I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 168 ความงามที่เปราะบาง (15+)

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 19219 | 2524 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘เนี่ยหลี่’พยักหน้า เพราะจะมีกองทัพสัตว์อสูรนับร้อยล้านตัวยกขบวนมาโจมตีตามที่ได้บอกเอาไว้ แต่ก่อนหน้านั้นต้องมีการเตรียมการเอาไว้ หยางซิ่นพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“เข้าใจแล้ว ข้าจะจัดการให้”

“งั้นข้าขอตัวละ!”

‘เนี่ยหลี่’พูดหลังจากที่คิดแล้วว่า’หยางซิ่น’เข้าใจสิ่งที่ตนจะบอก

“น้องชาย เจ้าจะรีบกลับแล้วรึ มีธุระอะไรเร่งด่วนงั้นรึ”

‘หยางซิ่น’ยิ้มแล้วมองไปที่’เนี่ยหลี่’

“ตอนนี้ข้าไม่ได้ธุระฯ อะไรทั้งนั้น”

‘เนี่ยหลี่’พูดพร้อมส่ายหัว

“งั้น ทำไมไม่อยู่ดื่มกับพี่สาวก่อนหล่ะ”

‘หยางซิ่น’พูดเย้ยเนี่ยหลี่แต่เมื่อเห็นอาการลังเลของเนี่ยหลี่จึงพูดต่อว่า

“คงไม่ใช่ว่าน้องชายเนี่ยหลี่ เจ้ากลัวว่าพี่สาวคนนี้จะแอ้มเจ้าหรอกนะ”

ก่อนที่จะมาหา’หยางซิ่น’ ‘เนี่ยหลี่’เองก็อารมณ์ไม่ดีอยู่ก่อนแล้ว เขาไม่ได้กังวลว่าจะถูก’หยางซิ่น’หลอกฟันเขา แม้’หยางซิ่น’จะแสดงท่าทียั่วยวนออกมาแต่ในใจของนางนั้นเพียงแค่ต้องการจะหยอกล้อเนี่ยหลี่เท่านั้น

การที่ ‘หยางซิ่น’ได้ตำแหน่งผู้อำนวยการของสมาคมนักปรุงยานั้นมิใช่มาจากรูปลักษณ์ภายนอกของนางแต่อย่างใด แต่เพราะความสามารถในการบริหารงานอันดีเลิศของเธอ ในอนาคตมีหลายอย่างที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือความสามารถของนาง

“ตกลง!! ข้าดื่มเป็นเพื่อน พี่หยางเอง”

‘เนี่ยหลี่’ตอบหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง
ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน ‘เนี่ยหลี่’และ’หยางซิ่น’นั่งดื่มสุราอยู่ที่โต๊ะหินในสวนหย่อม

“ตั้งแต่ข้าเกิดมาในเมืองกลอรี่ข้าได้แต่เฝ้าถามว่ามีอะไรอยู่ภายนอกเมืองกลอรี่งั้นรึ? เมื่อข้าได้ออกไปค้นหาก็พบแต่ซากปรักหักมากมายไกลสุดลูกหูลูกตา เหมือนกับว่าการใช้ชีวิตอยู่ในทุกวันนี้ราวกับการถูกขังอยู่ในกรงนก มันช่างน่าเบื่อเสียยิ่งกว่าอะไร”

‘หยางซิ่น’พูดจากนั้นจึงยกจอกดื่ม
เมื่อเห็น’หยางซิ่น’พูดแบบนั้น ‘เนี่ยหลี่’จึงเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้า

“นอกเมืองกลอรี่นั้นมีภูเขาแห่งบรรพกาล อยู่ ที่นั่น มีอยู่ไกลกว่าพันลี้ มีเพียงสองชนเผ่าเท่านั้นมียังเหลือรอดอยู่ ไกลออกไปทางทิศตะวันออกยังมีทะเลทรายที่ไร้จุดจบ ทางทิศตะวันตกนั้นมีทั้งพื้นที่ที่แห้งแล้ง,ที่ราบ,ป่าพิษและอื่นๆอีกมากมาย ในพื้นที่เหล่านี้ก็ยังคงมีผู้รอดชีวิตอยู่ด้วยเช่นกัน นอกจากทวีปแห่งเทพแล้วยังมีอีกกว่าสิบทวีป มีหลายทวีปที่มาจากโลกหลัก ในโลกหลักนั้นก็ยังแบ่งออกเป็นหลายดินแดนย่อย นอกจากโลกนี้ก็ยังมีอีกหลายภพ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่’เนี่ยหลี่’พูดออกมา หยางซิ่นไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่าเขานั้นพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่ อะไรคือโลกหลัก? อะไรคือดินแดนย่อย? อะไรคือภพอื่นๆ? นางเดาได้เลยว่าถ้าโลกที่’เนี่ยหลี่’กล่าวมานั้นมันจะต้องใหญ่มากๆ มันจะต้องมีที่ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตนี้แน่นอน

‘หยางซิ่น’เข้าใจแล้วว่ามีเพียงมนุษย์อันน้อยนิดที่อยู่ในโลกอันกว้างใหญ่ ตัวพวกเขาเองก็เหมือนถูกต้อนให้อยู่ในเมืองกลอรี่อันเล็กจิ๋วอีกทั้งยังต้องดิ้นรนหาทางรอด

“ดื่มให้กับโลกอันกว้างใหญ่…ดื่ม”

‘หยางซิ่น’ยกจอกดื่มอีกกล่าวออกมาว่า

“ข้า หยางซิ่น เป็นเด็กกำพร้า ต้องทนทุกข์ทรมานจากการดูถูกมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่ก็พยายามไต่เต้าจนได้มาอยู่ในตำแหน่งนี้ ได้มาโดยการยั่วยวนหลอกล่องั้นรึ? เปล่าเลยข้ามาอยู่ ณ จุดนี้ได้ด้วยความสามารถของข้าเอง แม้บัดเดี๋ยวนี้เหล่าผู้ชายที่แข่งกับข้า มีสักคนมั้ยที่ไม่เชื่อว่านี่คือเรื่องจริง”

‘หยางซิ่น’เริ่มมีอาการเมา เมื่อได้ยินแล้วเนี่ยหลี่จึงคิดถึงเอี้ยจื่ออวิ้น เขาก็รู้สึกท้อแท้และยกจอกเหล้าขึ้นมา

“ดื่มให้กับความสามารถของพี่หยาง…ดื่ม”

“ตำแหน่งผู้อำนวยการสมาคมนักปรุงยานี้ ต่างก็เป็นที่จับจ้องของผู้คนมากมาย แต่ข้าก็ยังรักษามันไว้ได้อย่างมั่นคง แต่เพื่ออะไรละ ข้ามีคนรอบกายมากมายแต่ไม่มีผู้ใดเลยที่เข้าใจข้าเลยสันคน” หยางซิ่นยิ้มแล้วดื่มอีกจอกหนึ่ง “ข้าสู้ตลอดทั้งชีวิตของข้า แต่ก็พบว่ามีแต่ความว่างเปล่า”

“พี่สาวหยางซิ่น แต่ท่านก็ยังมีข้าอยู่ไม่ใช่รึ”

‘เนี่ยหลี่’หัวเราะออกมา เขารู้ได้ทันทีถึงความเดี่ยวดายของ’หยางซิ่น’ ในชาติที่แล้วของเขานั้นก็มีความรู้สึกแบบเดียวกัน เดินทางท่องไปทั่วโลก พบผู้คนมากมาย แต่คนสนิทเพื่อนรักและคนรักเพียงหนึ่งเดียวของเขาต่างตายจากเขาไปแล้วทั้งสิ้น

“ฮ่าๆ คำพูดของน้องเนี่ยหลี่ทำให้พี่หยางคนนี้ซาบซึ้งใจยิ่งนัก”

‘หยางซิ่น’ยิ้มแล้วพูดออกมาว่า

“พี่หยางซิ่นคนนี้มีคำขออย่างหนึ่งจะขอจากเจ้า หากอสูรวายุเหมันต์บุกเข้ามาในเมืองได้สำเร็จ ข้าต้องการให้น้องเนี่ยหลี่ทำให้พี่หยางซิ่นคนนี้ได้ตายอย่างสงบแล้วเผาร่างของข้าทันที อย่าให้พวกปีศาจมันได้ลิ้มรสเนื้อข้าโดยเด็ดขาด”

“ไม่มีทาง!ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ข้าจะไม่ยอมให้เมืองกลอรี่ถูกทำลายโดยเหล่ากองทัพอสูรแน่นอน”

‘เนี่ยหลี่’พูดด้วยท่าทางที่เคร่งขึม

“ตกลง ข้าเชื่อใจเจ้า”

‘หยางซิ่น’พูดพร้อมก้มคำนับ

ทั้งสองคนดื่มกันจนดึกดื่น ‘เนี่ยหลี่’ได้บอกกับเธอถึงเป้าหมายของเขาว่า เขาต้องการที่จะเป็นผู้ที่เก่งที่สุดในโลกใบนี้เพื่อจะปกป้องและไม่ให้ใครมาทำอันตรายกับครอบครัวของเขา,เพื่อนรักของเขาและคนรักของเขา

ในห้องของ’หยางซิ่น’ นางได้พาเนี่ยหลี่ลงนอนที่เตียง เมื่อเห็น’เนี่ยหลี่’หลับอย่างสบาย เธอเริ่มรู้สึกมึนหัวขึ้นมาเพราะเธอดื่มเข้าไปมาก แต่’เนี่ยหลี่’นั้นดื่มหนักกว่าเธอมากนัก เธอมีร่างกายที่แข็งแรงอยู่แล้วและเริ่มสร่างเมา ในความมืดสายตาของเธอเริ่มเห็นได้อย่างชัดเจน

‘หยางซิ่น’ขยับตัวเธอเข้าไปใกล้หน้าของ’เนี่ยหลี่’ เผยให้เห็นเนินหน้าอกเพียงเล็กน้อยทำให้ร็สึกยั่วยวนอย่างยิ่ง
หลังจากที่มองหน้า’เนี่ยหลี่’เป็นเวลานาน แก้มของเธอก็กลายเป็นสีแดง ทำให้เธอรู้สึกราวกลับไปเป็นสาวอีกครั้ง เธอกลับถอนหายใจ

“เมื่อข้าเกิดมา แต่เนื้อคู่ของข้ายังไม่เกิด จนบัดนี้เนื้อคู่ของข้าได้เกิดแล้ว แต่ข้าก็แก่เสียแล้ว ถ้าพี่สาวคนนี้อ่อนกว่านี้สักสิบปี เป็นเหมือนกับเสี่ยวหนิงเอ๋อแล้วหล่ะก็ ข้าจะตามตื้อเจ้าอย่างไม่ลดละ น้องเนี่ยหลี่จะเป็นคนที่มีน้ำใจเป็นคนดี เสียดายที่เราไม่อาจคู่กันได้ น้องเนี่ยหลี่มีลิขิตที่จะกลายเป็นมังกรที่จะทะยานขึ้นไปถึงสววรค์ทั้งเก้าชั้น ส่วนข้าที่จะต้องอยู่ที่นี่จนแก่เฒ่านั่นคือชะตาของข้า เพียงได้รู้จักเขาก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว”

‘หยางซิ่น’มองที่หน้าของ’เนี่ยหลี่’และได้จูบที่หน้าผากของเขา เธอยิ้มแล้วก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆและเดินจากไป แม้นางจะเป็นผู้หญิงที่เก่ง และนางก็ยังไม่เชื่อใจผู้ชาย ใครเล่าจะมาเข้าใจความรู้สึกโดดเดี่ยวของนางได้

ภายใต้แสงจันทร์ ด้วยท่าทางอันงดงามดั่งบัวหิมะที่บริสุทธิ์และมีเสน่ห์ แม้’หยางซิ่น’จะออกไปแล้วแต่ก็ยังมีกลิ่นหอมจากกายของนางหลงเหลืออยู่ในห้อง

แม้’เนี่ยหลี่’จะดื่มเหล้าไปมากก็ตาม เขาก็ยังคงสติของเขาไว้ได้ ถ้า’หยางซิ่น’คิดจะอะไรเกินไปกว่านี้แล้วหล่ะก็ เขาคงต้องได้เสียใจในภายหลังแน่นอน เพราะเขาไม่อาจขัดขืนได้ เมื่อเห็น’หยางซิ่น’เดินจากไป ‘เนี่ยหลี่’จึงรู้สึก โล่งอก แม้นางจะมีเส่นห์ น่าหลงใหลและเย้าแหย่’เนี่ยหลี่’อยู่เสมอ แต่เธอก็รู้ถึงลิมิตของตนเอง เขายังเข้าใจถึงความโศกเศร้าที่อยู่ในใจของนาง ภายนอกหยางซิ่นอาจจะเป็นผู้หญิงที่เก่ง แต่แท้จริงแล้วนางกลับเป็นคนที่น่าสงสารยิ่งนัก

‘เนี่ยหลี่’เริ่มนั่งขัดสมาธิและสลายฤทธิ์เหล้า(แอลกอฮอล์)ออกจากร่างกายก่อนที่จะเริ่มฝึกพลัง ในค่ำคืนที่มืดสนิท มีเพียงบางจุดของตำหนักเจ้าเมืองเท่านั้นที่ยังมีแสงสว่างอยู่ แสงจากเชิงเทียนในห้องของ’เอี้ยเซิ่ง’

‘เอี้ยเซิ่ง’กำลังอ่านเอกสารต่างๆ ทุกๆวันเขาต้องได้รับรายงานทั้งหมดเกี่ยวกับทรัพยากรต่างๆ การออกสำรวจสัตว์อสูรและความเคลื่อนไหวของสมาคนทมิฬ

เมื่อเริ่มรู้สึกอ่อนล้า เขาจะเริ่มเดินพลังทันทีเพื่อบรรเทาอาการ หลังจากนั้นเขามองไปทางตำหนักของ ‘เอี้ยจื่ออวิ้น’และนึกถึงตอนที่เขาตีก้นเนี่ยหลี่ที่ลานอาณาเขตสังหาร ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

เมื่อก่อนเขาเวลาที่เขาคิดถึง’เนี่ยหลี่’นั้นมีแต่จะต้องกัดฟันด้วยความโกรธอยู่เสมอแต่บัดนี้ความคิดของเขาที่มีต่อ’เนี่ยหลี่’ได้เปลี่ยนไปเป็นอีกอารมณ์หนึ่งที่ต่างจากเดิม

เมื่อ’เอี้ยเซิ่ง’กำลังที่จะอ่านเอกสารต่อก็มีคนมาเคาะที่ประตู

“เข้ามา”

‘เอี้ยเซิ่ง’มองที่ไปที่ประตู เขาสัมผัสถึงพลังของ’เอี้ยฮั่น’

“ท่านพ่อ”

‘เอี้ยฮั่น’เดินเข้ามาในห้องแล้วคำนับ’เอี้ยเซิ่ง’

“ฮั่นเอ๋อ เจ้ามาที่นี่ทำไมรึ”

‘เอี้ยเซิ่ง’ยิ้มตออบ

“ข้ามีเรื่องที่จะมาปรึกษากับท่านพ่อ”

เขาตอบหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง

“ได้!!”

‘เอี้ยเซิ่ง’พยักหน้า

“เมื่อไม่กี่วันมานี้ ข้ารู้สึกว่ามีคนแปลกหน้ามากมายเข้ามาอยู่ในตำหนักของ เอี้ยจื่ออวิ้นและทำให้ข้ารู้สึกสงสัย แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดออกไปดีหรือไม่”

‘เอี้ยฮั่น’ก้มหัวลง แววตาของเขาแสดงถึงความลังเลและไม่สบตากับ’เอี้ยเซิ่ง’

“นั่นคงจะเป็นเนี่ยหลี่และเพื่อนของเขา และพวกเขายังเป็นเพื่อนร่วมชั้นของจื่ออวิ้นอีกด้วย คงจะพักอยู่ที่ตำหนักของนางสักพัก”

‘เอี้ยเซิ่ง’ยังไม่รู้ว่า ‘เอี้ยฮั่น’ นั้นยังปักใจอยู่กับ’เอี้ยจื่ออวิ้น’มาโดยตลอด พวกเขาสองคนมีอายุที่ห่างกันมาก ความสัมพันธ์ก็ไม่ต่างจากพี่น้อง พวกเขาต่างก็ไม่เหมาะสมกันกับอีกฝ่าย

ในเวลานี้ หากเปรียบเทียบระหว่าง’เอี้ยฮั่น’กับ’เนี่ยหลี่’ ‘เอี้ยเซิ่ง’คงเลือก’เนี่ยหลี่’มาเป็นลูกเขย แต่งกับ’เอี้ยจื่ออวิ้น’ เพราะ’เอี้ยฮั่น’ใช้อารมณ์ส่วนตัวมากเกินไปจนเขาเริ่มรู้สึกไม่พอใจ

“ท่านพ่อ ข้าเข้าใจ ตลอดมาท่านดูแลและอบรมสั่งสอนลูก หวังว่าจะให้ข้าสืบทอดตำแหน่งต่อจากท่าน แต่ข้ากลับขาดคุณสมบัติทำให้ท่านต้องผิดหวัง เมื่อก่อนข้าอาศัยอยู่ข้างถนนเพราะท่านรับข้ามาเลี้ยง ข้าต้องการเพียงจะตอบแทนบุญคุณท่านเท่านั้น แต่ก็ไม่เคยหวังว่าจะได้ตำแหน่งเจ้าเมืองเลย”

‘เอี้ยฮั่น’ก้มลงคุกเข่าและร้องไห้ออกมา
‘เอี้ยเซิ่ง’ เห็นดังนั้นจึงรีบพูดออกมาว่า

“ฮั่นเอ๋อ ข้าเข้าใจ พรสวรรค์ของเจ้านั้นน่าอัศจรรย์และยังรุดหน้ามากกว่าข้าตอนที่อายุเท่ากับเจ้าเสียอีก แต่ถึงอย่างนั้นก็มีหลายสิ่งที่มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่ข้าหวังไว้ แต่ข้าหวังว่าเจ้านั้นจะปล่อยวางได้”

“ข้าเข้าใจ เมื่อไม่นานมานี้ จื่ออวิ้นสามารถเพิ่มระดับพลังได้อย่างก้าวกระโดด แสดงถึงความสามารถที่มหัศจรรย์และเริ่มเหนือกว่าข้าแล้ว”

‘เอี้ยฮั่น’ พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหว

“การที่จะยกตำแหน่งเจ้าเมืองให้จื่ออวิ้นนั้นก็เป็นเรื่องปกติ หากแต่ว่าข้าถูกฝึกมาเพื่อที่จะได้เป็นเจ้าเมืองที่ดีและข้านั้นก็เชื่อในคำพูดของท่านและพยายามอย่างหนักมากโดยไม่ขาดตกบกพร่อง จนบัดนี้ท่านกลับบอกข้าว่าทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน! ท่านคิดถึงความรู้สึกของข้าบ้างมั้ย? ความฝันทั้งหมดนั่นมันสลายไปแล้วใช้มั้ย?”

“ฮั่นเอ๋อ…ข้าขอโทษ”

‘เอี้ยเซิ่ง’พูดด้วยความเสียใจ

“ทุกครั้งที่ข้าได้พบ จื้ออวิ้น ข้าบอกกับตัวเองว่าจะต้องแต่งงานกับนางให้ได้ แต่ข้าไม่เคยได้การยอมรับจากใจของท่านเลย ท่านกีดกันข้าออกจากใจของท่าน มันก็จริงที่ข้านั้นเป็นเด็กข้างถนนไม่ใช่สมาชิกตระกูลวายุเหมันต์ของท่าน ข้าเคยฝันว่าสักวันข้าจะต้องเป็นเจ้าเมืองให้ได้ และจะได้แต่งงานกับจื้ออวิ้น แต่ตอนนี้ท่านบอกกับข้าว่า ข้าไม่เหมาะที่จะได้เป็นเจ้าเมือง ”

“ท่านเป็นคนที่มอบความฝันนี้ให้กับข้า แต่ตอนนี้มันมีแต่ความว่างเปล่า ข้าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว”

‘เอี้ยฮั่น’พูด

“ฮั่นเอ๋อ”

‘เอี้ยเซิ่ง’รู้สึกผิด เพราะตั้งแต่ได้รู้จักกับ’เนี่ยหลี่’ เขาเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่เข้าเชื่อมาตลอดนั้นผิด เขาควรเอาใจใส่ทั้ง ‘จื้ออวิ้น’ กับ ‘เอียฮั่น’ และไม่ควรบังคับพวกเขาให้เป็นไปตามที่วาดหวังเอาไว้ เขาจึงเดินเข้าไปกอด ‘เอี้ยฮั่น’

“ฮั่นเอ๋อ ข้าเข้าใจความเศร้าโศกในใจของเจ้า มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรโยนความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงนี้แก่เจ้า พลักดันให้เจ้าเป็นไปตามที่ข้าหวังเอาไว้ เจ้าควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ข้าไม่ควรกดดันเจ้าแบบนี้เลย”

ขณะที่ ‘เอี้ยเซิ่ง’กำลังกอด’เอี้ยฮั่น’อยู่นั้น สายตาของ’เอี้ยฮั่น’ก็เปลี่ยนไปกลายเป็นแววตาที่ดุร้าย…

 

จบตอน

 

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments