I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 176 สัตว์ประหลาด!!

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 22280 | 2525 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘เซี่ยวหยุนฟาง’ หน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนที่จะได้พูดออกมาอย่างเร่งรีบว่า

“หลาน เนี่ยหลี่ ข้าจะ(รับ)…….”

“เมื่อไม่นานมานี้ หนิงเอ๋อได้ช่วยเหลือข้าเอาไว้มากมาย ถือซะว่านี่คือของขวัญแทนคำขอบคุณจากข้า ท่านลุงไม่ต้องให้เกียรติข้าขนาดนั้นหรอก”

‘เนี่ยหลี่’มอบของเหล่านั้นให้’เซี่ยวหยุนฟาง’และส่งยิ้มให้กับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ (กะล่อนแท้…พระเอกตู)

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ถึงหน้าแดงขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

‘เซี่ยวหยุนฟาง’มองไปที่ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ คนเป็นพ่อย่อมรู้ใจลูกสาวของตนเองดีที่สุด เขาเข้าใจบางอย่างได้ทันที จึงพยักหน้าและพูดว่า

“งั้นข้าจะรับมันเอาไว้”

แม้ว่าเขาจะได้ยินมาว่า ‘เนี่ยหลี่’นั้นสนิทสนมกับ’เอี้ยจื่ออวิ้น’ ‘เซี่ยวหยุนฟาง’ก็ไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด เพราะคนจากตระกูลของชนชั้นสูงต่างก็มีภรรยา 3 – 4 คน มันเป็นเรื่องปกติ ตอนนี้’เนี่ยหลี่’เป็นสุดยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองกลอรี่ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’คงไม่ต้องมาทนลำบากถ้าเธอได้อยู่กับ’เนี่ยหลี่’

อีกด้านหนึ่ง ‘เซี่ยวหยุนฟาง’ล่วงรู้ว่าพรสวรรค์ของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’นั้นการบ่มเพาะพลังของเธอได้รับการชี้แนะมาจาก’เนี่ยหลี่’ ดังนั้นคนที่สืบเชื้อสายมาจากตระกูลมังกรทะยานฟ้าต้องตอบแทนความหวังดีของผู้อื่นนั่นถือเป็นเรื่องปกติของคนในตระกูลที่ยึดถือกันมา
‘เนี่ยหลี่’ไม่เคยคิดเลยว่าของขวัญครั้งนี้จะทำให้ ‘เซี่ยวหยุนฟาง’ต้องคิดหนัก

ได้เห็น’เนี่ยหลี่’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’กำลังคุยกันอยู่ ‘เสิ่นฮอง’ก็จ้องเขม็ง ตระกูลมังกรทะยานฟ้าที่เคยอยู่ภายใต้ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ แม้กระทั่ง’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ที่เป็นคู่หมั้นของลูกชายเขา

แต่ตอนนี้ตระกูลมังกรทะยานฟ้ากลับตีตัวออกห่างจากตระกูลศักดิ์สิทธิ์และยกเลิกการแต่งงาน แม้แต่ลูกชายของเขา ‘เสิ่นเฟย’ก็ถูกจัดการ ‘เสิ่นฮอง’พยายามอดกลั้นเอาไว้ ความโกรธในตัวเขามีแต่จะทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ

‘เสิ่นฮอง’มองไปที่ ‘ต้วนเจี้ยน’คนที่อยู่ข้างๆ’เนี่ยหลี่’ ‘ต้วนเจี้ยน’ก้าวเดินอย่างมั่นใจและสายตาที่เฉียบคมของเขาแสดงถึงความน่ากลัวออกมา

“เสิ่นซิ่ว”

‘เสิ่นฮอง’พูดด้วยเสียงค่อย

“คะ ท่านพี่ ท่านต้องการสิ่งใดงั้นรึคะ”

‘เสิ่นซิ่ว’ถาม’เสิ่นฮอง’

“พา เสิ่นหยาน ไปทดสอบความแข็งแกร่งของเจ้าหนุ่มนั้นที่อยู่ข้างหลังเจ้าเนี่ยหลี่ที ยิ่งไปกว่านั้นส่งคนไปสืบความสัมพันธ์ระหว่างพวกมันด้วย”

‘เสิ่นฮอง’พูดออกมา ถ้าเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้มีความแข็งแกร่งที่เหมาะสมและไม่ได้มีความสนิทสนมกับ’เนี่ยหลี่’ เขาก็จะรับคนคนนี้เอาไว้เป็นพวกด้วย

“คะ”

‘เสิ่นซิ่ว’มองไปที่’เนี่ยหลี่’ด้วยความเย็นชา สายตาของเธอแฝงไปด้วยความเยือกเย็น

เธอยืนขึ้นและเดินตรงไปทาง’เนี่ยหลี่’พร้อมกับ ‘เสิ่นหยาน’ ที่เดินตามหลังเธอมา

เมื่อสังเกตได้ถึงทิศทางที่คนจากตระกูลศักดิ์สิทธิ์มุ่งมา ‘เซี่ยวหยุนฟาง’เริ่มขมวดคิ้วล็กน้อย ‘เซี่ยวอี้’และคนอื่นๆต่างก็เป็นกังวล แม้ว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์จะถูกกำราบโดยตระกูลวายุเหมันต์ แต่พวกเขาก็ยังมีความน่ากลัวอยู่ ลำพังเพียงแค่ตระกูลมังกรทะยานฟ้าไม่อาจะจะต่อต้านตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้

‘เอี้ยซิ่ว’และ’เอี้ยโช่ว’ที่อยู่บนแท่นพิธีได้เห็นเหตุการณ์นี้

‘เอี้ยโช่ว’ มองไปที่ ‘เอี้ยซิ่ว’ และถามว่า

“เอี้ยซิ่ว เสิ่นฮองส่งยอดฝีมือระดับแบล็คโกลด์ออกมา ข้าเกรงว่าเนี่ยหลี่ไม่อาจจะรับมือไม่ไหว เราจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเขางั้นรึ”

‘เอี้ยซิ่ว’ ยิ้มจากนั้นก็สั่นหัวและพูดว่า

“มันคงแปลกไม่น้อยถ้าเขาต้องพ่ายแพ้ เราเพียงแค่มองดูอยู่ห่างๆก็พอ เขาสามารถรับมือกับมันได้แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเราจะได้มีโอกาสรู้ถึงความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างกาย เนี่ยหลี่ อีกด้วย”

‘เอี้ยโช่ว’ มอง ‘เอี้ยซิ่ว’ อย่างประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดว่า ‘เอี้ยซิ่ว’ จะมั่นใจในตัว’เนี่ยหลี่’มากถึงเพียงนี้ ท้ายที่สุดเขาก็พยักหน้า
‘เนี่ยหลี่’ มองไปยัง ‘เสิ่นซิ่ว’ กำลังใกล้เข้ามา ‘เสิ่นซิ่ว’ที่สวมใส่ชุดราตรี การยั่วยวนของเธอดึงดูดความสนใจจากยอดฝีมือจากตระกูลต่างๆ พวกเขาเริ่มสนทนากันเอง

“นี่พวกท่านรู้หรือเปล่าว่า แท้จริงแล้ว ตระกูลมังกรทะยานได้ทำการหมั้นหมายกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้พวกเขากลับยกเลิกสัญญานั่น คุณชายใหญ่ เสิ่นเฟย ของตระกูลศักดิ์สิทธิ์รู้สึกไม่พอใจจึงตรงไปยังตระกูลมังกรทะยานฟ้าเพราะรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ท้ายที่สุดเขากลับถูก เซี่ยวหนิงเอ๋อ ซัดซะน่วมและถูกแบกออกมา”

“เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาได้ยังไงกัน? ข้าได้ยินมาว่า เสิ่นเฟย เขาได้ก้าวเข้ามาสู่ระดับโกลด์แล้วนี่ เขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้กับ เซี่ยวหนิงเอ๋อ ได้ยังไงกัน? เขาเนี่ยนะที่ถูกเซี่ยวหนิงเอ๋อจัดการ? มันเป็นไปได้มั้ยว่าอาจจะมีใครสักคนในตระกูลมังกรทะยานฟ้ายื่นมาเข้ามาช่วยเธอ?”

“ข้าพนันได้เลยว่าเจ้ายังไม่รู้สินะว่า เซี่ยวหนิงเอ๋อ ก็เพิ่มระดับพลังจนมาถึงระดับโกลด์และมี วิหคอัสนีบาตแห่งสวรรค์ เป็นจิตวิญญาณอสูรอีกด้วย ช่างไร้สาระยิ่งนัก เสิ่นเฟย จะเป็นคู่ต่อสู้กับ เซี่ยวหนิงเอ๋อ ได้รึ?”

“ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ที่ผ่านมาแค่โชคร้ายเท่านั้นและตระกูลมังกรทะยานฟ้าเพียงโยนหินถามทาง ครั้งนี้เห็นทีว่าคงจะไม่เป็นการดีแน่ๆ”

“ไร้สาระ คิดว่าพวกเราไม่รู้อย่างนั้นเรอะว่าเจ้า เสิ่นเฟย มันเป็นคนยังไง เจ้าเด็กนี่ทำความผิดที่ไม่อาจให้อภัยได้มามากมายนับครั้งไม่ถ้วน มีเด็กสาวไร้เดียงสาไม่รู้ตั้งกี่คนแล้วที่ต้องมาถูกมันย่ำยี แต่เด็กคนนั้น เซี่ยวหนิงเอ๋อ นับว่าไม่เลวเลยที่เธอได้จัดการ เสิ่นเฟยเสียที”

ยอดฝีมือจากตระกูลต่างๆต่างก็จดจ้องไปใที่เดียวกัน พวกเขายังสงสัยว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ว่าต้องการจะทำอะไรกันแน่แล้วตระกูลมังกรทะยานฟ้าจะมีท่าทีอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามผู้คนส่วนใหญ่นั้นเลือกที่จะเข้าข้างตระกูลมังกรทะยานฟ้า ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะการกระทำของ ‘เสิ่นเฟย’ นั่นเอง

เมื่อได้ยินการสนทนาเหล่านั้น ‘เสิ่นซิ่ว’ถึงกับหน้าซีด เมื่อเธอได้พบว่า ‘เสิ่นเฟย’พ่ายแพ้ให้กับ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ เธอรู้สึกโกรธแค้นอย่างที่สุด นี่เป็นการเหมือนมาตบหน้าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ชัดๆ

“จุ๊ จุ๊… เซี่ยวหนิงเอ๋อ ตอนที่ข้ายังอยู่ที่สถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ ข้าได้เห็นเจ้าแอบไปมีชายอื่นลับหลัง เสิ่นเฟย ในตอนนี้เจ้ายังกล้าเสนอมาอีกงั้นรึ เจ้าไม่ละอายบ้างหรืออย่างไรกัน?”

‘เสิ่นซิ่ว’พูดออกมาพร้อมกอด อกเธอเอาไว้ ขณะที่กำลังเหยียดหยาม ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’อยู่

เมื่อ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ได้ยินคำพูดเหล่านั้น เธอก็ลุกขึ้นมาและมอง ‘เสิ่นซิ่ว’ ด้วยความโกรธแค้น

“เสิ่นซิ่ว เจ้าพูดจาไร้สาระยิ่งนัก ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ามีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับข้า”

‘เซี่ยวหยุนฟาง’คิ้วขมวด เขาจ้องไปที่ ‘เสิ่นซิ่ว’ และ ‘เสิ่นหยาน’ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์มีเจตนาที่จะมาหาเรื่องกันชัดๆ เขาต้องรู้ให้ได้ว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์วางแผนที่จะทำอะไรกันแน่ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจจะทนการต่แข็งข้อของตระกูลมังกรทะยานฟ้าต่อสายตาของผู้คนมากมายเช่นนี้ได้เป็นแน่

“โดนแหย่แค่นี้ก็เจ็บแล้วงั้นรึ ฮืม…ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ เจ้าก็ไม่ควรจะฝ่ายที่เริ่มก่อนนะ”

‘เสิ่นซิ่ว’แสยะยิ้มออกมา

“ต่อหน้าสายตาของยอดฝีมือจากตระกูลต่างๆที่นี่ ข้าจะเผยโฉมที่แท้จริงของเจ้าออกมา นางแพศยา”

“เจ้า….”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ โกรธจนน้ำตาไหลออกมา หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความโศรเศร้า หลายปีที่ผ่านมาเธอต้องทนต่อความโหดร้ายต่างๆนาๆและทั้งหมดนั้นมาจากตระกูลศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น คนอื่นๆต้องการที่จะบีบเธอจนตายถึงความสุขใช่มั้ย

“เจ้าเป็นอะไรไป ไม่กล้าแล้วเรอะ ฮืม..เจ้าได้หมั้นหมายไว้กับหลานชายของข้า เสิ่นเฟย นี่เป็นความเห็นชอบของผู้หลักผู้ใหญ่ของทั้งสองตระกูล การแต่งงานนั้นก็ยังคงมีอยู่ เจ้าต้องการจะยกเลิกมันงั้นรึ? คิดว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์จะยอมให้ถูกข่มเหงงั้นเรอะ ช่างปะไรเจ้าจะยอมทำตามตระกูลศักดิ์สิทธิ์ของข้านั้นหรือไม่นั้น ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะตัดสินใจได้สักนิด”

‘เสิ่นซิ่ว’ มองด้วยสายตาเหยียดหยามไปที่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’

ผู้หญิงคนนี้ช่างปากคอเราะร้ายนัก ‘หนิงเอ๋อ’จะต่อปากต่อคำกับ ‘เสิ่นซิ่ว’ ได้อย่างไรกัน?

“เสิ่นซิ่ว เจ้านี่มันจัดการยากเสียจริงๆ คนใจร้ายอย่างเจ้าควรจะหุบปากได้แล้วนะ เซี่ยวหนิงเอ๋อไม่ต้องการที่จะแต่งงานเพราะอะไรนะหรือ? มันไม่ใช่เพราะตระกูลศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าบีบบังคับอย่างนั้นหรอกรึ?”

‘เนี่ยหลี่’จ้องไปที่ ‘เสิ่นซิ่ว’ อย่างโกรธแค้น

“เซี่ยวหนิงเอ๋อเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม นางไม่เคยทำอะไรกับเจ้าเลยสักครั้งเดียว แต่อย่างไรก็ตามเจ้าทำให้ข้าโมโหขึ้นมาซะแล้วสิ ข้าขี้เกียจที่จะพูดจาไร้สาระกับเจ้าอีกต่อไป หรือเจ้าอยากจะถูกข้าจัดการซะที่นี่?”

พลังมหาศาลได้โพยพุ่งออกมาจากตัว’เนี่ยหลี่’ เมื่อเขาก้าวเดินเข้ามา พลังของเขาก็พุ่งไปทาง’ เสิ่นซิ่ว’

ได้เห็นท่าทางดุร้ายของ’เนี่ยหลี่’ ‘เสิ่นซิ่ว’ก็กลัวจนต้องถอยหลังไปหลายก้าว พลังที่เยือกเย็นเช่นนี้ทำให้เธอรู้สึกกดดันไว้ เธอนึกถึงงานเลี้ยงครั้งก่อนที่ ‘เนี่ยหลี่’ ได้ทำตัวโอหัง ‘เนี่ยหลี่’ก็ยังกล้าที่จะทำแบบนั้นอีกครั้ง

เมื่อก่อน ‘เสิ่นซิ่ว’ ไม่มี’เนี่ยหลี่’อยู่ในสายตาของเธอเลยสักนิด ในตอนนั้นเธออยู่ในระดับซิลเวอร์และ’เนี่ยหลี่’ยังไม่ถึงระดับทองแดงเลยด้วยซ้ำ แต่บัดนี้’เนี่ยหลี่’เป็นถึงระดับโกลด์แล้วและเธอก็เป็นเพียงระดับซิลเวอร์เท่านั้น ถ้าพวกเขาต้องต่อสู้กัน เธอต้องได้เจอดีอย่างแน่นอน มันช่วยไม่ได้ที่เธอจะพูดออกมาด้วยเสียงสั่นว่า

“เจ้าจะทำอะไร?…เจ้าจะรังแกผู้หญิงอย่างนั้นรึ? เจ้ามันไม่ใช่ลูกผู้ชาย”

“ผู้ชายที่ทำร้ายผู้หญิงดีๆหน่ะสมควรแล้วที่ไม่สมกับเป็นลูกผู้ชาย แต่กับผู้หญิงชั่วร้ายแบบเจ้า แม้ว่าข้าจะทำจนเจ้าตาย มันก็สมควรแล้ว”

‘เนี่ยหลี่’พูดออกมาด้วยความโกรธและกำลังเดินตรงมาเรื่อยๆ ‘เสิ่นซิ่ว’กลัวจนสั่นไปถึงหัวใจ

‘เนี่ยหลี่’ต้องเลวทรามแน่นอน เขาไม่มีแม้แต่ลักษณะของชนชั้นสูงเลย

มีการพูดคุยออกไปอย่างใหญ่โตแต่ก็ไม่เท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ ‘เสิ่นซิ่ว’กำลังสั่นอยู่แล้วมีอาการตื่นกลัวเล็กน้อย

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจ ทั้งครั้งที่เธอตกอยู่ในอันตราย ‘เนี่ยหลี่’จะต้องช่วยเหลือเธอทุกครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะ’เนี่ยหลี่’เธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องแก้ไขอย่างไร ได้มองแผ่นหลังของ’เนี่ยหลี่’ เธอรู้สึกปลอดภัย

ตราบที่’เนี่ยหลี่’ยังอยู่ เธอจะรู้สึกปลอดภัยและสามารถมีใครสักคนที่พึ่งพาได้เสมอ

ผู้หญิงอย่าง ‘เสิ่นซิ่ว’ การโต้เถียงกับเธอมีแต่จะทำให้เธอลำพองใจมากขึ้นไปอีก กับเธอแล้วมีแต่ต้องเล่นไม้นี้เท่านั้น

“นะ..นี่งานเลี้ยงฉลองของท่านเจ้าเมืองกำลังจะเริ่มกันแล้ว ทำไมพวกเจ้าไปหยุดสู้กันสักทีหล่ะ?”

‘เซี่ยวอี้’ลุกขึ้นมาโดยพยายามที่จะยุติเรื่องนี้

“ไปให้พ้น!”

‘เสิ่นซิ่ว’ จ้องไปที่ ‘เซี่ยวอี้’ อย่างเย็นชา เธอถอยห่างออกไปหลายก้าว หลังจากเพิ่มระยะห่างจาก’เนี่ยหลี่’และยืนอยู่ข้าง ‘เสิ่นหยาน’ เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง แล้วแสยะยิ้มออกมา จากนั้นจึงมองไปที่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ที่อยู่ข้างหลัง’เนี่ยหลี่’ แล้วพูดว่า

“เจ้ามันช่างน่าไม่อายจริงๆ เจ้าแสดงมันออกมาแล้วนี่ ทำไมต้องกลัวว่าจะเป็นขี้ปากชาวบ้านอีกละ? ในเมื่อเจ้าให้ชู้ของเจ้าออกมาพูดแทนแล้วนี่ หึ ….ทีนี้ตาสว่างกันได้แล้วสินะ!”

‘เสิ่นซิ่ว’ พูดใส่ร้ายป้ายสีกับ’เนี่ยหลี่’ เขาทำเพียงแค่ยืนฟังอยู่เฉยๆ ‘เนี่ยหลี่’ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า

“ผู้หญิงคนนี้ช่างปากมากจริงๆ ต้วนเจี้ยน จัดการนางแทนข้าทีแล้วโยนนางออกไปจากที่นี่ซะ!”

“ครับ”

‘ต้วนเจี้ยน’ ก้าวออกมาแล้วตรงไปที่ ‘เสิ่นซิ่ว’

‘เสิ่นซิ่ว’ สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวที่ออกจากร่างกายของ’ต้วนเจี้ยน’ ความกลัวของเธอมีมากขึ้นจนทำให้ถอยหลังไปแล้วก้าวทันที
‘เสิ่นหยาน’ คนที่ยืนอยู่ข้าง ‘เสิ่นซิ่ว’ ยิ้มแล้วยื่นฝ่ามือไปที่’ต้วนเจี้ยน’

“ยอดฝีมือระดับแบล็คโกลด์งั้นรึ!”

‘เนี่ยหลี่’ขมวดคิ้วเล็กน้อย อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นยอดฝีมือระดับแบล็คโกลด์เมื่อได้อยู่ต่อหน้า’ต้วนเจี้ยน’แล้วก็ดูไร้ค่าไปเลย ไม่มีใครในตระกูลศักด์สิทธิ์ที่จะสามารถต่อกรได้ ยกเว้น ‘เสิ่นฮอง’

‘เสิ่นหยาน’ สัมผสได้ถึงพลังระดับแบล็คโกลด์จากร่างของ’ต้วนเจี้ยน’ ในใจของเขาถึงกับตะลึง เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดเลยว่าเด็กหนุ่มธรรมดาๆคนนี้จะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้! เขาไม่อาจที่จะประมาทฝ่ายตรงข้ามได้เลยและจึงได้ซัดพลังทั้งหมดออกไป

บูม!…….

‘เสิ่นหยาน’ ใช่ท่าไม้ตายของเขา พลังที่ฝ่ามือของเขาเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าขณะที่จับแขนของ’ต้วนเจี้ยน’เอาไว้

ถ้าเป็นระดับยอดฝีมือแบล็คโกลด์ธรรมดาทั่วไปคงจะแขนหักเพราะฟาดฝ่ามือของ’เสิ่นหยาน’ ถ้าพวกเขาไม่ระวังตัว แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาจับแขน’ต้วนเจี้ยน’เอาไว้และบีบให้แน่นเท่าที่ทำได้ ‘ต้วนเจี้ยน’ไม่ได้ขยับเลยสักนิด เขาเพียงจ้องด้วยสายตาที่เย็นชาไปที่ ‘เสิ่นหยาน’ รังสีอาฆาตถูกแฝงอยู่ในดวงตาของเขา

ในเมื่อ’ต้วนเจี้ยน’ไม่ได้ขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว ‘เสิ่นหยาน’ก็เผยรอยยิ้มที่มุมปาก เจ้าเด็กคนนี้ยังอ่อนหัดนัก เขาช่างดื้อด้านเสียจริง ‘เสิ่นหยาน’รวมพลังวิญญาณจากภายในกายและปล่อยพลังออกจากฝ่ามือด้วยเพลิงสีชาตมันสามารถละลายทุกสิ่งที่ได้สัมผัสกับมัน

เมื่อได้เห็นเหตุการณ์นี้ แม้แต่ ‘เอี้ยซิ่ว’ ‘เอี้ยโช่ว’และคนอื่นๆถึงกับชะงัก นี่มัน ฝ่ามืออัคคี ของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ท่านี้ทำได้แม้แต่ละลายเหล็กเลยด้วยซ้ำ ‘ต้วนเจี้ยน’ที่ถูกจับไว้แล้วยังโดนฝ่ามืออัคคีเข้าด้วยระยะแค่นั้น ถึงแขนจะทำมาจากเหล็กก็คงจะไม่เหลือซากเป็นแน่!

“เสิ่นหยาน หยุดนะ!”

‘เอี้ยซิ่ว’ ตะโกนออกมา แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ไกลเกินกว่าที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเสียแล้ว

นี่ทำให้รู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนโพยพุ่งออกมา ยอดฝีมือจากตระกูลต่างๆที่อยู่โดยรอบมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เตือน’ต้วนเจี้ยน’เอาไว้ เกรงว่าแขนของ’ต้วนเจี้ยน’คงจะไม่เหลือซากเสียแล้ว

ด้วยการใช้วิธีที่ต่ำช้าเช่นนี้ในงานเลี้ยง ยอดฝีมือจากหลายตระกูลต่างก็รู้สึกว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ทำเกินไป เด็กหนุ่มที่เก่งคนนี้ควรจะมาเป็นกำลังให้กับเมือง เมืองกลอรี่ ถ้าเขาต้องเป็นอะไรไปเพราะความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากภายใน มันช่างน่าเสียดายยิ่งนัก

‘เสิ่นหยาน’ก็รู้สึกพอใจอยู่ได้ไม่นาน จากนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเป็นมึนงงไปทันที ‘ต้วนเจี้ยน’ยังคงจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชาอยู่เหมือนเดิม ฝ่ามืออัคคีของเขาไม่แม้กระทั้งทิ้งร่องรอยไว้บนแขนของ’ต้วนเจี้ยน’เลยแม้แต่น้อย

มันเป็นไปได้ยังไง? ฝามืออัคคีของข้าละลายได้แม้กระทั้งเหล็ก ถ้าเป็นเช่นนั้น แขนของเจ้าเด็กคนนี้มันทำมาจากอะไรกันแน่เนี่ย?
‘เนี่ยหลี่’ก็เผยรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นมา ในบรรดาชนเผ่ามังกร ธาตุหลักของพวกเขาก็คือธาตุไฟ ร่างกายของชนเผ่ามังกรไม่จำเป็นต้องกลัวต่อไฟของมังกรเลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมจะต้องไปกลัวกับฝ่ามืออัคคีเล็กๆแค่นี้ด้วย? ฝ่ามืออัคคีจะมาสู้กับไฟของมังกรได้ยังไงกัน?

‘เสิ่นหยาน’เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรมาติดคอ ราวกับว่าเขากำลังจะหายใจไม่ออก (แทบกระอัก…สินะ) เขาไม่เคยคิดเลยว่าฝ่ามืออัคคีของเขาจะไม่มีผลเลยแม้แต่น้อยไม่เพียงแค่ ‘เสิ่นหยาน’เท่านั้นที่ตะลึง แม้แต่คนที่อยู่รอบๆต่างก็มองไปที่แขนของ’ต้วนเจี้ยน’ แขนของเขาไม่ได้รับบาดแผลเลยสักนิด ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

ร่างกายนั้นมันอะไรกันแน่? เด็กคนนี้เป็นสัตว์ประหลาดหรือยังไงกัน?

จบตอน

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments