเขาไม่นึกเลยว่า’เนี้ยหลี่’จะสามารถจับผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมทมิฬได้

‘เนี้ยหลี่’กับ’เอียเซิ่ง’จับจ้องกันอย่างเงียบเชียบอยู่ครู่หนึ่ง

“ค่ายกลหมื่นอสูรกับค่ายกลสายฟ้าศักดิ์สิทธิสังหารนี้น่าประทับใจมาก หลังจากเจ้าได้ทำการขัดเกลามัน เจ้าสมควรควบคุมค่ายกลทั้งสองได้อย่างยอดเยี่ยม”

‘เนี้ยหลี่’เหวี่ยงมือขวาขว้างปาศิลาสลักลวดลายจารึกทั้งสองอันไปให้เขา

‘เอียเซิ่ง’สบัดมือคว้าศิลาทั้งสองเอาไว้ เขามองไปยังเนี้ยหลี่ด้วยความประหลาดใจพลางกล่าวว่า

“เจ้ายินดีที่จะบอกวิธีควบคุมสองค่ายกลสังหารอย่างนั้นหรือ? คราวที่แล้วเจ้าไม่ได้บอกกับข้านี่?”

“ฮืมม ถ้าหากคฤหาสต์เจ้าเมืองไม่ถูกโจมตีเช่นวันนี้….ตัวของท่านคงพิจารณาว่ามันไร้ค่าสินะ”

‘เนี้ยหลี่’สบัดหัวของเขาไปรอบๆ เนื่องจากในชีวิตก่อนของเขา’เอียจืออวิ้น’ได้บอกเขามากมายเกี่ยวกับ’เอียเซิ่ง’ เขารู้ว่า’เอียเซิ่ง’นั้นเป็นบิดาที่เอาแต่ใจเป็นอย่างมาก ในเรื่องนี้ทำให้เนี้ยหลี่มีมุมมองบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขา นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมเขาถึงพยายามลดศักดิ์ศรีของเอียเซิ่งลงอย่างมากมายในชีวิตใหม่นี้

อย่างไรเสีย ‘เนี้ยหลี่’ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะสามารถประเมินดั่งเช่นคนที่น่าสนใจทั่วไป สำหรับตอนที่คฤหาสต์เจ้าเมืองถูกโจมตีอยู่นั้น ค่ายกลสังหารทั้งสองจำเป็นในการสังหารศัตรูเป็นอย่างมาก ด้วยการเดิมพันจากผลประโยชน์นี้

การขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ในแต่ล่ะบุคคลนั้นเปรียบได้ดั่งน้ำซัดสาดใต้สะพานเพียงเท่านั้น สำหรับเนี้ยหลี่ในตอนนี้มันยังไม่ได้เตรียมที่จะต่อรองกับเอียเซิ่งไปมากจนเกินไป

“ข้ามอบที่นี้ให้ท่าน ข้าต้องมุ่งหน้าไปยังค่ายกลสายฟ้าศักดิ์สิทธิสังหารแล้ว”

‘เนี้ยหลี่’กระโดดขึ้นละพุ่งตัวหายไปทันที

เมื่อมองร่างของ’เนี้ยหลี่’จากไป เขาก็เหลือบมองศิลาสลักลายจารึกทั้งสองในมือของเขา รอยยิ้มพึงพอใจได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ’เอียเซิ่ง’

เขาบดศิลาประทับทั้งสอง ลวดลายจาลึกบนศิลาก็พลันเปล่งแสงลอยขึ้นไปอย่างช้าๆ ‘เอียเซิ่ง’ได้รีบทำการกลั่นตราประทับอย่างรวดเร็ว

‘กง เหลี่ยงชู’ไม่เคยพบกับ’เนี้ยหลี่’มาก่อน ดังนั้นเขาจึงเปิดปากของเขาถามขึ้นมาว่า

“เขาเป็นใครกันรึขอรับ ท่านเจ้าเมือง?”

‘เอียเซิ่ง’มองไปยังร่างที่ห่างออกไป ยิ้มและกล่าวว่า

“เด็กหนุ่มดีงามที่จะเป็นความหวังของเมืองกลอรี่ในอนาคต คนหนุ่มที่จะมาแทนคนเก่า ในขณะที่คนแก่อย่างเราจะต้องเตรียมการส่งต่อไปยังรุ่นเยาวที่มีความสามารถต่อไป”

‘กง เหลี่ยงชู’ผงกหัวของเขาขณะมองไปยังเอียเซิ่งที่จมลงไปในความคิดของตัวของเขาเอง

ถ้าหาก’เนี้ยหลี่’ได้ยินคำพูดของ’เอียเซิ่ง’ที่ประเมินเขาไม่รู้ว่าเขาจะมีปฏิกริยาออกมาอย่างไร?

คฤหาสต์ของเจ้าเมืองยังตกอยู่ในสภาวะต่อสู้จากอสูรอเวจีกับเหล่าอสูรเพลิงตัวเล็กๆที่ถูกเรียกมานั้น ไม่รู้ว่ามีทหารยามกี่คนที่ถูกสังหารไป ถึงแม้ว่าเอียซิ่วจะเปิดการทำงานของค่ายกลสายฟ้าศักดิ์สิทธิสังหารแต่เขาแทบจะไม่สามารถจัดการอสูรอเวจีกลับไปได้

บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ๋ม!

สายฟ้าจากสวรรค์จำนวนมากมายได้ผ่าลงไปยังร่างของอสูรอเวจี ทั่วท้องฟ้าของคฤหาสต์เจ้าเมืองเต็มไปด้วยเสียงขู่คำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวของอสูรอเวจี

นอกเหนือจากนั้นภายในพื้นที่ของคฤหาสต์เจ้าเมืองที่อยู่ภายใต้การโจมตี มีร่างทรงอสูรระดับซิลเวอร์กับผู้เชี่ยวชาญระดับโกลดจำนวนมากมายได้ถูกสังหารลง

ในขณะนั้น ณ มุมหนึ่งภายในเมืองกลอรี่ ตระกูลสวรรค์ ด้วยการสื่อสารชนิดพิเศษด้วยจิตวิญญาณของตระกูลสวรรค์

“ท่านผู้นำตระกูล คฤหาสต์ของเจ้าเมืองกำลังถูกโจมตีอยู่ขอรับ!”

ในขณะหนึ่งเสื้อคลุมสีเทาของผู้นำตระกูลสวรรค์ได้โบกสะบัดเมื่อเขายืนอยู่ด้านบนสุดของอาคารสูงตระหง่านที่สามารถมองไปยังแสงไฟภายในคฤหาสต์เจ้าเมือง

“ท่านผู้นำตระกูล พวกเราควรทำอย่างไรดี?”

ผู้นำตระกูลสวรรค์’เฉิน เซ่นหลง’กล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า

“ไม่ว่าสิ่งสำคัญคืออะไร เราตระกูลสวรรค์สมควรที่จะสนับสนุนตระกูลลมหิมะไปตามปกติ เฉิน เฟยเจ้าจงนำสามร่างทรงอสูรระดับแบล๊คโกลด์ไปช่วยเหลือยังคฤหาสต์เจ้าเมือง ส่วนที่เหลือให้เฝ้าระวังการโจมตีจากสมาคมทมิฬในพื้นที่อื่นๆ อย่างใกล้ชิด”

“ขอรับ!”

ร่างทรงอสูรระดับแบล๊คโกลด์ทั้งสามคนได้ทะยานตัวมุ่งหน้าไปยังคฤหาสต์เจ้าเมือง

นอกจากตระกูลสวรรค์แล้วยังมีอีกเจ็ดตระกูลขุนนางกับยี่สิบตระกูลชนชั้นสูงได้ส่งผู้คนเข้าเป็นกองหนุ่นกับคฤหาสต์ของเจ้าเมืองตระกูลศักดิ์สิทธิ

คนชุดดำผู้หนึ่งเข้ามากระซิบที่ด้านข้างของ’เสิ่น ฮ่อง’

“ท่านผู้นำตระกูล พวกมันกำลังเข้าโจมตีคฤหาสต์ของเจ้าเมือง พวกเราควรทำอย่างไรดี?”

‘เสิ่น ฮ่อง’จ้องมองออกไปไกล แค่นเสียงเย็นชากล่าวว่า

“หลง ชา ตั้งแต่ที่ข้าถูกมองข้าม และถูกปล่อยทิ้งไว้ นอกจากนั้นยังคงเฝ้าจับตาดูพวกเราอย่างเปิดเผย ข้าจึงไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ นับตั้งแต่วันที่มันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเรา เหตุใดข้าจะต้องไปสนใจเรื่องนี้ด้วย? แต่เนื่องจากตระกูลอื่นๆในเมืองกลอรี่ได้ส่งกำลังออกไป ตระกูลศักดิ์สิทธิ์คงไม่สามารถทำอะไรได้ จงส่งร่างทรงอสูรระดับแบล๊คโกลสองคนไปกับเจ้า จดจำไว้ว่าเพียงแค่แสดงละคร พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกระทำอย่างจริงจัง!”

“ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว”

เมื่อชายในชุดดำพริ้วกายออกไป ไม่นานก็มีร่างสามร่างทยานมุ่งหน้าไปยังคฤหาสต์ของเจ้าเมือง

ณ คฤหาสต์เจ้าเมือง

ผู้เชี่ยวชาญของตระกูลลมหิมะส่วนใหญ่เข้าร่วมมือกับค่ายกลสายฟ้าศักดิ์สิทธิสังหารเพื่อต่อกรกับอสูรอเวจี ส่วนทหารยามระดับซิลเวอร์และโกลด์พวกเขาทั้งหมดรับมือกับอสูรเพลิงตัวเล็กๆ ภาพตรงหน้านั้นกล่าวได้ว่าตกอยู่ในความโกลาหล

ถึงแม้อสูรอเวจีจะถูกยับยั้ง แต่ทว่าอสูรเพลิงตัวเล็กนั่นดุร้ายมาก พวกมันยังคงไล่สังหารเหล่าทหารยามอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดระเบิดและเสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่วบริเวณ

ทันใดนั้นแม้กระทั่งเอียซิ่วยังคงรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย ถ้าหากรอจนกระทั่งพวกเขาสังหารอสูรอเวจีลงได้ พวกเขาคงจะสูญเสียมากเกินไปแล้ว เหล่าทหารยามระดับซิลเวอร์และระดับโกลด์นั้นเป็นสมาชิกหลักของกองกำลังภายใต้ตระกูลลมหิมะ

ถ้าหากมีการบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากในหมู่พวกเขามันจะต้องก่อนให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงมากเป็นแน่

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments