I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 142 ซิคงอวี้

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 26460 | 2522 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘เนี่ยหลี่’เหลียวมองไปที่เด็กหนุ่มที่ถูกมัดไว้กับเสา แม้ว่าเขาจะถูกทรมานอย่างทารุณ, แต่’เนียหลี่’ก็ยังรู้สึกตะหงิดๆได้ถึงแววตาที่ไม่ยอมแพ้ของเด็กหนุ่มคนนั้น ถ้าวัดจากสีหน้าที่แสดงความรู้สึกออกมาก นัยน์ตาสีดำของเขาคู่นั้นช่างเติมเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ภายใต้ผมยาวที่ปกคลุมใบหน้าอยู่

ปีกสีทองเข้มของเขาคู่นั้นเป็นของจริง, ปีกมังกรที่ผ่านขั้นตอนการวิวัฒนาการมาจาก

“เหล่าสายเลือดมังกรดำ”

มันย่อมแข็งแกร่งกว่าพวกปีกสีเงิน

อย่างไรก็ตาม, การเพาะบ่มพลังของเขานั้นยังอยู่แค่ระดับขั้นโกลด์3ดาวเท่านั้น

ในมุมมองของ’เนียหลี่’, มันไม่มีเรื่องผิดหรือถูกในเรื่องความเกลียดชังระหว่างสองตระกูลหรอก ถึงอย่างงั้นก็เถอะการที่จะมาทรมาณเด็กหนุ่มแบบนี้มันช่างดูไร้มนุษยธรรมไปซะหน่อย ‘เนียหลี่’และเด็กหนุ่มสายตาประสานตากัน แต่แล้ว’เนียหลี่’ก็เบี่ยงเบนหลบสายตาไปและเดินตามหลัง’ซิคงฮงหยู๋’ต่อ

ในห้องโถง ชายวัยกลางคนร่างอ้วนนั่งอยู่บนบัลลังก์ทรงสูง เขาหลับตาลงครึ่งนึง โฉมหน้าแสดงเห็นถึงสีหน้าที่ดูเฉยเมยช่างดูมืดมนสิ้นหวัง ผ้าคลุมที่ดูหรูหราช่วยให้ดูดีมีราศีของความสูงศักดิ์ขึ้นนิด ข้างกายมีสตรีสามนางค่อยนวดเฟ้นหลังและขาให้ สตรีทั้งสามนางสวมใส่อาภรณ์เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งเล็กๆ

(ฮาเรมล่ะ…เบ้ยเฮ้ย)

‘เนียหลี่’สามารถเห็นลึกเข้าไปถึงในดวงตาของชายวัยกลางคนด้วยการเหลือบมองไป ภายใต้เปลือกตาของเขานั้นแย้มให้เห็นนัยน์ตานิดๆสีเทาเข้ม มีพลังวิญญาณแผ่ออกมาจากชายคนนั้นเสียด้วย ‘เนี่ยหลี’ตกตะลึงขึ้นเล็กๆ ชายคนนี่น่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานเชียวหรือนี่!! แต่ถึงอย่างนั้นจากการสังเกต เขาดูเหมือนจะเหลือเวลาชีวิตอยู่อีกไม่มากและใช้การดื่มยาอายุวัฒนะเพื่อชลอประทังชีพไปวันๆ

ชายคนนี้ก็คือหัวหน้าตระกูลปีกสีเงิน

“ซิคงอวี้”

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของ’ซิคงฮงหยู๋’และ’เนียหลี่’, เขาก็เปิดตากว้างขึ้นแล้วมองมาทางของ’ซิคงฮงหยู๋’และ’เนียหลี่’

“ฮงหยู๋, เขาเป็นใคร?”

‘ซิคงอวี้’พูดออกมาอย่างขึงขัง ก่อนจะจ้องมองมาที่’เนียหลี่’แย้มเจตนาก่อความรุนแรงราวจะกินเลือดกินเนื้อก็มิปาน
(หรือว่าพระเอกของเราจะมีชื่อเกาหลีว่า“นาวอนตรีน” แกไปไหนมาไหน ชวนหมี่เหลืองได้ตลอดสิ -.-“ )

“คาราวะท่านพ่อ,เขาเรียกตัวเองว่าเหลยโจ๋ว ผู้สืบทอดตระกูลสีเงินจรัสแสงและมาถึงนี่โดยบังเอิญ”

‘ซิคงฮงหยู๋’รายงานพร้อมโค้งคำนับ

“ตระกูลสีเงินจรัสแสงรึ? ซิคงอวี้งงงวยไปช่วงขณะจากนั้นก็หัวเราะ”

“ตระกูลสีเงินจรัสแสงนั้นสูญสิ้นไปแล้วจากการบุกทำลายของฝูงสัตว์อสูร,เหตุใดถึงมีผู้สืบทอดได้เล่า?”

‘ซิคงอวี้’มองมาทาง’เนียหลี่’ด้วยสายตาราวกับจะเข่นฆ่าในทันที

“จริงๆแกเป็นใครกันแน่”

“แกเป็นสายลับจากตระกูลไหนซักตระกูลมั๊ย!”

หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่พ่อของเธอพูด, ‘ซิคงฮงหยู๋’ก็รู้สึกถมึงทึงไปด้วย สายตาอันเย็นชาทอดมองทาง’เนียหลี่’เช่นเดียวกัน

เผชิญกับเจตนามุ่งร้ายที่’ซิคงอวี้’แผ่ออกมา, ‘เนียหลี่’ก็กล่าวอย่างนิ่งสงบ

“คารวะท่านหัวหน้าตระกูล, ข้าเป็นผู้สืบทอดของตระกูลสีเงินจรัสแสงจริงๆ ถึงแม้ว่าตระกูลหลักจะโดนทำลายสูญสิ้นไป แต่สาขารองอีกสองแห่งก็ยังกระเสือกกระสนรอดมาได้ขอรับ”

“ไอ้สวะ”

‘ซิคงอวี้’พ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชา

“คนผู้นี้ต้องเป็นสายลับจากตระกูลอื่นซักตระกูลแน่ๆ ลากมันออกไปสังหารซะ!”

ทหารยามรักษาการณ์ระดับโกลด์จำนวนนึงหันหอกจ่อมาทางเนียหลี่ ถ้า’ซิคงอวี้’บัญชามาเช่นนี้, ‘เนี่ยหลี่’ก็มีแต่จำต้องถูกตัดหัวโดยทันที

‘เนียหลี่’เห็นได้โดยวิสัยว่า’ซิคงอวี้’กำลังทดสอบเขาอยู่จึงกล่าวอย่างทะนงว่า

“ท่านหัวหน้าตระกูล,ถ้าท่านจะประหารข้าโดยมิฟังข้าจนจบก่อน ข้าก็จะไม่โน้มน้าวทัดทานใดๆอีก!”

“อื้มมมม,เจ้านี่ช่างกล้าซะจริงๆ ถ้ายังไม่คายความจริงออกมา อย่าหาว่าข้าเสียมารยาทล่ะนะ”

‘ซิคงอวี้’กล่าวและพ่นลมทางจมูกอย่างเย็นชา

“เรื่องแรก,ข้าไม่ใช่คนในโลกนี้, ข้ามากจากโลกภายนอก ข้าสามารถพิสูจน์ได้! เนียหลี่ผสานเข้ากับจิตอสูรเงาพรายอย่างไว และร่างของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว”

เห็น’เนี่ยหลี่’เปลี่ยนร่าง, สีหน้า’ซิคงอวี้’ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย จิตอสูรเงาพรายไม่ใช่สัวต์อสูรที่อยู่บริเวณนี้ โดยวิสัยปรกติ,จิตอสูรจะสามารถถนอมรักษาเอาไว้ได้แค่600ปี สำหรับจิตอสูรที่เคยถูกเก็บรักษาไว้แต่อดีตครั้งก่อนเก่าถ้าไม่ถูกใช้ไปก็จะถูกทำลาย

‘เนียหลี่’ผสานร่างกับจิตอสูรที่เขาไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน เพราะเหตุนั้นการที่เขาจะมาจากโลกภายนอกมีความเป็นไปได้สูง

แม้ว่าจิตอสูรนี้จะมาจากโลกภายนอก มันก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ว่าเจ้าไม่ได้มาจากตระกูลอื่นใดๆได้
‘ซิคงอวี้’ยังคงไม่มั่นใจ สีหน้าของเขาดูเศร้าหมองมืดมน ทำให้ยากที่จะเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

‘เนียหลี่’ยิ้มอ่อนๆและพูดขึ้นว่า

“ข้าไม่สามารถพิสูจน์ได้มากไปกว่านี้,แต่อย่างไรก็ตาม,ท่านหัวหน้าตระกูล, ตระกูลปีกสีเงินมีความลับอันยิ่งใหญ่อยู่ข้อนึงคือ เมื่อสมาชิกได้รับปีกสีเงินจากวิหกอัสนีปีกเงิน,ร่างกายของพวกเขาจะต่อต้านที่จะเติบโตต่อ กล่าวโดยทั่วไป,สมาชิกของกระกูลปีกสีเงินจะอยู่ต่อได้อีกแค่ไม่เกิน6ปี เป็นความจริงมิใช่หรือ?”

ได้ฟังที่’เนี่ยหลี่’กล่าว,แววตาของ’ซิคงอวี้’ที่เติมเต็มไปด้วยความเย็นชาก็จ้องมองมาทาง’เนียหลี่’

“แกเป็นใครกันแน่,ไอ้หนู? แกรู้อยู่ใช่ไหมว่าแกกำลังพูดอะไร?”

“ข้าสืบเชื้อสายมาจากตระกูลสีเงินจรัสแสง เรื่องที่ข้ารู้มา,ข้าก็ได้ยินมาจากผู้อาวุโสในตระกูล ซึ่งข้าก็ไม่รู้ว่ามันจริงเท็จประการใด หลังจากที่ข้าพูดออกไปข้าก็รู้ตัวว่าหัวหน้าตระกูลคงไม่ปล่อยข้าไป แต่มันจะเป็นยังไงล่ะถ้าข้าจะบอกว่าข้ามีสูตรที่รักษาปัญหานี้ลงได้? ท่านหัวหน้าตระกูลจะลองคิดดูอีกทีไหม?”

‘เนียหลี’มองไปที่’ซิคงอวี้’ด้วยท่าทีสีหน้าที่ดูสงบเยือกเย็น ในใจของเขาคิดว่า’ซิคงอวี้’คงไม่ปฏิเสธเรื่องที่ล่อใจแบบนี้เป็นแน่

“สูตรรักษา? ฮ่าฮ่า,แกนี่ตลกซะจริง”

‘ซิคงอวี้’หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง อย่างไรก็ตามในการหัวเราะก็เผยให้เห็นอาการสั่นเทาเล็กๆ จากสิ่งนั้น,’เนี่ยหลี่’สามารถรู้สึกได้ว่าเขาก็ไม่ได้เฉยเมยกับความตายที่คืบคลานเข้ามาโดยสิ้นเชิง

“อาการป่วยของตระกูลปีกสีเงินของข้าน่ะไม่มีทางรักษาหรอก”

“ใครบอกว่าไม่มีทางรักษา? เมื่อครั้งที่ตระกูลสีเงินจรัสแสงทราบถึงปัญหาที่ตระกูลปีกสีเงินต้องเผชิญอยู่, เราเหล่าตระกูลสีเงินจรัสแสงก็ไขว่ขว้า ค้นหาวิธีรักษามาเป็นเวลายาวนาน วันหนึ่งเราก็ค้นพบ”

“อย่างไรก็ตาม เราไม่มีเวลาพอที่จะแจ้งให้ตระกูลปีกสีเงินได้รู้ก่อนยุคมืดได้มาถึง ฝูงสัตว์อสูรได้ทำลายตระกูลเงินจรัสแสงเสียหมดสิ้น แต่แล้วสูตรรักษานั้นก็ยังถูกส่งต่อผ่านมา รอคอยให้มีสมาชิกของเราซักคนนึงค้นหาตระกูลปีกสีเงินเจอเพื่อถ่ายทอด เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของบรรพบุรุษ”

(ปั้นเรื่องเป็นตุเป็นตะเลยนะพ่อคุณ)

ถึงแม้ว่า’เนียหลี่’จะปั้นแต่งเรื่องราวขึ้นทั้งเพ,แต่ท่าทีแสดงออกมาของเขาก็ดูจริงจัง (ไอ้พระเอกกระล่อน!)

ด้วยความรู้ของเขาที่มีอยู่ลึกซึ้ง มันจึงไม่ยากเลยที่จะคาดเดาจุดอ่อนของอีกฝ่ายและจี้ให้ถูกจุด จากอาการตอบสนองของ’ซิคงอวี้ ‘ ‘เนียหลี่’ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาชนะแล้ว

“ถ้าเรื่องราวเป็นเช่นนั้น,ก็จงเร่งบอกสูตรรักษามาเถิด”

‘ซิคงอวี้’นั่งลงบนบัลลังก์ด้วยท่าทีสงบลงและมองมาทาง’เนียหลี่’ด้วยสายตาประดุจดั่งเหยี่ยว

“จริงๆแล้ว,ข้าเคารพนับถือท่านหัวหน้าตระกูลและตั้งใจที่จะมอบสูตรรักษาที่ว่านี้ให้ท่านหัวหน้าตระกูลอยู่แล้ว แต่แล้วท่านหัวหน้าตระกูลกลับต้อนรับข้าเยี่ยงนี้ ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคิดถึงความปลอดภัยของตัวข้าเองก่อน ข้าขออภัยด้วยท่านหัวหน้าตระกูล”

‘เนี่ยหลี่’กล่าวพร้อมประสานมือคารวะ

คิ้วทั้งสองของ’ซิคงฮงหยู๋’ขมวดเข้าหากัน นางรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องแต่ก็บอกไม่ถูกว่าอะไร

“ไอ้สวะเอ้ย,แกคิดว่าอาศัยแค่คำพูดของแก คิดว่าข้าจะเชื่อรึ?”

‘ซิคงอวี้’พูดและหัวเราะอย่างเย็นชา

“ข้ารู้ว่าท่านหัวหน้าตระกูลอาจจะไม่เชื่อข้า,แต่ข้าก็มีวิธีที่พิสูจน์มันได้ อาการป่วยของตระกูลปีสีเงินต้องการสมุนไพร76อย่างเพื่อปรุงยา และต้องใช้เวลา49วันในขั้นตอนปรุงเพื่อให้มันออกผลลัพธ์ การต่อต้านของร่างกายจะทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างสุดแสน”

“แต่ข้าก็มีวิธีง่ายๆที่พอใช้บรรเทาอยู่ตรงนี้, ท่านหัวหน้าตระกูล’ซิคง’ ท่านจะลองดูไหมล่ะ!”

‘เนียหลี่’ขยับแขนขวาแล้วนำหญ้าสมุนไพรออกมากำหนึ่งจากแหวนเก็บของของเขา

“นี่คือว่านเทียนฟ้าง(หญ้าเบิกสวรรค์),ข้าเชื่อว่าท่านหัวหน้าตระกูลยี่คงน่าจะรู้จักมัน ว่านตัวนี้ไม่มีสารที่เป็นพิษแม้แต่น้อย มันช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของท่านหัวหน้าตระกูลได้ ท่านหัวหน้าซิคงจะลองดูหน่อยไหม!”

‘เนียหลี’โยนว่านโอสถออกไป

‘ซิคงอวี้’ยืนมือออกไปจับหญ้าโอสถนั้นไว้ เขาลดมือลงเพื่อดูว่านในมือ ใช่แล้วมันคือว่านเทียนฟ้างแน่ๆ มันไม่มีว่านเทียนฟ้างงอกขึ้นได้ในบริเวณนี้ ตั้งแต่เมื่อตระกูลปีกสีเงินได้ย้ายมาอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าแห่งนี้ พวกเขาก็ได้นำหนังสือยาติดตัวมาด้วย ในหนังสือก็มีบันทึกเกี่ยวกับว่านเทียนฟ้างอยู่เช่นเดียวกัน

ถ้า’เนียหลี่’นำว่านที่ไม่รู้จักออกมา เขาก็คงไม่กล้าที่จะทดลอง แต่นี่เป็นว่านเทียนฟ้างที่เขาเองก็รู้จักอยู่ และมันก็ไม่มีพิษ

เห็น’ซิคงอวี้’ลังเล ‘เนียหลี่’ก็ยุเข้าไปอีกนิดเหมือนดั่งเทน้ำมันลงกองไฟ โดยกล่าวว่า

“จากที่เห็นใบหน้าของท่านหัวหน้าซิคง,ท่านน่าจะใกล้ถึงวาระสุดท้ายแล้วกระมัง ดังนั้นจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ?ถึงท่านเพาะบ่มพลังมาได้ถึงระดับตำนาน? แต่เมื่อท่านสิ้นชีพท่านก็จะไม่เหลืออะไรอยู่ดีนอกจากเศษกระดูก”

‘ซิคงอวี้’พ่นลมออกจมูกอย่างเฉื่อยชา จากนั้นจึงโบกมือให้ใครซักคนไปต้มยามาและกล่าวขึ้นต่อ

“ถ้ามันไม่สามารถบรรเทาอาการป่วยได้จริงๆล่ะก็ อย่าหาว่าข้าเสียมารยาทละกัน” (เอาจริงๆลุงดูมีมารยาทตรงไหนเรอะ เห็นจะฆ่าพระเอกตูลูกเดียว)

จากนั้นซักพัก ยาที่นำไปต้มก็ถูกนำมาเสริฟโดยบ่าวไพร่ เมื่อได้รับถ้วยยามาเขาก็ดื่มมัน (เป่าหน่อยไหมลุง ร้อนลิ้นแทน) จากนั้นใบหน้าของ’ซิคงอวี้’ก็เริ่มเหยเก

“ท่านพ่อ!! ซิคงฮงหยู๋ตะโกนอย่างร้อนใจเป็นห่วง”

รังสีเข่นฆ่าแผ่ออกมาจากร่างของนาง กระบี่ยาวในมือจ่อมาที่คอของ’เนียหลี่’

“ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับท่านพ่อของข้า, ข้าจะฝังแกไว้พร้อมกับเขา”

จากนั้นช่วงครู่, ‘ซิคงอวี้’ก็ปล่อยลมหายใจออกยาว เขารู้สึกถึงร่างกายที่สบายขึ้น ความเจ็บปวดในร่างกายที่อยู่กับเขามาเนิ่นนานถูกบรรเทาลงไปอย่างมาก เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าว่านเทียนฟ้างจะทำให้บังเกิดผลแบบนี้ได้

‘ซิคงอวี้’โบกมือและพูดขึ้น

“ฮงหยู๋,ถอยออกไป!!”

‘ซิคงฮงหยู๋’มองมาที่’ซิคงอวี้’แล้วจึงเก็บกระบี่ไว้ข้างตัวและถอยออกไป

‘ซิคงอวี้’กล่าวอย่างเย็นชา

”ถ้าเจ้ามีสูตรรักษาอยู่ก็จงรีบนำมันออกมาเดี๋ยวนี้และข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

ได้ยินคำของ’ซิคงอวี้’, ‘เนียหลี่’ก็หัวเราะและกล่าวขึ้น

“หลังจากที่ท่านหัวหน้าตระกูลรู้ถึงสรรพคุณของว่านเทียนฟ้าง,ท่านก็ควรจะเชื่อข้าได้แล้วนะ ลูกผู้ชายไม่ควรยืนหลังชนฝา ท่านหัวหน้าตระกูลคงไม่คิดว่าข้าจะมอบมันให้หรอกนะ ถ้าเกิดท่านกลับคำขึ้นมา,ข้าก็ซี้แหงแก๋น่ะสิ”

ยิ่งกว่านั้นมันมีสมุนไพรมากมายที่ต้องใช้ตามที่ตำรับยาบอก แถมมันก็จะหาได้จากโลกภายนอกเท่านั้นถึงจะเห็นผล

“ไอ้หนุ่มแกแน่ใจแล้วหรือที่จะต่อต้านข้าน่ะ”

‘ซิคงอวี้’ มองเนียหลี่อย่างเย็นชา

“ข้ามีวิธีทรมาณให้แกยอมคายสูตรนั้นออกมาเป็นพันๆวิธีเลยทีเดียวนะ”

‘เนี่ยหลี’ขำ

“ท่านหัวหน้าตระกูล,ท่านแก่แล้วนะ อย่างมากก็แค่เราตายกันทั้งคู่ ถ้าท่านบังคับข้าๆอาจจะเปลี่ยนแปลงมันไปซักเล็กน้อย ท่านคิดหรือว่าด้วยวัยของท่านๆจะยังอยู่รอดต่อไปได้อีก”

‘เนี่ยหลี’ประสานสายตากับ’ซิคงอวี้’ด้วยความเย็นชาเช่นเดียวกัน

จากนั้นชั่วครู่,’ซิคงอวี้’ก็หัวเราะออกมาและกล่าวจึงขึ้นว่า

“โถ่หลานเหลยโจ๋ว เจ้าช่างกล้าหาญซะเหลือเกิน เมื่อกี้ข้ากำลังทดสอบเจ้า แต่เจ้าก็สมควรแล้วที่เป็นผู้สืบทอดตระกูลสีเงินจรัสแสง สมควรแล้วจริงๆ ข้าดีใจจริงๆที่ได้เห็นว่าตระกูลสีเงินจรัสแสงมีผู้สืบทอดที่เหมาะสมได้ถึงเพียงนี้”

ได้ยินคำของ’ซิคงอวี้’,’เนียหลี่’ก็สบถในใจว่า

“จิ้งจอกเฒ่าเอ้ย”

แต่อย่างไรก็ตามเขาก็รักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้

“ท่านลุงก็ยกยอข้าเกินไป ก็มันไม่ใช่เพราะทำเพื่อตระกูลปีกสีเงินหรอกหรือที่ทำให้ตระกูลสีเงินจรัสแสงของข้าได้ค้นคว้าหาสูตรตำรับรักษานี้มาจนได้? เพื่อรักษาท่านลุงจากอาการป่วย,ถึงตัวข้าจะตายอีกซักล้านครั้งข้าก็จะไม่ลังเล นี่คือว่านเทียนฟ้างทั้งหมดที่ข้ามี มันคงสามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดไปได้อีกหลายเดือน”

‘เนี่ยหลี่’ขยับมือและหยิบว่านเทียนฟ้างโยนออกไป

‘ซิคงอวี้’ได้รับว่านเทียนฟ้างแล้วพยักหน้า จากนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า

“หลานนี่ช่างรอบคอบซะจริงๆ ต่อไปก็ถือว่าตระกูลปีกสีเงินเป็นดั่งบ้านของหลานละกันนะ เจ้าจะสามารถไปที่ไหนแห่งใดก็ได้ ไม่มีใครที่จะห้ามเจ้า! และถ้ามีอะไรที่หลานอยากได้ก็แล้วแต่ เจ้าก็บอกมาได้เลย!”

(สรุปจิ้งจอกเฒ่า VS จิ้งจอกหนุ่มเว้ยเฮ้ย ฮ่าฮ่าฮ๋า)

แปลโดย: IDeaPaeTonG นะแจ๊ะ…

จบตอน…

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments