I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 165 Used to it (ใช้มันเถิด)

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 19657 | 2524 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

วานรวายุเหมันต์ได้รับบาดเจ็บหนัก และไร้ซึ่งแรงต่อสู้ สำหรับการเลื่อนเข้าสู่ระดับตำนาน ข้าจะไม่ปล่อยเจ้ารอดไปเด็ดขาด เนี่ยหลี่’ครุ่นคิด หลังจากเหลือบมองไปยัง’เอี้ยเซิ่ง’ เพื่อให้เอี้ยเซิ่งรู้สึกเป็นหนี้ของเขาอีกครั้ง

สิ่งนี้นับว่าเป็นสินสอดชั้นดีเลยทีเดียว

‘เนี่ยหลี่’ยิ้มและยังคงอยู่ดูท่าทีของวานรวายุเหมันต์ อย่างไรก็ตามเขาได้ใช้ความสามารถของคัมภีร์จารึกเทคนิคต้องห้ามระดับตำนานที่หาได้ยากยิ่งไปแล้ว และจากคัมภีร์ที่เขามี 7 ม้วนจารึกในตอนนี้เขาเหลือเพียงหกแล้ว ไม่มีใครรู้ได้ว่าเขาจะต้องใช้กับสถานการณ์ใดในอนาคต ?

ในตอนนี้’เนี่ยหลี่’มีเพียงมีดบินที่สามารถสร้างบาดแผลให้ผู้เชี่ยวชาญระดับแบล็คโกลด์ได้ แต่มันก็ยากที่จะควบคุม

‘เนี่ยหลี่’ยังคงซ่อนตัวอยู่บริเวณพื้นที่นั้น เพื่อรอโอกาสในการลงมือ แม้ว่ามีดบีนจะสามารถเจาะผ่านผิวหนังของอสูรระดับแบล็คโกลด์ได้ แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะโจมตีฝ่าการป้องกันตัวของมันด้วยมีดบิน

‘เอี้ยเซิ่ง’ยังคงอยู่ด้านข้าง วานรวายุเหมันต์ได้รับบาดเจ็บหนักและแทบไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู่ โดยรอบตัวของมันนั้นได้เกิดหนามน้ำแข็งซึ่งสายตาของมันยังคงจับจ้องไปยัง’เอี้ยเซิ่ง’

” เจ้าอสูรร้าย เจ้าบังอาจบุกรุกเมืองกลอลี่ของข้า ทั้งยังสังหารคนของฆ่า แม้ว่าข้าต้องสู้จนสุดความสามารถของข้า ข้าจะฆ่าเจ้าให้จงได้ “

‘เอี้ยเซิ่ง’คึกร้อง พลางก่อเกิดกลิ่นอายขนาดใหญ่ขึ้นโดยรอบดาบของเขา และพร้อมที่จะเชือดเฉือนวานรวายุเหมันต์

ในช่วงเวลานี้ ดูเหมือนเอี้ยเซิ่ง จะเข้าไปในดินแดนแห่งจิตวิญญาณ และรวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อการโจมตีในครั้งนี้ กลิ่นอายที่เยือกเย็นเฉือนลง

*Bang!* *Bang!* *Bang!*

หนามแหลมที่อยู่โดยรอบวานรวายุเหมันต์แตกกระจายออกอย่างง่ายดาย

วานรวายุเหมันต์คึกคำราม ด้วยความต้องการหมายเอาชีวิตของเขา

บูม !!!!

ดาบที่เปี่ยมไปด้วยออร่าเชือดผ่านร่างของวานรวายุเหมันต์ มันได้แต่ร้องอู้อี้ขณะที่ร่างของมันล้มลงกับพื้น พร้อมเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ

แม้ว่าวานรวายุเหมันต์ จะนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น แต่ก็ไม่ทำให้’เอี้ยเซิ่ง’แน่ใจได้ว่ามันได้ตายแล้วอย่างแท้จริง เขารีบกระโดดฟันไปที่หัวของวานรหิมะ ทำให้เลือดนั้นกระเด็นไปทั่วพื้นที่ วานรวายุเหมันต์ ได้ตายแล้วอย่างแท้จริง

‘เอี้ยเซิ่ง’ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

เมื่อเห็นวานรวายุเหมันต์นอนแน่นิ่งบนพื้นและมองกลับไปที่’เอี้ยเซิ่ง’ ‘เสิ่นฮอง’มีใบหน้าที่แสดงออกถึงความซับซ้อนยุ่งเหยิง เขารู้สึกได้ในช่วงการโจมตีของ’เอี้ยเซิ่ง’ ดูเหมือนความสามารถในการต่อสู้ของ’เอี้ยเซิ่ง’จะพัฒนาขึ้นมาก

ทำให้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น นับว่าเป็นโชคดีของเขาที่ไม่ได้ลงมือโจมตี มันจะยากที่เขาจะรอดออกไปได้อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมือดูเหมือนจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดในพื้นที่

โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่าวานรวายุเหมันต์ที่มีภูมิปัญญา อสูรระดับแบล็คโกลด์พยายามจะถอยหนีด้วยความกลัว ก่อนที่เขาจะโจมตีมัน มันพยายามจะหนีออกนอกเมืองกลอลี่ แต่ก็ถูกขัดขวางโดยผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุด

เพียงเมื่อ’เอี้ยเซิ่ง’พยายามจะจัดการกับซากของวานรวายุเหมันต์ เขาก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างภายในหัวที่แตกของวานรวายุเหมันต์ และสังเกตุเห็นจิตวิญญาณอสูรที่เรืองแสงค่อยๆลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ

จิตวิญญาณของวานรวายุเหมันต์!

‘เอี้ยเซิ่ง’เอื้อมมือไปจับมันไว้ และเก็บมันเข้าไปในแหวนเก็บของต่างมิติของเขา

คนที่ดูเหตุการณ์นี้อยู่ก็คือ’เสิ่นฮอง’ ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง จิตใจของเขาเปี่ยมไปด้วยความแค้นและไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน ไม่เพียงแต่’เอี้ยเซิ่ง’ยังไม่ตาย แต่เขายังได้จิตวิญญาณอสูรที่มีสติปัญญาอีกด้วย (น่าจะเหมือนกับแพนด้าเขี้ยวอสูรของเนี่ยหลี่)

ในโลกนี้มีอสูรมากมายหลายหมื่นที่มีจิตวิญญาณอสูร ในขณะเดียวกันที่หายากยิ่งกว่านั่นก็คือจิตวิญญาณอสูรที่มีสติปัญญามีเพียงหนึ่งในล้านของสัตว์อสูรที่จะสามารถเปิดภูมิปัญญาแห่งจิตวิญาณได้

นี่มันจิตวิญญาณอสูรระดับแบล็คโกลด์ที่มีสติปัญญาของมัน !

ไม่ว่าจะเป็น’เอี้ยเซิ่ง’หรือ’เสิ่นฮอง’ ในปัจจุบันจิตอสูรของพวกเขาไม่สามารถเทียบได้เลยกับวานรวายุเหมันต์ ซึ่งเมื่อเขาผสานเข้ากับจิตวิญญาณของวานรวายุเหมันต์ ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะทะลวงเขตแดนจิตวิญญาณเข้าสู่ร่างทรงอสูรระดับตำนาน

ระดับตำนาน ดินแดนจิตวิญญาณที่ผู้คนนับไม่ถ้วนปราถนา !

ความคิดที่จะแย่งจิตวิญญาณอสูรลมหิมะมาจากมือ’เอี้ยเซิ่ง’ยังคงปรากฎอยู่ในจิตใจของ’เสิ่นฮอง’ อย่างไรก็ตามเขาก็ได้ละทิ้งความคิดนั้น เนื่องจากเทคนิคการบ่มเพาะพลังวิญญาณของเขาไม่เหมาะที่จะผสานกับจิตวิญญาณอสูรลมหิมะ อีกทั้งเขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเอี้ยเซิ่ง แม้ไม่ต้องคิดเลยถึงผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดที่ซ่อนตัวอยู่

เมื่อ’เอี้ยเซิ่ง’ก้าวเข้าสู่ระดับตำนาน มันจะยิ่งทำให้’เสิ่นฮอง’ ยิ่งปวดหัว

แม้ว่า’เสิ่นฮอง’ จะรู้สึกหดหู่เหมือนเขาใกล้เข้าสู่ความตาย เขาก็ยังกล่าวไปอย่างเคารพว่า

” ขอแสดงความยินดีกับท่านเจ้าเมืองที่ได้รับจิตวิญญาณอสูรระดับแบล็คโกลด์ที่ได้เปิดภูมิปัญญาแห่งจิตวิญาณของมัน “

‘เอี้ยเซิ่ง’ ได้ยิน’เสิ่นฮอง’ กล่าวเขาเหลือบมองด้วยตาที่เป็นประกาย นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขารีบกระชากจิตวิญญาณอสูรอย่างรวดเร็ว เพราะเขาเป็นห่วงว่า ‘เสิ่นฮอง’ อาจจะมีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับมัน และกล่าวตอบไปว่า “

ขอบคุณพี่เสิ่น “

แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่เขาจะก้าวเข้าสู่ระดับตำนานเมื่อผสานเข้ากับจิตวานรวายุเหมันต์ แต่ความจริงแล้ววานรวายุเหมันต์ ไม่ได้ตายโดยเขา เขาจึงมีความตั้งใจที่จะไม่ใช้มันสำหรับตัวเขาเอง

ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นจะต้องผสานร่างเข้ากับวานรวายุเหมันต์โดยไม่มีความลังเลใดๆ อย่างไรก็ตามเอี้ยเซิ่งนั้นเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เนื่องจากเขาได้รับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดทำให้เขาสังหารมันได้ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะมอบมันให้แก่ท่านผู้นั้น

* วู้วว ! *

เปลวไฟสีแดงจากมีดบินที่ออกมาจากมือ’หนี่หลี่’ และทะลุอกของอสูรระดับแบล็คโกลด์ทันทีที่มีโอกาส และสังหารมันในทันที ทันทีที่เขาสังหารอสูรระดับแบล็คโกลด์เขามุ่งหน้าไปยังสนามรบอื่นๆและเข้าร่วมต่อสู้

สัตว์อสูรระดับแบล็คโกลด์ถูกฆ่าอย่างรวดเร็ว จากตัวหนึ่งไปยังอีกหลายๆตัว หลังจากผ่านไปหลายสิบชั่วโมง การต่อสู้โดยรอบเมืองกลอลี่ก็ค่อยๆสงบลง

ส่วนบรรดาสัตว์อสูรทั้งหลายนอกเขตเมือง เนื่องจากขาดซึ่งผู้นำในการชักจูงในการบุกโจมตี พวกมันก็ได้แตกกระจายไปทุกทิศทาง กองทัพสัตว์อสูรระดับล้านตัวก็ได้สลายไปในที่สุด

เมื่อเห็นความเสียหายของเมืองกลอลี่ ไม่สามารถทำให้ความหวาดกลัวในจิตใจพวกเขาหายไป อย่างไรก็ตามในการต่อสู้ครั้งนี้นั้นเกิดความสูญเสียน้อยที่สุดตั้งแต่มีการต่อสู้กับกองทัพอสูรก่อนหน้านี้ จะมีหลายหมื่นคนที่ต้องเสียชีวิต แต่ครั้งนี้มีจำนวนเพียงหลักพัน และบาดเจ็บในหลักหมื่นเท่านั้น

ในหัวใจของทุกคน พวกเขารู้สึกโชคดีที่รอดชีวิตมาได้ ซึ่งในที่สุดมันก็จบลงแล้ว หลังจากที่ต้องต่อสู้มาหลายวัน ทำให้หัวใจของพวกเขาได้ผ่อนคลาย

‘เนี่ยหลี้’ยืนอยู่บนกำแพง และมองไปโดยรอบสนามรบด้านนอกเมือง เขาพบเห็นเพียงภาพของซากอสูรวายุหิมะกระจายอยู่โดยรอบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หลังจากคิดถึงเรื่องราวที่โหดร้ายในชีวิตก่อนหน้าของเขา ทำให้เขาไม่มีความสุขภายในจิตใจของเขาเลย

กองทัพสัตว์อสูรระดับล้านตนได้ก่อเกิดผลที่น่ากลัว จะเจออะไรขึ้นหากต้องปะทะกับกองทัพสัตว์อสูรระดับ ร้อยล้านตัว ดังเช่นชีวิตก่อนหน้าของเขา

ความรวดเร็วในการบ่มเพาะพลังวิญญาณของเขา ได้ทำให้ประวัติศาสตร์ของเมืองกลอลี่เปลี่ยนไป อย่างไรก็ตามเขาอาจต้องเผชิญกับกองทัพอสูรระดับ ร้อยล้านตัว ในไม่ช้าก็เร็วที่พวกมันจะมาถึง

” เนี่ยหลี่ เจ้าไม่เป็นอะไรนะ ? “

หลังจากพบ’เนี่ยหลี่’ ‘ลู่เพรียว’ ‘ตู่ซื่อ’ และพวกที่เหลือก็เข้ามาหาเขา เนื่องจาก’เนี่ยหลี่’หายไปอย่างกระทันหัน ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ

” ข้าสบายดี “

‘เนี่ยหลี่’กล่าวพลางยิ้มมองไปยัง พวกของเขาที่เป็นกังวลอยู่

หลังจากเดินทางไปทั่วดินแดนในรอบหลายปีในชีวิตก่อนหน้าของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะมีความรู้สึกผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเขา เขาได้แต่หาสิ่งบันเทิงเพื่อกำจัดความเหงาภายในใจ และตายไปพร้อมกับความว่างเปล่าที่ไม่สิ้นสุด แต่ในตอนนี้เขามีคนที่ห่วงใยเขา มันเป็นความรู้สึกที่เยี่่ยมมาก ‘เนี่ยหลี่’จะไม่ยอมให้ใครมาพรากคนรอบข้างของเขาอีกต่อไป

” ไปกันเถอะ กลับไปฝึกกัน ! “

‘เนี่ยหลี่’กล่าวอย่างจริงจัง ขณะมองมายังทุกคน

” อื้มม ! “

‘ตู่ซื่อ’ และส่วนที่เหลือต่างพยักหน้าด้วยสีหน้าที่จริงจังของพวกเขา

กองทัพสัตว์อสูรในครั้งนี้ทำให้ทุกคนตื่นตัว

เมื่อได้ยินคำกล่าวของ’เนี่ยหลี้’ ใบหน้าของ’ลู่เพรียว’หันมาอย่างขมขื่น และกล่าวว่า

” เกี่ยวกับเรื่องนั้น? คงไม่ได้รวมข้าใช่หรือเปล่า แต่ถึงอย่างไรการที่ข้าฝึก มันทำให้การบ่มเพาะพลังของข้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ! “

” เจ้าคิดอะไรของเจ้าอยู่ห้ะ ? “

‘เสี่ยวซิ่ว’กอดอกและยิ้มมอง’ลู่เพรียว’

‘ลู่เพรียว’ตัวกิ่วลงทันที

ระหว่างที่พวกเขามุงหน้าไปยังคฤหาสถ์เจ้าเมือง ทหารบางส่วนกำลังกอดศพและร้องไห้ บางส่วนแบกศพไปอย่างเงียบๆ ฉากที่เห็นตรงหน้า ทำให้พวกเขารู้สึกเศร้าใจและมีน้ำตาไหลออกมา

เศษซากกำแพงที่กระจายอยู่โดยรอบ ทำให้เนี่ยหลี่ได้แต่ทอดถอนใจ

ในชีวิตก่อนหน้าของเขา เขาได้กลับมายังเมืองกลอลี่ ในตอนนั้นเมืองก็เหลืองเพียงซากปรักหักพัง และศพ ซึ่งถูกใหญ่ก็ถูกกลืนกินโดยเหล่าอสูร ทำให้เนี่ยหลี่ได้แต่ร้องไห้อยู่ภายในใจ อย่างไรก็ตามเขาได้ยินเสียงร้องของเขาในพื้นที่ว่างเปล่าของเมืองกลอลี่

มีเพียงความเหงาและความกลัวที่ไม่สิ้นสุดครอบคลุมตัวเขา แต่ทั้งหมดก็รู้สึกราวกับฝัน

‘เนี่ยหลี่’ไม่เคยคิดว่า เขาอาจจะใช้หนังสือจิตอสูรท่องเวลากลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ หลายๆครั้งเนี่ยหลี่ฝันถึงสิ่งเหล่านี้ ดั่งฝันร้ายในเวลากลางคืน แต่เมื่อตอนนี้เขามีเพื่อนอยู่โดยรอบ และความรู้สึกเหล่านี้เป็นของจริง

เมื่อเห็นการแสดงออกของ’เนี่ยหลี่’ ‘ตู่ชื่อ’ จึงถามด้วยความกังวล

” เนี่ยหลี่ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ? “

‘เนี่ยหลี่’ลดสายตาของเขา พลางส่ายหัว ยิ้มและกล่าวว่า

” ข้าเพียงแต่คิดมากเท่านั้น ! ไปกันเถอะ ! “

มีเพียงกลุ่มของพวกเขาที่เดินอยู่ในยามนี้

………คฤหาสถ์เจ้าเมือง…………

ขณะที่ทุกคนฝึกอย่างหนัก เนี่ยหลี่ก็ถูกเรียกโดย’เอี้ยเซิ่ง’

‘เอี้ยเซิ่ง’ดูจริงจัง และกล่าวกับ’เนี่ยหลี่’ว่า

” การสู้รบในครั้งนี้ เป็นผลงานของเจ้ามากที่สุด เป็นตัวแทนของความสำเร็จของเมืองกลอลี่ของเรา ข้าต้องขอบคุณเจ้าเป็นอย่างมาก “

‘เอี้ยเซิ่ง’ในทัศนคติเป็นคนที่เข้มงวด เคร่งขรึม ทำให้เนี่ยหลี่รู้สึกเขินกลัว เขารู้จัก’เอี้ยเซิ่ง’จากการบอกกล่าวของ’เอี้ยจื่ออวิ๋น’เท่านั้น ‘เนี่ยหลี่’มีความเข้าใจในตัว’เอี้ยเซิ่ง’ ว่าเป็นพ่อที่เข้มงวด หลังจากเทียบกันกับเขาในชาตินี้ ‘เนี่ยหลี่’มีความรู้สึกได้ว่า’เอี้ยเซิ่ง’มีความเยือกเย็น จริงใจและเสียสละ

แน่นอนว่ามุมของ’เอี้ยเซิ่ง’ที่มอง’เนี่ยหลี่’นั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก ในเรื่องบางเรื่อง รวมถึงหลักการที่เนี่ยหลี่ได้แพร่ออกไป เพราะหลังการเกิดใหม่ของเขา เนี่ยหลี่เข้าใจถึงสิ่งเขาไล่ล่า

” ท่านพ่อตา เราก็คนในครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องสุภาพมากก็ได้ มันเป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำอยู่แล้ว “

‘เนี่ยหลี่’กล่าวพลาวยิ้มอย่างระรื่น

‘เนี่ยหลี่’ช่างน่าโมโหจริงๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากได้อยู่กับเขามานาน พวกเขาดูเหมือนจะเข้ากันได้ดี แม้ว่า’เนี่ยหลี่’จะทำเกินไปหน่อยกับปากของเขา ‘เอี้ยเซิ่ง’เริ่มที่จะชอบเด็กคนนี้ เขาเริ่มปฎิบัติต่อ’เนี่ยหลี่’เหมือนคนใกล้ตัวของเขาเอง

‘เอี้ยเซิ่ง’ เริ่มคิดเปรียบเทียบระหว่าง’เนี่ยหลี่’กับ’เอี้ยฮั่น’ บุคลิกของเอี้ยฮั่นนั้นไม่ได้เข้ากับคนง่าย ความคิดของเขาก็ลึกลับยากหยั่งถึง เขาไม่เคยเข้าใจในความคิดของ’เอี้ยฮั่น’ เขามักจะทำให้คนอื่นรู้สึกอ่อนด้อยในความมุ่งมั่นของเขา

แต่’เนี่ยหลี่’ถึงเขาจะกระทำการบางอย่างที่ดูเหมือนไม่มีประโยชน์อันใด แต่หลังจากคิดเกี่ยวกับมัน ทุกอย่างนั้นถูกวางแผนไว้แล้วเป็นอย่างดี ด้วยขอบเขตความรู้ของเขา แม้ว่าบางครั้ง’เนี่ยหลี่’จะมีความคิด นิสัย ที่สบายๆ อย่างน้อย’เอี้ยเซิ่ง’ยังรู้สึกว่าทุกอย่างที่ได้รับจาก’เนี่ยหลี่’ล้วนแล้วแต่มีเจตนาที่ดี

‘เอี้ยเซิ่ง’เป็นคนเช่นเดียวกับ’เอี้ยฮั่น’ เป็นประเภทที่มุ่งเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มคน เนื่องจากความคล้ายคลึงกันของพวกเขา ทำให้’เอี้ยเซิ่ง’รู้สึกชื่นชมเอี้ยฮั่นตั้งแต่เริ่ม อย่างไรก็ตาม หลังจากการปรากฎตัวของ’เนี่ยหลี่’ ทำให้เขาได้ตระหนักว่า เขานั้นชื่นชอบในตัว’เนี่ยหลี่’มากกว่า’เอี้ยฮั่น’

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ข้าเริ่มเปลี่ยนไป ? ‘เอี้ยเซิ่ง’เองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่

ตั้งแต่ที่เนี่ยหลี่เรียกเขาว่าพ่อตา มันทำให้เขารู้สึกโกรธมากเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ยิน เขาไม่ได้รู้สึกอยากจะเอาชนะ’เนี่ยหลี่’ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ‘เอี้ยเซิ่ง’ก็ยังถูกเรียกอย่างนั้น โดยไม่ได้รู้ตัวว่าเมื่อไหร่กัน ที่เขานั้นยอมรับในชื่อนี้ และไม่รู้สึกรังเกียจอะไรเลย

บางที’เนี่ยหลี่’อาจจะวางแผนนี้มาแล้วตั้งแต่ต้นดังที่เขาเคยได้ยิน

” ไม่ว่ายังไง เกี่ยวกับเรื่องนี้เขาก็ยังเป็นผู้ที่สำคัญที่สุด และถูกจดจำไว้ในใจของพวกเรา “

‘เอี้ยเซิ่ง’กล่าว นอกจากเขาในตอนนี้ บรรดาผู้อาวุโสและตระกูลอื่นๆ ย่อมตระหนักดีถึงการกระทำของ’เนี่ยหลี่’ ซึ่งไม่เพียงแต่ต้องสรรเสริญเขา เขาเป็นคนที่เจ้าเมืองสมควรมอบรางวัลให้กับการกระทำในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่คิดจะให้อะไร ‘เนี่ยหลี่’เป็นรางวัล

” ใช่แล้ว ท่านพ่อตา สูตรยาไม่กี่ตัวจะเป็นที่รู้จักต่อสาธารณชน แต่ถ้าเกิดมันลามไปถึงหูของสมาคมทมิฬ……………… “

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments