I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 163 ระดับทอง ขั้น 2 ดาว

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 18021 | 2524 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

*บูม!*

ลำแสงสายหนึ่งยิงออกมา สายฟ้าฟาดใส่สัตว์อสูรระดับทอง ทำให้เลือดสด ๆ สาดกระจายไปทั่วบริเวณ

สัตว์อสูรระดับทองได้รับความเจ็บปวดจากการโจมตีที่หนักหน่วงรุนแรง มันถอยหลังไปสองสามก้าวและคำราม มันอ้าปากกว้างและพุ่งปรี่เข้าหา’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’

พลังของพายุหิมะลดอุณหภูมิรอบข้างลงหลายองศาในทันที ทำให้ร่างกายของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’แข็งเล็กน้อย แรงกดดันจากจิ้งจกยักษ์เหมันต์ระดับทองขั้นห้าดาวที่กำลังกระหายเลือดกดดันใส่’เซี่ยวหนิงเอ๋ออ’ย่างหนักหน่วง

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ร่ายคาถาอย่างยากเย็น นางรวบรวมพลังวิญญาณที่แวดล้อมอยู่รอบ ๆ สายฟ้าสามสายปรากฏขึ้นในอากาศที่เบาบางแล้วก็ฟาดใส่สัตว์อสูรระดับทองตัวนั้น

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

สายฟ้าสามสายนั้นเจาะทะลุร่างของจิ้งจกยักษ์เหมันต์ในทันทีนั้น ทำให้เลือดของมันสาดกระจายไปทั่วบริเวณ จิ้งจกยักษ์เหมันต์ร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด แต่มันก็ยังไม่หยุดพุ่งเข้าใส่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’
สัตว์อสูรตัวนี้ดูเหมือนจะบ้าคลั่งไปแล้ว มันไม่คิดถึงชีวิตของตัวมันเอง ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’พยายามหลบการโจมตีของจิ้งจกยักษ์เหมันต์อย่างรวดเร็ว แต่มันพุ่งเข้ามาเร็วเกินไป

*บูม!*

จิ้งจกยักษ์เหมันต์พุ่งชนเซี่ยวหนิงเอ๋อเข้าอย่างจัง ทำให้นางบาดเจ็บสาหัส ร่างของนางร่วงหล่นลงบนพื้นอย่างรุนแรง

จิ้งจกยักษ์เหมันต์ยกกรงเล็บของมันขึ้น ฟาดไปที่’เนี่ยหลี่’ แย่แล้ว! ‘เนี่ยหลี่’ตกอยู่ในอันตราย!!

เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’รรวบรวมพลังวิญญาณของนางทั้งหมด สร้างเป็นโซ่สายฟ้าและขว้างไปยังอุ้งเท้าหน้าจิ้งจกยักษ์เหมันต์เพื่อตรึงมันไว้กับที่

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’อยู่ในภาวะร้อนรนถึงขีดสุด นางได้ใช้พลังทั้งหมดที่นางมีไปแล้ว จิ้งจักยักษ์เหมันต์ตัวนี้แข็งแกร่งเกินไป มันไม่ใช่สิ่งที่นางสามารถต่อสู้ด้วยได้ อย่างไรก็ตาม’เนี่ยหลี่’ก็ยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ นางไม่รู้ว่าเมื่อไรร่างกายของ’เนี่ยหลี่’จะฟื้นฟู และนางก็ไม่สามารถรับมือต่อไปได้อีก

พลังวิญญาณของนางสูญสิ้นไปหมดแล้ว มุมปากของนางปรากฏรอยเลือดและแม้กระทั่งอวัยวะภายในของนางก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน

“ไม่ว่าจะยังไง ข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้าทำร้ายเนี่ยหลี่ได้อย่างเด็ดขาด”

แววตาของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’แน่วแน่ นางพยายามรวบรวมพลังวิญญาณในขอบเขตวิญญาณที่ยังหลงเหลืออยู่ด้วยความเข้มแข็งทั้งหมดที่นางมี และพยายามสู้เพื่อรักษาโซ่สายฟ้าเอาไว้

อย่างไรก็ตาม โซ่สายฟ้านั้นก็พังทลายลงในเวลาไม่นาน

เมื่อกรงเล็บของจิ้งจกยักษ์เหมันต์กำลังจะฟาดลงบนตัวของ’เนี่ยหลี่’ ทันใดนั้น’เนี่ยหลี่’ก็ลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน พลังวิญญาณพุ่งรี่ไปที่จุดตันเถียนของเขาแล้วก็ถูกดูดซับไปสู่ขอบเขตวิญญาณ ทำให้ขอบเขตวิญญาณของเขาขายใหญ่ขึ้นมาอย่างน้อยหนึ่งเท่าตัว

พลังวิญญาณของเขาได้รับการเปลี่ยนแปลง ในที่สุดเขาก็ก้าวมาถึงระดับทองขั้นสองดาว

‘เนี่ยหลี่’รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย พลังของระดับทองขั้นสองดาวทำให้เขาตื่นเต้น เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะสามารถดูดซับพลังวิญญาณของสัตว์อสูรที่ตายไปแล้วและสามารถบรรลุระดับทองขั้นสองดาวได้

มือขวาของ’เนี่ยหลี่’เคลื่อนไหว มีดบินเพลิงสีชาดปรากฏขึ้นในมือของเขา จากนั้นก็ขว้างไปที่กรงเล็บอันแหลมคมของจิ้งจกยักษ์เหมันต์ มีดบินเจาะทะลวงไปตลอดขาหน้า จากนั้นจึงทะลวงเข้าสู่สมองและทะลุออกมาทางด้านหลังหัวของมัน

จิ้งจกยักษ์เหมันต์ครวญครางออกมาแล้วร่วงหล่นลงสู่พื้น เลือดแดงฉานนองไปทั่ว

หลังจากบรรลุระดับทองขั้นสองดาว ‘เนี่ยหลี่’ก็สามารถควบคุมมีดบินเพลิงสีชาดได้ดีขึ้น พลังอำนาจที่น่ากลัวของมันนั้นสามารถเจาะทะลุร่างของสัตว์อสูรระดับทองขั้นห้าดาวได้!

ด้วยการสะบัดมือของเขา มีดบินเพลิงสีชาดก็บินกลับมาสู่มือของ’เนี่ยหลี่’ ‘เนี่ยหลี่’ชำเลืองมองระยะทางแค่แว่บเดียว ‘เอียจืออวิ้น’อยู่ที่ขอบของกำแพง นางกำลังต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับทองสองตัว ร่างของ’เนี่ยหลี่’เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจากการที่เขาผสานร่างเข้ากับดวงจิตแพนด้าเขี้ยวอสูร เขาปลดปล่อยสนามแรงโน้มถ่วง จากนั้นเขาก็อ้าปากออกและพ่นลูกบอลสีดำและสีขาวออกไป

‘เอียจืออวิ้น’ตกอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ที่ยากลำบาก ทันใดนั้นสัตว์อสูรระดับทองสองตัวนั้นก็ร่วงจากกำแพงเมือง สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปก็เพราะ’เนี่ยหลี่’ ‘เอียจืออวิ้น’ประหลาดใจเล็กน้อย แต่หลังจากที่มองไปทางเนี่ยหลี่อย่างรวดเร็ว นางก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ลูกบอลสีดำและลูกบอลสีขาวระเบิดขึ้นข้าง ๆ ตัวของพวกมัน แรงกระแทกที่น่ากลัวนั้นกลืนร่างของสัตว์อสูรทั้งสองตัวทันที

‘เอียจืออวิ้น’ถอนหายใจอย่างโล่งอกและร่อนลงมาอย่างช้า ๆ นางมองไปอีกทางหนึ่งก็เห็น’เนี่ยหลี่’กำลังอุ้ม’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ที่อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสในขณะที่เขาใช้พลังวิญญาณรักษาอาการบาดเจ็บให้นาง

แสงสีทองของตะวันตกดินอาบไล้ไปทั่วร่างของ’เนี่ยหลี่’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ช่างเป็นภาพเหตุการณ์ที่สวยสดงดงามยิ่งนักในสนามรบที่เต็มไปด้วยความตายเช่นนี้

ช่างเป็นคู่รักที่อ่อนโยนอะไรอย่างนี้

ไม่รู้ว่าทำไม’เอียจืออวิ้น’ถึงรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวในใจเมื่อนางเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ นางมองพวกเขาต่อไปจนในที่สุดความยุ่งยากใจก็หายไป

“หนิงเอ๋อยอมสละได้ทุกสิ่งก็เพื่อเจ้า นางรักเจ้ามาก แต่สำหรับเจ้าข้าอยู่ฐานะอะไร? เราไม่ได้มีความรู้สึกอะไรที่ลึกซึ้งและน่าจดจำเกิดขึ้นระหว่างเรา ข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะขโมยเจ้าไปจากเซี่ยวหนิงเอ๋อ”

ตาของ’เอียจืออวิ้น’คลอไปด้วยน้ำตา นางรู้สึกว่าหัวใจของนางถูกฉีกเป็นริ้ว ๆ หลังจากนั้นครู่ใหญ่ นางก็เช็ดน้ำตาเงียบ ๆ

“เนี่ยหลี่จากวันนี้ไปเราเป็นเพื่อนกันเถอะ ทั้งเจ้าและหนิงเอ๋อต่างก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของข้า เจ้าจะต้องดีต่อนางให้มาก”

‘เอียจืออวิ้น’พึมพำแล้วมองไปที่’เนี่ยหลี่’กับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’

นางเริ่มคิดว่าตัวนางเองจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกครั้ง บางทีนางอาจจะโดดเดี่ยวไปชั่วชีวิต เนื่องจากนางเป็นลูกสาวของท่านเจ้าเมือง นางแบกความรับผิดชอบบนบ่าของนางมากเกินไป นางจะปกป้องเมืองกลอรี่ด้วยชีวิตของนาง นางรู้สึกว่านางไม่เหมือนกับหนิงเอ๋อที่สามารถรักใครได้อย่างหมดหัวใจ

ในตอนนี้ นางตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะเก็บซ่อนความรู้สึกถึงเนี่ยไว้ในส่วนลึกของหัวใจ แต่อย่างไรก็ตาม นางไม่รู้ว่าทำไมนางจึงรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวในใจเช่นนี้

‘เนี่ยหลี่’ปล่อยพลังวิญญาณของเขาเข้าไปในร่างของ’หนิงเอ๋อ’ เพื่อบรรเทาความเสียหายของเส้นชีพจร หลังจากนั้นชั่วครู่หนึ่ง ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ก็ครวญครางออกมาและรู้สึกตัวตื่นขึ้น นางลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบาก

ใบหน้าของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ซีดเซียว นางสูดหายใจเข้าไปอย่างอ่อนแรง นางยิ้มแล้วพูด

“เนี่ยหลี่ ดีจริง ๆ ที่เจ้าไม่เป็นอะไร…”

ในขณะนั้นลมหายใจของนางอ่อนมาก ใบหน้าที่สวยงดงดงามของนางปราศจากริ้วรอยของเลือด โชคดีที่พลังวิญญาณของนางเพียงแค่ถูกใช้จนหมดเท่านั้น มันไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายถึงแก่ชีวิต

“อย่าเพิ่งพูดอะไร พลังวิญญาณของเจ้าถูกใช้มากเกินไป เจ้าจะไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้อีกแล้ว ข้าจะให้เอียจืออวิ้นพาเจ้ากลับไป พวกเจ้าทั้งคู่จะต้องกลับไปที่จวนท่านเจ้าเมืองเพื่อรักษาตัวก่อนที่จะทำอะไรอย่างอื่นอีก”

‘เนี่ยหลี่’พูดและมองดูสภาพของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘เนี่ยหลี่’อดที่จะเจ็บปวดรวดร้าวใจไม่ได้ เป็นเพราะตัวเขาเองที่ทำให้’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ต้องโหมทุ่มกำลังทั้งหมดที่นางมี เขาไม่สามารถตอบแทนในสิ่งที่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ต้องการได้ ก่อนที่เขาจะได้ชดใช้หนี้บุญคุณในชาติก่อน เขากลับต้องมาติดหนี้บุญคุณในชาตินี้เข้าไปอีก ในใจของ’เนี่ย’เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดขณะที่เขาเดินผ่านและมองดู’เอียจืออวิ้น’

“ปล่อยหนิงเอ๋อให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”

‘เอียจืออวิ้น’พูดสนับสนุน’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ นางก้มหน้าต่ำลงและไม่สบสายตากับ’เนี่ยหลี่’

“ข้า…”

‘เนี่ยหลี่’มองดู’เอียจืออวิ้น’และต้องการที่จะขอบคุณนางที่สกัดสัตว์อสูรระดับทองสองตัวเอาไว้โดยไม่ได้คิดถึงตัวนางเองเลย

“ถ้าเจ้ามีอะไรจะพูด ก็เก็บไว้พูดทีหลังเถอะ เซี่ยวหนิงเอ๋อจะยิ่งแย่ลงถ้าหากนางยังอยู่ที่นี่ ข้าจะพานางกลับไป”

‘เอียจืออวิ้น’ขัดจังหวะ นางไม่รอให้’เนี่ยหลี่’พูดเสร็จ นางประคอง’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ไปจากสนามรบ

‘เนี่ยหลี่’ตกตะลึงอยู่ครุ่หนึ่ง เขารู้สึกว่าการกระทำของ’เอียจืออวิ้น’นั้นผิดแปลกไป เขาไม่อาจจะพูดได้ว่ามันผิดแปลกยังไง อย่างไรก็ตาม ขณะนั้นฝูงสัตว์อสูรยังคงพุ่งเข้ามาที่กำแพงเมือง ไม่มีเวลาจะคิดถึงเรื่องอีกแล้ว มีดบินเพลิงสีชาดในมือของ’เนี่ยหลี่’ลอยออกไป

สัตว์อสูรล้มตายลงทีละตัวด้วยน้ำมือของ’เนี่ยหลี่’

‘เนี่ยหลี่’มองจากระยะไกล เขาเห็น’เอียจืออวิ้น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’จากจากไปแล้ว
หากเขากระโดดข้ามขั้นไปสู้กับสัตว์อสูรระดับทองขั้นห้าดาว แต่ด้วยระดับทองขั้นสองดาวของเขานั้นมันจะไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นมาเลย นอกจากนั้นด้วยอาวุธเช่นมีดบินเพลิงสีชาด เขาสามารถฆ่าสัตว์อสูรได้เป็นสิบตัวในชั่วขณะเดียว

สัตว์อสูรวายุเหมันต์ได้ทำการโจมตีมานานกว่าสามสิบชั่วโมงแล้ว จากกลางคืนถึงรุ่งเช้าและจากรุ่งเช้าถึงกลางคืน ทหารรักษาเมืองถูกสลับสับเปลี่ยนชุดต่อชุดเพื่อผลัดกันต่อสู้

หนึ่งในสามของฝูงสัตว์อสูรนับล้านถูกฆ่าตาย

ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด เสียงคำรามที่แผดดังสนั่นมากจากที่ที่ห่างไกลออกไป กองทัพสัตว์อสูรล่าถอยออกไปจากกำแพงเมืองราวสองสามกิโลเมตรก่อนที่มันจะตั้งหลักลง

สัตว์อสูรวายุเหมันต์หยุดการโจมตีรึ?!

มันช่างเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ! ในอดีตที่ผ่านมา ฝูงสัตว์อสูรจะพุ่งเข้าโจมตีต่อเนื่องอย่างไม่รู้จักจบสิ้น

เมื่อเห็นฝูงสัตว์อสูรหยุดที่ระยะห่างออกไปสองสามกิโลเมตร ‘เอียซ่ง’ ‘เอียซิ่ว’และพวกต่างก็มองตากันและกัน พลางสงสัยว่าทำไมฝูงสัตว์อสูรถึงได้หยุดโจมตีไปดื้อ ๆ

หรือว่ามันจะเกี่ยวกับเสียงคำรามก่อนหน้านี้? เสียงคำรามก่อนหน้านี้ช่างเฉียบขาดและชัดเจน มันน่าจะเปล่งมาจากสัตว์อสูรระดับทองดำเป็นอย่างน้อย หรือว่าสัตว์อสูรระดับธรรมดา ๆ จะฟังคำสั่งของสัตว์อสูรระดับทองดำ?

หลังจากที่คิดได้ในทันทีนั้น ‘เอียซ่ง’ก็อ้าปากค้าง

“สัตว์อสูรระดับทองดำตัวนั้นได้เปิดภูมิปัญญาแห่งจิตวิญาณของมันแล้ว!”

เปิดภูมิปัญญาของมัน?’เอียซิ่ว’ตัวสั่นเล็กน้อย เขาเคยได้ยินเรื่องนี้เกิดขึ้นในตำนานครั้งหนึ่ง ท่ามกลางเหล่าสัตว์อสูร พวกมันจะมีบางตัวที่มีภูมิปัญญาสูงส่งเป็นเลิศ เมื่อพวกมันเปิดภูมิปัญญาแล้ว พวกมันจะได้รับสติปัญญาที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ามนุษย์ อย่างไรก็ตาม ภายใต้สภาพการณ์ปกติ มันไม่ใช่ว่าจะมีแค่สัตว์อสูรระดับตำนานเท่านั้นที่สามารถเปิดภูมิปัญญาของมันเองได้หรอกหรือ?

‘เอียซ่ง’มองไกลออกไปแล้วถอนหายใจ

“นานนับปีแล้วที่เหล่าผู้ช่ำชองในเมืองกลอรี่ได้ลดจำนวนน้อยลงเรื่อย ๆ แต่อย่างไรก็ตามวิวัฒนาการของสัตว์อสูรพวกนี้กลับเร็วขึ้นเรื่อย ๆ แม้กระทั่งสัตว์อสูรที่ล้อมรอบเมืองกลอรี่อยู่นี้ก็เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ กว่าแต่ก่อน!”

ได้ยินคำพูดของ’เอียซ่ง’ ‘เสิ่นฮอง’ยิ้มที่มุมปาก นั่นเป็นเรื่องที่ได้รู้กันมานานแล้ว ถ้าหากพวกเขาปกป้องเมืองกลอรี่อย่างยากลำบากเช่นนี้ พวกเขาก็จะถูกทำลายลงในไม่ช้า ทางรอดทางเดียวก็คือเข้าร่วมกับสมาคมทมิฬซะ ตั้งแต่ที่พวกเขาสามารถเปิดค่ายกลโบราณได้ การยอมสิโรราบต่อสมาคมทมิฬก็เป็นทางออกแค่ทางเดียวเท่านั้น!

ผู้อาวุโสคนอื่นต่างก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ด้วยเด็กรุ่นหลังที่เติบโตขึ้นมาเหล่านั้น เมืองกลอรี่ก็ยังไม่ถือว่าสิ้นหวังซะทีเดียว’เอียซ่ง’นึกไปถึง’เนี่ยหลี่’ ‘เอียจืออวิ้น’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’และพวก

ยุคของผู้อาวุโสกำลังผ่านไปช้า ๆ เด็กรุ่นหลังกำลังเติบโตขึ้น อนาคตอยู่ในกำมือของเด็กรุ่นหลังพวกนี้
ขณะที่เหล่าผู้อาวุโสได้แต่พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะสร้างปัจจัยแวดล้อมเพื่อให้เด็กรุ่นหลังเจริญเติบโตได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เมืองกลอรี่ก็จะต้องไม่ล่มสลายลงในขณะที่ยังอยู่ในมือของพวกเขา
จากที่ฝูงสัตว์อสูรได้ถอยไป ผู้อาวุโสหลาย ๆ คนนำน้ำมันแดงจำนวนมากมาที่กำแพงเมือง สมาคมปรุงยาก็นำเอาหอกไม้ไผ่และขวดระเบิดโลหิตสัตว์อสูรจำนวนมากมาด้วยเพื่อที่จะได้ต่อสู้กับฝูงสัตว์อสูรต่อไป ทั่วทั้งเมืองกลอรี่ต่างก็ทำงานกันอย่างเต็มกำลัง

สงสัยจริง ๆ ว่าเมื่อไรมันถึงจะโจมตีอีกครั้ง? ‘เนี่ยหลี่’อดสงสัยเกี่ยวกับคำถามข้อนี้ไม่ได้

“พวกมันกำลังทำอะไรกันอยู่นะ?!”

ใครบางคนพูดมา
กองทัพสัตว์อสูรกำลังระดมพล สัตว์อสูรวายุเหมันต์ขนาดมหึมากำลังขนย้ายก้อนหินขนาดยักษ์มาจากภูเขาที่ห่างไกลออกไป หน้าของทุกคนเปลี่ยนสีไปเมื่อได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้

“พวกมันเตรียมจะขว้างหินใส่เมืองกลอรี่!”

“พระเจ้าช่วย! พวกเราต้องแย่แน่ ๆ!”

 

จบตอน

แปลโดย XXX

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments