I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 139 ผลึกโลหิต

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 6325 | 2427 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

มิตินี้ช่างน่าพิศวงจริง ๆ

ถึงแม้ว่า’เนี่ยหลี่’จะไม่ทราบถึงต้นกำเนิดของเหล่าอสูรปิศาจ ที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร แต่สิ่งเหล่านี้ก็ทำให้เขาต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น

ทำไมคนพวกนั้นถึงเก็บพวกอสูรปิศาจพวกนี้ เอาไว้ในมิตินี้กันนะ ?

‘เนี่ยหลี่’รู้สึกได้ว่ามันจะต้องมีความลับที่ยิ่งใหญ่อะไรสักอย่างซ่อนอยู่ที่นี่แน่นอน เขาหยิบหน้าของหนังสือจิตอสูรท่องเวลาขึ้นมา แล้วมองไปที่’ตู่เซ่อ’ ‘ลู่เปียว’และพวกที่เหลือ แล้วก็พูดว่า

“พวกเราจะเดินไปตามทางนี้”

‘เนี่ยหลี่’ชี้ไปยังทิศทางที่มีแสงสว่างส่องมา

ทุกคนยังคงเดินทางต่อไป ถึงแม้ว่าแสงสว่างนั้นจะริบหรี่มาก จนดูเหมือนส่องมาจากที่ที่อยู่ห่างไกลแสนไกล ‘เนี่ยหลี่’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เดินอยู่หน้าสุดของกลุ่ม ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรต่อกัน แต่อย่างไรก็ตาม

บรรยากาศระหว่างทั้งคู่นั้นค่อนข้างจะเต็มไปด้วยความเขินอาย

“หนิงเอ๋อ, ข้า… ต้องขอโทษเจ้าด้วย สำหรับเรื่องก่อนหน้านี้ มันเป็นสถานการณ์คับขันน่ะ”

‘เนี่ยหลี่’พูดขอโทษ

“ข้าเข้าใจ”

ดวงตาของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ฉายแววเศร้าออกมาแวบหนึ่ง, ทำไมเจ้าต้องขอโทษด้วย?

ถ้า’เนี่ยหลี่’ไม่ขอโทษ เธออาจจะรู้สึกดีมากกว่านี้ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าในหัวใจของ’เนี่ยหลี่’นั้นจะมีใครอยู่แล้ว แต่เธอมั่นใจว่าความตายก็ไม่อาจจะทำให้เธอยอมแพ้ได้

‘เนี่ยหลี่’ถอนหายใจยาว ๆ ออกมาครั้งหนึ่ง

เขาไม่รู้ว่าจะปฏิบัติต่อ’หนิงเอ๋อ’อย่างไรดี เมื่อเทียบกับสิ่งที่’หนิงเอ๋อ’ทำให้เขา ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและผิดหวังในตัวเองอย่างมาก เพราะในชีวิตที่แล้ว เขาก็ติดค้าง’จื่ออวิ้น’ ซึ่งยังไม่ได้ชดใช้คืนเลย แต่แล้วในชีวิตนี้เขาก็มาติดค้าง’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’อีก

(ตรงนี้คิดว่า ติดค้างจื่ออวิ้น คือเรื่องความรู้สึก แล้วก็ที่ช่วยชีวิตเนี่ยหลี่เอาไว้ในชีวิตที่แล้วครับ
ส่วนหนิงเอ๋อคือติดค้างด้านความรู้สึก ที่หนิงเอ๋อมารักเนี่ยหลี่ แต่เนี่ยหลี่ก็ตอบแทนความรู้สึกนั้นไม่ได้)

ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถจัดการให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนได้ แต่เรื่องของความรู้สึกมันเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้

ความรู้สึกที่ติดค้าง’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ เขาคงสามารถตอบแทนได้ในโลกหน้าเท่านั้น
(จะบอกว่าชาติหน้า แต่มันก็ฟังดูแปร่ง ๆ)

‘เนี่ยหลี่’มองไปที่ป่ารอบ ๆ แล้วพบว่า หลังจากที่พวกเขานั้นถูกไล่ล่าจนเกือบได้รับอันตราย เขาจึงคิดได้ว่า หากเดินทางแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ พวกเขาอาจจะเจอกับพวกภูตโลหิต(ภูติสีแดง) อีกครั้งก็ได้

เพราะในป่านี้นั้น มีโอกาสที่จะพบกับภูติโลหิตได้ทุกเมื่อ และถ้าหากพวกเขาเจอภูติโลหิตอีกครั้ง นั่นคงหมายความว่าพวกเขาคงจะโดนไล่ล่าอีกครั้งอย่างแน่นอน ‘เนี่ยหลี่’จึงพยายามคิดถึงทางออกอื่น ๆ ที่เป็นไปได้

แล้ว’เนี่ยหลี่’ก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ มันเรียกว่าเทคนิค ระเบิดโลหิต สามารถทำได้โดยการนำเลือดสด ๆ ของอสูรปิศาจมาใส่ไว้ในขวด แล้วร่ายอักขระมนตราลงไปที่ขวด แล้วมันจะกลายเป็น

“ขวดระเบิดอสูรโลหิต”

เมื่อขวดระเบิดอสูรโลหิตนี้ถูกขว้างออกไป จะทำให้เกิดระเบิดขึ้นเป็นวงกว้าง แต่ระเบิดนี้จะได้ผลเฉพาะกับอสูรปิศาจที่ต่ำกว่าระดับโกลด์เท่านั้น ซึ่งผลของมันก็นับว่ารุนแรงยิ่งนัก

‘เนี่ยหลี่’หยุดเดิน แล้วตบหน้าผากตัวเอง (แป๊ะ !!) ,

“ข้าเกือบลืมเรื่องนั้นไปได้ยังไงกัน !!”

เมื่อได้ยินที่’เนี่ยหลี่’พูด ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงง มองหน้า’เนี่ยหลี่’แล้วถามว่า

“เจ้าลืมอะไรหรือ ?”

“ตูเซ่อ, ลู่เปียว, ในแหวนมิติของพวกเจา จะมีขวดคริสตัลจำนวนมาก ที่บรรจุยาเอาไว้ใช่หรือไม่ ?”

“แน่นอน ข้าเตรียมของพวกนั้นไว้อยู่แล้ว”

‘ตูเซ่อ’ตอบ, พร้อมกับพยักหน้า

“พวกเจ้าไปจับพวกภูติโลหิตมา แล้วจัดการนำเลือดของพวกมันมาบรรจุลงไปในขวดพวกนั้น”

“เจ้าจะเอามันไปทำอะไร ?”

‘เนี่ยหลี่’ยิ้มแบบมีเลศนัย

“ข้ามีวิธีใช้ประโยชน์จากมันแล้วกัน”

“ตกลง พวกเราจะไปจัดการให้เอง”

‘ตูเซ่อ’กับ’ลู่เปียว’พูด แล้วพยักหน้า พร้อมกับปลึกตัวออกไปจากกลุ่ม เพื่อตามหาภูติโลหิต ไม่นานหลังจากนั้น ‘ตูเซ่อ’และ’ลู่เปียว’ก็กลับมาพร้อมกับขวดที่บรรจุเลือดหลายสิบขวด ‘เนี่ยหลี่’นำขวดเหล่านั้นมาเขียนอักขระมนตราลงไป ทีละขวด ๆ

“เอาล่ะ ทุกคนเอาไปถือไว้คนละสามขวดนะ ที่เหลือก็ให้ตูเซ่อกับลูเปียวเก็บไว้”

‘เนี่ยหลี่’พูด

“ถ้ามีโอกาส พวกเจ้าก็อย่าลืมเก็บเลือดจากพวกภูติโลหิตมาเพิ่มล่ะ จะได้มีสำรองไว้ใช้”

‘ลู่เปียว’หยิบขวดขึ้นมามองด้วยความสงสัย แล้วถามว่า

“ไอ้ขวดนี้มันทำอะไรได้งั้นรึ ?”

“ข้าจะสาธิตให้พวกเจ้าดูเอง แต่ระวังอย่าทำขวดหล่นล่ะ ไม่งั้นล่ะก็ ต่อให้เป็นเทพเจ้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้หรอกนะ”

‘เนี่ยหลี่’พูดยิ้ม ๆ

‘ลู่เปียว’รู้สึกตะลึง ไอ้ขวดนี้มันอันตรายถึงขนาดนั้นเชียวหรือ? มือของเขาค่อย ๆ หมดแรง แล้วขวดที่อยู่ในมือของเขาก็กำลังร่วงลงพื้น …

“แม่จ๋าาาาา !!”

‘ลู่เปียว’รีบชักมือลงไป แล้วหยิบขวดเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี ตอนนี้หน้าของ’ลู่เปียว’ซีดมาก เพราะความกลัวว่าขวดจะหล่นลงพื้นจริง ๆ (อื้อหือ เจ้าลู่เปียว ทำขวดหล่นปุ้ป ร้องหาแม่เลยนะ 555 55.)

ทุกคนต่างจ้องมาที่’ลู่เปียว’ด้วยสายตาแปลก ๆ แล้วเขาก็ยิ้มแบบอาย ๆ

“ข้าขอโทษ ข้าเผลอไปน่ะ”

‘เนี่ยหลี่’และพรรคพวกยังคงเดินทางต่อไปในป่าลึก หลังจากผ่านไปสักพัก พวกเขาก็พบกับฝูงภูติโลหิตอีกครั้ง
พวกมันมีจำนวนนับร้อยตัว และดูท่าว่าจะเรียกพวกมาเพิ่มเรื่อย ๆ

“ไอ้พวกบ้านี่ ยังกล้าที่จะโผล่หัวมาอีกนะ”

น้ำเสียงของ’ตูเซ่อ’กลายเป็นจริงจังขึ้นมาทันที

“ป่านี้เป็นพื้นที่หากินของพวกมัน ตั้งแต่ที่พวกเราเข้ามาเดินในเขตของมัน มันคงจะได้กลิ่น แล้วเรียกพวกมา”

‘เนี่ยหลี่’พูด พร้อมกับโยนขวดระเบิดโลหิตขวดหนึ่งไปยังจุดที่มีภูติโลหิตอยู่กันหนาแน่นที่สุด

ขวดลอยเป็นเส้นตรงไปในอากาศ …..

พวกภูติโลหิตยังคงกระโดดไปมา ..

และมีภูติโลหิตตัวหนึ่ง กระโดดขึ้นมาจับขวดนั้นเอาไว้ แต่ด้วยแรงในการปาของเนี่ยหลี่

ทำให้ทั้งขวด และภูติโลหิตตัวนั้น ตกลงไปที่พื้นพร้อม ๆ กัน

ตู้มมมมมมมมมมมมม !!

ขวดระเบิดออกในทันที มีรัศมีการระเบิดประมาน 5 เมตร โดยบริเวณที่โดนระเบิดนั้น

โดนแรงระเบิดกวาดเรียบ ส่วนภูติโลหิตที่อยู่ในบริเวณนั้น ก็ถูกไฟจากการระเบิดเผาจนดำเป็นถ่าน เพียงระเบิดอสูรโลหิตนี้ขวดเดียวสามารถจัดการกับภูติโลหิตได้นับร้อย ๆ ตัว !! ทุกคนต่างก็ตกตะลึงเมื่อได้เห็นภาพนี้ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าระเบิดอสูรโลหิตขวดเล็ก ๆ นี้ จะสร้างความเสียหายได้รุนแรงขนาดนั้น

‘ลู่เปียว’แทบจะฉี่รดกางเกงของเขาด้วยความกลัว นี่ถ้าหากก่อนหน้านี้เขาทำเจ้าระเบิดขวดนี่หล่นลงพื้นจริง ๆ ล่ะก็ ? เขาไม่อยากจะคิดถึงมันเลย

“เอาล่ะ พวกเราไปต่อกันเถอะ”

‘เนี่ยหลี่’ยิ้มเล็กน้อย ถึงแม้ว่าภูติโลหิตจะน่ารำคาญ แต่พวกมันก็ไม่เป็นภัยต่อพวกเขาอีกแล้ว เพราะถ้าพวกภูติโลหิตโผล่มาอีก พวกเขาก็เพียงใช้ระเบิดอสูรโลหิตจัดการมันเสีย หรือหากเจอในจำนวนไม่มาก พวกเขาก็สามารถจัดการมันได้ง่าย ๆ เพราะภูติโลหิตเป็นเพียงอสูรระดับซิลเวอร์ 1 ดาวเท่านั้น

ทันใดนั้นเอง ‘เหว่ยหนาน’ก็สังเกตเห็นบางอย่าง แล้วกระโดดเข้าไปที่กลางกองซากศพของภูติโลหิต วัตถุขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่ว ทอประกายแวววับในความมืด ดึงดูดความสนใจของเขา ‘เหว่ยหนาน’หยิบมันขึ้นมาด้วยความงุนงง แล้วถาม’เนี่ยหลี่’ว่า

“เนี่ยหลี่ ข้าเจออะไรบางอย่าง แต่ข้าก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร”

‘เนี่ยหลี่’หยิบของนั้นมาจากมือของ’เหว่ยหนาน’ แล้วพิจารณาสักครู่ แล้วสิ่งนี้ก็ต้องทำให้เขาตกใจมาก .. ทำไมสิ่งนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ?

“มันคืออะไรน่ะ ?”

‘ตู่เซ่อ’และพรรคพวกก็สงสัยด้วย

“นี่คือผลึกโลหิต !!”

‘เนี่ยหลี่’หายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดต่อว่า

“ผลึกโลหิต เป็นแร่ที่หายากมากโดยหลังจากที่มันถูกกลืนเข้าไปโดยอสูรปิศาจ มันจะสามารถกลายเป็นแหล่งพลังอันมหาศาลได้ มันมีพลังถึงขนาดที่จะทำให้เลื่อนระดับได้เลย แล้วก็ยิ่งไปกว่านั้น ผลึกโลหิตยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีก คือการฝังผลึกโลหิตนี้ลงไปในอสูรปิศาจระดับต่ำ ผลคือ อสูรปิศาจเหล่านั้นจะสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตามพวกอสูรปิศาจที่ผ่านวิธีการแบบนี้ จะดุร้ายขึ้นอย่างมาก”

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมภูติโลหินที่นี้ถึงดุร้าย และบ้าคลั่งนัก เพราะโดยทั่วไปแล้วภูติโลหิตมักจะอยู่กันเป็นกลุ่มเพื่อคอยล่าเหยื่อ แต่ก็หมายถึงเหยื่อตัวเล็ก ๆ เท่านั้น

เมื่อเจอเหยือที่มาเป็นกลุ่ม พวกมันจะต้องหลอกล่อจนเหยื่ออ่อนแรงลงก่อน จึงจะเข้าโจมตี แต่นี่กลับแปลกไป เพราะพวกมันเข้าโจมพวกเขาทันทีที่เห็น

“เจ้าจะพูดว่าภูติโลหิตเหล่านี้ถูกฝังผลึกโลหิตงั้นหรือ ? แล้วทำไมเราถึงเจอผลึกโลหิตเพียงแค่อันเดียวเองล่ะ”

‘ตูเซ่อ’ถามด้วยความสงสัย

“คนที่สร้างมิติแห่งนี้ขึ้นมา คงจะจับภูติโลหิตมาจำนวนไม่มากนัก แล้วเขาก็ฝังผลึกโลหิตลงไป หลังจากนั้นพวกภูติโลหิตก็เกิดการขยายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ และถ้าหากบรรพบุรุษของมันดุร้ายล่ะก็ รุ่นถัด ๆ ไปก็จะดุร้ายยิ่งกว่า”

‘เนี่ยหลี่’อธิบาย

“นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมทั้ง ๆ ที่เราเจอภูติโลหิตจำนวนมากมาย แต่เรากลับพบผลึกโลหิตเพียงชิ้นเดียวสินะ”

‘ตูเซ่อ’และพรรคพวกเริ่มเข้าใจถึงสถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่ามกลางภูติโลหิตนับร้อย ๆ ตัว มีเพียงตัวเดียวที่เป็นภูติโลหิตรุ่นแรก(ที่ถูกฝังผลึกโลหิตเอาไว้)

หากเช่นนั้นแล้ว พวกภูติโลหิตเหล่านี้ อยู่ที่นี้มาเป็นเวลานานเท่าใดแล้วนะ ? เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะเจอของดี อย่างผลึกโลหิตที่นี้
เพราะมันคือแร่ที่หายากยิ่งกว่าร่างทรงอสูรระดับตำนานเสียอีก

ดูเหมือนกับว่าคนที่สร้างมิตินี้ขึ้นมาจะต้องมีทั้งอำนาจและเงินทองมากพอ ที่จะใช้ผลึกโลหิตกับภูติโลหิตพวกนั้น และยิ่งไปกว่าที่กล่าวไปข้างต้น ผลึกโลหิตยังมีประโยชน์พิเศษอีกอย่างหนึ่ง โดยการสกัดมลทินออกไปจากผลึก มันจะสามารถใช้ในการเพิ่มระดับพลัง และขยายห้วงพลังวิญญาณได้อีกด้วย ต่อให้เป็นร่างทรงอสูรระดับตำนานก็ยังคงรู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ของพลัง

จากผลึกนี้ในชีวิตที่แล้ว ลอร์ด’เอียมัว’อาจจะได้พบกับที่นี้ และใช้ผลึกโลหิตจากที่นี้ก็เป็นได้ !

“พวกเราต้องทำระเบิดโลหิตอสูรเพิ่มแล้วล่ะ !”

‘เนี่ยหลี่’กล่าว

ถ้าหากผลึกโลหิตสามารถหาได้จากที่นี้ เขาก็จะไม่เกรงใจอีกแล้ว นี่ถือเป็นโอกาสดีที่จะหาผลึกโลหิตได้ และโชคดีที่ในแหวนมิติของเขา มีขวดคริสตัลอยู่เป็นจำนวนมาก

‘ลู่เปียว’จับภูติโลหิตมาตรึงแขนตรึงขา แล้วจัดการทรมานมัน ภูติโลหิตตัวนั้นกรีดร้องเสียงแสบแก้วหูไปทั่วไม่นานหลังจากนั้น ฝูงของภูติโลหิตก็วิ่งมาทางที่พวกเขาอยู่

ตู้มมม !! ตู้มมม !! ตู้มมม !!

เกิดการระเบิดจากระเบิดอสูรโลหิตดังอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้จัดการกับฝูงภูติโลหิตที่ยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ‘เนี่ยหลี่’และพรรคพวกเจอผลึกโลหิตตกอยู่บนพื้นมากมาย โดยในภูติโลหิตหลายร้อยตัว จะมีเพียงหนึ่งหรือสองตัวเท่านั้น ที่มีผลึกโลหิตฝังอยู่

หลังจากได้ผลึกโลหิตมาหลายสิบอัน ‘เนี่ยหลี่’ก็ไม่รอช้า และจัดการสังเคราะห์สิ่งเจือปนออกจากผลึกทันที เนื่องจากส่วนประกอบอื่น ๆ นั้นเขาได้เตรียมพร้อมเอาในแหวนมิติของเขาแล้ว

สิ่งเจือปนทั้งหลายที่อยู่ในผลึกโลหิต ค่อย ๆ ถูกแยกออกจากผลึกโลหิตโดยฝีมือของ’เนี่ยหลี่’ ส่งผลให้ผลึกโลหิตนั้นใสขึ้น และกลายเป็นผลึกที่บริสุทธิ์

“พวกเจ้าเอาไปคนละหนึ่งอัน”

‘เนี่ยหลี่’กล่าวพร้อมกับส่งผลึกโลหิตไปที่’ตูเซ่อ’ ‘ลู่เปียว’ และพรรคพวก เพื่อแจกจ่ายผลึกโลหิตให้คนละหนึ่งอัน จากคำแนะนำโดย’เนี่ยหลี่’ ทุกคนเก็บผลึกโลหิตเอาไว้กับตัว โดยเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาจะค่อน ๆ ดึงเอาพลังวิญญาณออกมาจากผลึกโลหิต โดยพลังบริสุทธิ์ที่ได้จากผลึกโลหิตจะช่วยทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น

เมื่อล่าภูติโลหิตเสร็จแล้ว ทั้งกลุ่มก็เดินทางไปยังทิศทางที่ดูเหมือนเป็นภูเขาและในภูเขานั้น มีไฟสองดวง ส่องขึ้นไปบนฟากฟ้า

“นั่นอะไรน่ะ ?”

ทุกคนต่างตกใจกับภาพที่เห็น เดิมทีพวกเขาคิดว่าไฟที่พวกเขาเห็นคือไฟจากหมู่บ้าน พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าไฟนั้นมันจะส่องขึ้นไปบนท้องฟ้า นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันเนี่ย ? ‘ตูเซ่อ’เดินมาข้าง ๆ ‘เนี่ยหลี่’แล้วถามว่า

“เนี่ยหลี่ เราจะยังเดินไปข้างหน้าต่อหรือไม่ ?”

เขารู้สึกได้ถึงอันตรายบางอย่าง หวังว่าแสงพวกนั้นคงจะไม่ใช่สัตว์ประหลาดแปลก ๆ อีกล่ะมั๊ง ? ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เงยหน้าขึ้นมา และก็อดไม่ได้ที่จะถาม’เนี้ยหลี่’ด้วยคำถามเดียวกัน

“เราจะเดินหน้าต่อไป”

‘เนี่ยหลี่’ยังยืนยันคำเดิม

(ขอโทษที่แปลช้าครับ พอดีติดธุระด่วนมากจริง ๆ ต้องขอโทษด้วยครับ // มินนี่ งิงิ)

จบตอน..

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments