I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 149 อัญมณีจิตหิมะสลาตัน

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 17746 | 2522 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘เนียหลี่’ยืนอยู่นั้นและมิได้ปริปากส่งเสียงใดๆออกมา ในภพก่อนนั้น ครั้งหนึ่งเขาเองก็เคยต้องระทมทุกข์จากความเจ็บปวดเพราะต้องสูญเสียคนรักไป เหตุฉะนี้ เขาจึงเข้าใจความรู้สึกของต้วนเจี้ยนเป็นอย่างดี

‘ต้วนเจี้ยน’ยังคงมีจิตใจเข้มแข็งอยู่มาก ซักพักจากนั้น เขาก็ปาดน้ำตาและลุกขึ้น แล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่งเบื้องหน้า’เนี่ยหลี่’ เขาจ้อง’เนียหลี่’อย่างแน่วแน่และพูดขึ้น

“ต้วนเจี้ยนพร้อมรับคำสั่งนายท่านทุกเมื่อ!! “

ความคิดของเขานั้นช่างเรียบง่ายๆ ‘เนียหลี่’เป็นผู้ให้ความหวังว่าเขาจะได้แก้แค้น ดังนั้นจากบัดนี้ต่อไป’เนี่ยหลี่’ก็จะเป็นดั่งพระเจ้าของเขา ไม่ว่า’เนียหลี่’ต้องการให้เขาทำอะไร เขาก็พร้อมที่จะบุกน้ำลุยไฟอย่างไม่มีวันถอย

‘เนียหลี่’ค้นดูโดยรอบอยู่ซักพักก็พบแหวนเก็บของจึงรวบเก็บมันมา ภายในแหวนเก็บของ นอกจากหินศิลาแห่งแสง 50 ก้อนแล้ว มันยังมีอาวุธ ชุดเกราะ และสมุนไพรอยู่อื้อ แต่สิ่งที่ทำให้’เนียหลี่’แปลกใจเล็กๆก็คือ เสบียงอาหารที่อยู่ภายในแหวน มันมีจำนวนมากมายพอที่จะอยู่รอดได้เป็นปีๆ

ด้วยหินศิลาแห่งแสงเหล่านี้ เขาจะออกจากโลกนี้ไปสู่โลกภายนอกตอนไหนก็ได้ เขาค้นหาแหวนเก็บของๆผู้เชี่ยวชาญระดับโกลด์คนอื่นๆต่อ ถึงแม้สิ่งของภายในจะไม่มีมูลค่าดังเช่นของ’ซิคงจื่อ’ แต่ก็ยังพอพบของมีค่าอยู่ได้บ้าง

สิบวันต่อจากนี้เราจะสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ที่ตระกูลปีกสีเงิน และช่วย’เซียวหนิงเอ๋อ’ ‘ลู่เปียว’ และคนอื่นๆออกมา ‘เนียหลี่’มองออกไปที่ทิวเขาที่ปกคลุมไปด้วยป่ารกชัฏไกลโพ้นสุดวิสัยทัศน์เบื้องหน้าแล้วพูดขึ้น

“เจ้ารู้สถานการณ์ของแต่ละตระกูลภายในเทือกเขานั่นไหม?”

“ด้วยความเคารพนายท่าน มันมีทั้งหมด 13 ตระกูล ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นช่างซับซ้อน ในบรรดาตระกูลทั้งหม, มีบางตระกูลผูกเป็นพันธมิตรกัน ในขณะที่บางตระกูลก็อิจฉาริษยากันและคอยปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองเอาไว้ ตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุด 3 ตระกูลก็คือ ตระกูลปีกสีเงิน ตระกูลอัคคีสวรรค, และตระกูลหมาป่าธุลี ทั้งสามตระกูลล้วนแต่มีผู้เชียวชาญระดับตำนาน ในขณะที่เหลือมีเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญระดับแบล๊คโกลด์เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ในเมื่อพวกเขาที่เหลือสามารถเอาชีวิตรอดภายในเทือกเขานี้มาได้อย่างยาวนานเช่นกัน ก็แสดงว่าพวกเขาก็ล้วนแต่มีวิธีการเอาตัวรอดเก็บงำซ่อนเอาไว้อย่างแน่แท้ นอกเหนือจาก สิบสามตระกูลก็ยังมีหมู่บ้านอีกมากมายภายใต้เทือกเขาแห่งนี้ ซึ่งผู้แข็งแกร่งที่สุดของแต่ละหมู่บ้านน่าจะเชี่ยวชาญอยู่เพียงแค่ระดับโกลด์เท่านั้น หมู่บ้านเหล่านี้ จำเป็นต้องส่งเครื่องบรรณาการ มิเช่นนั้นพวกเขาคงถูกรุกรานโดยสักตระกูลหนึ่ง และกลายเป็นทาสไปอย่างแน่แท้”

‘ต้วนเจี้ยน’อธิบาย

สามผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานและระดับแบล๊คโกลด์อีกเป็นจำนวนมาก!!
‘เนียหลี่’ไม่เคยนึกคิดมาก่อนว่าในโลกต่างมิติแห่งนี้จะเต็มไปด้วยเหล่าผู้เชี่ยวชาญมากมาย อย่างไรก็ตามเนื่องจากขาดแคลนอสูรวิญญาณ มันจึงเป็นงานยากโพดๆ ที่จะหาจิตอสูรให้เหมาะสมกับเหล่าระดับตำนาน

เพราะฉะนั้นถึงแม้พวกเขาหลายๆคนจะเป็นถึงนักสู้ระดับตำนานแต่ก็หามีคนใดเป็นร่างทรงอสูรไม่ เพราะเหตุนี้ฝีมือของพวกเขาจึงยังห่างไกลเมื่อเทียบกับท่าน’เอี้ยมัว’
แต่ละตระกูลถือกรรมสิทธ์ครอบครองภูเขาแต่ละลูกเป็นเอกเทศและอ้างตัวว่าเป็นเจ้าของในทุกๆสิ่ง โดยมิมีผู้ใดคัดค้านการถืออ้างของพวกเขาเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาล้วนใช้กำลังอำนาจไปในทางที่ผิด ‘เนียหลี่’หันมองไปทาง’ต้วนเจี้ยน’และพูดขึ้น

“ในบรรดา13ตระกูล ตระกูลไหนที่ดูเป็นธรรมที่สุด”

“ด้วยความเคารพนายท่าน ในบรรดา13ตระกูล ตระกูลที่เป็นธรรมที่สุดก็น่าจะเป็นตระกูลอัคคีสวรรค์ขอรับ ความแข็งแกร่งของพวกเขาเป็นรองเพียงแค่ตระกูลปีกสีเงิน ในขณะที่ตระกูลปีกสีเงินนั้นพยายามจะครอบงำยึดครองตระกูลอื่นๆ ก็มีตระกูลเพียงอัคคีสวรรค์ที่รวบรวมอีกสี่ตระกูลเพื่อต่อกรกับตระกูลปีกสีเงิน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมตระกูลปีกสีเงินจึงมิอาจหาญกล้าเคลื่อนไหวอะไรได้มากนัก ข้อมูลนอกเหนือจากนี้คือ ทั้ง13ตระกูลนั้นมีเมืองการค้าร่วมกัน แต่ก็หาได้มีผู้ใดที่มาจัดการเฝ้าดูแลเป็นกิจลักษณะทำให้ที่นั้นดูค่อนข้างสับสนอลหม่าน ครั้งนึงไอ้แก่สารเลวซิคงอวี้หวังเป็นผู้รับเลือกให้มีอำนาจควบคุมตัดสินดูแลเมืองการค้านั้น แต่แล้วอีก11ตระกูลกลับเห็นชอบให้ตระกูลอัคคีสวรรค์เป็นผู้ถืออำนาจดูแลเมือง ทั้ง11ตระกูลต่างเชื่อว่ามีเพียงตระกูลอัคคีสวรรค์เท่านั้นที่น่าไว้ใจและดูยุติธรรมที่สุด”

‘ต้วนเจี้ยน’กล่าวต่อไป

“เมือง?”

‘เนียหลี่’ขมวดคคิ้วและพูดขึ้น

“กว่าจะถึงวันนัดหมาย เรายังคงมีเวลาอีกถึง10วัน งั้นเราน่าจะไปเยี่ยมดูที่นั้นซะหน่อย เราอาจจะพบอะไรดีๆก็ได้”

‘ต้วนเจี้ยน’พูดขึ้นอย่างเร่งรีบ

“ข้าเกรงว่าจะไม่เหมาะนะนายท่านที่นั้นเต็มไปด้วยหูตาของแต่ละตระกูลรวมถึงคนของตระกูลปีกสีเงินด้วย ถ้าเราไปปรากฏตัวที่นั้น ไม่นานข่าวการปรากฏตัวของเราต้องไปถึงหูไอ้เฒ่าสารเลวซิคงอวี้แน่ๆ”

“ถ้าเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง”

‘เนียหลี่’แย้มยิ้มและนำภาชนะเล็กๆออกมาแล้วละเลงไปบนใบหน้าของเขา ทันทีทันใดนั้นโฉมหน้าของเขาก็กลับกลายเป็นผู้อื่นไปในบัดดล

‘ต้วนเจี้ยน’อึ้งในขณะที่จ้องมอง’เนี่ยหลี่’ผู้ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนรูปโฉมไปโดยสิ้นเชิง เขาตะลึงค้างอึ้งอยู่อย่างงั้นไปซักพักใหญ่ๆ

“นายก็ลองด้วยซิ”

‘เนียหลี่’กล่าวแล้วโยนครีมแป้งเมฆาสูตรพิเศษไปทาง’ต้วนเจี้ยน’

‘ต้วนเจี้ยน’ลองมันและโฉมหน้าของเขาก็กลายเป็นไอ้หนุ่มสุดอัปลักษณ์ไปอย่างรวดเร็ว (เหอะๆ ไม่อยากจะนึกภาพ)

“ฮ่าฮ่า”

ได้เห็นรูปลักษณ์’ต้วนเจี้ยน’ ‘เนียหลี่’ก็ช่วยไม่ได้เลยที่จะรู้สึกตลกกับภาพตรงหน้าเพราะนี่มันเป็นครั้งแรกที่’ต้วนเจี้ยน’ใช้ครีมแป้งเมฆานี่เนอะ! แม้’เนียหลี่’จะรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่แต่ก็ยังพอรับกับรูปโฉมเบื้องหน้าได้ (ว่าจะไม่ใส่รูปต้วนเจี้ยนตอนแปลงโฉมแล้วนะ แต่อดใจไม่ได้ คิดแล้วก็ลั่น 5555)

หลังจากแปลงโฉม ‘ต้วนเจี้ยน’ที่ดูทางท่าค่อนข้างพิลึกพิลั่นเก้ๆกังๆ ก็รีบทำการอำพรางร่างสมาชิกของตระกูลปีกสีเงินทั้ง5ศพ

“วู้วววว~วู้วววว~วู้วววว”

เขาทั้งสองคนบินไป โดย’ต้วนเจี้ยน’คอยคุ้มกันให้’เนียหลี่’และแล้วก็ร่อนตัวลงสู่พื้นทันทีที่ถึงเมืองการค้าของ13ตระกูล

มันเป็นการยากที่จะจินตนาการได้ว่าท่ามกลางทิวเขารกชัฏที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรนั้นจะมีเมืองที่ดูเอะอะวุ่นวายแบบที่เห็นได้อยู่เบื้องหน้า ตลาดแห่งนี้เรียงตัวทอดยาวออกไปสุดลูกหูลูกตา สิ่งปลูกสร้างมากมายที่นี่ทำจากไม้หนาๆและยังมีฐานป้องกันถูกปลูกสร้างเอาไว้ด้วย

ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่ใส่เสื้อผ้าเรียบง่ายและตั้งหน้าร้านวางสิ่งของซื้อขายกันบนพื้น มีการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าต่างๆมากมาย เสียงการต่อรองสินค้าดังเซ็งแซ่สามารถได้ยินได้โดยง่าย

นอกเหนือจากผู้คนจาก13ตระกูลที่เดินกันขวักไขว่แล้ว ก็ยังมีชาวบ้านจากหมู่บ้านต่างๆเดินไปมาอยู่อีกมากมาย แต่ผู้คนในเมืองนั้นล้วนแต่ดูซูมผอมและอดอยากขาดอาหาร

จากถ้อยคำของ’ต้วนเจี้ยน’ ‘เนียหลี่’ทราบได้ว่าเสบียงอาหารของที่โลกนี้ขาดแคลนเอาเสียมากๆไม่เว้นแม้แต่ตระกูลทั้งสิบสาม แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาแทบจะไม่สามารถบริหารทรัพยากรอาหารและเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มให้เพียงพอได้ดีเท่าที่ควรนัก แต่อย่างไรก็ยังถือว่าดีกว่าพวกชาวบ้าน

สำหรับพวกชาวบ้านมันเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ใจ เพราะเนื้อของสัตว์อสูร ณ โลกแห่งนี้โดยทั่วไปส่วนใหญ่ล้วนมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวพิลึกและรสชาติอุบาดชวนแหวะ ซึ่งทำให้พวกมันไม่เหมาะจะนำมาทำเป็นอาหาร มีเพียงสัตว์อสูรส่วนน้อยนิดเท่านั้นที่สามารถนำมากินๆได้ เพราะฉะนั้นพวกมันจึงต่างถูกล่า

ทำให้จำนวนพวกมันลดน้อยลงจนเหลือคงอยู่รอดอีกเพียงน้อยนิด ดังนั้นเหล่ามนุษย์ ณ โลกนี้จึงมีเพียงผลไม้ป่าและเห็ดเท่าที่ใช้เป็นเสบียงอาหารหลักๆได้

ที่นี่เสบียงอาหารมันเป็นสิ่งมีค่าอย่างมาก!!

เกี่ยวกับเรื่องเสบียงอาหาร’เนียหลี่’มิได้มีความสนใจในเรื่องนี้เลย แม้ว่าเมืองกลอรี่จะถูกล้อมไปด้วยสัตว์อสูร แต่จำนวนสัตว์อสูรที่ถูกสังหาร กำจัดทิ้งไปเป็นพื้นฐานรายวันนั้นก็มีจำนวนมากเหลือ มันมากพอที่เป็นเสบียงให้สำหรับทุกคน ยิ่งกว่านั้นยังมีพื้นที่กว้างๆอีกมากมายที่เมืองกลอรี่ใช้เพื่อการเพาะปลูก

ก่อนที่จะเดินทางมาสู่โลกนี้ ‘เนียหลี่’ก็ได้ตระเตรียมเสบียงอาหารไว้มากพอที่จะอยู่ที่นี่ได้ถึง2ปีทีเดียว และถ้ารวมกับอาหารในแหวนเก็บของที่เขารูดทรัพย์มาจากศพผู้เชี่ยวชาญระดับโกลด์ทั้งห้าแล้ว เขาก็ยิ่งมีอาหารมากมายเกินพอ

นอกจากเรื่องเสบียงอาหาร ที่นี่ก็ยังมีสิ่งอื่นอีกที่ทำให้เนียหลี่รู้สึกสั่นระรัวในหัวใจได้

นั้นคือ….หินศิลาโลหิตที่ยังไม่ถูกสกัดให้บริสุทธิ์นั้นมีค่าราคาถูกกว่าเนื้อสัตว์ชิ้นเล็กเสียอีก หินวิญญาณมังกรมีค่าเพียงแค่เสบียงอาหารกระสอบเล็กๆ พวกเขาจะรู้ไหมนั้น! ว่าของที่ว่ามาเหล่านี้มีค่ามีราคามากมายเท่าไหร่

ไม่ต้องไปพูดถึงหินศิลาโลหิต เอาแค่หินวิญญาณมังกรก็สามารถใช้ฝังเข้ากับอาวุธซึ่งสามารถทำให้ทักษะการต่อสู้ของอาวุธชิ้นนั้นเพิ่มพูนขึ้นหลายเท่าตัว!

สิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งหายากโคตรๆที่โลกภายนอก แต่ ณ โลกแห่งนี้ มันหาได้ง่ายๆ หาพบได้ทุกหนทุกแห่ง ซึ่งเขาเองก็เห็นได้อยู่ว่ามีร้านค้าหลายๆร้านที่ขายของที่ว่ามาเป็นหลัก

เห็น’เนียหลี่’ถือหินวิญญาณมังกรเอาไว้ด้วยท่าทีตื่นเต้น ต้วนเจี้ยนจึงพูดขึ้น

“ในเทือกทิวเขาแห่งนี้ มีเหมืองอยู่มากมายที่ขุดผลิตแร่ต่างๆหลากหลายชนิด”

แร่อย่างที่นายท่านถืออยู่นั้นเป็นของธรรมดาหาได้ง่ายสุดๆ

“แร่นี้อ่ะนะหาง่ายๆธรรมดา?”

‘เนียหลี่’หยิบหินวิญญาณมังกรขึ้นมาชิ้นนึงแล้วถามต่อ

“นายรู้ไหมว่าหินนี้มันมีประโยชน์ใช้งานยังไง?”

“ถ้าแร่ชนิดนี้ถูกสกัดและนำไปเป็นหัวลูกธนู พวกมันจะมีอานุภาพสังหารขั้นสูงเมื่อนำไปใช้กับสัตว์อสูร หัวเกาทัณฑ์สำหรับคันธนูของทุกๆตระกูลล้วนต่างทำจากแร่ชนิดนี้”

‘ต้วนเจี้ยน’กล่าว

“อย่างไรก็ตาม เมื่อหัวธนูชนิดนี้ยิงเข้าสู่ร่างของสัตว์อสูร หัวธนูก็จะละลายเข้าสู่ร่างของพวกมัน เพราะฉะนั้นอัตราการใช้หมดไปจึงค่อนข้างสูงเพราะนำกลับมาใช้ใหม่ไม่ได้อีก”

เอาไปทำหัวลูกธนู? ใช้มันเหมือนสิ่งของใช้แล้วทิ้ง? ‘เนียหลี่ไ’ม่รู้ว่าพูดออกมายังไงต่อดี! ไหงเอาของดีมาผลาญเล่น นี่มันบ้าชัดๆ !!

“ต้วนเจี้ยน นายจงไปแลกเปลี่ยนหินศิลาโลหิตมาพันก้อน หินวิญญาณมังกรอีกพันก้อนและก็แร่เหล่านี้ อ่อ…อันนี่ด้วย”

‘เนียหลี่’นำแหวนเก็บของที่เติมเต็มไปด้วยเสบียงอาหารส่งไปให้ต้วนเจี้ยนเพื่อให้เขานำไปแลกเปลี่ยนสินค้าที่ว่ามา ‘เนียหลี่’อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะล่าค้นหาสิ่งของแปลกๆใหม่ๆ เขาจึงมองกวาดตาค้นหาไปรอบๆ แววตาของเขายังคงค้นหาไปทั่วอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็หยุดลงที่สิ่งของชิ้นนึง

มันเป็นสิ่งของที่ดูแปลกตารูปทรงกลม มันค่อนข้างดูเหมือนหุ่นเชิดวิญญาณ สิ่งนี้ทำมาจากโลหะที่นำมาประกอบกันจนแลดูซับซ้อน จากการสังเกต ‘เนียหลี่’สามารถบอกได้ว่ามันต้องถูกประดิษฐ์คิดค้นด้วยฝีมือของผู้ที่เชี่ยวชาญอย่างยิ่ง แต่อย่างไรก็ตาม วิธีการที่จะใช้สิ่งของชิ้นนี้แม้แต่เนียหลี่ก็ยังไม่สามารถบอกได้

คนที่ขายของชิ้นนี้เป็นเพียงชายแก่ที่สวมใส่เสื้อผ้าขาดๆรุ่งริ่ง รูปร่างของเขาดูซูบผอมและอ่อนแอ ตาอันขุ่นมัวไม่มีร่องรอยของการกวาดล้าง หน้าร้านของเขามีสินค้าอยู่เพียงน้อยนิด

‘เนียหลี่’ยืดมือเขาออกไปหยิบวัตถุทรงกลมขึ้นมา (เลขที่ท้ายสองตัวเลขที่ออก แอ่ดๆๆ เดี๋ยวๆ มาผิดงานละโทดๆ) ภายในวัตถุโลหะชิ้นนี้ยังมีคริสตัลส่องเป็นประกาย ภายในคริสตัล มีหิมะหมุนวนพันเป็นเกลียวและเปลี่ยนรูปทรงไปอย่างต่อเนื่อง

เมื่อ’เนียหลี่’ได้เห็นสิ่งตรงหน้า เขาก็ตกตะลึงสุดแสน

นี่มัน….!!! นี่มัน!!! นี่มัน…..!!!

 

สิ่งที่ว่านั้นมันก็คือ อัญมณีจิตหิมะสลาตันในตำนาน!!

“นายน้อยที่ยืนอยู่ตรงนั้น นั้นมันคือสมบัติที่ถูกสืบต่อตกทอดมารุ่นสู่รุ่นในตระกูลของข้าเป็นระยะเวลามากกว่า500ปี ถ้าไม่เป็นเพราะตระกูลข้าเข้าสู่ภาวะตกต่ำดั่งใน ณ ตอนนี้ ข้าเองก็ไม่คิดที่จะนำมันมาขายเลย”

ชายแก่พูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าวและดูอ่อนแรง

“มันราคาเท่าไหร่”

‘เนียหลี่’อ้าปากถามขึ้น

“เสบียงอาหาร5กระสอบแล้วข้าจะขายให้เจ้า”

ชายแก่พูดขึ้นหลังจากไตร่ตรองอยู่ซักพัก

“อะไรนะ? อาหาร5กระสอบ?”

‘เนียหลี่’เปล่งเสียงออกมา นี่มันเรื่องตลกบ้าอะไรกันวะเนี่ย? อาหาร5กระสอบสามารถซื้ออัญมณีจิตหิมะสลาตันได้? นี่มันอัญมณีจิตหิมะสลาตันนะเฮ้ย, 1 ใน 9 อัญมณีจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่เลยนะ! ด้วยอัญมณีจิตหิมะสลาตัน มันสามารถทำให้เหล่าร่างทรงอสูร

อสูรวายุเหมันต์มีพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นได้หลายเท่าตัว เพิ่มขึ้นได้มากกว่าที่พวกเขามีอยู่แรกเดิมเสียอีก ยิ่งเสียกว่านั้น บรรดาทักษะการต่อสู้ของร่างทรงอสูรวายุเหมันต์คนนั้นก็จะมีความชำนาญเพิ่มมากขึ้นและเพิ่มอานุภาพให้รุนแรงขึ้นอีกด้วย!

ของชิ้นนี้มันเข้าขั้นเทพเจ้าเลยนะ….!

“อาหารห้ากระสอบมันแพงไปหรอ? งั้นสามกระสอบเป็นไง?”

ชายแก่มองดู’เนียหลี่’ อย่างขลาดกลัวและตกใจกับท่าทีของ’เนียหลี่’

“แคร๊กะ…แคร๊กะ!!”

‘เนียหลี่’ไอแห้งไป2ที หลังจากคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็เริ่มเข้าใจ ในช่วงยุคมืดนั้น มีทรัพย์สมบัติที่เคยปรากฏว่ามีอยู่แต่ก่อนเก่ามากมายที่ได้หายสาบสูญไปอย่างยาวนาน

แม้ว่าของสิ่งนี้จะถูกส่งต่อตกทอดมาบรพพบุรุษของพวกเขา แต่ชายแก่คนนี้ก็มิอาจรู้ว่าจะใช้อัญมณีจิตหิมะสลาตันไปอย่างคุ้มค่าได้อย่างไร (คือไม่รู้มูลค่าของมัน ว่าควรขายได้ถูกแพงได้มากน้อยแค่ไหน)

ดังนั้น ถ้ามันสามารถนำมาแลกอาหารเพื่อเอามาประทังชีวิตได้เป็นจำนวนมากพอจนเป็นที่น่าพึงพอใจแล้ว มันไม่มีอะไรต้องไปแคร์อะไรอีก กับอิแค่เรื่องคำสั่งเสียของบรรพบุรุษที่ให้ปกป้องรักษาสิ่งของชิ้นนี้เอาไว้(พูดง่ายๆ เอาตัวให้รอดก่อน จะขาดอาหารตายอยู่แล้วขอรับ ท่านบรรพชน!)

ชายแก่มองไปทีเนียหลี่อย่างดูหมดหนทางและพูดขึ้น

“งั้นสองกระสอบก็ได้ ขาดตัวแล้ว ถ้าน้อยกว่านี้ไม่ไหวละนะ”

‘เนียหลี่’มองที่ชายแก่แล้วคิดในใจ เกี่ยวกับสิ่งของอันมีมูลค่ามากมายชิ้นนี้ หากแม้ยังอยู่ในมือของชายแก่ มันก็หาได้มีประโยชน์อันใดไม่สิ่งที่พวกเขาต้องการก็แค่ อาหาร

“อาหาร20กระสอบและเนื้ออีก2.26Kg ทั้งหมดเป็นของท่าน!”

‘เนี่ยหลี่’กวาดมือขวาส่งเสบียงอาหารข้างต้นไป แล้วหยิบสิ่งของ (อัญมณีจิตหิมะสลาตัน) กลับคืนมา ถ้าเขาเสนอสิ่งของแลกเปลี่ยนให้ชายแก่มากเกินไป ชายแก่ก็ไม่น่าจะสามารถขนกลับไปได้หมด

มองดูเสบียงอาหารทั้งหมดที่เนี่ยหลี่นำเสนอมาให้ตรงหน้า ชายแก่ก็จมไปกับห้วงอารมณ์ความคิด และความรู้สึกอันแสนตกตะลึงเป็นเวลานานพักใหญ่ หลังจากนั้นน้ำตาก็ร่วงผลอยๆเป็นสายผ่านใบหน้า หลังจากนั้นชายแก่ก็หมอบกราบลงกับพื้นแล้วคารวะ’เนี่ยหลี่’

จบตอน: จริงๆแล้นนะ 55555

พบกันใหม่ตอนหน้า

( To Be Continue….)

แปลโดย: IDeaPaeTonG นะแจ๊ะ…

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments