I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 171 สัตว์อสูรห้วงเวลา

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 20381 | 2524 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เมื่อ’เนี่ยหลี’เดินเข้าไปและมองสำรวจอย่างรวดเร็ว เขาก็ถึงกับตกใจ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าคลังสมบัติของคฤหาสน์เจ้าเมืองจะสะสมของโบราณไว้มากมาย

“ข้าสามารถนำพวกมันออกไปได้งั้นเหรอ?”

‘เนี่ยหลี’ถามอย่างยิ้มแย้มระหว่างมองไปทาง’เอียจืออวิน’

“อื้ม”

‘เอียจืออวิ้น’พยักหน้าตอบรับ ‘เนี่ยหลี’ช่วยเธอและบิดา บุญคุญนี้นั้นใหญ่หลวงยิ่งนัก มันไม่อาจตอบแทนด้วยของเพียงไม่กี่ชิ้นแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงของไม่กี่ชิ้น ‘เอียจืออวิ้น’ตัดสินใจที่จะยอมรับทุกคำขอของ’เนี่ยหลี’แบบไม่ต้องคิดให้มากความเลยด้วยซ้ำ

“ถ้างั้น ข้าขอหยิบอะไรก็ตามที่ข้าชอบละกันนะ”

‘เนี่ยหลี’เท้าเอว สายตาของเขาพลันประสบเข้ากับหินบางอย่างในกองสมบัติ เข้ายื่นมือออกไปเพื่อสำรวจดูพวกมัน

เมื่อ’เนี่ยหลี’คว้าหินที่ดูธรรมดาขึ้นมาจำนวนหนึ่งจากกองสมบัติอันระยิบระยับ ‘เอียจืออวิ้น’ก็ถามอย่างอดสงสัยไม่ได้

“นั่นมันคืออะไรน่ะ?”

“มันคือศิลาผู้พิทักษ์สวรรค์ ถ้าจำไม่ผิดมันน่าจะถูกสร้างขึ้นที่เหมืองทางเหนือสุดของทวีปสวรรค์ ซึ่งตอนนี้คงถูกปกครองโดยพวกสัตว์อสูรไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านจารึกมักจะสลักรูปแบบจารึกเมื่อพวกเขาได้รับสิ่งของมา มันช่วยเสริมพลังให้กับเวิ้งวิญญาณได้ อีกทั้งยังสร้างม่านพลังได้อีกด้วย ลองเอาศิลาผู้พิทักษ์สวรรค์นี่ไปดูเป็นตัวอย่าง มันมีรูปแบบจารึกระดับเหล็กดำสลักไว้ มันสามารถช่วยป้องกันการโจมตีจากระดับเหล็กดำได้ถึงสองครั้งเลยนะ แต่ดูเหมือนว่าจารึกพวกนี้จะถูกใช้ไปแล้ว คงต้องมีการซ่อมแซมนิดหน่อย”

‘เนี่ยหลี’คว้าศิลาผู้พิทักษ์สวรรค์มาหกก้อน แล้วจึงเทเลือดของสัตว์อสูรลงไปเพื่อซ่อมแซมรูปแบบจารึก จากนั้นเขาก็ได้ซ่อมแซมศิลาไปถึงสามก้อน แล้วจึงซ่อมแซมที่อยู่บนฝ่ามือของเอียจืออวิ้นอีกสามก้อน

“นี่มัน…”

‘เอียจืออวิ้น’มองไปที่ศิลาผู้พิทักษ์สวรรค์ทั้งสามก้อนบนฝ่ามือ

“เป็นของที่มีค่าสูงมาก…”

“มันเป็นของตระกูลเจ้า ว่าแต่ ทำไมเจ้าถึงถือพวกมันไว้ล่ะ เก็บมันไว้สิ”

‘เนี่ยหลี’หัวเราะและมองไปรอบๆต่อ แก้มของ’เอียจืออวิ้น’แดงเล็กน้อยแล้วเธอจึงเก็บศิลาผู้พิทักษ์สวรรค์ทั้งสามลงไป

‘เนี่ยหลี’ยังคงเดินดูโดยรอบคลังสมบัติ แล้วจึงเดินไปที่ภูเขาสมบัติ เขาจะกลับไปมือเปล่าได้อย่างไร? เขารู้สึกสงสัยว่าจะมีคัมภีร์รูปแบบจารึกระดับตำนานอยู่ที่นี่? ถ้ามันมี เขาคงหยิบมันไปโดยไม่ต้องเอ่ยคำขอแน่นอน

ในตอนนี้พลังความสามารถของเขายังห่างไกลกับเป้าหมายยิ่งนัก เขาหวังว่าจะมีของที่ช่วยเป็นหลักประกันชีวิตเขาอยู่บ้างในกองสมบัติพวกนี้

ถ้าอะไรที่ถูกตาต้องใจ โดยเฉพาะสิ่งที่สามารถนำไปใช้ระหว่างการต่อสู้ได้ ‘เนี่ยหลี’คงจะคว้าแล้วโยนมันลงแหวนเก็บของโดยไม่ลังเลแน่นอน หรืออาจจะเป็นแหวนเก็บของของเอียจืออวิ้นหลังจากที่บอกเธอถึงวิธีใช้งาน

หลังจากนั้นชั่วครู่ ‘เนี่ยหลี’ได้คว้าสมบัติมานับร้อยชนิด ประดุจดังกำลังปล้นคลังสมบัติแห่งนี้อยู่ ถ้า’เอียเซิ่ง’เห็นภาพนี้เข้าหัวใจคงแหลกสลาย ‘เนี่ยหลี’ใช้ที่นี่อย่างกับเป็นสถานที่ในบ้านของเขาเองอย่างไรอย่างนั้น

“น่าเสียดาย ที่นี่ไม่มีอะไรที่ถูกตาต้องใจข้าเลย คลังสมบัตินี่ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก”

‘เนี่ยหลี’พูดอย่างผิดหวังเล็กน้อย

เมื่อ’เอียจืออวิ้น’ได้ยินเช่นนั้น เธอถึงกับอับจนคำพูด ไม่มีอะไรที่ถูกตาต้องใจเจ้า? แต่เมื่อครู่เจ้าเพิ่งหยิบของไปนับร้อยชิ้น!?
‘เนี่ยหลี’พบคัมภีร์จารึกสิบห้าม้วนที่มีเทคนิคต้องห้ามระดับตำนาน แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้ดีอะไรมากมาย สิบม้วนนั้นเป็นเพียงแค่เศษซาก

แต่ที่เหลืออีกห้านั้นพอที่จะซ่อมแซมได้ หลังจากที่เนี่ยหลีซ่อมแซมคัมภีร์จารึกทั้งห้าแล้ว เขาได้มอบมันสามม้วนให้แก่’เอียจืออวิ้น’และเก็บไว้เองสองม้วน

‘เนี่ยหลี’เท้าเอว ส่วนใหญ่ของทุกอย่างที่ผ่านสายตาของเขานั้นถูกนำมาแล้ว ด้วยสมบัติมากมายที่อยู่ด้านข้างมันทำให้เขารู้สึกค่อยยังชั่วอยู่บ้าง

ทันใดนั้นสายตาของ’เนี่ยหลี’ก็ไปบรรจบกับไข่ลึกลับในบรรดาสมบัติที่เหลือ ไข่ที่ว่านั้นมีสามขนาด มีสีแดงและสีทองพร้อมด้วยรูปแบบจารึกมากมายบนตัวไข่

‘เนี่ยหลี’เชื่อในสารบบความรู้ของตน แม้ว่าจะไม่อาจเข้าใจรูปแบบจารึกที่สลักอยู่ แต่มันต้องเต็มไปด้วยปริศนาแน่นอน รูปแบบจารึกพวกนี้แทบไม่คุ้นตาเขาเลย เขาไม่เคยเห็นพวกมันมาก่อนแน่นอน

เมื่อสายตาของ’เนี่ยหลี’จ้องมองไปยังไข่ประหลาด ‘เอียจืออวิ้น’ก็ถามอย่างสงสัย

“มันคืออะไรเหรอเนี่ยหลี?”

“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน”

‘เนี่ยหลี’ยิ้มเจื่อนๆ พร้อมส่ายหน้า ‘เนี่ยหลี’ทราบถึงไข่ของสัตว์อสูรส่วนใหญ่ แต่นี่มันแทบไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันเป็นไข่อะไร ทำให้เขาแย่ รูปแบบจารึกบนไข่พวกนี้ช่างลึกลับ ในตอนนี้เนี่ยหลีไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องมัน

‘เนี่ยหลี’ไม่อาจทราบได้ว่ามันคืออะไร หรือมันเป็นเพียงแค่ไข่? ‘เอียจืออวิ้น’ตกใจเล็กน้อย ในใจของเธอนั้นมองว่า’เนี่ยหลี’รู้ทุกสรรพสิ่งบนโลกหล้า ไม่อาจมีสิ่งใดที่อยู่นอกเหนือความรู้ของ’เนี่ยหลี’

“ถ้างั้น เราจะทำยังไงดี?”

‘เอียจืออวิ้น’มองไปยัง’เนี่ยหลี’และถามออกมา

‘เนี่ยหลี’จ้องมองไข่ลึกลับพวกนั้น เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังบางอย่างที่ออกมาจากมัน สิ่งมีชีวิตภายในไข่จะต้องยังคงมีชีวิตอยู่แน่ คลื่นพลังนั้นทำให้เนี่ยหลีสัมผัสได้ถึงความลึกลับและความกดดัน

แล้วมันคืออะไรกันล่ะ? ‘เนี่ยหลี’พยายามครุ่นคิด

‘เนี่ยหลี’คิดอะไรบางอย่างและพยายามที่จะเคลื่อนตัวเล็กน้อย เขารวมพลังภายในเวิ้งวิญญาณให้มันบางพอที่จะทะลุเข้าไปภายในไข่ เขาคิดไม่ออกจริงๆว่ามันเป็นไข่ของสัตว์อสูรอะไร เมื่อมันดูดซับพลังวิญญาณของเขา มันได้หลอมรวมเข้ากับพลังของเขาและเขาพยายามทำให้มันศิโรราบ!

เมื่อเขาถอนพลังวิญญาณออกมาจากไข่ ‘เนี่ยหลี’รู้สึกได้ถึงการต่อต้านจากคลื่นพลังของไข่ คาดได้ว่ามันปฏิเสธพลังวิญญาณของ’เนี่ยหลี’ เหมือนมีม่านพลังปิดกั้นไม่ให้พลังวิญญาณ’เนี่ยหลี’เข้าไป

เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงม่านพลังที่ทรงพลัง ‘เนี่ยหลี’ถึงกับตกใจ นี่มันจะต้องเป็นสัตว์อสูรระดับสูงมากอย่างแน่นอน อีกทั้งมีความเป็นไปได้ว่าไม่ได้มาจากโลกนี้!

ถ้าสัตว์อสูรมีม่านพลังเช่นนี้ตั้งแต่ยังเป็นไข่ อย่างน้อยมันก็ต้องเป็นถึงระดับเทพ

‘เนี่ยหลี’พยายามที่จะแทรกแซงพลังวิญญาณของเขาเข้าไปนับครั้งไม่ถ้วน แต่ว่ามันก็ยังคงล้มเหลว นี่มันช่างน่าท้อใจ แต่ทันใด

นั้น’เนี่ยหลี’ก็พบว่าเศษเสี้ยวหน้าของหนังสือจิตอสูรท่องเวลาบนอกของเขากำลังส่องสว่าง

หมายความว่าเจ้าไข่นี่มันดึงดูดเศษเสี้ยวหน้าของหนังสือจิตอสูรท่องเวลา?

‘เนี่ยหลี’มองไปยังเศษเสี้ยวหน้าของหนังสือจิตอสูรท่องเวลา เศษเสี้ยวหน้านั้นได้ลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกับแสงสีขาวที่แผ่ไปยังไข่ลึกลับนั่น แสงนั้นได้หมุนวนอย่างรวดเร็วโดยรอบของไข่ ทันใดนั้นก็บังเกิดแสงสีทองส่องสว่างออกเคียงคู่กับแสงจากเศษเสี้ยวหน้าของหนังสือจิตอสูรท่องเวลา

ภาพอันลึกลับนี้ถึงกับทำให้’เนี่ยหลี’และ’เอียจืออวิ้น’ตื่นตะลึง
หนังสือจิตอสูรท่องเวลา? เป็นไปได้ว่าไข่นั่นมีความเกี่ยวข้องกับหนังสือจิตอสูรท่องเวลา?

“สัตว์อสูร… สัตว์อสูรห้วงเวลา…”

‘เนี่ยหลี’พึมพำ ทันใดนั้นก็บังเกิดความคิดแปลกประหลาดขึ้นภายในใจเขา นั่นจะต้องเป็นสัตว์อสูรในตำนาน สัตว์อสูรห้วงเวลา? สัตว์อสูรห้วงเวลานั้นเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรลี้ลับ พวกมันถูกกล่าวถึงในเอกสารอันน้อยนิด

ตามตำนานกล่าวไว้ว่า สัตว์อสูรห้วงเวลานั้นยากยิ่งนักที่จะจับต้อง และจำนวนของไข่สัตว์อสูรห้วงเวลายิ่งมีเพียงน้อยนิดมากๆ พวกมันไม่เคยถูกลงบันทึกไว้ในเอกสารใดๆ

ในอดีตมีผู้คนที่พยายามค้นหาเบาะแสของสัตว์อสูรห้วงเวลา หนึ่งในสัตว์อสูรห้วงเวลาถูกเรียกว่า มูซห้วงเวลา พวกมันดูธรรมดามากหากนำไปเทียบกับสัตว์อสูรห้วงเวลาตัวอื่น เมื่อใดก็ตามที่มีใครบางคนค้นพบมูซห้วงเวลา พวกเขามักจะให้หญ้ามันกินและพยายามที่จะเข้าไปใกล้มันเพื่อให้ประตูห้วงเวลาโผล่ออกมา

แต่เมื่อมีใครเข้าไปใกล้ พวกมูซห้วงเวลาจะโดนดูดกลืนหายเข้าไปในประตูห้วงเวลา พวกมันมักจะไปกลับทุ่งหญ้าภายในห้วงเวลานี้ จากนั้นเพียงชั่วครู่ก็จะหายไปปรากฏขึ้นในสถานที่อยู่ห่างไกลออกไป หรือไม่ก็หายไปเลย

เมื่อมันหายไป พวกมูซห้วงเวลานั้นมักจะปรากฏขึ้นในสถานที่เดียวกันในร้อยปีให้หลัง หรือไม่ก็พันปีหลังจากนั้น เพราะพวกมันนั้นสามารถเดินทางท่องเวลาได้ อย่างไรก็ตาม มูซห้วงเวลานั้นไม่ได้ทำสัญญากับมนุษย์หรือสัตว์อสูร พวกมันจึงไม่ได้ส่งผลอะไรมากกับประวัติศาสตร์

พวกมูซห้วงเวลาเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรห้วงเวลาที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ซึ่งในบันทึกยังมีอีกสองตัวคือ หมาป่าห้วงเวลาและอสูรสิงโตห้วงเวลา พวกมันเป็นผู้ล่าตามธรรมชาติของมูซห้วงเวลา

แต่ไม่ว่าจะเป็นมูซห้วงเวลา หมาป่าห้วงเวลาหรืออสูรสิงโตห้วงเวลา พวกมันเหล่านั้นไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตที่วางไข่เพื่อสืบพันธ์
แสงจากเศษเสี้ยวหน้าหนังสือจิตอสูรท่องเวลายังคงส่องประกายอยู่บนไข่ รูปแบบจารึกบนไข่เองบางครั้งก็เรืองแสง บางครั้งก็หม่นลง

‘เนี่ยหลี’ควบคุมพลังวิญญาณของเขาเข้าไปภายในเพื่อค้นหาจุดอ่อนของม่านพลัง ในที่สุดแสงบนไข่ก็มืดลง เนี่ยหลีสัมผัสได้ว่าม่านพลังได้แตกออกและผลักดันพลังวิญญาณของเขาเข้าไปภายใน

ตู้ม!

‘เนี่ยหลี’รู้สึกเหมือนหัวของเขาได้ระเบิดแตกกระจาย หัวของเขาเริ่มที่หมุนด้วยความเร็วสูงมาก มันเปรียบดั่งจิตใจของเขาได้ผ่านเวลามาหลายศตวรรษ ทุกภาพของช่วงชีวิตก่อนหน้าได้ปรากฏขึ้นมาภายในหัวของเขา ไข่ลึกลับยังคงดำเนินการดูดพลังวิญญาณของ’เนี่ยหลี’อย่างต่อเนื่อง

เมื่อ’เนี่ยหลี’รู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณของเขาใกล้เหือดแห้ง เขาจึงรีบถอนพลังออกมาจากไข่นั่นทันที เมื่อเขาสัมผัสได้ว่าไข่นั่นไม่ได้ดูดพลังของเขาแล้ว ‘เนี่ยหลี’จึงเป่าปากอย่างโล่งอก ทันใดนั้น’เนี่ยหลี’ได้รับรู้ถึงความลึกลับจากไข่ คลื่นพลังภายในไข่ได้เติบโตขึ้นและดูแข็งแกร่งขึ้นนิดหน่อย อีกทั้งเนี่ยหลียังรู้สึกได้ว่าตัวเขาและไข่มีความเชื่อมโยงกันอย่างประหลาด

“ข้าจะเอาไข่นี่ไปศึกษาอย่างละเอียด”

‘เนี่ยหลี’พูดพร้อมมองไปยัง’เอียจืออวิ้น’

“ได้สิ”

‘เอียจืออวิ้น’พยักหน้า ‘เนี่ยหลี’นั้นสามารถนำอะไรก็ได้ที่ต้องการจากคลังสมบัติแห่งนี้
‘เนี่ยหลี’เก็บไข่ลึกลับนั่นลงในแหวนเก็บของ เขารู้สึกได้รางๆถึงความลึกลับของไข่นี่ อีกทั้งยังเกิดความคิดว่าเขาจะสามารถไขปริศนานี่ได้ในอนาคต

ทันทีที่เขาคว้าหน้าที่เหลืออยู่ของเศษเสี้ยวหน้าหนังสือจิตอสูรท่องเวลา ‘เนี่ยหลี’และ’เอียจืออวิ้น’ก็เดินออกไปจากคลังสมบัติแห่งนี้
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้นมาจากท้องฟ้า ‘เนี่ยหลี’เงยหน้าขึ้นมองก็พบกับนกยักษ์กำลังบินอยู่บนอากาศ
นั่นคือบรรพบุรุษผู้ก่อตั้ง เอียหยาน!

ความสนใจของ’เนี่ยหลี’จ้องมองไปยังหุ่นเชิดวิญญาณที่กำลังร่อนลงมาจากฟ้า
บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งเอียหยานพูดอย่างหงอยๆ

“เนี่ยหลี ในอนาคตข้าจะไม่ทำงานแบบนี้อีกแน่ มันช่างน่าเบื่อยิ่งนัก”

“บรรพชนผู้ก่อตั้งเอียหยาน พวกสมาชิกของสมาคมทมิฬนั้นเป็นพวกนอกรีต พวกมันกำลังทำสิ่งที่พวกมันต้องการ ถ้าท่านช่วยเมืองกลอรี่จากเนื้อร้ายก้อนนี้ มันจะเป็นสิ่งที่ประเสริฐและสูงส่งมาก ท่านไม่ยินดีเหรอ?”

‘เนี่ยหลี’กล่าวยิ้มๆ

“แม้ว่าข้านั้นจะตายไปหลายพันปีแล้ว พวกลูกหลานเหล่านี้ยังกังวลว่าข้าจะว่างมากเกินไปสินะ ยังจะสร้างสมาคมทมิฬมาเพื่อก่อปัญหาอีก”

ในมุมมองของเอียหยาน ไม่ว่าจะเป็นผู้คนในเมืองกลอรี่หรือสมาคมทมิฬต่างก็เป็นลูกหลานของเขาทั้งนั้น!

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments