I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 174 หลบซ่อนเท่าที่จะเป็นไปได้

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 21088 | 2525 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ รวมร่างกับ วิหคอัสนีบาตแห่งสวรรค์ เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

คนต่ำช้าอย่า ‘เสิ่นเฟย’ นะหรือที่จะมาเป็นสามีของเธอ

ในใจของ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ พลันรู้สึกดีใจเพราะนางไม่จำเป็นต้องมากังวลเรื่องการแต่งงานอีกต่อไปแล้ว ไม่ต้องตกเป็นของคนอื่น มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้เธอยอมรับจากหัวใจ

‘เสิ่นเฟย’ ยังมีอาการมึนจากสายฟ้าที่โจมดีใส่เขา เขารีบสั่นหัวเพื่อเรียกสติกลับมา แต่ทันใดนั้นเองก็มีสายฟ้าฟาดลงมาอีกครั้ง

ตูม…ตูม…ตูม…

‘เสิ่นเฟย’ก็กระเด็นออกไป พยัคฆ์โลหิตทมิฬ ไม่อาจต่อกรกับ วิหคอัสนีบาตแห่งสวรรค์ ได้ ความโกรธแค้นที่อัดอั้นมาตลอดหลายปีได้ถูกปลดปล่อยออกมา เธอไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา เอาแต่โจมตีใส่ ‘เสิ่นเฟย’ อย่างบ้าคลั่ง

ก่อนที่ ‘เสิ่นเฟย’ จะฟื้นฟูตนเอง ก็ถูกสายฟ้าโจมตีใส่ซ้ำแล้วซ้ำอีก ความเจ็บปวดที่สุดจะต้านทานเริ่มทำให้เขาสติเลือนราง

“เซี่ยวหนิงเอ๋อ หากเจ้ายังไม่ยอมรามือแล้วละก็ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ของข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่”

‘เสิ่นเฟย’ ยังคงพูดต่อไป แต่ถึงยังนั้นกลับมีแต่สายฟ้าที่กระหน่ำโจมตีเขาโดยไม่ให้ได้พัก จนกระทั้งพลังวิญญาณของเขาหมดลง ความเจ็บปวดก็ยิ่งทวีคุณขึ้นจะไม่สามรถทนได้อีกต่อไป (น่าจะเหมือนกับพวกพลังลมปราณนะครับ ที่สามารถลดความเสียหายกับร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์และเป็นการเกื้อหนุนกำลังของจิตใจ มั้งนะ หากหมดก็ซวย แต่ถ้ามีเยอะก็เป็นสีทนได้)

“ไว้ชีวิตข้า!…อย่าฆ่าข้า!”

‘เสิ่นเฟย’ร้องขอชีวิต ตั้งแต่เกิดมาในตระกูลศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่เคยเจ็บปวดแสนสาหัสเท่านี้มาก่อนในชีวิตนี้

‘เซี่ยวอี้’ รีบขอร้องออกมา

“หลาน หนิงเอ๋อ โปรดหยุดมือก่อน! ขืนเจ้ายังลงมือต่อ คุณชายเสิ่นเฟยต้องตายแน่”

ได้ยินคำพูดของ ‘เซี่ยวอี้’ มีแต่จะทำให้ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ยิ่งโกรธแค้นมากขึ้นไปอีก

แต่สุดท้ายก็สงบลง แน่นอนว่าการฆ่า’เสิ่นเฟย’นั้นไม่ได้สร้างผลดีแต่อย่างใด ตอนนี้ ‘เฉินเฟย’ บาดเจ็บปางตายถ้าไม่ส่งเขากลับไปตระกูลศักดิ์สิทธิ์ พวกนั้นคงไม่ปล่อยตระกูลของเธอไปแน่

เมื่อคิดได้ดังนั้น ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ถึงกับหน้าถอดสีเพราะความวู่วามของเธอก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เธอคิดถึงผลที่ตามมานั้นทำให้เธออดรู้สึกผิดไม่ได้ต่อตระกูลของเธอ

ใช่แล้ว ‘เนี่ยหลี่’! ‘เนี่ยหลี่’จะต้องแก้ไขสถานการณ์ได้แน่นอน มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับพวกตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้
คนแรกที่เธอนึกได้คือ’เนี่ยหลี่’

‘เสิ่นเฟย’ สั่นหัวเพื่อเรียกสติตัวเองกลับมา แต่ร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยบาดแผล ความเจ็บที่รุนแรงทำให้เขาโอดครวญออกมา พยัคฆ์โลหิตทมิฬ หายไป เขาไม่สามารถขยับตัวได้ทำได้เพียงนอนรอความตาย

ยังจะมีอะไรที่จะต้องอีก ในเมื่อ ‘เซี่ยว หนิงเอ๋อ’ไม่มีแม้แต่ความเมตตาอยู่ในสายตาของเธอที่มองมาหาเขา เขาเริ่มกลัวว่า ‘เซี่ยวหนิงอ๋อ’ จะกลายเป็นบ้าและฆ่าเขาขึ้นมา

ถ้ามันเป็นเช่นนั้น แม้ตระกูลของเขาจะช่วยกู้หน้าให้กับเขา แต่เขาจะต้องตายอย่างไร้ค่า แต่ถึงอย่างนั้นมีสิ่งหนึ่งที่รู้ได้คือ ทำไม ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ถึงได้แข็งแกร่งมากขนาดนี้

เซี่ยวหยุนฟาง* (ขอเปลี่ยนนะครับ เพราะเราจะใช้ให้เหมือนกันครับ ขอขอบคุณ ท่าน IDeaPaeTonG ครับ)

พูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม

“เด็กๆ ส่งคุณชาย เสิ่นเฟย กลับ”

‘เซี่ยวอี้’ รีบพูดออกมา

“ช้าก่อน, เสิ่นเฟย ยังบาดเจ็บหนักอยู่ เราควรรักษาบาดแผลให้เขาก่อนจะล่งเขากลับไป ข้าเกรงว่ามันออกจะไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ ถ้าหากตระกูลศักดิ์สิทธิ์จะกล่าวโทษเราขึ้นมา….”

‘เซี่ยวหยุนฟาง’ ชำเลืองมองไปที่ ‘เซี่ยวอี้’ และสั่งคนคุ้มกัน

“ส่งเขากลับตระกูลศํกดิ์สิทธิ์!”

“ครับ!”

เหล่าผู้คุ้มกันตอบรับด้วยความเคารพและแบก เสิ่นเฟย ออกไปราวกับหมูถูกเฉือด

“ท่านพ่อ ลูกนำความเดือดร้อนมาให้ท่านใช่รึไม่”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ พูดด้วยความกังวล และคืนร่างจาก วิหคอัสนีบาตแห่งสวรรค์ สีหน้าของเธอไม่สู้ดีนัก

“หนิงเอ๋อ เจ้ารู้รึไมว่าที่เจ้าทำลงไปนั้นจะทำให้ตระกูลมังกรทะยานฟ้าของเราต้องถูกฆ่าล้างทั้งตระกูล”

‘เซี่ยวอี้’ พูดออกมา

‘เซี่ยวหยุนฟาง’ ส่ายหัวและพูดออกมาว่า

“หนิงเอ๋อ, เจ้าตั้งใจฝึกฝนต่อไปเถอะ แม้ฟ้าจะถล่มลงมา คนแก่อย่างพวกเราจะสนับสนุนเจ้าเอง ตอนนี้ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ถูกตระกูลวายุเหมันต์กำราบอยู่ พวกเขาไม่กล้าลงมือกับเราตระกูลมังกรทะยานฟ้า ไนตอนนี้เราทำได้เพียงรอดูสถานการณ์ไปก่อน”

“ค่ะ”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ โค้งคำนับ เธอได้ตัดสินใจแล้ว ถ้าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ทำอะไรกับตระกูลมังกรทะยานฟ้า เธอจะไปหา’เนี่ยหลี่’ เพราะ’เนี่ยหลี่’จะสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน

เมื่อ ‘เซี่ยวหยุนฟาง’ ตัดสินใจไปแล้ว ‘เซี่ยวอี้’และคนอื่นๆก็ทำอะไรไม่ถูก พวกเข้าได้แต่หวังในใจว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์จะตามมาเอาเรื่องนี้

ตระกูลศักดิ์สิทธิ์

เมื่อ ‘เสิ่นฮอง’ ได้ทราบว่า ‘เสิ่นเฟย’ ถูกแบกกลับมาหลังจากที่พ่ายแพ้มา เขาถึงกลับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ห้องโถงของตระกูลเต็มไปด้วยรังสีอาฆาตของ’ เสิ่นฮอง’ ทำให้ผู้คุ้มกันกลัวกันไปตามๆกัน

“ข้าบอกให้เจ้าเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน แต่เจ้าก็ไม่ฟังคำพูดของข้าและยังไปที่ตระกูลมังกรทะยานฟ้าอีก มันเป็นเพราะเจ้าทำตัวเอง จนทำให้ถูกทำซะจนปางตายแบบนี้”

‘เสิ่นฮอง’ ต่อว่าโดยความโกรธกับ ‘เสิ่นเฟย’ ที่บาดเจ็บอยู่

‘เสิ่นเฟย’ พูดออกมาด้วยความเจ็บใจ

“ท่านพ่อ, เซี่ยวหนิงเอ๋อ นางเป็นคู่หมั้นของข้านะ นางไปมีความสัมพันธ์กับชายอื่น ท่านจะให้ข้าทนนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไรกัน มันก็เลวร้ายพออยู่แล้วที่ตระกูลวายุเหมันต์ต้องการที่จะกำราบเรา แต่ตอนนี้แม้กระทั้งตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลมังกรทะยานฟ้าไม่เห็นเราอยู่ในสายตาของพวกมันเลย ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์นั้นต้องขี้ขลาดถึงเพียงนี้ ท่านพ่อ ท่านไม่แค้นใจบ้างเลยรึไงที่ นางแพศยา เซี่ยวหนิงเอ๋อ ทำให้ข้าต้องเป็นแบบนี้ ท่านต้องคืนความเป็นธรรมให้กับข้านะท่านพ่อ!”

“ความเป็นธรรมไร้สาระนะสิ! เจ้าแพ้กระทั้งผู้หญิงตัวเล็กๆ เจ้ามันไม่มีได้มีอะไรเลยมีนอกจากไร้ค่า ตอนนี้ตระกูลวายุเหมันต์จับตามองพวกเราอยู่ ข้าไม่มีกำลังคนพอที่จะไปจัดการกับตระกูลมังกรทะยานฟ้า การหมดความอดทนกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะทำให้เราเสียการใหญ่ หากเราจัดการกับตระกูลวายุเหมันต์ได้แล้ว มีรึที่เจ้าจะต้องกลัวว่า เซี่ยวหนิงเอ๋อ จะไม่ยอมฟังคำสั่งเจ้า”

‘เสิ่นฮอง’ มองไปที่ ‘เสิ่นเฟย’ เขารู้สึกไม่พอใจที่ ‘เสิ่นเฟย’ ทำให้เขาต้องพบกับความผิดหวังเช่นนี้

“ไม่ช้าก็เร็ว เราจะจัดการกับตระกูลมังกรทะยานฟ้า แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้!”

“ข้า…”

‘เสิ่นเฟย’รู้สึกท้อแท้ เขาไม่อาจจะปล่อยให้ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ตกไปอยู่ในมือของ’เนี่ยหลี่’ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เขาทำได้เพียงเสียใจเท่านั้น

“ข้าเข้าใจแล้ว”

เขาเข้าใจดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะตัวของเขาเอง อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาแพ้ให้กับ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ และแพ้แบบหมดรูป ในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

เมื่อได้เห็น ‘เสิ่นเฟย’ มีอาการถอดใจ สายตาของ ‘เสิ่นฮอง’ เต็มไปด้วยความเย็นชา เขาไม่เคยคิดว่า ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ คนที่อยู่ข้าง ‘เนี่ยหลี่’ จะสามารถฝึกฝนมาได้ถึงระดับนี้ นั่นก็หมายความว่าถ้าเขาไม่กำจัด ‘เนี่ยหลี่’ แล้วล่ะก็ ‘เนี่ยหลี่’ อาจจะนำเอาภัยพิบัติมาสู่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาก็เป็นได้

ณ สวนในตำหนักของ

‘เอี้ยจื่ออวิ้น’ มันเต็มไปด้วยเสียงนกร้องและกลิ่นดอกไม้มากมายทำให้ที่แห่งนี้ช่างเป็นที่น่าร่มเย็นอย่างยิ่ง

แม้ว่าครั้งก่อนเขาจะถูกไล่ออกมา ‘เนี่ยหลี่’ ก็ได้กลับมาอีกครั้ง ‘เอี้ยจื่ออวิ้น’จะไม่ไล่เขาอีกต่อไป เพราะในตอนนี้ ‘เอี้ยจื่ออวิน’ รู้แล้วว่าตำหนักเจ้าเมืองไม่สามารถขาดเขาได้ พ่อของเธอเองก็ดูเหมือนจะยิ้มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ

“หนิงเอ๋อ เจ้ามาแล้วรึ”

ได้เห็น’ เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘เอี้ยจื่ออวิ้น’ นึกถึงสิ่งที่เธอได้กระทำลงไปเมื่อคืนก่อนและทำให้แก้มของเธอร้อนผ่าว เธอรู้สึกผิดต่อ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ อยู่ในใจ แม้เธอจะเป็นคนมีคุณธรรม แต่ก็ไม่อาจต้านเรื่องของความรู้สึกได้

“จ๊ะ.”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ มองไปที่ ‘เอี้ยจื่ออวิ้น’ และก้มคำนับตอบ คนที่ ‘เนี่ยหลี่’ ชอบมากที่สุดคือ ‘เอี้ยจื่ออวิน’ และ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ เองก็เริ่มยอมรับความเป็นจริง เธอไม่มีแม้แต่ความน้อยเนื้อต่ำใจเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความไร้กำลังและเหมือนกำลังสูญเสีย

ถึงอย่างนั้น ‘เอี้ยจื่ออวิน’ ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เธอได้แต่โทษความจริงที่ว่าทำไมเธอไม่เจอกับ’เนี่ยหลี่’ก่อนหน้านี้และปล่อยให้เขาก้าวเข้ามาในชีวิตได้

“หนิงเอ๋อ เจ้ามาหาข้าอย่างนั้นรึ”

‘เนี่ยหลี่’ เห็น’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’จึงยิ้มทักทาย

“เนี่ยหลี่ เจ้า เสิ่นเฟย มันมาที่ตระกูลของข้าและข้าเป็นทำให้มันบาดเจ็บหนัก หลังจากนั้นพ่อของข้าจึงส่งมันกลับไปที่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ พูดพร้อมด้วยสายตาที่เป็นกังวล

เมื่อได้ยินสิ่งที่ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ พูด ‘เนี่ยหลี่’ถึงกับตะลึงไปชั่วขณะจากนั้นก็หัวเราะออกมา

“เสิ่นเฟย นี่มันช่างน่ารำคาญจริงๆ ครั้งก่อนเมื่อเขาถูกข้าจัดการ ดังนั้นมันจึงไปหาเจ้า คนอย่างมันสมควรแล้วที่ถูกสั่งสอน คงดีไม่น้อยถ้ามันต้องนอนซมไปหลายปี”

“เนี่ยหลี่ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์จะต้องนำสร้างปัญหาให้กับตระกูลมังกรทะยานฟ้าของข้าเป็นแน่”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความกังวลแล้วมองไปที่’เนี่ยหลี่’ ในเวลาเช่นนี้ ‘เนี่ยหลี่’จะสามารถร่วมทุกร่วมสุขไปกับผู้อื่นได้รึไม่

ได้เห็นความกังวลของ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ เนี่ยหลี่ก็ส่ายมือและยิ้มออกมา

“เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก ตอนนี้พวกตระกูลศักดิ์สิทธิ์ทำได้เพียงปกป้องตัวเองเท่านั้น พวกนั้นจะมีกำลังพอที่จะต่อกรกับตระกูลมังกรทะยานฟ้าของเจ้าได้อย่างไรกัน ยิ่งไปกว่านั้น ในเร็ววันนี้พวกเราจะทำการกำจัดตระกูลศักดิ์สิทธิ์แน่นอน เจ้ามั่นใจได้เลย”

เขาเนี่ยนะจะกำจัดตระกูลศักดิ์สิทธิ์? ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ถึงกับอึ้งไป ตระกูลศักดิ์สิทธิ์เป็นถึงหนึ่งในสามตระกูลหลักของกลอรี่ เชียวนะ

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินที่ ‘เนี่ยหลี่’ พูด ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ก็โล่งใจมากขึ้น เธอรู้ว่า ‘เนี่ยหลี่ ไม่มีทางโกหกเธออย่างแน่นอน

หลายวันผ่านไป เมืองกลอรี่ อยู่ภาวะที่เงียบสงบ รอบกำแพงเมืองเต็มไปด้วยเหล่าทหารเฝ้ารักษาการณ์อย่างเข้มงวด ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก เป้นผลกระทบมาจากการที่พวกเราเพิ่งถูกโจมตี เป็นธรรมดาที่กำเมืองต้องมีการป้องกันอย่างหนาแน่ ไม่ว่าใครก็ถือว่าไม่แปลกเลยสักนิด

(เหมือนกันกับการก่อกฎบนะครับ ย่อมมีการเคลื่อนย้ายกำลังคนมาประจำจุดๆต่าง แต่กรณีนี้เป็นการป้องกันการบุกรอบที่สองหรือลอบจู่โจมครับแต่มีนับแอบแฝง)

วันสุดท้ายก็มาถึง

ใกล้ค่ำ แสงจากที่ตำหนักเจ้าเมืองถูกจุดให้สว่างขึ้น แขกที่ได้รับเชิญก็ทยอยกันเข้ามาคนแล้วคนเล่า พวกเขาต่างก็เป็นยอดฝีมือจากตระกูลต่างๆ ทุกตระกูลต่างก็คนมาเป็นจำนวนมากเพราะทางฝ่ายเจ้าเมืองเป็นคนส่งเทียบเชิญให้มาในงานนี้ พวกเขาต่างเชิญยอดฝีมือต่างๆเพื่อมาร่วมงานในวันนี้

ตระกูลศักดิ์สิทธิ์พายอดฝีมือเข้ามาร่วมงานที่ตำหนักของเจ้าเมืองเพียง 5 ถึง 6 คนเท่านั้น เสิ่นฮอง มองไปรอบๆหมู่เสาหินและเขาก็ได้แสดงออกถึงความเคร่งเครียด พวกเขาได้เห็นถึงความน่ากลัวของมันมาแล้ว

คราวก่อนที่ อสูรโลกันต์ได้ถูกกำจัดไปโดยค่ายกลเทพอัสนีบาตสังหาร ‘เสิ่นฮอง’กระซิบข้างหูของชายแก่คนหนึ่ง ชายชราคนนั้นพยักหัวตอบและซ่อนตัวเขาอยู่ภายในหมู่ตึกของตำหนักเจ้าเมือง

หลังจากนั้น ‘เสิ่นฮอง’และพวกของเขาก็เดินไปตามทางยาวที่มุ่งไปสู่ห้องโถงใหญ่ ที่ซึ่งอยู่ใจกลางของตำหนักเข้าเมือง
ณ ห้องโถงใหญ่ ตำหนักเจ้าเมือง

“เนี่ยหลี่ ชุดของข้างดงามรึไม่”

‘ฮูเหยียน หลานเร่อ’ สวมชุดราตรีที่งดงาม เผยให้เห็นสัดส่วนของเธอออกมา หน้าอกของเธอที่ราวกับจะระเบิดออกมา เป็นรูปร่างที่ชวนให้ตะลึง เธอเดินหน้ารุก(ส่ายนม..เยอะๆ)ต่อหน้า’เนี่ยหลี่’

ชายที่อยู่รอบถึงกับตะลึง ถ้า’ฮูเหยียน หลานเร่อ’ ไม่อนุญาตให้พวกเขาได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดเธอ พวกเขามีหรือจะกล้า หากมีใครเข้าไปโดยไม่สนใจอะไรก็มีแต่ความตายสถานเดียว

‘เนี่ยหลี่’ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นสิ่งนั้น จากนั้นพูดออกมาว่า

“สวยหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวกับข้า แม่นางฮูเหยียน ทำไมเจ้ายังตามมาตื้อข้าหล่ะ ดูเสื้อผ้าของข้าสิมีแต่ขาดรุ่งริ่ง ข้ามันก็แค่เด็กจนๆคนหนึ่ง มีอะไรให้เจ้าหมายตางั้นรึ”

“แม้ท่าทางของเจ้าจะดูธรรมดาและเสื้อผ้าของเจ้าจะขาดวิ่นไปบ้าง ในสายตาของข้าเจ้าเป็นคนดี นอกจากนี้ในเมืองนี้มีใครหาว่าเจ้าไร้ความสามารถบ้าง เจ้าแตกต่างจากพวกผู้ชายที่น่ารำคาญพวกนั้นโดยสิ้นเชิง”

‘ฮูเหยียน หลานเร่อ’ พูดออกมาด้วยความปลื้มใจและฉีกยิ้มออกมา

“ข้ามองคนไม่ผิดจริงๆ**” (ได้รับความช่วยเหลือจาก)

‘เนี่ยหลี่’ กรอกตาไปมา เขาไม่เคยรู้สึกเลยว่าตนเป็นคนดี เขารู้สึกเสียใจและพูดออกมาว่า

“แม่นางฮูเหยียน ถ้าเจ้ายังคงตามตื้อข้าอยู่แบบนี้ ข้าคงต้องเรียกคนมาแล้วหล่ะ เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ ถือซะว่าข้าขอร้องเจ้า”

“เนี่ยหลี่ ข้าไม่ดีตรงไหน ข้าเป็นถึงคุณหนูจากตระกูล ฮูเหยียน ผู้คนต่างก็ต้องการใกล้ชิดข้าแต่เจ้าไม่แม้แต่จะชายตามองข้าเลย อย่าบอกนะว่า ข้าไม่คู่ควรกับเจ้างั้นรึ”

‘ฮูเหยียน หลานเร่อ’ กัดฟันพูดออกมาลอยๆ ผู้คนที่อยู่รอบตัวเธอต่างก็คิด ด้วยฐานะของนางเนี่ยนะไม่คู่ควรกับ’เนี่ยหลี่’?

“แม่นางฮูเหยียน ข้าคงไม่สามารถขอร้องท่านได้ใช่มั้ย อะไรหล่ะที่ท่านเห็นในตัวข้า ข้าจะได้เปลี่ยนมันเสีย”

‘เนี่ยหลี่’พูดด้วยสีหน้าอันขมขื่น (แหยงสินะ)

‘ฮูเหยียน หลานเร่อ’ เริ่มโมโห นางเป็นถึงหนึ่งในห้าสาวงามที่สวยที่สุดของเมืองนี้ ผู้คนมากมายที่ต้องการจะเข้าหาเธอแต่ก็ไม่มีโอกาส หญิงงามอย่างเธอกลับมาไล่จับ’เนี่ยหลี่’ แต่ท้ายที่สุด ‘เนี่ยหลี่’ก็ทำเหมือนกับเธอเป็นตัวอันตรายและหลบหน้าเธอตลอด นี่เหตุผลที่ทำให้เหล่าผู้ชายจากตระกูลต่างๆต้องตกตะลึง

พวกเขาล้วนแล้วแต่เศร้าใจ ทำไม ‘ฮูเหยียน หลานเร่อ’ ก็ไม่สนใจพวกเขาเลยสักคน ถ้าเป็นคนอื่นพวกเขาคงเข้าไปสั่งสอนคนๆนั้นเป็นแน่ เพื่อทำแต้มกับ’ ฮูเหยียน หลานเร่อ ‘ขึ้นมาบ้าง

แต่คนๆนั้นกลับเป็น’เนี่ยหลี่’ พวกเขาไม่อาจจะแตะต้องเขาได้เลย เพราะ ‘เนี่ยหลี่’ เป็นคนที่สามารถล้ม ‘เสิ่นเฟย’ จากตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้

“เนี่ยหลี่, เจ้าชักเกินไปแล้วนะ….ข้าเกลียดเจ้า!”

‘ฮูเหยียน หลานเร่อ’ มีน้ำตาไหลออกมาจากนั้นเธอก็หันกลับและวิ่งหนีออกไป

เห็น ‘ฮูเหยียน หลานเร่อ’ จากไป ‘เนี่ยหลี่’ก็รู้สึกโล่งอก มันคงยากที่จะเธอจะตัดใจจาก’เนี่ยหลี่’ได้ ในมุมมองของ’เนี่ยหลี่’ ‘ฮูเหยียน หลานเร่อ’ เพียงแค่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาเท่านั้นนอกจากนี้ความรู้สึกที่นางมีต่อเขาอาจจะไม่มีความจริงใจ

บางเขาก็สงสัยว่าถ้าหากเอามาเปรียบเทียบความรู้สึกของ ‘เอี้ยจื่ออวิ้น’ ที่มีต่อเขาใครกันที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกันกับเขา แต่ความรู้สึกที่’เนี่ยหลี่’มีให้ต่อ ‘เอี้ยจื่ออวิ้น’ นั้นยังมั่นคงไม่เสื่อมคลาย

เขาคงจะต้องหลบๆซ่อนๆกับคนอย่าง ‘ฮูเหยียน หลานเร่อ’ เท่าที่จะเป็นไปได้ จนกว่า ‘ฮูเหยียน หลานเร่อ’ ไม่สนใจเขา

‘เนี่ยหลี่’คงรู้สึกขอบคุณสวรรค์เป็นแน่

จบตอน

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments