I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 122 ว่านกลีบสายหมอก

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 6144 | 2427 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ณ ตำหนักเจ้าเมือง

หลังจากตระหนักว่าอสูรอเวจีถูกฆ่า เหล่าสมาชิกจากสมาคมมืดที่มาแทรกซึมตำหนักเจ้าเมืองก็รีบถอนกำลังและสูญหายไปในความมืดอย่างฉับไว

อีกมุมนึงภายใต้เงามืด เงาร่างนึงยังยืนดูอยู่เงียบๆ บุคคลชุดดำได้เห็นความเป็นไปทั้งหมดทั้งเรื่องที่อสูรอเวจีถูกฆ่า และยังเห็นที่’เอียซิ่ว’อุ้ม’เนี่ยหลี่’ออกไป ริมฝีปากของเขาห่อลงเล็กน้อยแสดงความไม่พอใจและเอ่ยเสียงแหบห้าว

“ช่างน่าสนใจ”

มันมีโอกาสหลายต่อหลายครั้งที่เขาจะลงมือฉกฉวย’เนี่ยหลี่’มาจากมือเอียซิ่ว อย่างไรก็ตามเขายอมแพ้ในที่สุดและมองไปในทิศทางอื่น

“ข้ารู้ว่าแกสัมผัสถึงข้าได้ ข้ากัดไม่ปล่อยแน่นอนแต่การไล่ตามจับข้าก็ไม่ใช่ง่ายๆหรอกนะ การดวลรอบนี้ รู้ไว้เถอะว่าแกชนะ แต่ครั้งต่อไปจะมันไม่ธรรมดาๆแน่นอน”

บุคคลชุดดำยิ้มอย่างเยือกเย็นในขณะที่เงาร่างของเขาหลอมรวมไปกับความมืด

‘เอียเซิง’ผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างอาณาเขตสังหารหมื่นอสูร มีรัศมีเฉียบคมของแสงออกมาจากตาเขา พลังวิญญาณที่เขาที่ต้องระวังนั้นค่อยๆอันตรธานหายไป ให้รู้ว่าบุคคลผู้นั้นจากไปแล้ว

ตั้งแต่การปรากฏตัวของอสูรอเวจีจนถึงขณะนี้ ไม่นับที่เขาจับร่างทรงอสูรจากสมาคมคมมืดได้สองคน ‘เอียเซิง’ก็ยังได้รับการเตือนภัยของพลังวิญญาณที่เป็นเหตุให้เขาเจองานยาก ก่อนพลังวิญญาณนั้นจะหายไป เอียเซิงก็ยังไม่สามารถระบุตำแหน่งของบุคคลนั้นได้

”เหมือนว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะลงมือเอง”

‘เอียเซิง’คิด

“ถ้ามีกลุ่มอื่นลงมืออีกนะ แม้แต่ข้าก็จะต้องเข้าต่อสู้แบบเอาจริงเอาจังเข้มข้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

ทันใดนั้น!! นักสู้ระดับแบล็คโกลด์ก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบเร่ง

เขาพูดอย่างเร่งรีบ

“ท่านเอียเซิง ข่าวร้ายครับ!!”

“เกิดอะไรขึ้น?”

‘เอียเซิง’ก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที

“ร่างทรงอสูรแบล็คโกลด์ที่ถูกเราจับทั้งสามคนสิ้นชีพหมดแล้วครับ”

นักสู้พูด พร้อมประสานมือคารวะ

“อ่อ..อย่างงั้นรึ”

กำปั้นของ’เอียเซิง’กำแน่น เพื่อป้องกันร่างทรงอสูรขั้นแบล็กโกลด์ทั้งสามจากการหลบหนีดั่งเหมือนปล่อยเสือเข้าป่า ‘เอียเซิง’ทำลายพลังวิญญาณของร่างทรงอสูรทั้งสามลง ทำให้การเพาะบ่มพลังของพวกเขานั้นไม่สามารถฟื้นฟูได้อีก อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยคิดเลยว่าสมาคมมืดจะเลวทรามจนถึงมุ่งตรงไปฆ่าร่างทรงอสูรขั้นแบล็กโกลด์ทั้งสามคนนั้นทิ้ง

“พวกมันส่งบางคนไปปล้นคุกหรือไงกัน? พวกมันอีกกลุ่มแข็งแกร่งระดับไหนกันเนี่ย?”

ปรกติแล้ว เรื่องคุกของตำหนักเจ้าเมืองนั้นควรเป็นความลับสุดยอด ไม่ควรมีใครรู้เกี่ยวกับมัน แล้วพวกมันอีกกลุ่มรู้ที่ตั้งได้อย่างไรกันแถมมุ่งการโจมตีไปทางนั้นอีก แสดงว่าพวกมันมาสำรวจเก็บข้อมูลจนครบถ้วนสิ้นหมดแล้วรึนี่ !!

นักสู้กล่าว

“ด้วยความเคารพท่านเจ้าเมือง คุกไม่ได้โดนปล้น ร่างทรงอสูรขั้นแบล็กโกลด์ทั้งสามคนได้ตายอย่างลึกลับครับ” (สรุปเฮียแกมโนมาหลายย่อหน้าเลย เหอะๆ..)

“ตายอย่างลึกลับ? “

‘เอียเซิง’รู้สึกสั่นเกรงในใจ สมาคมมืดมันมีวิธีจัดการขั้นสุดท้าย! ถ้าเขาไม่เดาผิดพลาด สมาคมมืดได้ฝังตรวนวิญญาณไว้ในร่างทรงทั้งสาม ในกรณีที่ใครบางคนโดนจับ เขาก็แค่กระตุ้นตรวนวิญญาณเพื่อสังหารพวกที่โดนจับเหล่านั้นซะ

ด้วยวิธีนี้พวกมันก็สามารถป้องกันการทรยศของเหล่าคนของตน ไม่แปลกใจเลยทำไมสมาคนมืดถึงช่างลี้ลับ ตระกูลต่างๆของเมืองกลอรี่ไม่สามารถระบุที่ตั้งของสมาคมมืดได้

ขณะเดียวกัน ด้านนอกของตำหนักเจ้าเมือง

บุคคลชุดดำคนนึงยืนอยู่เงียบๆ ชายชุดดำอื่นๆจำนวนนับโหลคุกเข่าลงด้วยความเคารพ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงเล็ดรอดออกมาเพียงนิด ในจำนวนพวกเขาเหล่านั้น ได้รวมถึงเหล่าแบล๊คโกลด์อีกจำนวนนึงด้วย

บุลคลชุดดำหายใจอย่างเย็นชา แบล๊กโกลด์มากัน 8 คน คนนึงโดน Rohan เอ้ย!! อสูรอเวจีสังหาร ‘เอียเซิง’ได้ Double killตายไปอีกสอง อีกหนึ่งโดนเด็กเปรต’เนี่ยหลี่’สังหาร แถมไม่มีข่าวจากอีกกลุ่มที่ไปจัดการครอบครัวไอ้เด็กนั้นอีก พวกแกมันสวะซะจริงๆ!!

นายท่าน พวกเราไม่คาดคิดว่าไอ้อาณาเขตแปลกๆทั้งสองอันนั้นจะมีพลังกล้าแข็งขนาดนั้น ยิ่งกว่านั้น แถวตระกูลบันทึกสวรรค์ยังมีพวกแบล็กโกลด์จำนวนนึงยืนเฝ้าอยู่อีก พวกมันต้องเตรียมการรับมือมาตั้งนานแล้วแน่นอนไม่ต้องสงสัย พวกเราเลยไม่สามารถระบุได้ว่าครอบครัวไอ้เด็กเปรตนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่.

บุคคลชุดดำค่อยๆเปิดมือออก เผยให้เห็นหินผนึกสีดำที่แตกละเอียดสามอัน

“ครั้งนี้ข้าจะปล่อยไปก่อน แต่ถ้ามันมีอะไรล้มเหลวจากพวกแกอีกล่ะก็..ฮืมม พวกแกจะโดนเหมือนเจ้าพวกสวะสามคนนั้น!!”

เสียงของบุคคลชุดดำช่างเย็นยะเยือกเหมือนกับว่าดังล่องลอยมาจากขุมนรกอเวจี…

ได้ยินดังนั้น กลุ่มคนที่คุกเข่าอยู่ก็เริ่มสั่นเทิ้ม เผยให้เห็นความกลัวออกมาทางใบหน้า หินผนึกสีดำทั้งสามนั้นคือหินวิญญาณของร่างทรงอสูรแบล็กโกลด์ทั้งสาม เมื่อบุคคลชุดดำเปิดผนึก มันก็ส่งผลให้หินวิญญาณทั้งสามอันแตกเป็นผุยผง ร่างทรงอสูรแบล็กโกลด์ทั้งสามนั้นก็ได้รับผลต่อเนื่องให้แก่ชีวิตจากตรวนวิญญาณ

“ไม่มีใครหนีรอด…จากความตายย 0.0”

ตั้งแต่ช่วงที่พวกเขาเข้าร่วมสมาคมมืด ชีวิตของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นของพวกเขาเองอีก วิญญาณของพวกเขาถูกล่ามไว้กับหินวิญญาณของแต่ละคน ถ้าหากหินวิญญาณแตกละเอียด ชีวิตพวกเขาก็ดับ.!!

เคยมีไอ้พวกที่จะพยายามขัดขืน ก็จบด้วยความตายของพวกที่ขัดขืนนั้นเอง ไม่มีใครสามารถทนที่จะดูฉากสยองนั้นได้เลย ถึงจะหลบหนีไปได้สมาคมมืดก็ทรงพลังเกินไป ถึงแม้ว่าจะหนีไปซ่อนในที่ๆคิดว่าปลอดภัย ก็ยังจะมีคนจับกลับไปได้อยู่ดี

เพราะฉะนั้นพวกเขาก็ทำได้แค่เป็นทาสและทำงานอย่างระมัดระวังให้สมาคมมืด บางโอกาสพวกเขาก็มีประสบการณ์เห็นการตายของพรรคพวก อันเป็นเหตุให้พวกเขารู้สึกสลดหดหู่

ถึงแม้ว่าจะมีการสละชีพไป ก็ยังมีหน้าใหม่ๆรอดพ้น ผ่านการฝึกมหาโหดขั้นนรกแตกมาได้ ทำให้สมาคมมืดแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับเมืองกลอรี่ สมาคมมืดจะเป็นดั่งฝันร้ายไปนิรันดร์

“ไปได้แล้ว! พวกเราต้องไปรายงานเจ้าปีศาจ”(โวลเดอร์มอล์ทป่าวฟะนั้น)

บุคคลชุดดำหมุนตัวและออกเดินนำหน้าไป กลุ่มชุดดำคนอื่นๆมองหน้ากันแล้วจึงเดินตามหลังไป

สิ่งที่พวกเขาลืมระวังก็คือนกตัวใหญ่ที่ยืนมั่นคงอยู่บนต้นไม้ใหญ่บนภูเขาไกลห่างออกไป ตัวของมันทำด้วยเหล็กกล้า และสายตาที่เฉียบคมพุ่งตรงมาจากความมืด นกตัวใหญ่นี้ก็คือเป็นกันใครเล่า นอกจากหุ่นเชิดวิญญาณที่มีจิตของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้ง ‘เอียยาน’ผนึกเอาไว้ภายใน

ณ ตำหนักเจ้าเมือง

‘เนี่ยหลี’นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงเงียบฉี่ ตาทั้งสองข้างปิดแน่น ยังคงไม่รู้สึกตัว (หรือพระเอกตูตายแล้วฟะ!! แว๊กกก *0*)

“ท่านพ่อ, เนี่ยหลี่เป็นไงบ้าง?”

‘เอียจื่อหวิ่น’ถามอย่างร้อนใจ ตาของนางเต็มไปด้วยความกังวล ไม่รู้ทำไม เมื่อนางเห็น’เนี่ยหลี่’ได้สภาพแบบนี้ หัวใจของนางก็เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มใจ และนางก็ไม่สามารถควบคุมน้ำตาที่มันหล่นนองลงมาบนแก้มได้ (หมั่นไส้พวกไม่รู้ใจตัวเอง…ชิส์)

‘เนี่ยหยู’ก็ร่ำไห้

“พี่ใหญ่..เนี่ยหลี่, ตื่นขึ้นมาเร็วๆสิคะพี่”

ฮืออออออออออออ [ToT]

‘เอียเซิง’กับ’เอียซิ่ว’ยืนเงียบๆอยู่ข้างๆ

“ท่านเอียเซิง, เขาเป็นยังไงบ้าง” เอียซิ่วถาม และมองไปยังเอียเซิ่ง

‘เอียเซิ่ง’ถอนหายใจแล้วพูด

“เขาไม่เป็นไรเขาแค่ใช้พลังวิญญาณมากไป แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลบางอย่าง ขอบเขตพลังวิญญาณของเขานั้นดันเหือดแห้งไปซะเกลี้ยง”

นั้นแหละปัญหา

‘เอียเซิง’เงียบไปซักระยะนึง, มองไปที’เอียซิ่ว’และกล่าว

“นำว่านกลีบสายหมอกมาแล้วให้เนี่ยหลี่กินซะ”

ได้ยินคำของ’เอียเซิง’ ‘เอียซิ่ว’ก็หน้าผากกระตุก เขามอง’เอียเซิง’อย่างไม่เชื่อ เขางงงวยที่’เอียเซิง’ให้นำว่านกลีบสายหมอกมาให้’เนี่ยหลี่’

ด้วยความแข็งแกร่งปัจจุบันของ’เอียเซิง’ เป็นรองเพียงแค่ระดับตำนาน ใบของว่านกลีบสายหมอกเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เขาบรรลุขึ้นสู่ระดับตำนาน! ใบของว่านกลีบสายหมอกนั้นหายากโคตรๆ มันจะปรากฏขึ้นแค่ในป่าลึกเข้าไปในภูเขา ยิ่งกว่านั้นว่านกลีบสายหมอกที่โตเต็มที่ยังถูกปกป้องไว้ด้วยสัตว์อสูรระดับตำนานจำนวนนึงอีกด้วย ครั้งนึงท่าน’เอียโม’เคยเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อที่จะฉกฉวยมันมากจากมือของสัตว์อสูรระดับตำนาน

‘เอียเซิง’ถลึงตาไปที่’เอียซิ่ว’และกล่าวอย่างขึงขัง

“ไม่เข้าใจหรอไง? ช่วยชีวิตสำคัญกว่า”

“ครับ!”

‘เอียซื่ว’รีบไปที่คลังสมบัติของตำหนักเจ้าเมือง เห็นใบหน้า’เอียจื่อหวิ่น’เต็มไปด้วยน้ำตา ‘เอียเซิง’ก็ถอนหายใจ เหตุผลที่เขาก้าวร้าวกับ’เนียหลี่’ก็เพราะมันเป็นทางที่เขาจะปกป้องนางในฐานะพ่อ แต่อย่างไรก็ตาม เห็นสภาพของ’เอียจื่อหวิ่น’ตอนนี้ ‘เอียเซิง’ก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ไม่มีพ่อคนไหนสามารถเก็บลูกสาวของเขาไว้ข้างๆได้ตลอดไป เขาทำได้แค่เพียงปล่อยนางไป (หึหึ ใจอ่อนแล้วเรอะลุงเอ้ย)

แม้ว่า’เนี่ยหลี่’จะชอบเล่นบ้าๆ แต่เขาก็มีความเป็นผู้ใหญ่ ความเอาจริงเอาจังในตัว

การปะทะวันนี้ เหตุผลที่พวกเขาสามารถจัดการสมาคมมืดได้ก็เพราะ’เนี่ยหลี่’ มันทำให้ทัศนคติกับ’เนี่ยหลี’ของ’เอียเซิง’เปลี่ยนเล็กๆ

ต่อมาจากนั้นไม่นาน ‘เอียจื่อหวิ่น’ทำตามคำแนะนำของ’เอียเซิง’ นางบดว่านใบสายหมอกจนเป็นผงแล้วผสมกับน้ำป้อนให้’เนียหลี่’ดื่ม

มองดูการกระทำที่นุ่มนวลปราณีระมัดระวังของ’เอียจื่อหวิ่น’ ‘เอียเซิง’ช่วยไม่ได้ที่จะส่ายหน้า ผู้หญิงเกิดมาและก็ออกจากตระกูล มันเป็นอย่างนั้นเสมอมา คิดอีกทีมันก็ไม่ถูกต้องที่เข้าไปแทรกระหว่างสายสัมพันธ์ของเด็กทั้งสอง ‘เอียเซิง’จึงค่อยๆเดินปลีกตัวออกไป

ความฝันอันยาวนาน ในความฝัน ‘เนียหลี่’ย้อนกลับไปช่วงเวลาที่เมืองกลอรี่ถูกทำลาย รอบตัวเต็มไปด้วยการร่ำไห้ของผู้หญิงและเด็ก เมืองกลอรี่จมลงสู่ทะเลเพลิง ‘เนียหลี่’เป็นพยานด้วยตัวเองได้ว่าพวกพ้องของเขาถูกเข่นฆ่า กลุ่มเด็กที่หลบหนีไป ก็โดยการปกป้องของผู้เชี่ยวชาญของตระกูล

ในความฝัน พ่อของเขากล่าวว่า

“เจ้าคือความหวังของตระกูล ตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ตระกูลยังคงอยู่”

หลังจากพูดจบ พ่อก็สิ้นชีพไป

ในความฝัน’เอียจื่อหวิ่น’และเขาโอบกอดกันไว้ นางพูดอย่างหมดหวัง นางลูบคางของเขาภายใต้วงแขนและกระซิบอย่างแผ่วเบา

“ไม่ว่าระหว่างเราถ้าใครซักคนต้องตาย อีกคนจะต้องฝ่าฟันเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้นะ”

มันแลดูเหมือนการลาจากชั่วนิรันดร์

ในตอนนั้น น้ำตาก็อาบหน้าของเขาไปทั่ว

“จื่อหวิ่น…..”

‘เนี่ยหลี่’เรียกสุดเสียง ดังมากเท่าที่เขาสามารถทำได้, พยายามที่จะคว้ามือ’เอียจื่อหวิ่น’ไว้ แต่แล้ว สิ่งที่เขาเห็นก็แค่’เอียจื่อหวิ่น’ที่ค่อยๆลอยห่างออกไปยังความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ในห้อง

เมื่อนางคอยเฝ้าดูอาการของ’เนี่ยหลี่’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ก็รีบออกจากบ้านของเธอ มาถึงเธอได้เห็น’เอียจื่อหวิ่น’ได้คอยดูแล’เนี่ยหลี่’แล้ว ‘เอียจื่อหวิ่น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เดินช้าๆมาข้างๆ’เนี่ยหลี่’ แต่ไม่มีใครเอ่ยคำได้ พวกนางเคยเป็นเพื่อนเล่นกันสมัยยังเยาว์วัย พวกนางต่างก็เหมือนกัน แต่ก็ยังคงมีสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ไม่เหมือนกัน

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’บิดผ้าและวางลงบนหน้าผากเนี่ยหลี่ และมองหน้า’เนี่ยหลี่’อย่างเงียบๆ

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เด็กผู้ชายคนนี้ไม่เคย กระตุ้นให้เธอสนใจ นางมีเพียงความฝัน ที่จะกลายมาเป็นผู้แข็งแกร่ง ณ ขณะนั้น ที่การฝึกในภาคสนาม ก็ทำให้โชคชะตาของนางเปลี่ยนไป

เวลานี้ ในหัวใจของนางนอกจากการฝึกฝนแล้ว ยังมีบางสิ่งที่สำคัญมากกว่าสำหรับนาง

(ควบสองเลยไหมพ่อเนียหลี่ @)

แปลโดย: IDeaPaeTonG

จบตอน …

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments