I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 138 หมู่บ้าน

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 6234 | 2427 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘ตูซือ’ ‘ลูเปียว’ กับพรรคพวก มองไปยังลานกว้างที่ห่างไกล ทางด้านบนปรากฏเป็นเงาขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ รูปร่างของมันค่อยๆมองเห็นได้ชัดขึ้นทีละนิดทีละนิด นี่มันคือสัตว์อสูรบินได้ขนาดใหญ่ ที่ดูราวกับป้อมปราการขนาดมหึมาก็ไม่ปาน

เมื่อเทียบกันแล้ว สัตว์อสูรยักษ์โคมไฟมรณะดูตัวเล็กลงไปในถนัดตา

เมื่อมองสัตว์อสูรบินได้ขนาดใหญ่ในระยะใกล้ชิด ตูซือ ลูเปียกับพรรคพวกรู้สึกตึงเครียดขึ้นในทันใด เป็นไปได้ว่าสัตว์อสูรตัวนี้นั้นจะน่ากลัวกว่าสัตว์อสูรยักษ์โคมไฟมรณะเสียอีก ถึงแม้พวกเขาต้องการจะหลบหนีไปในตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว

แต่… ‘เนี้ยหลี่’ยังคงอยู่ตรงนั้น!

เมื่อเผชิญหน้ากับการเสี่ยงชีวิตพวกเขาทั้งหมดล้วนตกตะลึงไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้

“ถึงแม้ข้าจะต้องตาย ข้าก็จะช่วยเนี้ยหลี่ให้ได้!”

แววตาของ’ตูซือ’ทอประกายแน่วแน่ เขาได้พุ่งตรงไปยังที่อสูรโคมไฟมรณะอยู่

‘ลูเปียว’เหลือบมองไปยัง’เสี่ยวซุ่ย’ที่ยังคงตะลึงงันอยู่ชั่วครู่ อย่างไรเสียในชั่วขณะที่’ลูเปียว’ติดตามอยู่ทางด้านหลังของเขาได้อุ้ม’เซี่ยวซุ่ย’ไว้ในอ้อมแขนของเขา แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่า’เสี่ยวซุ่ย’จะดุด่าเขาที่ทำเช่นนี้หรือไม่ เขาไม่อาจทิ้ง’เนี้ยหลี่’ที่เป็นเหมือนกับพี่น้องของเขาได้

‘เว่ยหนาน’, ‘ซูเซี่ยงจุน’ และ ‘ซางหมิง’ เองได้ติดตามมาอย่างกระชั้นชิดและออกค้นหา’เนี้ยหลี่’ในทุกทิศทาง

‘เนี้ยหลี่’หอบหายใจอย่างแผ่วเบา โชคยังดีที่อสูรโคมไฟมรณะไม่ได้โจมตีเขาต่อ ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นปัญหามาก ดูเหมือนว่าหน้าหนังสือจิตอสูรห้วงกาลเวลาจะสร้างความเสียหายแก่อสูรโคมไฟมรณะได้พอสมควร

“ฟ่อ ฟ่ออ”

เงาสีดำขนาดมหึมาลอยช้าๆพาดผ่านท้องฟ้า ด้วยความใหญ่โตมโหราฬนี้ทำเอาอสูรโคมไฟมรณะกลายเป็นดุจลูกสุนัขก็ไม่ปาน

ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!

เส้นใยเหนียวถูกยิงออกมาจากสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ พันเข้าที่ร่างของอสูรโคมไฟมรณะ

อสูรโคมไฟมรณะร้องครวญครางในขณะที่มันพยายามดิ้นรนเพื่อให้มันหลุดเป็นอิสระแต่ทว่ามันก็ไม่สามารถทำลายเส้นใยให้ขาดได้

เจ้าสัตว์อสูรขนาดมหึมานั่นค่อยเคลื่อนตัวลงมาอย่างช้าๆ มันพุ่งแขนสองข้างของมันเสียบทะลุร่างของอสูรโคมไฟมรณะและจับมันบินขึ้นบนฟ้าไป

ด้วยขนาดอันใหญ่โตจนน่ามหัศจรรย์ของมัน อสูรโคมไฟมรณะถูกสังหารอย่างง่ายดายเช่นเดียวกับผีสีชาดที่เป็นเหยี่อของมันก่อนหน้านี้ มันก็ถูกจับโดยสัตว์อสูรขนาดใหญ่ อสูรโคมไฟมรณะได้ดิ้นทุรนทุรายแล้วแสงที่โคมไฟบนหน้าผากมันก็ค่อยๆเลือนหายไปอย่างช้าๆในที่สุดมันตายลง

อสูรโคมไฟมรณะถูกเจ้านั้นสังหารอย่างนั้นหรือ?

สัตว์อสูรบินได้ไม่ได้แม้แต่จะชำเลืองมองไปที่ ‘ตูซือ’ ‘ลูเปียว’ กับพรรคพวก จากนั้นมันก็บินจากไป อาจบางทีในสายตาของสัตว์อสูรขนาดมหึมานี้ ‘ตูซือ’ ‘ลูเปียว’ กับพรรคพวกนั้นเป็นอะไรที่ไม่ต่างไปจากฝุ่นผงไร้ค่าและไม่มีอะไรที่ดึงดูดความสนใจจากมัน

“เนี้ยหลี่! เนี้ยหลี่!”

‘ตูซือ’ ‘ลูเปียว’ กับพรรคพวก ตะโกนโห่ร้องอย่างต่อเนื่องขณะที่กำลังตามหา’เนี้ยหลี่’

อย่างไรก็ตามนอกจากกองเศษซากลิ้นที่กระจัดกระจาย ที่นั่นไม่มีร่างของ’เนี้ยหลี่’กับ’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’อยู่ เป็นไปได้ว่า ‘เนี้ยหลี่’กับ’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’จะถูกอสูรโคมไฟมรณะกินไปอย่างนั้นหรือ น้ำตาของ’ตูซือ’ ‘ลูเปียว’กับพรรคพวกไหลพรากราวกับน้ำตก

“เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร!”

“ถ้าเจ้ามาตายที่นี้ ชีวิตนี้ข้าจะไม่ให้อภัยเจ้าเลย ออกมานะเนี้ยหลี่!”

‘ลูเปียว’พยุง’เซี่ยวซุ่ย’ด้วยมืออีกข้าง และคนอื่นๆต่างก็ตาลีตาเหลือกขุดเอาลิ้นยาวออก

“เนี้ยหลี่เจ้าต้องไม่ตาย!”

‘ตูซือ’และคนที่เหลือต่างก็ช่วยกันขุดเอาลิ้นออก สุดท้ายแล้วเขาก็พบ’เนี้ยหลี่’ ในมือของ’เนี้ยหลี่’ยังคงมีการ์ต้าอยู่ในท่าป้องกัน เขาดูเหมือนหมดลมหายใจไปในท่าอ้าปากค้างเพื่อสูดลมหายใจ แม้กระทั่ง’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ยังอยู่ในท่าทางแปลกๆที่เกาะแน่นอยู่กับ’เนี้ยหลี่’

“ข้ารู้อยู่แล้ว! ว่าเจ้ามันหนังเหนียวตายยาก!”

‘ลู่เปียว’หัวเราะอย่างบ้าคลั่งทั้งๆที่น้ำตายังคลออยู่ภายในดวงตาของเขา

“เหอะ นี่พวกเจ้าแช่งให้ข้าตายอย่างนั้นหรือ? ข้าไม่มีทางที่จะตายง่ายๆเช่นนี้หรอก”

‘เนี้ยหลี่’พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกขณะมองไปยังพื้นที่รอบๆ หลังจากยืนยันแล้วว่าไม่มีอันตรายจากอสูรโคมไฟมรณะแล้วเขาค่อยรู้สึกโล่งใจ

แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ความหมายของประโยคที่สองที่’เนี้ยหลี่’พูด ‘ตูซือ’กับคนที่เหลือต่างก็หัวเราะอย่างโล่งอก

ทันใดนั้นดูเหมือนพวกเขาจะสังเกตุเห็นบางสิ่ง พวกเขามองไปยัง’เนี้ยหลี่’ด้วยสายตาแปลกใจ ‘เนี้ยหลี่’ลุกขึ้นมานั่งกึ่งคุกเข่าโดยแนบตัวของเขาเข้ากับ’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ ด้วยท่าทางที่ง่ายนั้นมันยากที่จะมองเห็นมัน

“ข้าไม่เห็นอะไรเลยนะ”

‘ตูซือ’ยักไหล่

‘ลู่เปียว’มองดู’เนี้ยหลี่’ด้วยความเหยียดหยัน จากนั้นเขาสายหัวและว่ากล่าวด้วยสีหน้าเจื่อนๆว่า

“เนี้ยหลี่ที่เจ้าพูดเช่นนั้นก็เพื่อที่จะทำกับเทพธิดาหนิงเอ๋อเช่นนี้หรือ?”

เขาลืมไปเลยว่าเขาเองก็ยังคงอุ้ม’เสี่ยวซุ่ย’อยู่ในแขนของเขาอยู่เช่นกัน

‘เว่ยหนาน’กับคนอื่นๆได้แต่หันหน้าออกไปหัวเราะทางด้านนอก

‘เนี้ยหลี่’ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ลิ้นและน้ำลายของอสูรโคมไฟมรณะนั้นมีสารหลอนประสาทเมื่อคนที่เป็นเหยี่อถูกลิ้นของมันจับและอาบสารนี้ก็จะทำให้ตกอยู่ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น เขาไม่รู้ว่าในความฝันของ’หนิงเอ๋อ’ที่อยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้นเป็นอย่างไร แต่มันเป็นที่แน่ชัดว่าเธอนั้นยึดติดกับ’เนี้ยหลี่’แน่นแม้กระทั่งเขาใช้แรงพยายามแงะเธอออก ‘เนี้ยหลี่’ก็ไม่สามารถแงะ’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ให้หลุดออกไปได้

เมื่อเห็นเช่นนั้น’เว่ยหนาน’กับคนอื่นต่างหันหน้าออกไปทางอื่น ‘เนี้ยหลี่’เรียกเสื้อผ้าของตัวเองออกมาจากแหวนเก็บของและห่มไปบนตัวของ’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ จากนั้นก็รอให้นางตื่นขึ้นมาเองเงียบๆ

ช่วงเวลาต่อมา ‘เซี่ยวซุ่ย’ก็ตื่นขึ้นมาก่อน

“ลู่เปียว เจ้าเอาเปรียบข้าอีกแล้วนะ!”

‘เซี่ยวซุ่ย’ยังคงสับสนอยู่เล็กน้อย หลังจากที่เห็น’ลู่เปียว’ ในขณะที่นางมองไปที่เขา หัวใจของนางเต้นไม่เป็นส่ำ นางได้หวนนึกไปถึงเมื่อครั้งที่นางยังเป็นเด็ก

‘ลู่เปียว’ทำหน้าเจื่อนกล่าวว่า

“เซี่ยวซุ่ยข้าช่วยเจ้าต่างหาก!”

ในท้ายที่สุด’เซี่ยวซุ่ย’ก็จำสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ เธอจำได้ว่าแท้จริง’ลู่เปียว’เป็นคนที่ช่วยเธอ และ’ตูซือ’กับพรรคพวกต่างปากอ้าตาค้าง ที่เห็นนางกลับกลายเป็นท่านหญิงผู้อ่อนโยนในฉับพลัน มือทั้งสองของนางเกาะที่แขน’ลู่เปียว’พลางกล่าวว่า

“ลู่เปียวขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยข้า เจ้าช่างกล้าหาญยิ่งนัก ข้าขอคารวะเจ้า”

เมื่อได้ยิน’เซี่ยวซุ่ย’พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานน่ารัก ไม่รู้ว่าทำไม ‘ตูซือ’กับพรรคพวกถึงกับขนลุกเกรียว

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้หญิงช่างเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วยิ่งนัก

อันที่จริง สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้หญิงล้วนแล้วแต่น่ากลัว

“ไม่……ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”

น้ำเสียงของลูเปียวขณะกล่าวสั่นสะท้าน เขาไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่การที่’เซี่ยวซุ่ย’อ่อนหวานน่ารักนั้นทำให้เขารู้สึกขนลุก เขาต้อการที่จะเห็น’เซี่ยวซุ่ย’ตามปกติมากกว่า

ในชั่วขณะที่ทุกคนอยู่ในสภาวะเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา หลังจากมีประสบการณ์การต่อสู้ พวกเขาไม่กล้าประมาทอีกต่อไป ซึ่งพวกเขาได้รับอนุญาติให้มีเวลาพักผ่อนที่หาได้ยาก

‘เซี่ยวซุ่ย’ดูเหมือนจะสังเกตุเห็นบางสิ่งบางอย่าง และเริ่มจ้องไปยัง’เนี้ยหลี่’กับ’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ที่ทั้งคู่อยู่ในท่าทางแปลกพิกล และนิ่งเงียบงันไปชั่วขณะ ดังนั้น ‘เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ กับ’เนี้ยหลี่’…….

“อืม..“

‘เสียวหนิงเอ๋อ’ครางหนึ่งคราแล้วตื่นขึ้น เมื่อนางเห็นท่าทางของตนเอง ใบหน้าของเธอค่อยกลับกลายเป็นสีแดงดุจผลมะเขือเทศ

‘เนี้ยหลี่’ยิ้มอย่างลำบากใจกล่าวว่า

“สถานการณ์ก่อนหน้านี้มันอันตรายเกินไป ข้าก็เลย……”

“ข้าเข้าใจ”

‘เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล นางก้มหัวลงเล็กน้อยและชำเลืองมองอย่างเอียงอาย กล่าวว่า

“ขอบคุณ”

“อืม ไม่เป็นไร มันเป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำอยู่แล้ว”

‘เนี้ยหลี่’หาทางลงให้กับ’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’

‘เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ได้ตระหนักว่ามีน้ำตามากมายเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าของตัวเองในขณะที่เธอใกล้ชิดกับ’เนี้ยหลี่’ก่อนหน้านี้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง เธอได้จดจำได้ในสิ่งที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่แล้ว ครั้งเมื่อเธอถูกจับโดยอสูรโคมไฟมรณะและกำลังจะตายอย่างหมดท่า ‘เนี้ยหลี่’ได้รีบพุ่งเข้าไปช่วยชีวิตของเธอ

เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นในตอนนี้’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ก็รู้สึกถึงความหอมหวานภายในหัวใจของตนเอง

เธอยังคงอ้อยอิ่งอยู่กับเสื้อผ้าที่ใช้ห่มอยู่เนื่องเพราะมันยังคงมีกลิ่นของ’เนี้ยหลี่’ ‘เสี่ยวหนิงเอ๋อ’สวมเสื้อผ้าถึงแม้ว่ามันจะตัวใหญ่กว่านิดหน่อยก็ตาม

‘เนี้ยหลี่’ลุกขึ้นยืนและยืนกล้ามเนื้อขอตัวเอง เขามองไปยัง’ตูซือ’กับพรรคพวกกล่าวว่า

”ข้ารู้สึกว่ามีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นที่อสูรโคมไฟมรณะถูกโจมตี แต่เนื่องจากข้างใต้มันมืดเกินไปจนข้าไม่สามารถมองเห็นได้ ดังนั้นข้าอยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

‘ตูซือ’กับ’ลู่เปียว’มองหน้ากันจากนั้นเหลือบมองไปยังแต่ละคน หลังจากที่ทั้งหมดสงบลงจากการตกใจ ‘ตูซือ’ก็พูดขึ้น

“เมื่อกี้นี้มีสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า มันปรากฏตัวเหมือนกับปลาประหลาดที่มีปีกขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมาบนตัวมัน นอกจากนี้มันยังมีกรงเล็บที่แหลมคมจำนวนมาก และสามารถพ่นใยออกมาได้ด้วย หลังจากที่เจ้าอสูรโคมไฟมรณะถูกใยจับมันก็เอาอสูรโคมไฟมรณะจากไป”

“สวรรค์! ข้าไม่เคยเห็นสัตว์อสูรที่ตัวใหญ่มหึมาขนาดนั้นมาก่อน ขนาดตัวของมันใหญ่ถึงครึ่งเมืองกลอรี่เลยทีเดียว!”

‘ลูเปียว’พูดเกินจริงออกไปเล็กน้อย

เมื่อได้ยินที่’ลูเปียว’กับคนอื่นๆพูด ‘เซี่ยวซุ่ย’กับ’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ที่หมดสติไปก่อนหน้านั้นเบิ่งตากว้าง เรื่องเล็กน้อยพวกนี้น่าตกใจมาก ‘ตูซือ’กับ’ลูเปี่ยว’ล้อเล่นอย่างนั้นหรือ? เจ้าอสูรโคมไฟมรณะที่ตัวใหญ่และน่ากลัวขนาดนั้น กลับถูกสิ่งมีชีวิตบินบนอากาศมีขนาดใหญ่กว่ามันจับไปอย่างนั้นหรือ?

แต่ทว่าในพืนที่ว่าเปล่านี้ เจ้าอสูรโคมไฟมรณะกลับหายไป มันแสดงให้เห็นว่า’ตูซือ’กับ’ลูเปียว’นั่นไม่ได้โกหก

“แท้จริงเจ้าสัตว์อสูรนั่นมันตัวอะไรกัน?”

‘เนี้ยหลี่’ขมวดคิ้ว มองไปยังท้องฟ้าที่มืดมัว บางสิ่งที่ว่านั้นสามารถจับอสูรโคมไฟมรณะไปอย่างง่ายดาย ชั่วขณะหนึ่ง’เนี้ยหลี่’นึกถึงสิ่งที่ว่านั่นไม่ออก ถึงแม้ว่า’เนี้ยหลี่’จะมีความรู้มากมาย แต่เขาก็ไม่ได้รอบรู้ไปหมดทุกอย่าง

ยังมีสิ่งที่ไม่รู้มากมายในโลกใบนี้ แม้กระทั่งตัวของเขายังรู้สึกว่าพื้นที่ลึกลับแห่งนี้ยังมีความลับซ่อนอยู่อีกมาก

ไม่ว่าจะเป็นความลับจากสถานที่แห่งนี้หรือว่าโลกในหนังสือจิตวิญญาณอสูร เขารู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มาจากโลกใบนี้

หลังจากผ่านสถานการณ์วิกฤติ ‘ลูเปียว’กับพรรคพวกค่อนข้างสงบลง แม้ว่าพวกเขาจะกลัวนิดหน่อย แต่พวกเขาก็ตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน ภายในเมืองกลอรี่สัตว์อสูรแทบจะไม่มีให้เห็น และยิ่งไม่ต้องพูดถึงสิ่งลึกลับดังกล่าวเลย

ไม่ว่าจะเป็นผีแดงชาด อสูรโคมไฟมรณะ หรือกระทั้งอสูรยักษ์บินได้ ทั้งหมดทั้นทำให้เขาได้รู้ถึงความรู้สึกไร้เรี้ยวแรง

‘ตูซือ’มองไปยังเนี้ยหลี่และถามว่า

“เนี้ยหลี่ พวกเราจะไปต่อหรือไม่?”

“เราจะต้องสำรวจลึกเข้าไปอีก เราจำเป็นต้องค้นหาศิลาแห่งแสงทั้งยี่สิบสามอันเพื่อที่จะเปิดการทำงานของอาณาเขตเคลื่อนย้ายเพื่อกลับไป”

‘เนี้ยหลี่’พูด พวกเขาไม่สามารถติดอยู่ที่นี่นานได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีอาหารอย่างเพียงพออยู่ภายในแหวนมิติเก็บของก็ตาม แต่มันก็อยู่ได้เพียงหนึ่งหรือสองปี ‘เนี้ยหลี่’ไม่ต้องการหยุดอยู่ที่นี่

ในชีวิตที่แล้วของเขา ท่าน’เอียมัว’ใช้เวลาประมาณเดือนครึ่งถึงจะกลับไปจากที่นี้ ดังนั้นเขามั่นใจได้ว่าจะต้องมีศิลาแห่งแสงอยู่ภายในดินแดนนี้

ณ ตอนนี้ ทุกคนมองตรงไปยังภูเขาห่างไกล บนเนินเขานั้นดูเหมือนจะมีแสงไฟเล็กๆอยู่

“มันคงไม่ใช่อสูรโคมไฟมรณะอีกนะใช่ไหม?”

‘ลูเปียว’หน้าเปลี่ยนสี

“มันไม่ใช่อสูรโคมไฟมรณะ”

‘เนี้ยหลี่’ส่ายหัวของตัวเอง แสงไฟเล็กๆบนภูเขาที่มองเห็นนั้นน่าจะเป็นแสงจากหมู่บ้าน มันไม่น่าจะมีคนอาศัยอยู่ที่นี่ ใช่ไหม?

จบตอน

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments