I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 135 ข่ายอาคมจิตวิญญาณหมื่นปี

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 6325 | 2427 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เมื่อตกเป็นเป้าสายตา ‘เซี่ยวเสวีย’ก็เกิดอาการอายขึ้นมา เธอลดมือลงจากการเท้าเอว ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงอาการอายอย่างเห็นได้ชัด ด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนี้ถึงกับทำให้คนอื่นๆ ตกตะลึง

“ยินได้ที่ได้รู้จัก ข้าคือคู่หมั้นของลู่เพรียว ตัวข้านั้นมีชื่อว่าเซี่ยวเสวีย”

ถ้าไม่ได้พบเห็นท่าทีก่อนหน้าของ’เซี่ยวเสวีย’ ‘เนี่ยหลี’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘ตู่ซื่อ’และคนอื่นคงต้องเชื่อเป็นอย่างแน่นอนว่าเธอนั้นเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนและงดงาม

“แค่ก แค่ก”

‘เนี่ยหลี’กระแอมเล็กน้อยต่อท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของเธอ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘ลู่เพรียว’และคนอื่นๆ ต่างก็มองหน้ากัน
‘เซี่ยวเสวีย’ได้ยกริมฝีปากขึ้น เผยรอยยิ้มอันน่ารักและเดินไปอยู่เคียงข้าง’ลู่เพรียว’ เธอคล้องแขน’ลู่เพรียว’ไว้และกล่าวว่า

“ขอบคุณมากนะที่ดูแลลู่เพรียว ข้าหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะยังคงดูแลเขาเหมือนที่เคยเป็นนะ”

“แน่นอน แน่นอน”

‘ตู่ซื่อ’และคนอื่นๆต่างก็รีบพยักหน้าตอบรับ

ในขณะนี้เอง’ลู่เพรียว’ถึงมองอย่างตื่นตะลึงไปยัง’เซี่ยวเสวีย’ ในคราแรกเขาคิดว่า’เซี่ยวเสวีย’มาเพื่อที่จะทำร้ายเขา เขานั้นไม่เคยคาดคิดเลยว่า’เซี่ยวเสวีย’จะอ่อนโยนกะทันหันเช่นนี้ นี่มันเปรียบเสมือนพลิกฟ้ามาเป็นเหวชัดๆ

‘เซี่ยวเสวีย’จ้องมองด้วยสายตาน่ากลัวไปยัง’ลู่เพรียว’ เสียงของเธอเบามากแต่ก็หนักแน่นพอที่จะได้ยิน

“เพราะตอนนี้เพื่อนของเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าถึงได้ยอมผ่อนปรนให้หรอกนะ ไว้ข้าจะคิดบัญชีหลังจากพวกเรากลับไปแล้ว”

หลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนกลับไปมีท่าทีน่ารักอีกครั้งพร้อมหันไปพูดกับพวก’เนี่ยหลี’ว่า

“ขออภัยแทนลู่เพรียวด้วย เขาคงมักจะก่อปัญหาให้พวกเจ้าบ่อยๆสินะ”

“ใช่”

‘ตู่ซื่อ’พยักหน้าตอบรับอย่างจริงจัง

อะไรทำให้เจ้าตอบเธอไปแบบนั้น? เมื่อไหร่กันที่ข้าสร้างปัญหาให้พวกเจ้า? ‘ลู่เพรียว’ถึงกับแทบจะกระอักเลือด

‘เซี่ยวเสวีย’ถึงกับชะงัก ประโยคครึ่งหลังนั้นเธอเพียงแค่พูดไปตามมารยาทเท่านั้น เธอไม่คาดคิดเลยว่า’ตู่ซื่อ’จะพยักหน้ารับ เธอมองไปยัง’ลู่เพรียว’โดยสื่อสารทางสายตาได้ความว่า ‘แม้แต่เพื่อนเจ้าก็ไม่ไว้ใจเจ้างั้นรึ?’

ภายในใจของ’ตู่ซื่อ’นั้นแทบจะขำกลิ้ง แต่ก็ดีที่เขาหยุดตัวเองไม่ให้หัวเราะออกมาได้

สายตาจาก’เซี่ยวเสวีย’ถึงกับทำให้’ลู่เพรียว’เสียวสันหลัง ‘ตู่ซื่อ’นี่สร้างปัญหาให้ข้าจริงๆ เจ้านั่นทำแบบนี้ต้องมีอะไรอยู่ลึกๆแน่! เรื่องนี้ฝากไว้ก่อนเถอะ เจ้าจะต้องชดใช้ในภายหน้าแน่นอน

การมาของ’เซี่ยวเสวีย’ทำให้ทุกคนตกใจเล็กน้อย พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า’ลู่เพรียว’จะมีผู้หญิงเป็นตัวเป็นตน นอกจากนี้เธอยังน่ารักอีกด้วย ถึงจะน่ากลัวหน่อยๆก็เถอะ

เมื่อมองดูคู่นี้ทะเลาะกัน พวกเขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ‘เนี่ยหลี’หัวเราะเบาๆ จึงเอ่ยออกมา

“ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่เข้าสู่กลุ่มของเรา เอาละ ได้เวลาไปกันแล้ว”

“ไปที่ไหนเหรอ?”

‘เซี่ยวเสวีย’ถามออกไปอย่างมึนงง

“ตามเรามาแล้วเจ้าจะรู้เอง”

‘เนี่ยหลี’ยกยิ้มอย่างลึกลับ และเดินตรงไปยังข่ายอาคมโบราณ

เมื่อกลุ่มนี้เข้าไปในข่ายอาคมโบราณ ‘เซี่ยวเสวีย’จึงควงแขน’ลู่เพรียว’แล้วเดินตามเข้าไป ‘ลู่เพรียว’รู้สึกถึงบางอย่างที่นุ่มนิ่มได้จากสัมผัสที่แขนของเขา เขารู้สึกดีกับมันอยู่นิดหน่อย เขาต้องแกล้งทำตัวเป็นคนจริงจังและมุ่งมั่นในระหว่างที่เขาตกอยู่ภายใต้การคุกคามของ’เซี่ยวเสวีย’ นั่นทำให้ท่าเดินของเขาดูเก้ๆกังๆ นี่มันคือความสุขบนความอันตรายชัดๆ

ในขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปยังข่ายอาคมโบราณ ทุกคนต่างก็รู้สึกได้ถึงการบิดเบือนของพื้นที่ ‘เนียหลี’ถึงกับตกใจเล็กน้อย แต่ก็เก็บซ่อนความรู้สึกไว้ได้ ‘ข่ายอาคมจิตวิญญาณหมื่นปี ข้าไม่เคยคิดเลยว่าในประวัติศาสตร์อันยาวนานของพวกเราจะมีใครบางคนที่มีความสามารถพอที่จะครอบครองข่ายอาคมลึกลับนี้ได้’

ในชีวิตที่แล้ว ‘เนี่ยหลี’ได้พบรายละเอียดอันคลุมเครือของข่ายอาคมจิตวิญญาณหมื่นปี เวลาและความว่างเปล่ามันเป็นความลึกลับทางธรรมชาติของโลกนี้ สิ่งมีชีวิตที่สามารถเข้าใจทั้งเวลาและความว่างเปล่าได้นั้นมีน้อยยิ่งนัก นอกจากนี้ยังมีเรื่องลึกลับทางธรรมชาติมากมายที่ไม่ได้รับสืบทอดความรู้ต่อกันมา

ในขณะที่’เนี่ยหลี’ก้าวเข้าสู่ข่ายอาคมจิตวิญญาณหมื่นปี เขาสัมผัสได้เล็กน้อยถึงเศษหน้าหนังสือจิตอสูรท่องเวลาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ มันปรากฏเสียงดัง ‘หึ่ง หึ่ง’ แล้วก็บังเกิดแสงสว่างขึ้น คลื่นพลังงานลึกลับหมุนวนเวียอยู่โดยรอบของเศษหน้าหนังสือนั่น มันเหมือนเกิดบางอย่างที่สะท้อนกับข่ายอาคมจิตวิญญาณหมื่นปี

‘เนี่ยหลี’ถึงกับตื่นเต้น ไม่ว่าจะชีวิตก่อนหน้านี้หรือชีวิตนี้โชคชะตาก็นำพาเขามาข้องเกี่ยวกับหนังสือจิตอสูรท่องเวลา แม้ว่าเขาจะใกล้ชิดกับมันแต่’เนี่ยหลี’เองก็มีความเข้าใจกับหนังสือจิตอสูรท่องเวลาเพียงน้อยนิดเท่านั้น มันยังคงเป็นปริศนาจนถึงตอนนี้
บางทีข่ายอาคมจิตวิญญาณหมื่นปีอาจเป็นกุญแจที่นำไปสู่ชิ้นส่วนของหนังสือจิตอสูรท่องเวลา

เมื่อ’เนี่ยหลี’มุ่งหน้าไป เขาสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของม่านพลังอันเกรี้ยวกราดด้านหน้า ในที่สุดเขาก็มาถึงรอยต่อของม่านพลัง พื้นผิวของม่านพลังนั้นดูนุ่มนวลเปรียบเสมือนผ้าไหมชั้นดี เมื่อ’เนี่ยหลี’ยื่นแขนออกไปทดสอบก็ถูกสะท้อนออกมาโดยม่านพลัง
‘ลู่เพรียว’พึมพำว่า

“มันเป็นชั้นของม่านพลัง ข้าจำได้เมื่อตอนที่ยังเด็ก ข้ามาที่นี่เพื่อที่จะพยายามทำลายม่านพลัง ขาใช้ขวานจามเข้าใส่ ท้ายที่สุดขวานนั้นก็ถูกสะท้อนจนกระเด็นหลุดมือไปโดนหมวกของเด็กที่อยู่ไกลออกไป เจ้าเด็กนั่นกลัวจนฉี่ราดเลยล่ะ หลังจากนั้นเจ้าเด็กนั่นก็ไปฟ้องพ่อของมัน จนข้าต้องถูกพ่อของข้าทำโทษ”

‘ตู่ซื่อ’และคนอื่นไม่อาจสามารถกลั้นเสียงหัวเราะได้ เรื่องพวกนี้สมกับเป็น’ลู่เพรียว’จริงๆ โชคดีนะที่ขวานนั่นโดนแค่หมวกไม่ใช่หัว ไม่อย่างนั้น’ลู่เพรียว’คงไม่แค่โดนทำโทษแน่นอน

อะไรทำให้เจ้ากล้าพูดเรื่องน่าอายเช่นนี้? ‘เซี่ยวเสวีย’หยิกที่เอวของลู่เพรียว ทำให้เขาแสดงสีหน้าเหยเกออกมา

‘ลู่เพรียว’พูดต่อ

“เนี่ยหลี อย่าใช้อาวุธใดๆ โจมตีมันล่ะ”

เขาต้องบอกก่อน ถ้า’เนี่ยหลี’เผลอทำขึ้นมา นั่นหมายถึงอาจเกิดหายนะขึ้นที่นี่ได้

‘เนี่ยหลี’ยิ้มและพูดออกมาว่า

“นี่เป็นม่านพลังดั้งเดิมตั้งแต่สมัยอาณาจักรพฤกษา มันใช้หินแสงสว่างยี่สิบสามก้อนในการทำงาน เมื่อมันเริ่มทำงาน แม้แต่การรวมพลังโจมตีของระดับชั้นตำนานมากกว่าสิบคนก็ไม่อาจคาดฝันได้ว่าจะทำลายมันได้ ไม่ต้องกล่าวถึงอาวุธเลยถ้าหากอาวุธนั้นไม่ได้อยู่ระดับชั้นตำนาน”

ม่านพลังดั้งเดิม? หินแห่งแสงสว่าง?

ทุกคนถึงกับตื่นตกใจเมื่อได้ยิน ถึงพวกเขาไม่อาจเข้าใจ แต่ก็รับรู้ได้ว่ามันต้องเป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก พวกเขาทุกคนมองไปยัง’ลู่เพรียว’ด้วยสายตาแปลกประหลาด การรวมพลังของระดับชั้นตำนานสิบคนไม่อาจทำลายม่านพลังนี้ได้ แต่เจ้าก็ยังลองใช้ขวานจามมันดูงั้นรึ?

“เฮ้ เฮ้ ทำไมพวกเจ้าต้องมองข้าด้วยสายตาแบบนั้นด้วย ตอนนั้นข้ายังเป็นเด็กนะ ข้าจะรู้ได้ไงว่ามันคืออะไร?”

‘ลู่เพรียว’รู้สึกหดหู่

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เม้มปากและกล่าวอย่างยิ้มๆ ว่า

“เนี่ยหลี เจ้ามีวิธีที่จะเปิดม่านพลังนี้ใช่ไหม?”

“ก็ใช่ ข้ามีวิธีที่จะทำลายมัน อย่างไรก็ตามข้าต้องการเวลานิดหน่อยในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับมัน พวกเจ้าไปพักก่อนเถอะ”

หลังจากที่พูด ‘เนี่ยหลี’ก็เริ่มต้นสำรวจข่ายอาคมโบราณทันที

ทุกคนต่างอยากรู้อยากเห็นจึงเดินสำรวจโดยรอบสถานที่แห่งนี้ ที่แห่งนี้มีสถาปัตยกรรมหลายรูปแบบ แถมยังมีรูปแบบจารึกที่ลึกลับที่กำลังเปล่งแสงออกมาอีก มันทำให้ดูลึกลับมากยิ่งขึ้น

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ยืนดู’เนี่ยหลี’อย่างตั้งใจจากระยะไกลอยู่เงียบๆ ดวงตาของเธอเปล่งประกายออกมาเมื่อจ้องมองไปยังเขา มันเป็นอะไรทำให้เธอรู้สึกดีเป็นอย่างมาก

‘เซี่ยวเสวีย’เริ่มที่จะทำความรู้จักเธอ

“เธอคือเซี่ยวหนิงเอ๋อ?”

“ใช่”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ตอบพร้อมยิ้มน้อยๆ

“เจ้าน่ารักมาก ที่สถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ข้าได้ยินเรื่องมากมายเกี่ยวกับเจ้า เช่นเรื่องความงดงามอันเลื่องลือ”

‘เซี่ยวเสวีย’พูดพร้อมหัวเราะนิดๆ

“เธอก็พูดเกินไป”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’หน้าแดงเล็กน้อย ‘เซี่ยวเสวีย’เหลือตามองไปยัง’ลู่เพรียว’ ‘ตู่ซื่อ’ และคนอื่นๆจึงยิ้มเล็กน้อยและพูดต่อ

“ข้าแค่แปลกใจนิดหน่อยที่เจ้าอยู่รวมกลุ่มกับเจ้าพวกนี้”

จากสิ่งที่เธอได้ยินมา เธอเชื่อว่า’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เป็นบุคคลที่เย็นชา ในสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์เธอไม่มีเพื่อนแม้สักคน เธอเพียงแค่มีชื่อเสียงด้านความงดงามประดุจน้ำแข็ง

เมื่อไหร่กันนะที่มันเปลี่ยนไป?

น่าจะเริ่มต้นจากลานฝึกละมั้ง

แม้แต่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เองก็ตกใจเช่นกันที่เธอเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ จากวันที่เธอต่อสู้กับความเจ็บปวดของโรคนั่น ได้มีคนหนึ่งคนทำให้ชีวิตของเธอนั้นมีสีสันขึ้นมา จากวันนั้นเธอก็มุ่งแต่ที่จะเข้าหา’เนี่ยหลี’ เขานั้นเป็นคนที่อยู่ในใจเธอเสมอมา เขาทั้งมอบความมั่นใจ อิสรภาพ และศักดิ์ศรีให้แก่เธอ อีกทั้งยังทำให้เธอได้มีเพื่อนอีกมากมาย

คนผู้นี้ เป็นคนที่ไม่อาจหาใครมาแทนที่ได้

เมื่อ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ไม่ได้ตอบอะไรออกมา และเธอยังดูเหมือนจมไปกับความคิดอะไรบางอย่าง ‘เซี่ยวเสวีย’จึงกระแอมขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้

“ขอโทษ ข้าแค่ฝันกลางวันน่ะ”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’กล่าวขอโทษ

‘เซี่ยวเสวีย’ยิ้มและพูดว่า

“ไม่เป็นไร”

เธอไม่ใช่คนที่น่ารักมากนัก เธอไม่อาจรู้ได้ว่า’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’คิดอะไรอยู่ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’มองไปที่’ลู่เพรียว’ที่อยู่ห่างออกไปแล้วจึงมองย้อนกลับมาที่’เซี่ยวเสวีย’และกล่าวว่า

“ลู่เพรียวเป็นคนที่น่าสนใจมาก ถึงแม้เขาจะดูขี้เล่นไปหน่อยแต่เขาก็เป็นคนดีและจริงใจกับเพื่อน”

ได้ยิน’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’พูดถึง’ลู่เพรียว’ แก้มของ’เซี่ยวเสวีย’ก็แดงออกมา ก่อนหน้าที่เธอจะกล้าประกาศสถานะคู่หมั้นของเธอกับ’ลู่เพรียว’ ‘เซี่ยวเสวีย’แทบไม่อยากมองหน้า’ลู่เพรียว’ด้วยซ้ำ เขานั้นแทบไม่เคยคิดถึงวันข้างหน้าของเขากับเธอเลย

เมื่อก่อน พวกผู้ใหญ่ในตระกูลเซี่ยวต่างก็ไม่ยอมรับความรักของ’ลู่เพรียว’และ’เซี่ยวเสวีย’ ‘เซี่ยวเสวีย’นั้นไม่อาจทำอะไรได้มาก แม้ว่าเธอจะชอบ’ลู่เพรียว’มากก็ตาม เธอทำได้แค่ก้มหน้ายอมรับการตัดสินใจของตระกูล แต่ว่าเมื่อไม่นานมานี้ผู้ใหญ่ในตระกูลเซี่ยวก็ไม่ได้ปฏิเสธ’ลู่เพรียว’อีกต่อไป ทั้งยังแนะนำให้’เซี่ยวเสวีย’คบหากับเขาด้วยซ้ำ

มันคงไม่เป็นเช่นนี้ถ้าเธอพบว่า’ลู่เพรียว’นั้นมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา การบ่มเพาะพลังของเขานั้นไปถึงระดับเงินแล้ว มันไม่น่าแปลกใจเลยที่ตระกูลของเธอจะอยากให้เธอใกล้ชิดกับเพื่อสานสัมพันธ์ ‘เซี่ยวเสวีย’ไม่ชอบพวกผู้ใหญ่ในตระกูล เธอเพียงแค่ต้องการอยู่กับ’ลู่เพรียว’ เธอไม่เคยคาดหวังเกี่ยวกับการบ่มเพาะพลังของ’ลู่เพรียว’ ต่อให้’ลู่เพรียว’เป็นคนที่เหลวไหลเธอก็ไม่สน

อย่างไรก็ตาม เพราะ’ลู่เพรียว’เป็นคนที่มีความสามารถ นั่นจึงทำให้เธอมีความสุขมาก แต่ที่’ลู่เพรียว’จะพยายามหลบหน้า’เซี่ยวเสวีย’มันทำให้เธอรู้สึกหดหู่มาก

“ฉันชอบความกล้าของเธอนะ เพราะเธอกล้าที่จะว่าเธอนั้นชอบใคร”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เม้มปากยิ้มออกมาและเสมองไปที่’เนี่ยหลี’และพูดออกมา

“ยินดีต้อนรับสู่กลุ่มนี้นะ”

“อื้ม”

‘เซี่ยวเสวีย’พยักหน้าตอบรับ เหตุผลที่เธอมาที่นี่ก็เพราะ’ลู่เพรียว’ ในเวลาเดียวกันเธอก็อยากรู้เรื่องราวของกลุ่มนี้ โดยเฉพาะ’เนี่ยหลี ‘เธอรู้สึกว่าเขานั้นเสมือนรู้ทุกสิ่งอย่างในโลกหล้า โดยเฉพาะการบ่มเพาะพลังที่เร็วเกินไปของลู่เพรียวนั้นต้องเกี่ยวข้องกับ’เนี่ยหลี’แน่ๆ

เป็นคนที่ลึกลับมาก นั่นคือคำนิยาม’เนี่ยหลี’ของ’เซี่ยวเสวีย’ อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาคือเพื่อนของ’ลู่เพรียว’ ‘เซี่ยวเสวีย’ก็เข้าใจ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘เนี่ยหลี’ และคนอื่นๆ ต่อหน้าเพื่อน’เซี่ยวเสวีย’ก็ยังไว้หน้า’ลู่เพรียว’อยู่บ้าง

ตัวเธอนั้นมีการแบ่งแยกอย่างชัดเจนระหว่างศัตรูและเพื่อน เพื่อนของ’ลู่เพรียว’ก็คือเพื่อนของเธอ

จบตอน…

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments