I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 130 ซากโบราณสถาน

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 6430 | 2427 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เมื่อเวลาผ่านไปข่าวลือได้เกิดขึ้นในหมู่สามัญชน บางคนก็พูดว่าตระกูลศักดิ์สิทธิวางแผนก่อกบฏ บ้างก็พูดว่าเกิดความขัดแย้งกันระหว่างตระกูลวายุเหมันต์กับตระกูลศักดิ์สิทธิ เกี่ยวกับเรื่องการข่มเหงผู้ที่อ่อนแอ

ต้นกำเนิดของข่าวลือทั้งหลายที่ปล่อยออกไปนั้นล้วนมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่พวกมัน

ตระกูลศักดิ์สิทธิ

“บัดซบ! ข้าไม่นึกเลยว่าตระกูลวายุเหมันต์จะเคลื่อนไหวรวดเร็วถึงเพียงนี้”

‘เสิ่นฮ่อง’ราวดูกับมีควันพวยพุ่งออกมา ด้วยการเคลื่อนไหวของตระกูลวายุเหมันต์เล็กๆน้อย ในช่วงที่ตระกูลศักดิ์ไม่ทันตั้งตัวดวงตาของเขาทอประกายเย็นชา

“มันจะต้องเป็นเจ้าสารเลวเสิ่นหมิงเป็นแน่ มันถูกจับและถูกควบคุมตัวมิเช่นนั้นตระกูลวายุเหมันต์รึจะคว้าหางเราได้ ถ้าข้ารู้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้ข้าคงจะฆ่ามันด้วยมือตัวเองไปแล้ว!”

ในฐานะที่’เสิ่นหมิ่ง’เป็นผู้อาวุโสสูงสุดผู้ดูแลกิจการต่างๆของตระกูลศักดิ์สิทธิ ได้หายสาบสูญไปข้างนอกนั้น ส่งผลให้’เสิ่นฮ่อง’กินไม่ได้นอนไม่หลับ

‘เสิ่นฮ่อง’ส่งเสียงอย่างเกรี้ยวกราดว่า

“เสิ่นกุ้ย เจ้าจงหาจังหวะส่งข้อความไปยังสมาคมทมิฬ ว่าตระกูลวายุเหมันต์ตัดสินใจที่จะกำจัดตระกูลศักดิ์สิทธิข้า ดังนั้นข้าจะไม่ให้มันทำได้อย่างง่ายดาย”

“ครับ”

‘เสิ่นกุ้ย’ตอบรับจากนั้นก็โค้งคำนับหมุนตัวออกไป

ทันใดนั้นมีบางสิ่งวาบขึ้นในจิตใจของ’เสิ่นฮ่อง’ เขากล่าวอย่างเคร่งครึมว่า

“ช้าก่อน”

‘เสิ่นกุ้ย’ชะงักเพียงชั่วครู่ก่อนจะหันมองไปยัง’เสิ่นฮ่อง’อย่างสงสัย

หลังจากที่’เสิ่นฮ่อง’ได้จัดการทำให้หัวของตนเองเย็นลง ก่อนหน้านี้ที่ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและเขากำลังจะก้าวลงไปสู่กับดักของตระกูลวายุเหมันต์ เนื่องจากตระกูลวายุเหมันต์เพียงแค่ทำการกดดันตระกูลศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการอย่างอื่นต่อ พวกมันคงยังมีหลักฐานไม่เพียงพอ

ตามปกติแล้ว’เสิ่นหมิง’สมควรจะรู้ว่าสิ่งใดควรพูดสิ่งใดไม่ควรพูด มิเช่นนั้นมันจะต้องตายสิ่งที่ตระกูลวายุเหมันต์ต้องการก็คือให้ตระกูลศักดิ์สิทธิเผยจุดอ่อนออกมา จากนั้นพวกมันก็จะเข้าจู่โจม แล้วทันทีที่’เสิ่นกุ้ย’ก้าวเท้าออกจากประตูไป พวกเราสมควรก้าวลงสู่กับดักของตระกูลวายุเหมันต์แล้ว

‘เสิ่นฮ่อง’ยิ้มอย่างเย็นชากล่าวว่า

“เจ้าพยายามวางกับดักข้าอย่างนั้นหรือ? จากวันนี้เป็นต้นไปให้ตัดการติดต่อกับสมาคมทมิฬ เนื่องจากตระกูลวายุเหมันต์ต้องการจะกำจัดตระกูลศักดิ์สิทธิของข้า ข้าจะให้พวกมันได้รับรู้ว่าพวกเรานั้นไม่ได้อ่อนแอ ปล่อยให้พวกมันกระทำตามที่ต้องการไป ตราบที่พวกมันไม่มีหลักฐานใดๆว่าตระกูลศักดิ์สิทธิของข้าเกี่ยวข้องกับสมาคมทมิฬ ถึงแม้ว่าตระกูลศักดิ์สิทธิของข้าจะตอบโต้กลับอย่างรุนแรง พวกมันล้วนไม่มีเหตุผลที่จะทำลายตระกูลศักดิ์สิทธิของข้าได้!”

สมาชิกส่วนใหญ่ของตระกูลศักดิ์สิทธิถูกเรียกกลับมาที่ตระกูล เหลือเพียงสมาชิกส่วนน้อยเท่านั้นที่ได้รับอนุญาติให้ไปตอบโต้กลับในจุดต่างๆภายในเมืองกลอรี่

สถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ เปิดเรียนแล้วนักเรียนจากทั่วทุกมุมเมืองต่างก็กลับไปที่โรงเรียน

ชั้นเรียนอัจฉริยะ

ความจริงแล้ว’เนี้ยหลี่’ไม่จำเป็นจะต้องกลับมาเรียนที่สถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิเลย แต่ทว่าเขาก็ยังกลับมา การที่ตัวของเขาได้ปรากฏอยู่ภายในสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิเป็นเหยื่อล่อชิ้นใหญ่ต่อตระกูลศักดิ์สิทธิกับสมาคมทมิฬเป็นอย่างดี

นักเรียนหลายคนที่กำลังเดินอยู่บนทางเดิน กำลังพูดคุยบางอย่างกัน

“เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ว่า?เคล็ดวิชาที่ใช้ในการฝึกฝนที่สถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ข้าได้ยินว่าเป็นเพราะตระกูลวายุเหมันต์ได้ค้นพบสมบัติ และได้เจอเคล็ดวิชาฝึกฝนที่ดีขึ้นกว่าเดิม ตระกูลวายุเหมันต์ได้เสียสละมอบเคล็ดวิชาการฝึกฝนส่วนหนึ่งให้แก่สถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิเพื่อให้นักเรียนทุกคนได้ฝึกฝนกัน”

“จริงหรือ?แล้วเคล็ดวิชาชั้นสูงที่ว่านั้นคืออะไร?”

“เคล็ดการฝึกฝนที่มีรู้สึกว่าจะทรงพลังกว่าที่พวกเราเคยฝึกขั้นนึงเชียวล่ะ”

ในเรื่องนี้เป็นธรรมดาของ’เนี้ยหลี่’

แน่นอนเขาไม่มีทางปล่อยให้เคล็ดวิชาการฝึกฝนขั้นสุดยอดเช่น [เคล็ดลิขิตสวรรค์] หรือว่า [เคล็ดวิชาพญาหงส์น้ำแข็งเก้าโคจร] รั่วไหลออกไป เพราะถ้าหากสมาคมทมิฬหรือตระกูลศักดิ์สิทธิได้รับพวกมันไปล่ะก็’เนี้ยหลี่’จะลำบาก ที่’เนี้ยหลี่’ทำก็แค่เพียงต้องการช่วยยกระดับการฝึกฝนของสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิก็เท่านั้น แต่ทว่าในสายตาของเหล่านักเรียนการฝึกฝนที่พวกเขาได้รับก็ทรงพลังเหลือแสนแล้ว

“โอ้ น้องชายเจ้าอยู่ในชั้นเรียนอัจฉริยะอย่างนั้นหรือ?”

นักศึกษาในชุดเสื้อคลุมสีทองผู้หนึ่งเดินมายังด้านข้างของ’เนี้ยหลี่’ สีเสื้อคลุมของเขานั้นช่างดูฉูดฉาดแสบตาเป็นอย่างยิ่ง

“เจ้าคือ?”

‘เนี้ยหลี่’มองไปที่เขา เกี่ยวกับนักเรียนผู้นี้ เขาไม่เคยสังเกตุเห็นมาก่อน

ทันใดนั้นชายหนุ่มผอมบางคนหนึ่งก็เดินขึ้นมาและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า

“เจ้าไม่รู้จักท่านนี้อย่างนั้นหรือ? เขาคือนายน้อยหลงหยู แห่งตระกูลดั้นเมฆ เขาอยู่ที่ระดับบรอนซ์ห้าดาว และท่านก็อยู่อันดับที่สิบภายในชั้นเรียนอัจฉริยะอีกด้วย!”

ระดับบรอนซ์ห้าดาวงั้นรึ? ‘เนี้ยหลี่’ครุ่นคิดชั่วครู่ แค่ระดับบรอนซ์ห้าดาวก็คงจะดีแล้ว สำหรับตระกูลดั้นเมฆที่เป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลขุนนาง

“ไอ้หนู เจ้าเป็นเด็กใหม่ในชั้นเรียนอัจฉริยะใช่หรือไม่?เจ้าสนใจจะมาเข้าร่วมกับข้าไหม?”

‘หลงหยู’จ้องมองอย่างถือดีมายัง’เนี้ยหลี่’

เข้าร่วมกับเจ้างั้นรึ? เจ้าล้อเล่นหรือไง? การแสดงออกของ’เนี้ยหลี่’เปลี่ยนไปกระทันหัน เขากอดอกของตัวเอง กวาดมองไปยังหลงหยูและกล่าวว่า

“เจ้าว่าเจ้ามาจากตระกูลดั้นเมฆ เจ้าไม่รู้จักข้าอย่างนั้นหรือ?”

ปฏิกริยาที่เปลี่ยนแปลงของ’เนี้ยหลี่’รวดเร็วจนเกินไป จน’หลงหยู’ไม่ทันตั้งตัว

“เจ้าเป็นใคร?”

‘หลงหยู’กล่าวอย่างระมัดระวังเล็กน้อย การแสดงออกของ’เนี้ยหลี่’เมื่อได้ยินชื่อของตระกูลดั้นเมฆไม่ได้เปลี่ยนไปอาจเป็นไปได้ว่าเขามีคนใหญ่คนโตหนุนหลังอยู่

‘เนี้ยหลี่’กวาดตามอง’หลงหยู’ทั้งด้านบนและล่างก่อนจะพูดว่า

“เจ้าไม่ได้เข้าร่วมในงานเลี้ยงที่คฤหาสต์เจ้าเมืองอย่างนั้นหรือ? ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเลยแม้แต่น้อย”

ในวันนั้น’หลงหยู่’รู้สึกไม่ค่อยสบายดังนั้นเขาจึงไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่ทว่า’เนี้ยหลี่’กลับสามารถเข้าร่วมในงานเลี้ยงของคฤหาสต์เจ้าเมืองได้ นี่แสดงให้เห็นว่าเขานั้นไม่สามัญธรรมดา

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าเป็นคนของตระกูลไหนรึ?”

‘หลงหยู’ยังคงถามหยั่งเชิง ในขณะเดียวกันก็รักษาท่าทีเย่อหยิ่งของตัวเองเอาไว้

“เจ้ายังไม่คู่ควรที่จะรู้ ใครที่เจ้าคบค้าสมาคมอยู่ด้วยล่ะ?เอียฮ่องรึ? เสิ่นเฟยรึ? หรือว่า เฉินหลี่เจี้ยน?”

‘เนี้ยหลี่’ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ขนกายทั่วร่าง’หลงหยู’ลุกชูชันขึ้น ที่’เนี้ยหลี่’เอ่ยชื่อขึ้นมาเป็นสามผู้ยิ่งใหญ่ของชั้นเรียนอัจฉริยะ ‘เสิ่นเฟย’ กับ ‘เฉินหลี่เจี่ยน’ล้วนมาจากตระกูลศักดิ์สิทธิกับตระกูลสวรรค์ สำหรับ’เอียฮ่อง’เขานั้นมาจากตระกูลวายุเหมันต์ อีกอย่างหนึ่งก็คือเขาเป็นญาติผู้พี่ของ’เอียจื่อหวิน’ เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะไม่เข้าไปตอแยบุคคลทั้งสาม ด้วยสถานะภาพปัจจุบันของเขาย่อมไม่มีทางที่จะดึงดูดความสนใจจากพวกเขาได้

‘หลงหยู’พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า

“ข้าคบหาอยู่กับกับนายน้อยเฉินหลี่เจี่ยน”

“ไม่เลว เจ้ามองการไกลเหมือนกันนี่”

‘เนี้ยหลี่’พูดขณะตบที่ไหล่ของหลงหยูเบาๆ

“ครั้งต่อไปหากข้าเจอกับนายน้อยเฉิน ข้าจะพูดถึงเจ้าแล้วกัน”

หลังจากพูดจบ’เนี้ยหลี่’ก็เดินเนิบนาบจากไป

หลังจากเขาถูก’เนี้ยหลี่’ขู่ขวัญ ‘หลงหยู’กลับกลายเป็นชะงักงัน เขาพยายามจดจำเจ้าเด็กจองหองนี้อย่างระมัดระวัง

ในชั่วขณะหนึ่ง’หลงหยู’กลายเป็นเกรี้ยวกราดจะไล่กวดตามไป ชายหนุ่มผอมแห้งก็เข้ามากระซิบที่ข้างหูของหลงชาว่า

“นายน้อยเป็นไปได้ว่าชายคนนี้จะเป็นเนี้ยหลี่ที่สังหารปีศาจโลกันต์นั่น ข้าได้ยินมาจากคนอื่นๆว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนที่หยิ่งผยองมาก ล่าสุดนี้เขายังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิตเหตุการณ์หนึ่งภายในงานจัดเลี้ยงของคฤหาสต์เจ้าเมืองและไล่เสิ่นเฟยออกจากงานเลี้ยงต่อหน้าผู้นำตระกูลศักดิ์สิทธิ ในตอนท้ายเสิ่นเฟยยังคงทำตามคำสั่งและจากไป”

หลังจากที่เขาได้ฟังชายหนุ่มผู้นี้กล่าว’หลงหยู’รู้สึกว่าสันหลังของตนเองเย็นวาบขึ้น โชคดีที่เขาไม่ได้แสดงความโกรธออกมา ชายหนุ่มผู้นี้กล้าที่จะแสดงความอหังการภายในงานเลี้ยงของคฤหาสต์เจ้าเมือง โดยการตบที่หน้าของนายน้อย’เสิ่น’ ถ้าหากว่าเขาไล่ตามไปก็คงจะเป็นเช่นเดียวกับเดินเข้าหาความตายไม่ใช่รึ? นับว่าเป็นเรื่องดีที่เขาไม่ได้คบค้าสมาคมกับ’เสิ่นเฟย’ มิฉะนั้นผลที่ตามมาคงประเมินไม่ได้

‘หลงหยู’ส่ายหัว ในอนาคตการไม่ไปตอแยเรื่องราวกับบุคคลดังกล่าวจะเป็นการดีที่สุด ‘หลงหยู’ไม่กล้าแม้แต่จะคิดที่เข้าไปประจบประแจงเอาใจเขา เพียงระดับของเขาอาจจะไม่อยู่ในสายตาเลยก็เป็นได้

ภายในชั้นเรียนอัจฉริยะ’เนี้ยหลี่’นั่งอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างเงียบๆภายในชั้นเรียน มี’ลูเปียว’ ‘ตูซือ’ และส่วนที่เหลือนั่งอยู่ด้านข้าง’เนี้ยหลี่’จนกลายเป็นกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่ง

“เนี้ยหลี่ทำไมพวกเราจะต้องมาเข้าชั้นเรียนด้วยล่ะ?นี่มันไม่ได้น่าเบื่องั้นรึ?”

‘ลูเปียว’พูดขึ้นอย่างห่อเหี่ยวในขณะที่หนุนมือทั้งสองข้างเข้าที่ท้ายทอยของตัวเอง ด้วยการฝึกฝนปัจจุบันนี้พวกเขามีคุณสมบัติพอที่จะสามารถเข้าร่วมคณะสำรวจภายนอกเมืองกลอรี่ได้แล้ว

‘ตูซือ’เพียงยักไหล่เล็กน้อย ไม่เพียงแต่’ลูเปียว’ แม้กระทั่ง’ตูซือ’ก็ยังรู้สึกว่านี่มันน่าเบื่อนิดๆเช่นกัน

‘เนี้ยหลี่’ครุ่นคิดอย่างยาวนาน ถ้าหากไม่มีการคุกคามจากตระกูลศักดิ์สิทธิแล้วล่ะก็ มันจะต้องมีสถานที่มากมายที่เขาต้องการจะไป ถึงแม้ว่าตอนนี้ตระกูลศักดิ์สิทธิถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิด แต่’เนี้ยหลี่’ก็ยังไม่กล้าจะผลีผลามจนเกินไป ถ้าหากพวกเขาถูกจับได้โดยตระกูลศักดิ์สิทธิล่ะก็ ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้พวกเขายังไม่อาจตอบโต้กลับ

พวกเขาควรจะรีบพัฒนาความแข็งแกร่งไปที่ระดับโกลด์อย่างรวดเร็วเพื่อที่ว่าเมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับตระกูลศักดิ์สิทธิแล้ว พวกเขาจะได้มีความสามารถตอบโต้กลับไปได้

‘เนี้ยหลี่’จมลงไปในความคิดของตัวเองถึงสถานที่หนึ่งทันที ภายในเมืองกลอรี่ยังคงมีสถานที่หนึ่งมันเป็นสิ่งก่อสร้างโบราณ ผู้คนจำนวนมากไม่รู้ว่าสิ่งก่อสร้างนี้ไว้ใช้ทำอะไร

จนกระทั้งในวันหนึ่งท่าน’เอียมัวร์’ได้ออกมาประกาศว่า สิ่งก่อสร้างนั้นได้ถูกสร้างขึ้นจากผู้เชี่ยวชาญสูงสุดและยังคงมีความลับซุกซ่อนอยู่ด้านใน

หลังจากนั้นสมาคมทมิฬได้ทำการว่าจ้างมือสังหารจำนวนมาก แต่พวกมันกลับถูกสังหารโดยท่าน’เอียมัวร์’ จากนั้นพวกมันจึงได้แต่จับตามองสิ่งก่อสร้างที่ว่านั้น ‘เนี้ยหลี่’สงสัยว่าสิ่งก่อสร้างนั้นจะเกี่ยวข้องกับการสูญสิ้นของเมืองกลอรี่หรือไม่?

ซากโบราณสถานนั้นอยู่ใกล้กับคฤหาสต์เจ้าเมืองมาก จนกระทั่งตอนนี้มันสมควรที่จะปลอดภัย ถึงแม้ว่าตระกูลศักดิ์สิทธิจะหยิ่งผยองถึงเพียงไหนพวกมันก็คงจะไม่กล้าผลีผลามกระทำการใกล้กับคฤหาสต์เจ้าเมืองเป็นแน่!

ณ เวลานั้น ‘เนี้ยหลี่’ก็ได้ตัดสินใจถึงเป้าหมายของเขา

‘เนี้ยหลี่’มองไปยังพรรคพวก ก่อนจะยิ้มบางกล่าวว่า

“พวกเราเตรียมตัวให้พร้อมไว้ อีกไม่นานเราจะไปกัน”

ข่าวที่ว่าเขาได้กลับไปยังสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ สมควรจะต้องใช้เวลาสักหลายวันกว่าก่อนที่ตระกูลศักดิ์สิทธิจะล่วงรู้ แล้วเนื่องจากเป้าหมายของเขาที่มาที่นี้ประสบผลสำเร็จ มันก็ได้เวลาที่พวกเขาจะจากไปแล้ว

ทันใดนั้นมีเสียงเบาๆดังขึ้น

“นั่นเซี่ยวหนิงเอ๋อ!”

เหล่าชายหนุ่มภายในชั้นเรียนต่างหันมองไปยังเด็กสาวบอบบางผู้หนึ่งที่เพิ่งมาภายในชั้นเรียน เห็นได้ชัดว่าในขณะหนึ่งทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่กับ’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ที่อยู่ในชุดเครื่องแบบฝึกซ้อมซึ่งเปิดเผยเรือนร่างที่ทรงเสน่ห์ของเธอ แล้วด้วยความเย็นชาของเธอได้ส่งผลให้คนอื่นๆหัวใจเต็นระรัวด้วยความรุนแรงเลยทีเดียว

นี่คือเด็กผู้หญิงที่เป็นที่ต้องการและชื่นชมจากคนอื่นๆมากมายนับไม่ถ้วน

เมื่อครั้งที่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ยังคงอยู่ภายในชั้นเรียนนักรบฝึกหัด เธอได้กลายเป็นหัวข้อพูดคุยที่พบได้บ่อยในหมู่นักเรียนชั้นเรียนอัจฉริยะ พวกเขาทุกคนล้วนมองว่าเมื่อไรจะถึงเวลาที่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’จะได้ย้ายมาที่ชั้นเรียนอัจฉริยะกัน และในตอนนี้ความปรารถนาของพวกเขาก็ได้รับการเติมเต็ม

เว้นเสียแต่ว่าการแสดงออกที่เย็นชาและห่างเหิน ทำให้คนอื่นไม่สามารถที่จะใกล้ชิดกับเธอได้ นั้นทำให้เธอดูเหมือนกับเทพธิดาที่สง่างามจนผู้อื่นไม่กล้าที่จะทำให้เธอนั้นแปดเปื้อน

พวกเขาทั้งหมดล้วนรู้สึกละเหี่ยภายในหัวใจ และรู้สึกมวลหัวของตัวเอง ทั้งหมดทั้งมวลแล้วไม่มีแม้เพียงสักคนที่กล้าเข้าไปพูดคุยกับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’

‘เซี่ยวหนิ่งเอ๋อ’ได้กวาดสายตาไปทั่วชั้นเรียนจนไปจบที่’เนี้ยหลี่’ ประกายหนาวเย็นบนดวงตาของเธอพลันแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนมากขึ้น ในขณะเดียวกันเธอก็เดินตรงเข้าไปยังทิศทางของ’เนี้ยหลี่’

‘เนี้ยหลี่’ได้โบกมือของเขาขึ้นทักทาย

“โอ้ หนิงเอ๋อ ทำไมเจ้ามาที่นี่ล่ะ?”

หลังจากได้ยินเสียงของ’เนี้ยหลี่’ รอยยิ้มอ่อนหวานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ และเธอก็เร่งฝีเท้าของเธอขึ้นทันที

หลังจากที่’เนี้ยหลี่’พูดจบ ทั้งชั้นเรียนก็ตกอยู่ในความเงียบงันโดยทันที สายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องมองมายัง’เนี้ยหลี่’โดยมิได้นัดหมาย

จิตสังหารหนาแน่นนี่มันคืออะไรกัน!

ถ้าหากว่าสายตาของพวกเขาสามารถฆ่าคนได้ล่ะก็ ร่างกายของ’เนี้ยหลี่’คงทะลุพรุนไปทั้งร่างเป็นแน่

‘เนี้ยหลี่’ถูจมูกของตนเอง หลังจากที่มายังชั้นเรียนอัจฉริยะนี้ รายละเอียดเกี่ยวกับตัวของเขามีน้อยมาก อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวของเขาจะดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากมายเพียงนี้

อันที่จริงแล้วผู้ที่มีความสามารถล้วนแล้วแต่จะดึงดูดความสนใจของผู้อื่นกันทั้งนั้น

จบตอน…

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments