I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 158 จอมมาร

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 16827 | 2523 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘เอียเซิ่ง’สำลักไอแห้งๆ ออกมา เมื่ออยู่ต่อหน้าบุตรีของตน ผลึกโลหิตในมือของเขาราวกับเผือกร้อน หากเขายอมรับของขวัญเหล่านี้ไว้ มิใช่หมายความว่าเขารับเนี่ยหลี่เป็นบุตรเขยหรอกหรือ?

“ท่านพ่อตา พวกเราเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันก็อย่าได้เกรงใจ ข้ายินดีที่สิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์กับท่าน”

‘เนี่ยหลี่’ตบหลัง’เอียเซิ่ง’เบาๆ

‘เอียจื้ออวิ้น’จ้อง’เนี่ยหลี่’อย่างโกรธระคนอับอายด้วยใบหน้าแดงซ่าน ‘เนี่ยหลี่’ไม่เคารพบิดาของนางเลย ยิ่งกว่านั้น ที่นางไม่เข้าใจที่สุดกลับเป็นอีกเรื่อง ตามปกติแล้ว หาก’เอียเซิ่ง’เห็น’เนี่ยหลี่’ ก็จะต้องโมโหแล้วไล่ฆ่ามัน แต่ตอนนี้ ทั้งสองคนกลับมีท่าทีสนิทสนมกัน แถม’เนี่ยหลี่’ยังเรียกบิดาของนางเป็นพ่อตาอีก

‘เนี่ยหลี่’ทำอย่างนั้นได้อย่างไร พอนึกได้ว่า’เนี่ยหลี่’เพิ่งเรียกบิดาของนางอย่างไร ‘เอียจื้ออวิ้น’ก็มีโทสะ นางยอมรับเขาเป็นสามีตั้งแต่เมื่อใด?

‘เอียซิ่ว’ลอบยินดีที่ได้รับผลึกโลหิต ว่ากันตามตรง ‘เอียซิ่ว’มีศักดิ์ฐานะ เป็นรองเพียง’เอียมัว’กับ’เอียเซิ่ง’ ความจริงเขาให้การยอมรับ’เนี่ยหลี่’ตั้งแต่แรก ดังนั้นนับได้ว่า’เนี่ยหลี่’ประสบความสำเร็จไปแล้วหนึ่งในสาม

เขาทำจนได้ การจู่โจมด้วยกระสุนเงิน ( TL: เข้าใจว่าแผลงเป็นติดสินบน) ครั้งนี้นับว่าทะลวงได้ตรงเป้าอย่างยิ่ง

‘ตุ่ซื่อ’ ‘หลู่เพียว’ และคนอื่นๆ พากันมอง’เนี่ยหลี่’อย่างลืมตัว ‘เนี่ยหลี่’มันไปตีสนิทท่านเจ้าเมืองตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่มันเกินความคาดหมายไปมากทีเดียว ‘เอียเซิ่ง’ยอมให้’เอียจื้ออวิ้น’แต่งกับ’เนี่ยหลี่’จริงๆ หรือ? นี่มันไม่น่าเป็นไปได้

จีบสาวด้วยการเข้าหาบิดาของนางก่อน นี่มันวิชามารชัดๆ หลู่เพียวถึงกับอ้าปากตาค้าง

เมื่อเห็น’เอียเซิ่ง’ยังลังเล ‘เนี่ยหลี่’กลับเคลื่อนตัวเข้าไปกระซิบข้างหู’เอียเซิ่’งว่า

“ท่านพ่อตา ในระหว่างการผจญภัย เราได้พบกับความลับสำคัญประการหนึ่ง”

“ความลับอันใด?”

‘เอียเซิ่ง’รู้สึกสงสัยขึ้น ค่ายกลโบราณ เป็นสิ่งที่ถูกทิ้งไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่กลับไม่มีใครสามารถแก้ค่ายกลได้มาก่อน มันไม่คาดคิดเลยว่า’เนี่ยหลี่’จะสามารถแก้ค่ายกลได้ สิ่งใดกันที่ซ่อนอยู่ในนั้น?

“เรื่องนี้….”

‘เนี่ยหลี่’มองไปยังผลึกโลหิตในมือ’เอียเซิ่ง’ แล้วพูดต่อว่า

“ท่านพ่อตามิได้เห็นข้าเป็นคนในครอบครัวหรือ จึงไม่ยอมรับผลึกโลหิตไว้”

นี่เป็นการขมขู่ชัดๆ ‘เอียเซิ่ง’ได้แต่ลอบด่าทอในใจ เพื่อเมืองกลอรี่แล้ว เขาได้แต่ยอมติดกับเด็กน้อยนี่ เอียเซิ่งกัดฟันเก็บผลึกโลหิตไปแล้วจึงถามว่า

“มีอะไรซ่อนอยู่ในค่ายกลโบราณนั่น?”

“ค่ายกลโบราณนั่นเชื่อมต่อกับมิติพิศดารแห่งหนึ่งเรียกว่า ดินแดนคุกนรก ในนั้นมีสัตว์อสูรมากมาย และมนุษย์อีกสิบสามตระกูล พวกนั้นติดอยู่ในนั้นมานานหลายพันปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ยังมียอดฝีมือระดับตำนานอยู่ในนั้นด้วยสามคน”

‘เนี่ยหลี่’อธิบายอย่างนุ่มนวล บอกทุกอย่างที่มันพบให้’เอียเซิ่ง’ฟัง

หลังจาก’เอียเซิ่ง’ยอมรับผลึกโลหิต ‘เนี่ยหลี่’ยิ่งลามปาม มันไม่ให้ความเคารพ’เอียเซิ่ง’สักนิด

“ดินแดนคุกนรก? ยอดฝีมือชั้นตำนานสามคน?”

‘เอียเซิ่ง’ถึงกับงุนงง แม้ว่าจะรู้จาก’เนี่ยหลี่’ว่ายอดฝีมือชั้นตำนานทั้งสามนั้นเป็นนักสู้ ซึ่งมีทรงพลังไม่เท่าร่างทรงอสูรชั้นตำนาน แต่ก็ยังนับได้ว่าเป็นข่าวใหญ่ ดูเหมือนว่าสิบสามตระกูลในดินแดนคุกนรกจะไม่ได้มีความสามัคคีมากนัก

เรื่องนี้เท่ากับเป็นการบอกว่าแม้จะต้องเสียเมืองกลอรี่ไป ผู้คนมากมายก็ยังมีที่ให้ถอยเท้าไปยืนหยัดทรงกายได้ นี่นับเป็นข่าวสำคัญมากทีเดียว

‘เนี่ยหลี่’พลันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่อนุเสาวรีย์โบราณของจักรพรรดิคงหมิงขึ้นมาจึงถามว่า

“โอ้ จริงสิ ท่านพ่อตา ท่านรู้จักคนที่เรียกว่า จอมมาร มั้ย?”

จอมมาร? ทั้ง’เอียเซิ่ง’และ’เอียซิ่’วอดตื่นตระหนกมิได้ ‘เอียเซิ่ง’ถามว่า

“เจ้าไปเจอจอมมารนั่นที่ไหน?”

‘เนี่ยหลี่’ยักไหล่ตอบว่า

“ข้าแค่ได้ยินคนพูดถึง”

“ข้าไม่แน่ใจว่า จอมมาร ที่เจ้าพูดถึงกับ จอมมารที่พวกเรารู้จักเป็นคนเดียวกันหรือไม่หรอกนะ แต่เมื่อไม่กี่ร้อยปีก่อน มีเด็กกำพร้าที่กำลังจะอดตายอยู่คนหนึ่ง ถูกชายแก่ในตระกูลหนึ่งรับไปอุปการะจนเติบใหญ่อายุได้ 17 ปี ในตอนนั้นตระกูลนั้นถูกเรียกว่าตระกูลหยกสีชาด เป็นตระกูลใหญ่ระดับเป็นรองก็เพียงตระกูลวายุเหมันต์เท่านั้น ในตระกูลมียอดฝีมือมากมาย แม้แต่ยอดฝีมือชั้นแบล็กโกลด์ยังมีกันกว่าสิบคน ที่เก่งสุดนั้นอีกเพียงก้าวเดียวก็จะเป็นขั้นตำนานแล้ว”

‘เอียเซิ่ง’เล่าด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง

“พูดแล้วก็น่าสมเพช เมืองกลอรี่ในเวลานั้นวุ่นวายเป็นอย่างมาก ผู้คนในตระกูลหยกสีชาดในตอนนั้นทั้งหยิ่งยะโสและใช้อำนาจบาตรใหญ่ ชายชราที่ทำงานให้กับตระกูลหยกสีชาดนั้นถูกเฆี่ยนจนตายเพราะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จได้ด้วยดี หลังจากนั้นเด็กชายนั้นก็หายสาบสูญไป ไม่มีใครสามารถหาตัวเขาเจออีกเลย ทุกคนคิดว่าเขาคงถูกตระกูลหยกสีชาดเก็บกวาดไปแล้วไม่มีใครคิดว่าในหลายสิบปีถัดมา เด็กคนนั้นจะกลับมาบนหน้าสวมหน้ากากปิศาจประกาศตนเป็นจอมมาร แล้วเดินเข้าไปต่อสู้กับตระกูลหยกสีชาดตรงๆ “

สู้กับทั้งตระกูลด้วยตัวคนเดียว? คนผู้นี้ต้องทรงพลังมากแน่ ‘ตู่ซื่อ’ ‘หลู่เพียว’ และพวกพากันฟังอย่างตั้งใจ

“ผลลัพธ์เล่า?”

‘เนี่ยหลี่’เร่งรัดถาม

“ตระกูหยกสีชาดถูกฆ่าล้างตระกูล ไม่มีคนรอดแม้แต่เหล่ายอดฝีมือชั้นแบล็กโกลด์และยอดฝีมือที่ใกล้บรรลุชั้นตำนานด้วย”

‘เอียเซิ่ง’ถอนหายใจแล้วพูดว่า

“จอมมาร สมควรมีพลังไม่ต่ำกว่าขั้นตำนาน ถึงแม้ว่าเขาจะฆ่าล้างตระกูลหยดสีชาดได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ความโหดเหี้ยมของเขาสร้างความแตกตื่นและทำให้ตระกูลต่างๆ โกรธเกรี้ยวขึ้นมา หลายๆ ตระกูลส่งยอดฝีมือออกตามล่ามัน หลังจากการต่อสู้อันสะท้านฟ้าสะเทือนดิน จอมมารหนีรอดได้ เขาหนีไปซ่อนตัวอยู่ในภูเขา”

“หลังจากนั้นเล่า?”

‘เนี่ยหลี่’ถาม ในชาติก่อน ตอนที่เมืองกลอรี่แตก ‘เนี่ยหลี่’เพิ่งอายุ 16 ปีเท่านั้น หรือก็คือเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขารู้มาก่อน

‘เอียเซิ่ง’และ’เอียซิ่ว’มองหน้ากัน

“จากนั้นจอมมารก็เริ่มก่อตั้งสมาคมทมิฬ”

‘เอียเซิ่ง’พูด

“มีข่าวลือว่าจอมมารตายหลังจากที่ตั้งสมาคมได้ไม่นาน แต่บ้างก็เชื่อว่ายังมีชีวิตอยู่คอยควบคุมคนของสมาคมทมิฬในช่วงหลายร้อยปีมานี้ ยิ่งไปกว่านั้น หัวหน้าสมาคมทุกรุ่นถูกเรียกว่า จอมมาร”

หัวหน้าของสมาคมทมิฬเรียกว่าจอมมาร? ในชาติก่อนมีความลับหลายอย่างที่เขาไม่ล่วงรู้’เนี่ยหลี่’ทบทวนสิ่งที่เขาเห็นที่อนุเสาวรีย์โบราณ ชายหนุ่มนั้นดูไม่เหมือนคนของสมาคมทมิฬเลย แม้ว่ามันจะนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง

แต่กลับไม่มีบรรยากาศของผู้นำเอาเสียเลย บางทีนั่นอาจเป็นภาพของจอมมารช่วงที่ยังหนุ่ม ช่วงที่มันหายหน้าไปจากเมือง เขากลับอยู่ในดินแดนคุกนรก?

เมื่อได้ยินเรื่องราวนี้ ทุกคนอดทอดถอนใจมิได้ สมาคมทมิฬเกิดจากคนในเมืองกลอรี่เองหรือ? หากไม่มีสมาคมทมิฬ อย่างน้อยในยามที่เมืองถูกฝูงสัตว์อสูรบุก ก็ยังสามารถสมัครสมานสามัคคีร่วมมือกันได้อย่างวางใจ ในตอนนี้สมาคมทมิฬมีอำนาจขนาดเป็นภัยคุกคามเมืองกลอรี่ได้ทุกเวลา

รอให้ข้าก้าวเข้าสู่ระดับตำนานก่อนเถอะ บางทีข้าอาจได้เจอกับจอมมารก็ได้ ‘เนี่ยหลี่’คิดในใจ หลังจากดึงตัวเองออกจากห้วงอดีต เอียเซิ่งหันเหสายตาไปที่ต้วนเจี้ยนพลางถามอย่างสงสัยว่า

“ท่านนี้คือ?”

เขาสามารถรับรู้ถึงพลังอันมหาศาลในตัวต้วนเจี้ยน แม้ว่าจะมองไม่ออกทั้งหมดก็เถอะ

“นี่คือต้วนเจี้ยน”

‘เนี่ยหลี่’แนะนำ

‘ต้วนเจี้ยน’ตอบ’เอียเซิ่ง’ด้วยความเคารพว่า

“ข้าเป็นข้ารับใช้ของนายท่านเนี่ยหลี่ขอรับ”

ข้ารับใช้ของ’เนี่ยหลี่’? ‘เอียเซิ่ง’และ’เอียซิ่ว’แตกตื่นอีกครั้ง ยามเมื่อทั้งสองมองไปที่’ต้วนเจี้ยน’ ก็สามารถรับรู้ถึงพลังอันมหาศาลของเขาได้ ทั้งสองเข้าใจว่าเขาคงเป็นยอดฝีมือลึกลับ

แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเป็นเพียงข้ารับใช้ของ’เนี่ยหลี่’ หรือเรื่องที่ว่าเนี่ยหลี่มีข้ารับใช้ที่ทรงพลังขนาดนี้ ด้วยพลังที่สัมผัสได้ ‘ต้วนเจี้ยน’จะต้องมีพลังไม่ต่ำกว่าระดับแบล็กโกลด์แล้ว

กว่าทั้งสองจพระงับความแตกตื่นลงได้ก็ต้องใช้เวลาสักครู่ หลังจากนี้ไม่ว่าเรื่องแต่กตื่นสะท้านโลกอะไรจะเกิดขึ้น ขอเพียงเกิดรอบๆ ตัว’เนี่ยหลี่’ก็ไม่นับว่าแปลกแล้ว เด็กชายนี่กลับสร้างความแปลกใจให้พวกมันได้ไม่เว้น

“เนี่ยหลี่ เมื่อเขาเป็นคนของเจ้า เจ้าก็ดูแลจัดการเรื่องที่พักของเขาด้วย”

‘เอียเซิ่ง’หันมาพูดกับ’เนี่ยหลี่’

“แน่นอน”

‘เนี่ยหลี่’พยักหน้าคราหนึ่ง จากนั้นจึงหันไปพูดกับ’ต้วนเจี้ยน’ว่า

“ต้วนเจี้ยน เจ้าพักในจวนเจ้าเมืองนี้ตามสบาย ทำตัวเหมือนอยู่บ้านเลยก็ได้”

“ขอรับ นายท่าน”

‘ต้วนเจี้ยน’รับคำด้วยความเคารพ

หมายความว่าอย่างไรที่ให้ทำตัวเหมือนอยู่บ้านน่ะ? ‘เอียเซิ่ง’ลอบทอดถอนใจอย่างเสียมิได้ หลังจากพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ‘เอียเซิ่ง’ก็พูดว่า

“เนี่ยหลี่อยู่ก่อน ที่เหลือไปพักผ่อนเถอะ”

“ขอรับท่านเจ้าเมือง”

‘ตู่ซื่อ’และพวกพากันรับคำและกล่าวลา’เนี่ยหลี่’พลางล่าถอยกลับไป ‘เอียจื้ออวิ้น’กับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’มอง’เนี่ยหลี่’กับ’เอียเซิ่ง’ ก่อนจะล่าถอยออกไปนอกห้องโถง

หลังจากทั้งหมดล่าถอยไปแล้ว ในห้องโถงเหลือเพียง’เนี่ยหลี่’ ‘เอียเซิ่ง’ และ’เอียซิ่ว’

“ท่านพ่อตา มีเรื่องพูดกับข้าหรือ?”

‘เนี่ยหลี่’พูดพลางยิ้มแย้มมองไปยัง’เอียเซิ่ง’

‘เอียเซิ่ง’หน้าดำคร่ำเครียดพูดว่า

“เนี่ยหลี่ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้าวางแผนอะไรไว้ อย่าได้เรียกข้าเป็นพ่อตาต่อหน้าผู้อื่นอีกเด็ดขาด ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”

“โอ้ ท่านพ่อตาช่างโหดร้ายจริงๆ ข้าเพิ่งมอบกุญแจควบคุมค่ายกลหมื่นอสูร ของล้ำค่าอย่างผลึกโลหิตท่านก็ยอมรับไปแล้ว แม้กระทั่งเรื่องที่ค่ายกลโบราณเชื่อมต่อกับดินแดนคุกนรกข้าก็บอกออกไปหมดสิ้น ท่านเอาไปขนาดนี้แล้วแต่กลับไม่ยอมรับข้า นี่ท่านยังมีศักดิ์ศรีของเจ้าเมืองอยู่หรือเปล่า?”

‘เอียเซิ่ง’ถึงกับพูดไม่ออกทีเดียว ไอ้หนูนี่ช่างหน้าด้านเกินไปแล้ว เขาต้องการให้เขาเอาบุตรีมาแลกกับเนื่องพวกนี้หรือ? นางเป็นทายาทหญิงของตระกูลเชียวนะ

‘เอียซิ่ว’กระแอมไอคราหนึ่ง ยิ้มแล้วพูดว่า

“เรื่องนี้เอาไว้ภายหลังเถอะ เนี่ยหลี่ ท่านเจ้าเอียเซิ่งเป็นถึงเจ้าเมือง เจ้าก็ไว้หน้าเขาหน่อย เรื่องของเจ้ากับจื้ออวิ้นก็วางใจเถอะ ตราบเท่าที่จื้ออวิ้นตกลง ข้ากับท่านเจ้าเมืองจะไม่ขัดขวาง เรื่องเรียกพ่อตาอะไรนั่น หากยังไม่ส่งมอบสินสอด ไม่นับว่ากล่าวเร็วกว่าเหตุไปหน่อยหรือ?”

“บ้าจริง ของล้ำค่าอย่างผลึกโลหิตยังไม่สามารถเรียกเป็นสินสอดได้หรือ? เอาเถอะเรื่องนี้ข้าจะไม่พูดต่อแล้ว พวกท่านต้องการอะไร ขอเพียงพูดออกมาข้าจะนำสิ่งนั้นมาประคองส่งให้กับมือเลย”

ขอเพียง’เอียเซิ่ง’ไม่คัดค้าน ‘เนี่ยหลี่’ก็ดีใจแล้ว หลังจากจัดการเรื่อง’เอียเซิ่ง’เรียบร้อย เขาค่อยกลับไปรอให้โอกาสให้’เอียจื้ออวิ้น’สุกงอมก็พอ

แม้ว่า’เอียจื้ออวิ้น’จะไม่แสดงอาการอะไรในตอนนี้ แต่ก็นับว่านางให้ความสำคัญกับเขาแล้ว ด้วยความเข้าใจที่เนี่ยหลี่มีต่อ’เอียจื้ออวิ้น’เขาต้องสามารถเอาชนะใจนางได้แน่ ตราบเท่าที่ไม่มีคู่แข่งย่อมไม่เป็นปัญหา อย่างเรื่องของ’เสิ่นเอีย’ก็ได้ข้อสรุปแล้วอีกคนก็มีเพียง’เอียฮั่น’ ‘เอียจื้ออวิ้น’กับ’เอียฮั่น’นับว่ามีข้อบาดหมางต่อกันตั้งแต่เด็ก ดังนั้นทางฝั่ง’เอียฮั่น’นับว่าไม่ใช่คู่แข่งของเขา

เรื่องสำคัญถูกจัดการไปทีละส่วน เมื่อตอนนี้มันไม่มีคู่แข่ง เนี่ยหลี่จึงไม่รีบร้อนเท่าใด ตอนนี้เขาต้องเพ่งความสนใจไปที่เรื่องด่วนก่อน ด้านหนึ่งคือเรื่องตระกูลศักดิ์สิทธิ์และสมาคมทมิฬ อีกด้านคือเรื่องฝูงสัตว์อสูรที่จะมาบุก

เพราะ’เนี่ยหลี่’ ‘เอียเซิ่ง’ได้แต่ลอบทอดถอนใจ ตลอดชีวิตของเขา ไม่เคยมีใครไม่ฟังเขา ยกเว้น’เนี่ยหลี่’ ‘เอียเซิ่ง’กลับไม่สามารถควบคุมการกระทำของ’เนี่ยหลี่’ได้เลย

‘เอียเซิ่ง’ไม่ได้ต้องการพูดเรื่องนี้อีก ตราบเท่าที่เนี่ยหลี่สร้างประโยชน์ให้กับเมืองกลอรี่ เหล่าผู้อาวุโสตระกูลวายุเหมันต์ย่อมต้องต้อนรับมัน หากเด็กนี่รัก’จื้ออวิ้น’จริง ก็คงได้แต่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้ว

“เนี่ยหลี่ เราพบหลักฐานว่าตระกูลศักดิ์ศิทธ์ทรยศไปเข้าพวกกับสมาคมทมิฬแล้ว เราสาวถึงแหล่งกบดานของสมาคมทมิฬในเมืองกลอรี่ด้วย ขั้นต่อไปคือเราจะจัดการเรื่องนี้ยังไง เจ้ามีความเห็นอย่างไร?”

‘เอียเซิ่ง’พูด อดลอบถอนใจไม่ได้ นี่ย่อมจะต้องเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง การต่อสู้ต้องขยายเป็นวงกว้างไปทั่วเมืองกลอรี่แน่ นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการเห็นที่สุด ทว่าหากไม่ตัดเนื้อร้ายอย่างตระกูลศักดิ์สิทธ์ออกไปล่ะก็ ในอนาคตจะต้องเกิดเรื่องใหญ่กว่านี้แน่

‘เอียเซิ่ง’เริ่มขอคำปรึกษาจาก’เนี่ยหลี่’อย่างไม่รู้ตัว จะอย่างไรในช่วงเวลาที่ผ่านมา ‘เนี่ยหลี่’กลายเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อเมืองกลอรี่อย่างมากไปแล้ว

หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ‘เอียซิ่ว’พูดว่า

“ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ กับสมาคมทมิฬ ไม่ว่าที่ใดถูกโจมตีก่อน อีกที่ก็จะอาศัยจังหวะนี้ก่อความวุ่นวาย แต่หากจะให้ทำลายสองแห่งพร้อมกัน ตระกูลวายุเหมันต์ของเรากลับไม่มียอดฝีมือเพียงพอ ถ้าจะขอความร่วมมือจากตระกูลอื่น อาจะทำให้ข่าวรั่วไหลได้ เรายังไม่อาจแน่ใจได้ว่ามีตระกูลอื่นเข้าร่วมกับสมาคมทมิฬเช่นตระกูลศักดิ์สิทธิ์อีกหรือไม่”

นี่เป็นปัญหาหนักหนาที่รอให้พวกเขาแก้ไข

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments