I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 136 อสูรยักษ์ดวงไฟทมิฬ

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 6159 | 2427 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘เซี่ยวเสวี’ยรีบหาเรื่องคุยกับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’อย่างรวดเร็ว

เมื่อครู่ ‘เนี่ยหลี’ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงข่ายอาคมโบราณนี้ ด้านข้างของข่ายอาคมโบราณนี้ มีเสาอยู่ถึงสิบหกที่ และทุกที่มีความสูงอยู่ราวหกเมตร ทุกเสาล้วนจารึกไว้ด้วยจารึกที่ลึกลับ ระหว่างรูปแบบของจารึกนั้นดูเหมือนว่ามันได้ถูกจัดเรียงเพื่อเชื่อมโยงไปถึงอะไรบางอย่าง

ในสมัยก่อนนั้นมีรูปแบบจารึกนับหมื่นถูกสืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น ทุกผู้คนต่างรู้ว่าจารึกแต่ละรูปแบบนั้นต่างก็มีพลังเฉพาะเป็นของตนเอง เมื่อรูปแบบจารึกอยู่รวมกันมันอาจเผยถึงบางสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้

ขอบเขตความรู้ของ’เนี่ยหลี’เรื่องจารึกพวกนี้ค่อนข้างคลุมเครือเป็นอย่างมาก เนื่องจากเพราะรูปแบบของข่ายอาคมโบราณหนึ่งแบบนั้นมีปริมาณข้อมูลที่มากมายมหาศาล อย่างไรก็ตามเมื่อชาติก่อนท่าน’เอียมัว’ได้แก้ปัญหาเกี่ยวกับข่ายอาคมโบราณนี้ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะ’เนี่ยหลี’เข้าใจรูปแบบจารึก เขาก็ไม่มีทางที่แก้ปัญหาข่ายคมโบราณนี้ได้

‘เนี่ยหลี’เดินไปยังเสาต้นหนึ่ง เขาค่อยๆ สัมผัสรูปแบบจารึกด้วยมือขวาและนิ่งอยู่เช่นนั้นชั่วครู่ตรงจุดที่จารึกนูนออกมา เขาได้ถ่ายเทพลังวิญญาณลงไปเพียงเล็กน้อย

ทันใดนั้นจารึกนั่นก็ได้แตกออกและปรากฏประกายแสงขึ้น

ที่นี่เอง!

‘เนี่ยหลี’ตื่นเต้นเล็กน้อย เขาได้พบหนึ่งในสิบหกรูปแบบจารึกเพื่อที่จะแก้ปัญหาม่านพลัง แสงบนรอยจารึกค่อย ๆ มารวมตัวกัน ณ จุด จุดหนึ่ง และได้ยิงออกไปที่ม่านพลัง ม่านพลังมีการสั่นสะท้านเล็กน้อย

“เกิดอะไรขึ้น!”

ทุกคนต่างตกใจพอควรเมื่อเห็นว่ามีแสงเปล่งออกมาจากรอยจารึก พวกเขาหันไปมอง’เนี่ยหลี’ทันที

พวกเขาต่างคาดหวังว่า’เนี่ยหลี’นั้นจะสามารถเปิดผนึกม่านพลังนี้ได้ พวกเขาโตมากับเมืองกลอรี่แห่งนี้ ผู้คนมากมายต่างเคยมาที่นี่ แต่ว่าไม่เคยมีใครฝ่าม่านพลังเข้าไปดูด้านในได้มาก่อน

‘เนี่ยหลี’ยกยิ้มแล้วถอนมือของเขาออก จากนั้นก็เคลื่อนตัวไปยังเสาแท่งที่สอง

รูปแบบจารึกที่สองได้ถูกพบโดย’เนี่ยหลี’

จากนั้นรูปแบบจารึกที่สอง ที่สาม ที่สี่ และที่ห้าเองก็ถูกค้นพบ

รูปแบบจารึกแต่ละอันล้วนสว่างขึ้นหลังจากที่ปล่อยลำแสงไปกระทบม่านพลัง และเมื่อลำแสงสุดท้ายตกกระทบที่ม่านพลัง มันได้เกิดประกายแสงลึกลับส่องสว่างขึ้นราวกับหมู่ดาราอันไม่รู้จบ

“มา พวกเราจะเข้าไปข้างใน”

‘เนี่ยหลี’เอ่ยเรียกเพื่อน ๆ ขณะที่เขาพูดอยู่ ม่านพลังก็ค่อยๆ จางหายไป

‘เนี่ยหลี’เดินฝ่าม่านพลังเข้าไปเป็นคนแรก โดยมี’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘ลู่เพรียว’ ‘ตู่ซื่อ’และคนอื่นๆ ตามติดเข้าไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งหมดแปดคนได้ผ่านเข้าไปยังด้านในม่านพลัง

ครู่ต่อมา ม่านพลังได้ฟื้นตัวและเกิดแสงปกคลุมขึ้นอีกครั้ง
นี่มันเหมือนกับว่าพวกเขาได้เข้ามาสู่พื้นที่ว่างเปล่าอันไร้จุดจบ

วูบ! วูบ! วูบ!

ประกายแสงได้ปรากฏรอบตัวพวกเขาเมื่อเข้าสู่ใจกลางของข่ายอาคมโบราณ ดูเหมือนว่าใจกลางแห่งนี้จะเป็นข่ายอาคมเคลื่อนย้าย ตอนนี้รอบด้านปรากฏเสาหินและเสาแกะสลักรูปแบบจารึกลึกลับ
สายฝนอันเยือกเย็นต่างพร่างพรายลงสู่พื้น ด้านหน้าของพวกเขาปรากฏป่ามืดทึบที่ดูไร้ที่สิ้นสุด ภูเขาที่อยู่ห่างออกไปแทบจะมองเห็นได้อย่างเลือนลาง ด้านบนก็เป็นท้องฟ้าที่ดูไร้จุดจบ
มีเสียงของสัตว์อสูรเบาบางอยู่ในระยะไกลออกไป

“พวกเราอยู่ที่ไหนกัน?”

‘ลู่เพรียว’และคนอื่นๆตกใจเอ่ยถามออกมา เมื่อครู่พวกเขายังอยู่ในเมืองกลอรี่ ทำไมพวกเขาถึงมายังสถานที่แห่งนี้ได้ในชั่วพริบตา
พวกเขาไม่เคยนึกฝันเลยว่าจะมีสถานที่เปรียบดั่งโลกลึกลับอยู่ด้านในม่านพลัง

“ที่นี่ดูคล้ายคลึงกับเขตแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่น่าจะถูกสร้างโดยผู้เชี่ยวชาญระดับสูงมาก”

‘เนี่ยหลี’ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วได้ตอบออกมา

มองสำรวจไปที่หินอาคม เขารู้สึกได้ว่ามันช่างมัวหมองและไม่มีแม้ประกายใด ๆ มีหินหลายอันที่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างอยู่ข้างใน แต่พอสำรวจดูก็พบว่ามันว่างเปล่า

พวกนี้น่าจะเป็นหินแห่งแสง พวกเขาได้ออกค้นหาหินแห่งแสงและพยายามวางมันกลับที่เดิมตามลำดับเพื่อที่จะได้ส่งพวกเขากลับ

กี้ กี้

ทันใดนั้นได้ปรากฏลิงตัวหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไป มันไม่มีขนบนตัวซักเส้น ผิวก็เป็นสีแดง พร้อมด้วยหูที่มีลักษณะแหลม มืแขนที่สั้นแต่กรงเล็บเรียวยาว ดวงตาของมันปูดโปนออกมาเหมือนอัญมณีสีน้ำเงินที่เปล่งแสงออกมาอย่างเลือนราง
เจ้าลิงนั่นมองไปยัง’เนี่ยหลี’และตะโกนว่า

“กี้ กี้!”

จากนั้นชั่วครู่ก็ปรากฏลิงลักษณะเดียวกันออกมาเพิ่มอีกหลายตัวจ้องมองไปพวก’เนี่ยหลี’

เห็นดังนี้ แทบทันทีทันใด’เนี่ยหลี’รู้สึกยุ่งยากขึ้นมาทันใด

“พวกนี้มันคือภูตโลหิต พวกเราหนีเร็ว”

“อะไรคือภูตโลหิต?”

ทุกคนถึงกับมึนงงชั่วครู่ อย่างไรก็ตามพวกเขาเห็น’เนี่ยหลี’กระวนกระวายก็แทบจะทราบได้ทันทีว่าเป็นต้องอันตรายต่อพวกเขาเป็นแน่

วูบ, วูบ, วูบ! ทุกคนต่างตามติดด้านหลัง’เนี่ยหลี’

“กูจิ กูจิ!”

พวกภูตโลหิตแทบคลั่ง พวกมันตะโกนอย่างบ้าคลั่งและตามล่ากลุ่มของ’เนี่ยหลี’

ภูตโลหิตมีระดับเพียงแค่เงิน มันได้ชื่อนี้มาเพราะรูปล่างอันอัปลักษณ์ของมัน คาดว่าภูตโลหิตมีระดับเพียงแค่หนึ่งดาวเงิน สิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกับภูตโลหิตนั้นมักอยู่อาศัยด้วยกันเป็นจำนวนมาก ภูตโลหิตตัวก่อนหน้าได้เรียกพวกของมันมาเพิ่ม ถ้าพวก’เนี่ยหลี’ก้าวช้าไปเพียงก้าวเดียวพวกเขาคงถูกล้อมด้วยฝูงภูตโลหิตนับร้อยหรือนับพันเป็นแน่ ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่พวกเขาไม่อาจต่อกรได้

“กุจิ๊ กุจิ๊”

จากนั้นเหล่าภูตโลหิตก็กระโจนออกมาจากพงหญ้าเพื่อตามล่ากลุ่ม’เนี่ยหลี’

‘เนี่ยหลี’คำรามในลำคอพร้อมผสานร่างกับจิตภูตอสูรเงา มือทั้งสองข้างเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปเป็นเคียวกระดูกที่แหลมคม

ทันใดนั้นเองก็เกิดบ่อโลหิตรอบบริเวณ

ภูตโลหิตสองตัวถูกกำจัดโดย’เนี่ยหลี’

เมื่อคนอื่นเริ่มที่จะพยายามผสานร่างเข้ากับจิตอสูร ‘เนี่ยหลี’ได้ตะโกนลั่น

“อย่าเพิ่งรวมร่าง วิ่งต่อไป! ให้ข้าจัดการพวกที่เหลือเอง!”

ถ้าคนอื่นๆ ผสานร่างเข้ากับจิตอสูร พวกเขาจะต้องถูกเห็นโดยง่ายและดึงดูดพวกภูตโลหิตมาที่นี่เพิ่มอีกแน่ เพียงแค่’เนี่ยหลี’คนเดียวที่รวมร่างกับจิตภูตอสูรเงา ทุกคนต่างเชื่อมั่นในตัว’เนี่ยหลี’ เมื่อพวกเขาได้ฟังดังนั้นจึงยุติการรวมร่างและออกวิ่งต่อ

ครี๊ก ครี๊ก

เสียงกรีดร้องที่ดูต่างออกไปเข้ามาใกล้พวกภูตโลหิตที่โดนสังหารโดย’เนี่ยหลี’ เคียวกระดูกของ’เนี่ยหลี’นั้นเสมือนมีดหั่นเนื้อ ในยามที่เขาลงมือสังหารภูตโลหิตนั้น การเคลื่อนไหวของเราพริ้วไหวดั่งสายน้ำ และทุกครั้งที่โจมตีก็สามารถสังหารได้ในดาบเดียว

ความเร็วในการลงมือสังหารอันน่าหวาดหวั่นนี้สร้างความตื่นตะลึงให้แก่พวก’ตูซื่อ’ ‘ลู่เพรียว’และคนอื่นๆ

ภูตโลหิตพวกนี้มีระดับหนึ่งดาวเงิน พวกมันยังไม่ทันทำอะไรก็ถูก’เนี่ยหลี’สังหารไปเรียบร้อยแล้ว

ณ ที่นี้ถึงแม้ว่าระดับห้าดาวเงินอย่าง’ตู่ซื่อ’ ‘ลู่เพรียว’และคนอื่นต่างก็ตระหนักได้ดีว่าหากต่อสู้จริงๆ พวกเขานั้นล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ’เนี่ยหลี’ ต่อให้พวกเขาใช้แผนรวมกลุ่มกันสู้ก็ตาม

ในขณะที่กลุ่มเคลื่อนที่ไปด้านหน้า พวกภูตโลหิตก็พยายามที่จะตามล่าและคำรามอย่างต่อเนื่อง พวกมันมีพวกมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และพยายามโจมตีกลุ่มของเนี่ยหลีอย่างต่อเนื่อง แต่ว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเคียวกระดูกของ’เนี่ยหลี’ พวกภูตโลหิตก็ได้แค่พยายามที่จะโจมตีและพบจุดจบ

“เนี่ยหลี ทำยังไงดีล่ะ พวกภูตโลหิตดูเหมือนจะมากันไม่หยุดเลย”

‘ตู่ซื่อ’ถาม

คิ้วของ’เนี่ยหลี’ขมวดแน่น ถ้าพวกเขายังควิ่งต่อไปคงต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้แบบไม่สิ้นสุดแน่ แม้ว่าพวกเขานั้นจะแข็งแกร่งกว่า แต่เมื่อต้องพบกับกองทัพมหาศาลขนาดนี้มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกำจัดพวกมันทั้งหมด

“เนี่ยหลี ดูนั่น! แสงนั่น”

‘ลู่เพรียว’พูดอย่างแตกตื่น

ในที่ราบห่างออกไป มีดวงไฟขยับไปมาตามแรงลม แม้ว่าละอองฝนจะทำให้มันดูพร่ามัวไปบ้าง แต่แสงพวกนั้นไม่ได้มอดดับ

“มีบางคนอาศัยอยู่ที่นี่?”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’สับสนพร้อมขมวดคิ้ว

‘เนี่ยหลี’ก็รู้สึกสับสนเล็กน้อยเช่นกัน จะมีคนอาศัยอยู่ในที่แบบนี้? แต่ถ้าไม่แล้วแสงพวกนั้นมันอะไรกันล่ะ?
ทันใดนั้นเขาก็นึกออก ‘เนี่ยหลี’เข้าใจในทันทีว่ามันคืออะไรและพูดอย่างตื่นตระหนก

“มันคืออสูรยักษ์ดวงไฟทมิฬ!”

“อะไรคืออสูรยักษ์ดวงไฟทมิฬ?”

“อสูรยักษ์ดวงไฟทมิฬมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าพรั่นพรึง ที่หน้าผากของพวกมันมีโคมไฟแขวนอยู่เพื่อส่องสว่างล่อเหยื่อให้มาติดกับ เมื่อเหยื่อเข้าใกล้เพียงพอมันก็จะตะครุบเหยื่อเข้าปากและกลืนกินอย่างโหดเหี้ยม”

‘เนี่ยหลี’กล่าว

“ฟันของมันแหลมคมจนสามารถเคี้ยวหินให้แหลกได้ง่ายๆ มันเป็นสัตว์อสูรระดับทอง”

ได้ฟัง’เนี่ยหลี’อธิบาย ‘ตู่ซื่อ’ ‘ลู่เพรียว’และคนอื่นต่างก็หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าไฟนั่นจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวขนาดนั้น ถ้าพวกเขาขาดความระมัดระวังกว่านี้คงพบจุดจบอันน่าอนาถไปแล้ว สถานที่นี้มันบ้าอะไรกัน ทุกย่างก้าวนี่มันเดิมพันด้วยชีวิตชัดๆ!

‘เนี่ยหลี’ยังคงวิ่งต่อไป จำนวนของภูตโลหิตที่ตามไล่ล่าจากหลายพันก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นไปตามเวลาที่ผ่านไป

ถ้ายังเป็นแบบนี้ต้องแย่แน่ๆ เมื่อพวกเขาไม่อาจวิ่งต่อไปได้และต้องเผชิญหน้า เวลานั้นคือจุดจบพวกของเขา

“ข้ามีความคิดอย่างหนึ่ง พวกเราจะวิ่งตรงเข้าหาอสูรยักษ์ดวงไฟทมิฬ”

‘เนี่ยหลี’กล่าวอย่างเคร่งขรึม

“เมื่อกี้เจ้าไม่ได้พูดว่ามันเป็นสัตว์อสูรที่น่ากลัวหรอกเหรอ?”

“แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรที่น่ากลัว แต่ว่าอสูรยักษ์ดวงไฟทมิฬเคลื่อนไหวได้เชื่องช้า มันจะอันตรายถ้าเราเข้าใกล้มัน ในโลกนี้ผู้อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง ที่นี่มีภูตโลหิตจำนวนมาก ถ้ามีพวกอสูรยักษ์ดวงไฟทมิฬอาศัยอยู่จริงก็ง่ายแล้ว พวกอสูรยักษ์ดวงไฟทมิฬจะเปรียบเสมือนฝันร้ายของภูตโลหิตแน่นอน”

“ตกลง พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ถ้าพวกเราวิ่งต่อไปแบบนี้ก็ต้องถูกตามล่าจนกว่าจะตายโดยพวกภูตโลหิตแน่นอน”

‘ตู่ซื่อ’พยักหน้าอย่างเข้าใจ

ทั้งกลุ่มวิ่งโดยตรงไปยังที่อยู่ของพวกอสูรยักษ์ดวงไฟทมิฬ ระยะมองเห็นของดวงไฟใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พวกเขาห่างจากมันเพียงแค่ระยะร้อยเมตร ณ ตอนนี้มองเห็นแค่มันเป็นเพียงดวงไฟธรรมดาที่ลอยอยู่ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

“ระวังตัวด้วย อสูรยักษ์ดวงไฟทมิฬมันซ่อนตัวอยู่ในความมืด กลั้นลมหายใจไว้”

ทุกคนต่างรีบกลั้นลมหายใจและค่อยย่างก้าวออกไป

กี้! กี้!

ภูตโลหิตกรีดร้องและมุ่งมายังกลุ่มของ’เนี่ยหลี’

ทันใดนั้นพลันปรากฏลิ้นสีแดงทะยานออกมาในความมืด ลิ้นพวกนั้นล้อมภูตโลหิตที่กรีดร้องออกมาพร้อมดึงลิ้นกลับกลืนหายเข้าไปในความมืดมิด

กี้! กี้!

ภูตโลหิตที่ตามหลังมาต่างหวาดกลัวและวิ่งหนีแตกกระเจิง ทันใดนั้นเอง ณ สถานที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง

จบตอน

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments