I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 157 กลับ

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 16849 | 2523 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ หันกลับไปมองดินแดนคุกนรกเป็นครั้งสุดท้าย แม้ว่ามิติแห่งนี้จะเต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน แต่ก็ทำให้นางได้ผจญภัยร่วมกับเนี่ยหลี่ ยามที่นางเกือบเอาชีวิตไม่รอด ก็ได้เนี่ยหลี่มาช่วยไว้ เขาได้ช่วยชีวิตของนางจากปากของสัตว์อสูรโดยไม่สนความปลอดภัยของตัวเอง

นางจะไม่มีวันลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในมิติแห่งนี้เลย ทุกๆ เรื่องราวจะกลายเป็นความทรงจำอันล้ำค่าที่นางจะเก็บมันไว้ในใจ

บางครั้งนางถึงกับคิดไปว่า จะดีแค่ไหน หากทุกคนอยู่ในดินแดนคุกนรกตลอดไป ต่อให้ในมิติจะเหน็บหนาว แต่หากมีเนี่ยหลี่อยู่ข้างกาย นางก็ยังรู้สึกอบอุ่นใจที่มีคนที่สามารถพึ่งพาได้ ทว่า ในเมื่อนี่เป็นเพียงความเพ้อฝัน นางจึงได้แต่ลอบถอนใจ

‘เนี่ยหลี่’หันกลับมาเห็นสีหน้าของนางก็ต้องงุนงง ถามว่า

“เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่มีอะไรหรอก”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ตอบ นางส่ายหน้าก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อปิดบังใบหน้าที่ขึ้นสีแดง แล้วรีบเดินเข้าไปในลวดลายอาคมเคลื่อนย้ายหลังจากนั้น เนี่ยหลี่ก็เดินตามเข้าไป

ณ เมืองกลอรี่

ระหว่างที่ทุกคนไม่อยู่ ค่ายกลหมื่นอสูรได้ถูกดำเนินการตั้งค่ายกลจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งเอียซิ่วและเอียเซิ่งต่างก็เก็บซ่อนความตื่นเต้นไว้ไม่ได้ ทันทีที่ค่ายกลถูกเปิดใช้ เมืองกลอรี่จะมีเกราะป้องกันเพิ่มอีกชั้นหนึ่ง

“เนี่ยหลี่ ไอ้หนูนั่นสร้างผลงานให้เมืองกลอรี่อย่างมากทีเดียว นับว่าหักลบกลบหนี้เรื่องที่ผ่านมาได้เกินพอ หากเขาสามารถสร้างความดีความชอบมากกว่านี้ ต่อให้เขาต้องการให้คนเฒ่าคนแก่อย่างข้าไปขออภัยเขา ข้าก็ยังยินดี”

‘เอียเซิ่ง’พูด ขณะทอดสายตาไปยังค่ายกลหมื่นอสูร

เขาได้เห็นอำนาจของค่ายกลหมื่นอสูร และค่ายกลเทพอัสนีบาตสังหารมาแล้ว ค่ายกลพิฆาตระดับเดียวกันแปดชนิดรวมกันเป็นค่ายกลหมื่นอสูรกาย พลังของค่ายกลจะต้องเกินกว่าใครจะจินตนาการได้เป็นแน่

เมื่อตอนที่อสูรโลกันตร์บุกจวนเจ้าเมือง ในยามที่คับขันอย่างที่สุด เนี่ยหลี่ยังส่งกุญแจควบคุมค่ายกลหมื่นอสูรและค่ายกลเทพอัสนีบาตพิฆาตให้เขา ในตอนนั้น ความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ที่เอียเซิ่งมีต่อเนี่ยหลี่ก็อันตรธานไป บางทีอาจถึงขั้นรู้สึกเอ็นดูขึ้นมา

แม้ว่า’เนี่ยหลี่’จะวางตัวตามสบาย ดูสง่างามแม้ในยามที่ทำตัวเหลวไหล ขณะเดียวกันก็ยังเป็นคนตรงไปตรงมา ทั้งเรื่องสูตรยาทิพย์และค่ากลหมื่นอสูร ก็นับว่าเป็นคุณประโยนช์ต่อเมืองกลอรี่ในระดับที่เรียกว่าหากมีการสร้างอนุเสาวรีย์ให้’เนี่ยหลี่’ก็ไม่แปลกแม้แต่น้อย

ในสายตาของ’เอียเซิ่ง’ การปกป้องเมืองกลอรี่นับว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัส เรื่องอื่นๆ ไม่ว่าเรื่องใดนับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการปกป้องเมือง แน่นอนว่าการปล่อยวางเรื่องของบุตรีเพื่อทำหน้าที่เจ้าเมืองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

“แล้วเนี่ยหลี่ ไอ้หนูนั่นหายไปไหน? เหตุใดเราจึงหาตัวไม่พบสักที นี่มันนานมากแล้วนะ?”

‘เอียเซิ่ง’ขมวดคิ้วเป็นปม ‘เนี่ยหลี่’กับพลพรรคพากันหายตัวไปหลายวันแล้ว

เรื่องนี้’เอียซิ่ว’กลับไม่สามารถช่วยได้ เขาส่งคนออกค้นหาในหลายๆ ที่ แต่กลับไม่ได้รับรายงานว่าพบร่องรอยของคนในกลุ่มของเนี่ยหลี่ที่ใดเลย นั่นทำให้เขาเริ่มนั่งไม่ติดที่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเนี่ยหลี่และพรรคพวกจะถูกพวกสมาคมทมิฬลักพาตัวไป?….แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานอะไรที่ชี้ไปทางนั้น

เวลานี้ พวกเขาค่อยตระหนักถึงความสำคัญของ’เนี่ยหลี่’ หากรู้เรื่องนี้ก่อน พวกเขาจะต้องส่งคนคอยอารักขา’เนี่ยหลี่’แน่ครู่ต่อมา ข้ารับใช้คนหนึ่งรีบเข้ามาแจ้งว่า

“รายงานท่านเจ้าเมือง เอียซิ่ว เนี่ยหลี่กลับมาแล้วขอรับ ตอนนี้รออยู่ที่ห้องโถงของจวนเจ้าเมืองขอรับ”

เมื่อได้ยินรายงาน ทั้ง’เอียเซิ่ง’และ’เอียซิ่ว’ต่างก็สามารถมองเห็นประกายยินดีในแววตาของอีกฝ่าย เด็กนั่นกลับมาจนได้!! เท่านี้พวกเขาก็สามารถปล่อยวางความกังวลในหลายวันนี้ออกไปได้

ณ ห้องโถงในจวนเจ้าเมือง

‘เนี่ยหลี่’และพลพรรครอจนเริ่มเบื่อ ‘เอียจื่ออวิ้น’รีบสาวเท้าเข้ามาในห้องโถง พริบตาที่สายตาของนางเห็นเนี่ยหลี่ ความวิตกกังวลในแววตาก็สลายไป ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพียงคิดว่า’เนี่ยหลี่’หายตัวไป ก็ทำให้นางถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับแล้ว

ต่อให้นางไม่ยอมรับ แต่’เนี่ยหลี่’ได้กลายมาเป็นคนสำคัญคนหนึ่งในชีวิตของนางแล้ว

บางครั้งนางถึงกับถามตัวเอง หาก’เนี่ยหลี’พลันหายไปจากชีวิตของนาง นางจะเป็นอย่างไร? ทุกครั้งที่คำถามนี้ผุดขึ้นมา จิตใจของนางต้องหวั่นไหวอย่างใหญ่หลวง แม้ว่า’เนี่ยหลี่’จะทำตัวหนวกหูและน่ารำคาญเสมอ แต่ก็นับได้ว่าเขาสร้างสีสันให้กับชีวิตสีขาวราบเรียบอันจืดชืดของนาง เขามอบความรู้สึกว่าถูกปกป้องเป็นอย่างไรให้นางได้รับรู้

เมื่อนางพบ’เนี่ยหลี่’ นางก็นับได้ว่าโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

“จื่ออวิ้น”

‘เนี่ยหลี่’ร้องเรียกพลางยิ้มแย้ม เหตุผลที่’เอียจื่อหวิน’รีบเร่งขนาดนี้ย่อมเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากนางเป็นห่วงเขาจนรอไม่ไหว จริงมั้ย?

เมื่อเห็น’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ยืนอยู่ข้างกาย’เนี่ยหลี่’ ไม่ทราบเหตุใด ‘เอียจื่ออวิ้น’กลับรู้สึกหม่นหมองในใจ นางตัดสินใจหันหลังกลับและจากไป ‘เนี่ยหลี่’หายตัวไปหลายวันและเมื่อเขากลับมา ก็มี’เซี่ยวหนิงเอ๋ออ’ยู่เคียงข้าง

เมื่อเห็นเช่นนั้น ‘เนี่ยหลี่’ได้แต่งุนงง รีบเข้าขวางทาง’เอียจื่ออวิ้น’ ก่อนจะยิ้มและพูดว่า

“เหตุใดยังไม่ทันทักทายสักคำก็คิดจากไปเล่า?”

“ข้าเข้าผิดห้อง”

‘เอียจื่ออวิ้น’เบ้หน้า นางไม่อยากยอมรับว่าเร่งรีบมาที่นี่เพราะเป็นห่วง’เนี่ยหลี่’ ‘เนี่ยหลี่’ยิ้มพลางมอง’เอียจื่ออวิ้น’ การพบกันอีกครั้งหลังแยกจาก ช่างวิเศษอะไรเช่นนี้

‘เอียจื่ออวิ้น’ค่อยนึกขึ้นได้ เหตุใดนางจึงหงุดหงิดเล่า? เป็นเพราะ’เนี่ยหลี่’จากไปโดยไม่ร่ำลา หรือเพราะเมื่อ’เนี่ยหลี่’กลับมาเขากลับอยู่ร่วมกับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’? เหตุใดนางจึงรู้สึกเช่นนี้? นี่ทำให้นางรู้สึกสับสน

“เข้าห้องผิด? แน่ใจนะว่าไม่ได้มองหาข้า?”

‘เนี่ยหลี่’พูดก่อนจะหัวเราะเบาๆ ทันใดนั้น เขายื่นมือออกมาจับมือ’เอียจื่ออวิ้น’ไว้ และวางมณีวิญญาณพายุหิมะไว้บนมือขาวผ่องคู่นั้น

“มณีเม็ดนี้มอบให้เจ้า เพื่อนๆ ของข้าทุกคนอยู่ที่นี่ ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก”

จากนั้นเขาฉวยโอกาสก็จูงมือนางไปหาพวก’ตู่ซื่อ’ ‘เอียจื่ออวิ้น’พลันหน้าแดงพยายามดิ้นรนขัดขืนให้เนี่ยหลี่ปล่อยมือ นางอับอายยิ่งโดยเฉพาะเมื่อมีคนอื่นมองอยู่

เมื่อเห็นดังนั้น นัยตาของเซี่ยวหนิงเอ๋อต้องเกิดแววเศร้าสลด ถึงแม้ว่า’เนี่ยหลี่’เคยบอกกับนางแล้วว่า’เอียจื่ออวิ้น’เป็นคนสำคัญที่สุดของเขาและแม้ว่าเขาจะต้องสละชีวิต เขาก็จะยังอยู่ข้างนาง ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ประพฤติเฉกเช่นแมงเม่าบินเข้ากองไฟ

แม้ทราบว่าไปนั้นร้อนแต่ก็ยังอดบินเข้าใกล้จนไฟเผาตัวเองไม่ได้ นางเลือกที่จะอยู่เคียงข้าง’เนี่ยหลี่’แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักนางตอบ แต่ยามนี้เมื่อนางเห็น’เนี่ยหลี่’กับ’เอียจื่ออวิ้น’หยอกล้อกัน นางกลับไม่สามารถห้ามใจไม่ให้เจ็บปวดได้

เมื่อสายตาของ’เอียจื่ออวิ้น’กับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’พบกัน ทั้งคู่ได้แต่หันหน้าหนีด้วยความกระอักกระอ่วนใจ

‘หลู่เพียว’ลอบยกนิ้วให้’เนี่ยหลี่’ในใจ ‘เนี่ยหลี่’เป็นสุดยอดผู้ชายตัวอย่างของรุ่นจริงๆ แม้ว่าทั้ง’เอียจื่ออวิ้น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’จะมีความงามระดับนางฟ้า แต่ก็ยังตกอยู่ในมือ’เนี่ยหลี่’ทั้งคู่

พอ’เซี่ยวซุ่ย’เห็นความเคลื่อนไหวเล็กน้อยของ’หลู่เพียว’ก็พอจะเดาความคิดได้ นางชก’หลู่เพียว’เบาๆ ก่อนจะถลึงตาใส่เขาอย่างดุร้าย

‘หลู่เพียว’สะดุ้งเบาๆ หาก’เซี่ยวซุ่ย’อ่อนโยนได้สักครึ่งหนึ่งของ’เอียจื่ออวิ้น’หรือ’เซี่ยวหนึ่งเอ๋อ’ก็คงจะดีไม่น้อย แต่ยามนี้เขาได้แต่ลอบถอนใจอย่างแผ่วเบา

“พวกเราอยู่ชั้นเดียวกัน รู้จักันหมดอยู่แล้วน่า”

‘ตู่ซือ’ยิ้มบางๆ ให้’เอียจื่ออวิ้น’

“นี่เซี่ยวซุ่ย นางเป็นคู่หมั้นหลู่เพียว”

แม้ว่าทุกคนจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาร่วมเดือนแล้ว แต่ก็ยังนับได้ว่าไม่ใคร่คุ้นเคยกับ’เอียจื่ออวิ้น’นัก แต่เมื่อมี’เนี่ยหลี่’เป็นสะพาน ทั้งหมดก็เริ่มทำความรู้จักกันมากขึ้น

‘ตู่ซือ’ ‘หลู่เพียว’ ‘เว่ยหนาน’ และพวกต่างก็หัวเราะพูดคุยกัน พากันเล่าประสบการณ์ที่ได้พบในดินแดนคุกนรก

เมื่อเรื่องนี้เข้าหู’เอียจื่ออวิ้น’นางไม่คิดเลยว่าในช่วงเวลาสั้นๆ ‘เนี่ยหลี่’จะสามารถพบเรื่องราวได้มากมายปานนี้ ‘เนี่ยหลี่’และพวกออกผจญภัยในที่ต่างๆ ในขณะที่นางนอกจากซากนครกล้วยไม้โบราณแล้ว นางยังไม่เคยออกไปนอกเมืองกลอรี่มาก่อน ยิ่งทำให้นางอยากออกไปเผชิญโลกภายนอกมากขึ้นไปอีก

ครู่ต่อมา ‘เอียเซิ่ง’และ’เอียซิ่ว’ก็มาถึง

เมื่อ’เอียเซิ่ง’เข้ามาในห้องโถง ‘เอียจื่ออวิ้น’ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หากบิดาของนางพบว่านางอยู่กับ’เนี่ยหลี่’ล่ะก็ คงอารมณ์ไม่ดีแน่

สายตาของ’เอียเซิ่ง’มุ่งไปที่’เนี่ยหลี่’ก่อนหันเหมาทาง’เอียจื่ออวิ้น’ จากนั้นคิ้วทั้งสองข้างก็ขมวดเข้าหากัน เดิมทีเขาเห็นว่าความดีความชอบของ’เนี่ยหลี่’สามารถลบล้างความผิดที่แล้วมาได้

แต่เมื่อเขาเห็น’เอียจื่ออวิ้น’ยืนอยู่ใกล้กับ’เนี่ยหลี่’ เขากลับรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ยิ่งเขาเคยโดน’เนี่ยหลี่’ปั่นหัวมาแล้ว อย่าว่าแต่’เอียจื่ออวิ้น’เป็นเพียงเด็กไร้เดียงสา ย่อมถูก’เนี่ยหลี่’ปั่นหัวโดยง่าย ‘เอียเซิ่ง’ปรับสีหน้าก่อนจะกระแอมไอสองครั้ง

“ท่านเจ้าเมือง”

“คารวะท่านเจ้านคร”

‘ตู่ซื่อ’ ‘หลู่เพียว’และคนอื่นๆ รีบก้มศีรษะทำความเคารพ’เอียเซิ่ง’ พวกเขาไม่เคยพบ’เอียเซิ่ง’มาก่อนก็จริง แต่เมื่อเห็นครั้งแรกก็รับทราบถึงความน่าเกรงขามที่ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนของท่านเจ้าเมือง พวกเขาก็ยังอดแตกตื่นมิได้

‘เนี่ยหลี่’ค่อยๆ หันหน้ากลับมามอง’เอียเซิ่’ง เด็กชายยิ้มแย้มกล่าวว่า

“ยินดีที่ได้พบ ท่านพ่อตา”

ได้ยินคำพูดของ’เนี่ยหลี่’ ‘เอียเซิ่ง’ต้องลอบด่าทอในใจ ‘เนี่ยหลี่’ไม่เว้นทางถอยให้เขาแม้แต่น้อย ขณะที่เขาอยู่ในสถานะที่ปฏิเสธไม่ได้ ‘เนี่ยหลี่’กลับเรียกเขาเป็นพ่อตาต่อหน้าผู้คนมากมาย หากเรื่องนี้รั่วไหลออกไป ตระกูลวายุเหเขาต์ย่อมไม่สามารถปฏิเสธเรื่องนี้ได้

หากเป็นคนอื่นกระทำแบบเดียวกัน เขาผู้นั้นต้องโดย’เอียเซิ่ง’ตบจนเลือดกลบปากแน่ ทว่า เมื่ออยู่ต่อหน้า’เนี่ยหลี่’ ‘เอียเซิ่ง’กลับรู้สึกว่าตนเป็นคนไร้พลัง ยิ่งในเมื่อเขามีเรื่องให้’เนี่ยหลี่’ช่วย จึงทำได้เพียงหลบสายตาพลางกระแอมกลบเกลื่อน

เมื่อได้ยิน’เนี่ยหลี่’เรียก’เอียเซิ่ง’เช่นนั้น ‘เอียจื่ออวิ้น’พลันหน้าแดงสดใส ลอบดึงชายเสื้อของเนี่ยหลี่เพื่อให้เขาหยุดปาก เดิมทีนางคิดว่า’เอียเซิ่ง’คงจะต้องสอนบทเรียนให้กับ’เนี่ยหลี่’อีกสักบท แต่ไม่คิดเลยว่า’เอียเซิ่ง’จะทำเพียงกระแอมกลบเกลื่อนผ่านไปแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ได้ยินอะไร นั่นทำให้’เอียจื่ออวิ้น’ได้แต่ยืนนิ่งด้วยความสับสน

ไม่เพียง’เอียจื่ออวิ้น’เท่านั้น คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ‘เนี่ยหลี่’เรียก’เอียเซิ่ง’เป็นพ่อตา แต่’เอียเซิ่ง’กลับไม่ปฏิเสธ นี่นับว่าเป็นข่าวที่น่าแตกตื่นสะท้านโลกแล้ว อาจบางที ‘เอียเซิ่ง’อาจจะคิดรับ’เนี่ยหลี่’เป็นลูกเขยจริงๆ ?

ชั่วขณะที่’เอียเซิ่ง’เข้ามาในห้องโถง ‘ต้วนเจี้ยน’ก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันทรงพลังที่แผ่ออกมาจากตัวของ’เอียเซิ่ง’ สุดยอดฝีมือท่านนี้เองหรือ ที่เป็นพ่อตาของนายท่าน ‘ต้วนเจี้ยน’ถึงกับประทับเรื่องนี้ไว้ในความทรงจำ

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’รู้พลันรู้สึกจมูกเปียกชื้น พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา นางไม่คิดเลยว่า’เนี่ยหลี่’กับ’เอียจื่อหวิน’จะมีความสัมพันธ์กันขนาดนี้แล้ว

แม้แต่เจ้านครยังไม่คัดค้าน ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’รู้สึกราวกับตกลงไปในห้วงไร้ที่สุด นางรู้ว่าความจริงแล้วระหว่างนางกับ’เนี่ยหลี่’นับว่าเป็นไปไม่ได้ แต่นางก็ยังดึงดันพยายามลองดู บางทีนางกับ’เนี่ยหลี่’อาจจะไม่มีชะตาต้องกันมาตั้งแรก นางเก็บความรู้สึกต่างๆ ไว้ในใจ และตัดสินใจที่จะอยู่เคียงข้างเนี่ยหลี่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แม้นางจะไม่ได้แต่งงานกับเขา นางก็จะขอเป็นโสดไปจนตาย

พอเห็นปฏิกิริยาของ’เอียเซิ่ง’ ‘เนี่ยหลี่’พลันยิ้มออกมา ในที่สุด’เอียเซิ่ง’ก็ใจอ่อนแล้ว ที่เป็นเช่นนี้เพราะเอียเซิ่งเป็นคนประเภทเก็บความรู้สึก

‘เนี่ยหลี่’เคลื่อนกายไปยืนข้าง’เอียเซิ่ง’ แล้วพูดอย่างยิ้มแย้มว่า

“ท่านพ่อตา เมื่อข้าเข้ามาที่นี่ ข้ารู้สึกได้ว่าค่ายกลหมื่นอสูรได้ถูกตั้งเสร็จแล้ว ข้าขอส่งมอบกุญแจสำหรับควบคุมค่ายกลให้ท่านเลยก็แล้วกัน”

ได้ยินที่’เนี่ยหลี่’พูด ‘เอียเซิ่ง’อดใบหน้าร้อนผ่าวมิได้ ค่ายกลหมื่นอสูรนี้ จัดตั้งได้ด้วยความช่วยเหลือของ’เนี่ยหลี่’ที่เขาต้องแลกด้วยบุตรีของตน เรื่องนี้สร้างความโศกเศร้าให้กับเขาเป็นอันมาก

“ท่านพ่อตา ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ พวกเราได้แก้ปริศนาค่ายกลโบราณที่ตั้งอยู่ใกล้กับจวนเจ้าเมือง กลายเป็นว่าค่ายกลนั้นคือลวดลายอาคมเคลื่อนย้าย ที่จะนำไปสู่ดินแดนคุกนรก พวกเราค้นพบสมบัติหลายอย่างจากที่นั่น นี่คือผลึกโลหิตที่ผ่านการคัดแยกจนบริสุทธิ์แล้ว ข้าขอมอบให้ท่านเป็นของขวัญ”

‘เนี่ยหลี่’พูดพลางหยิบผลึกโลหิตจำนวนหนึ่งยัดใส่มือของ’เอียเซิ่ง’

ผลึกโลหิต!!

‘เอียเซิ่ง’และ’เอียซิ่ว’ถึงกับยืนงง ผลึกโลหิตเป็นสมับติล้ำค่าแน่นอน ด้วยผลึกโลหิต ขีดจำกัดพลังของพวกเขาจะต้องพู่งสูงขั้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาจสามารถทำให้ผู้ฝึกตนชั้นแบล็กโกลก้าวเข้าสู่ระดับชั้นตำนานได้เลยทีเดียว

“ท่านเจ้าเอียซิ่ว นี่เป็นส่วนของท่าน”

‘เนี่ยหลี่’ส่งผลึกโลหิตอีกส่วนหนึ่งให้’เอียซิ่ว’กับมือ การที่ได้รับผลึกโลหิตจำนวนมากขนาดนี้ในครั้งเดียว นี่พวกเขากำลังถูกติดสินบนอยู่หรือ?

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments