I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 179 ชื่อเสียงเกียรติยศ

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 23621 | 2525 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘เสิ่นฮอง’เผยรอยยิ้มจืดๆและพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ขาวซีด

“น้องฮูเหยียนเจ้าช่างตลกเสียจริง ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเมืองกลอรี่มาโดยตลอด พวกเราจะก่อกบฎไปทำไมกัน?”

“ฮาฮ่า งั้นข้าก็สบายใจหน่อย”

‘ฮูเหยียนชาง’หัวเราะออกมา

แม้พวกเขายังจะทำตัวสงบเสงี่ยมกันอยู่ แต่ยอดฝีมือจากตระกูลต่างๆก็ไม่ได้ส่งเสียงดังเหมือนอย่างเคย พวกเขารู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ผิดปกติ ผู้นำตระกูลเหล่านี้ล้วนแต่เจ้าเล่ห์ทั้งนั้น พวกเขาพอจะจับได้รางๆแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลวายุเหมันต์กับตระกูลศักดิ์สิทธิ์นั้นมีแต่จะย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ

‘ฮูเหยียนชาง’เป็นถึงมือขวาของท่านเจ้าเมือง การกระทำของเขาเป็นการทดสอบตระกูลศักดิ์สิทธิ์อย่างชัดเจนและปฏิกิริยาของพวกเขากลับมีมากจนน่าตกใจ นั้นแสดงว่าจริงๆแล้วพวกเขากำลังเตรียมที่จะเกิดการต่อสู้ขึ้นในไม่ช้าเป็นแน่

‘เนี่ยหลี่’ ‘เอี้ยซิ่ว’และ’เอี้ยโช่ว’ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจากที่นั่งด้านบนของพวกเขา

‘เอี้ยโช่ว’ส่ายหัวแล้วถอนหายใจออกมา

“น้องฮูเหยียน เขาวู่วามเกินไปยิ่งนักแต่เขาก็รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาเพียงแค่จะทดสอบตระกูลศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ผลลัพธ์ที่แสดงออกมานั่นหมายความว่า พวกเขาตัดสินใจที่ก่อกบฏขึ้นมาจริงๆ!”

“เสิ่นฮองนั้นมีจิตใจที่คับแคบและละโมบ เขาเองก็หมายตาที่จะได้ครองตำแหน่งเจ้าเมืองมานานแล้ว ถึงกับทำเรื่องน่าละอายอย่างการส่งให้เสิ่นเอี้ยมาสนิทสนมกับอวิ้นเอ๋อ”

‘เอี้ยซิ่ว’ถอนหายใจออกมา ที่อันตรายที่สุดก็คือท่านเจ้าเมือง ‘เอี้ยเซิ่ง’ที่ไม่บุตรชายเอาไว้สืบทอดตำแหน่งเขาเลย มีเพียงบุตรสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น แม้ว่าเขาจะรับเอา ‘เอี้ยฮั่น’ มาเป็นบุตรบุญธรรมแต่การทรยศของเอี้ยฮั่นนั้นทำให้ตระกูลวายุเหมันต์ของละอายใจยิ่งนัก

‘เนี่ยลี่’ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากนัก เขาไม่เคยคิดเลยว่าพ่อของ’ฮูเหยียนหลานเร่อ’นั้นจะสามารถรู้ถึงความลับที่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์จะทรยศเมืองกลอรี่ได้ขนาดนี้ จากที่ได้สังเกตมา คนที่’เอี้ยเซิ่ง’เชื่อใจมากที่สุดคงจะเป็น’ฮูเหยียนชาง’เป็นแน่

งานเลี้ยงไม่ได้เต็มไปด้วยเสียงดังเหมือนเคย ‘เสิ่นฮอง’มองไปรอบๆและรู้สึกได้ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ‘ฮูเหยียนชาง’ได้เตือนตระกูลอื่นๆเกี่ยวกับพวกสัมพันธ์ระหว่างตระกูลศักดิ์สิทธิ์กับตระกูลวายุเหมันต์กำลังจะไปถึงจุดแตกหัก และขอให้ทุกตระกูลรักษาระยะห่างกับพวกเขาเอาไว้ด้วย

แม้ตระกูลศักดิ์สิทธิ์จะเป็นถึงหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ก็ตาม ถ้าพวกเขาต้องเลือกระหว่างตระกูลวายุเหมันต์และตระกูลศักดิ์สิทธิ์แล้วล่ะก็ พวกเขาจะเลือกตระกูลวายุเหมันต์อย่างไม่ลังเลเลย เพราะสิ่งที่พวกเขาต่างก็รู้กันก็คือ ตระกูลวายุเหมันต์นั้นปกครองเมืองกลอรี่ หลายร้อยปีแล้ว ตระกูลวายุเหมันต์ได้วางรากฐานเอาไว้จนยากที่จะหยั่งถึง เป็นสิ่งที่ตระกูลอื่นๆนั้นไม่อาจจะทำให้สั่นคลอนได้เลยแม้แต่น้อย

‘เสิ่นฮอง’มองไปยังเหล่าผู้นำตระกุลต่างๆที่อยู่รอบๆ พวกเขาต่างก็หลบหน้าเพราะทำตามคำสั่งที่ให้หลีกเลี่ยงเขาเอาไว้

‘เสิ่นฮอง’เงยหน้าขึ้นไปมองที่นั่งด้านบนของลานจัดงานเลี้ยงที่เป็นที่นั่งของ’เอี้ยซิ่ว’ ‘เอี้ยโช่ว’และ’เนี่ยหลี่’ สีหน้าเขาหม่นหมองและดื่มเหล้าเข้าไปอีก

ปกติแล้ว ตระกูลศักดิ์สิทธิ์นั้นมักจะวางแผนอย่างรอบคอบเสมอ หากทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีแล้วล่ะก็ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์คงจะไม่ต้องลงทุนมากขนาดนี้และสามารถล้มผู้นำอย่างตระกูลวายุเหมันต์ได้แน่นอน แต่ตอนนี้ ทั้งหมดก็พังทลายตั้งแต่ที่ไอ้เจ้า’เนี่ยหลี่’ได้ปรากฎตัวออกมา

‘เสิ่นฮอง’นั้นรู้สึกเหมือนไม่สามารถหาทางออกได้ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์นั้นไปเป็นศัตรูกับ’เนี่ยหลี่’กันตั้งแต่ชาติปางก่อนหรืออย่างไร?

ทำไม’เนี่ยหลี่’ถึงได้ต่อต้านตระกูลศักดิ์สิทธิ์มาโดยตลอด? ‘เสิ่นฮอง’คิดแล้วก็เสียใจเกินกว่าที่จะพรรณนาออกมาได้

ตอนนี้ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ถึงบีบให้จนมุมเสียแล้วด้วยตระกูลมากมายในเมืองกลอรี่ ต่างก็เว้นระยะห่างจากวพกเขามากขึ้นเรื่อยๆและการกดดันจากตระกูลวายุเหมันต์ก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างนี้ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์เหลือเพียงแค่สองทางเลือกเท่านั้น หนึ่งคือยอมจำนนแต่โดยดี ส่วนอีกทางก็คือการสมรู้ร่วมคิดกับสมาคมทมิฬและเปิดฉากการโจมตี

‘เสิ่นฮอง’จะไม่มีทางเลือกข้อแรกอย่างแน่นอน แต่การเลือกข้อสอง ถ้าพวกเขาล้มเหลว พวกขาจะโดนประณามไปตลอดกาล

ตอนนี้ ที่โรงเตี๊ยมบางแห่งในเมืองกลอรี่ที่เป็นส่วนหนึ่งของตำหนักใหญ่ในตระกูลศักดิ์สิทธิ์ อีกไม่ช้านี้การต่อสู้ก็กำลังจะเริ่ม
‘เอี้ยเซิ่ง’บุกเข้าไปยังตำหนักใหญ่ของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ การบุกเข้าไปโดยพาเอายอดฝีมือระดับแบล็คโกลด์หลายคนตามไปด้วย ส่วนทหารคุ้มกันได้ล้อมตระกูลศักดิ์สิทธิ์ไว้เอาแล้ว ตอนนี้การปิดล้อมนี้น้ำสักหยดยังผ่านไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แม้จะกลายเป็นนกก็ไม่มีทางที่จะหนีรอดไปได้แน่นอน

อย่างไรก็ตาม ‘เอี้ยเซิ่ง’และฝีมือของตระกูลวายุเหมันต์ยังไม่ได้สังหารใครเลยสักคน พวกเขาเพียงทำให้คนของตระกูลศักดิ์สิทธิ์บาดเจ็บเท่านั้น

แต่เมื่อ’เอี้ยเซิ่ง’เตรียมที่จะเข้าไปในส่วนของห้องโถงใหญ่ของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ บริเวณนั้นก็เปล่งแสงออกมามากมาย อักขระและอาคมที่ลึกลับมากมายหลายสิบอันก็ปรากฎออกมาพร้อมกันแล้วหมุนวนไปรอบๆดังเป็นเหมือนกับตาพายุ จนกลายเป็นพลังม่านบาเรียป้องกันเอาไว้

‘เอี้ยเซิ่ง’ขมวดคิ้วเข้ามาชนกัน เนี่ยคงเป็นค่ายกลลงอาคมที่บรรพชนของตระกูลศักดิ์สิทธิ์วางเอาไว้ป้องกันอันตรายเป็นแน่
นี่คงเป็นการป้องกันตัวเองของตระกูลศักดิ์สิทธิ์แน่นอน

“ค่ายกลนี้เอาไว้ใช้สำหรับพวกสัตว์อสูรเท่านั้น มันจะกันต้านทานข้าได้ยังไงกัน?”

ชุดของ’เอี้ยเซิ่ง’โบกสบัดไปตามแรงลมและเขาก็เดินตรงเข้าไปยังค่ายกลนั้นอย่างช้าๆ

ตระกูลศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่กับเมืองกลอรี่มานานหลายปี มีหรือที่ตระกูลวายุเหมันต์จะไม่รู้ถึงไพ่ตายที่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์มีไว้อยู่ในมือ? ‘เอี้ยเซิ่ง’แทบจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลศักดิ์สิทธิ์จนหมดไส้หมดพุง!

มีเพียงสิ่งที่ไม่รู้คือ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้แอบสมรู้ร่วมคิดกันกับสมาคมทมิฬและความสัมพันธ์นั้นไปถึงระดับไหนแล้วเท่านั้น

“นี่สำหรับการทรยศต่อเมืองกลอรี่…ตายซะเถอะ!”

‘เอี้ยเซิ่ง’หน้ามืดลงมือเพราะความโกรธ เขากลายร่างเป็นราชันย์วานรวายุเหมันต์และคำรามออกมา ท้องฟ้าโดยรอบพลันเยือกเย็นเหมือนกับถูกแช่แข็งและพลังความเย็นนั้นก็พุ่งไปยังค่ายกลลงอาคมป้องกันของตระกูลศักดิ์สิทธิ์

ตั้งแต่ที่เขาหลอมรวมกับจิตวิญญาณอสูร ราชันย์วานรวายุเหมันต์ ความแข็งแกร่งของ’เอี้ยเซิ่ง’ก็เพิ่มขึ้นมาอย่างคลื่นยักษ์ที่โหมกระหน่ำ อีกเพียงนิดเพียงนิดเดียวเท่านั้นเขาก็จะก้าวเข้าไปสู่ระดับตำนานได้สำเร็จ ยิ่งเขาสามารถควมคุม ราชันย์วานรวายุเหมันต์ได้อย่างสมบูรณ์แล้วล่ะก็ พลังของเขาก็จะเพิ่มขึ้นมาถึงสี่เท่าจนน่าตะลึงอย่างที่สุด

ตูม!…ตูม!…ตูม!

พายุหิมะยังโหมโจมตีใส่ค่ายกลลงอาคมที่ใช้ป้องกันตระกูลศักดิ์สิทธิ์
‘เนี่ยหลี่’และพรรคพวกยังไม่ได้ออกมาประกาศใดทั้งสิ้น ยอดฝีมือจากตระกูลต่างๆจึงได้เริ่มพูดคุยสนทนากันเสียงดังต่ออีกครั้ง
หลังจากที่’เสิ่นฮอง’ได้ดื่มเหล้าเข้าไปอีกหลายจอก เขาเริ่มมั่นใจแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ แม้ว่าผู้คนจากตระกูลต่างๆมากันพร้อมหน้าแล้ว ทำไมยังไม่เริ่มงานเลี้ยงกันเสียที? เหมือนว่าพวกเขากำลังถ่วงเวลาเอาไว้ ตระกูลวายุเหมันต์คิดอะไรอยู่กันแน่?แต่หลังจากทันทีที่คิดได้บางอย่างออก

‘เสิ่นฮอง’ก็ถึงกับเหงื่อตก ‘เสิ่นฮอง’ตบโต๊ะและลุกขึ้นมา

เสียงจากการกระแทกโต๊ะทำให้ทั่วทั้งงานเงียบเสียงทันที สายตาของทุกคนล้วนมองไปที่’เสิ่นฮอง’

“พวกเราไม่ได้มาหารือกันเรื่องการยกทัพของสัตว์อสูรหรอกรึยังไงกัน? หากเป็นดังนั้น ข้าก็จะขอถามอะไรสักอย่าง ท่านเจ้าเมืองอยู่ไหน? ทำไมท่านเจ้าเมืองยังไม่มาปรากฎตัวกันล่ะ? ทำไมต้องให้แขกทุกท่านที่มาจะตระกูลต่างๆต้องรอด้วย?”

‘เสิ่นฮอง’พวกออกมาอย่างเยือกเย็น แม้เขาจะไม่ได้ใช้เสียงดัง แต่เสียงนั้นลึกและทรงพลัง ทุกคนในงานเลี้ยงสามรถได้ยินเสียงเขาทั้งหมด

เมื่อได้ยินคำพูดของ’เสิ่นฮอง’ ยอดฝีมือจากตระกูลต่างๆก็เริ่มพูดคุยกันว่ามันเป็นความจริง พวกเขาก็รู้สึกสงสัยด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขารอมาจนถึงป่านนี้แล้วและยังไม่เห็นท่านเจ้าเมืองออกมาปรากฎตัวเลย ปกติงานเลี้ยงแบบนี้ท่านเจ้าเมืองจะต้องมาเป็นประธานงานนี้ด้วยตัวเขาเองมิใช่รึ?

อย่างไรก็ตาม ‘เสิ่นฮอง’มีท่าทีที่ลำพองใจขึ้นมาเล็กน้อย

“ท่านผู้อาวุโสเสิ่นฮอง ท่านเจ้าเมืองมีงานอะไรบางอย่างที่จะต้องไปสะสางอยู่ก็เป็นได้ เขาคงจะมาในอีกไม่ช้านี้หรอกครับ ท่านผู้อาวุโสเสิ่นฮองหากท่านทนรอไม่ไหว ข้าจะเป็นประธานงานเลี้ยงนี้เอง”

‘เนี่ยหลี่’พูดอย่างสุภาพและขมวดคิ้ว เจ้ามารจิ้งจอกเฒ่าในที่สุดก็รู้ตัวแล้ว เมื่อหมามันจนตรอกมันก็ต้องมีแว้งกัดใส่เป็นธรรมดา ‘เนี่ยหลี่’รู้สึกประหลาดใจกับการโต้กลับของ’เสิ่นฮอง’ว่าจะทำแบบนี้

ณ เวลานั้น สายตาของทุกคนล้วนจ้องมองไปที่’เนี่ยหลี่’ ก่อนที่’เอี้ยเซิ่ง’จะมาถึง ‘เนี่ยหลี่’น่ะหรือที่จะเป็นประธานให้กับงานเลี้ยงนี้?

ไม่มีใครคาดคิดว่า’เนี่ยหลี่’จะมีฐานะที่สูงอย่างนี้เลยสักคน

“ฮาฮ่าๆ ไร้สาระ! เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเจ้าน่ะหรือที่จะมาเป็นประธานงานที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้ได้น่ะ? นี่ตระกูลวายุเหมันต์กำลังเล่นตลกอะไรกับพวกเรากันแน่เนี่ย?”

‘เสิ่นฮอง’หัวเราะออกมาอย่างสะใจ เสียงนั้นดังสนั่นไปทั่วทั้งงานเลี้ยงนี้

ได้ยินคำพูดของ’เสิ่นฮอง’ ยอดฝีมือจากตระกูลต่างๆมีความรู้สึกที่แตกต่างออกไป หากผู้นำตระกูลต่างๆไม่เคยได้พบหรือไม่เคยแม้แต่รู้เลยว่าใครคือ’เนี่ยหลี่’ พวกเขาจะมีความคิดเห็นเช่นไรกับนี้อย่างไรกันนะ? แต่หลังจากที่การกรีฑาทัพของสัตว์อสูรได้บุกเข้ามา ‘เนี่ยหลี่’ได้สร้างผลงานชิ้นใหญ่เอาไว้ ‘เนี่ยหลี่’ทำให้ทั้งความเสียหายและจำนวนผู้คนที่เสียชีวิตเหลือน้อยที่สุดกว่าทุกครั้งที่สัตว์อสูรได้บุกมาโจมตี

ยอดฝีมือคนธรรมดาทั่วไปหรือแม้แต่ผู้นำตระกูลหลายคนไม่ได้ออกมาความเห็น พวกเขาไม่กล้าที่จะพูดเยาะเย้ยหรือถากถางออกไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้า บางคนที่ยังไม่เคยเห็น’เนี่ยหลี่’มาก่อนก็เริ่มพูดคุยกันด้วยเสียงค่อยๆ

“ท่านรู้จักเขามั้ย?คนที่ชื่อเนี่ยหลี่คนนั้นน่ะ!”

“เนี่ยหลี่? นั่นคือคนที่เป็นดาวรุ่งสุดยอดอัฉริยะของเมืองกลอรี่ มิใช่รึ?”

“ข้าได้ยินมาว่าเขามาจากตระกูลบันทึกสวรรค์ด้วยนะ!”

แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยได้พบ’เนี่ยหลี่’มาก่อน แต่พวกเขาก็ได้ยินชื่อเสียงของ’เนี่ยหลี่’มาแล้วทั้งนั้น

เหล่ายอดฝีมือในงานเลี้ยงต่างก็มองไปยังตระกูลบันทึกสวรรค์ และเมื่อได้เห็น ‘เนี่ยไฮ้’ ‘เนี่ยอิง’และคนอื่นๆ พวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นจากแสดงออกมาทางสีหน้าของพวกเขา แม้กระทั่งในอกของพวกเขาแทบจะระเบิดออกมา

งานเลี้ยงนี้แท้จริงแล้ว’เนี่ยหลี่’เป็นประธานในครั้งนี้ พวกเขามีหรือที่จะมารู้สึกภูมิใจแบบนี้มาก่อนเลย? เมื่อพวกเขาทั้งหมดได้รู้ถึงในสิ่งที่’เนี่ยหลี่’กระทำไปไม่นานมานี้ ในตอนนี้’เนี่ยหลี่’ก็กลายมาเป็นคนที่สำคัญอันดับหนึ่งของเมืองกลอรี่ไปเสียแล้ว

เป็นเพราะ’เนี่ยหลี่’ ตระกูลบันทึกสวรรค์ถึงได้ย้ายมาอยู่ในพื้นที่ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองกลอรี่ได้ ซึ่งห่างจากตำหนักท่านเจ้าเมืองไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตร อีกทั้งมีอะไรบางให้ที่ทำให้สมาคมนักปรุงยาได้ติดต่อทำการค้ากับตระกูลบันทึกสวรรค์ และในขณะเดียวกันจำนวนของทหารคุ้มกันของตระกูลบันทึกสวรรค์เองก็เพิ่มขึ้นมาหลายพันคนจนกลายเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
พวกเขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า อย่างตระกูลบันทึกสวรรค์นั้นจะรุ่งเรื่องได้ถึงขนาดนี้ สายตาของเหล่ายอดฝีมือล้วนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ความรุ่งเรื่องของตระกูลบันทึกสวรรค์นี้ต้องมาจากเนี่ยหลี่เป็นแน่

“ข้าได้ยินมาว่าขณะที่กองทัพสัตว์อสูรได้บุกเข้ามา เนี่ยหลี่ได้ใช้วิธีลึกลับบางอย่างจนทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตเหลือน้อยที่สุด มีเพียง 1 ใน 10 เท่านั้นของจำนวนคนที่ได้เสียชีวิตไปในสงครามต่อสู้กับกองทัพสัตว์อสูรบุกมาโจมตีครั้งที่ผ่านมา!”

“มันเป็นเช่นนั้นหรอกรึ!”

“ข้ายอมรับในตัวเขา หากไม่ใช่เพราะเขาแล้ว ข้าคงได้ตายไปในการโจมตีของกองทัพสัตว์อสูรเป็นแน่ ในระหว่างกองทัพสัตว์อสูรบุกเข้ามา อสูรวายุเหมันต์กำลังใช้กรงเล็บของแทงเข้ามาที่คอของข้า เขาช่วยข้าเอาไว้ก่อนที่หัวข้าจะขาด โชคดีที่มีเพียงอสูรระดับโกลด์เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่ปีนขึ้นมาบนกำแพงได้ หากมันไม่เป็นดังนั้นแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นใครเล่าจะรู้ได้!”

“ข้าก็ยอมรับในตัวเขาเช่นกัน มันเป็นเรื่องจริงที่พี่น้องของข้าหลายคนรอดตายจากเหตุการณ์นี้!”

ยอดฝีมือจากตระกูลต่างๆได้รู้ว่าเป็นเพราะ’เนี่ยหลี่’ที่ได้ช่วยเหลือพวกเขาในขณะที่กองทัพสัตว์อสูรบุกโจมตีเข้ามา พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่ยอมรับในตัวเขา เมืองกลอรี่สามารถทุกทำลายโดยกองทัพสัตว์อสูรได้ทุกเมื่อ

แต่ถึงกระนั้นทุกตระกูลต่างก็รู้ว่าการร่วมมือกันเท่านั้น พวกเขาจะสามารถป้องกันเมืองกลอรี่เอาไว้ได้จากการกลืนกินและเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆได้อย่างไร จนต้องมีใครสักคนที่จะสามารถมาช่วยพวกเขาต่อสู้จากการกรีฑาทัพของสัตว์อสูร เขาก็ควรที่จะได้รับการยกย่องสรรเสริญ

‘เสิ่นฮอง’ไม่คิดเลยว่าชื่อเสียงของ’เนี่ยหลี่’นั้นจะเข้าไปอยู่ในใจของเหล่ายอดฝีมือจากตระกูลต่างๆได้ถึงขนาดนี้ ในใจของเขาเริ่มกลายเป็นมืดหมองมาขึ้นเรื่อยๆ ด้วยชื่อเสียงของตระกูลศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่อาจจะเทียบได้กับเจ้าเด็กได้เลยจริงๆ!

จบตอน

เนี่องจากตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายในส่วนของผม ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ให้กำลังใจผมเสมอมานะครับ ขอบคุณครับ
*แถม มีคนถามเรื่องต้วนเจี้ยนมาเรื่องปีก คือใน่สวนนี้ผมคิดว่าการที่ต้วนเจี้ยนเข้ามาในเมืองกลอรี่ได้โดยไม่มีคนเอะใจ นั่นแสดงว่าเขามีลักษณะเหมือนคนทั่วไป แต่ด้วยการฝังเข็มของเนี่ยหลี่และร่างกายเฉพาะ ต้วนเจี้ยนจะแปลงร่างเป็นขั้นสองก็คือร่างของเผ่ามังกรก็จะมีปีกนะครับ ต้วนเจี้ยนโดยทะลวงจุดจนทำอะไรได้มากมายพลังเพิ่ม ก็น่าจะมีสกิลแบบนี้มาด้วยนะครับ คนแต่งน่าจะต้องการแบบนี้

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments