I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 181 เจตนาที่แท้จริงถูกเปิดเผย

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 23143 | 2525 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“ผู้อาวุโสเสิ่นฮองรู้จักวิธีลับในบทที่สาม ความลับที่หกจากคัมภีร์จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ การชำระจิตวิญญาณหรือไม่? เนี่ยหลี่หัวเราะและมองไปที่เสิ่นฮอง”

การชำระจิตวิญญาณ? การชำระจิตวิญญาณเป็นวิธีการสอบสวนที่ทรงอำนาจวิธีหนึ่ง มันสามารถดึงจิตวิญญาณของผู้คนออกมาได้ เมื่อมันถูกดึงออกมาแล้วจิตวิญญาณจะไม่มีสำนึกรับรู้ ดังนั้นคำตอบที่ได้จะเป็นความจริงที่สุด
ฟังคำของ’เนี่ยหลี่’แล้ว ใบหน้าของเสิ่นฮองเคร่งขรึมลงพูดว่า

“ข้าย่อมต้องรู้จักวิธีการชำระจิตวิญญาณ ผู้ที่เรียนรู้วิธีที่โหดร้ายเช่นนี้มีไม่มากนัก เนี่ยหลี่เจ้ารู้จักด้วยรึ?”

คัมภีร์จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นหนึ่งในคัมภีร์ที่เรียกได้ว่าเป็นคัมภีร์ลับ แม้ว่าจะมีผู้คนที่ได้ยินเรื่องราวของวิธีชำระจิตวิญญาณมาก่อนก็ตามแต่ผู้ที่สามารถใช้ได้มันได้มีน้อยมาก ‘เนี่ยหลี่’ย่อมต้องรู้จักวิธีระดับล่างเช่นนี้ จากระดับขั้นของเขาตอนนี้ที่อยู่ในระดับทอง มันก็เพียงพอที่จะดึงเอาวิญญาณของเสิ่นหมิงออกมาได้แล้ว

“ข้าเองก็แค่พอจะรู้จักวิธีชำระจิตวิญญาณงั้นข้ายกให้เนี่ยหลี่จัดการก็แล้วกัน”

‘เอียโซ่ว’ยิ้ม

ได้ยินคำพูดของ’เอียโซ่ว’แล้ว สีหน้าของ’เสิ่นฮอง’เปลี่ยนไป ‘เอียโซ่ว’นั้นมีตัวตนที่ลึกลับยิ่งนัก คนอื่น ๆ อาจจะไม่รู้จัก’เอียโซ่ว’แต่เขานั้นรู้จัก’เอียโซ่ว’ดี ‘เอียโซ่ว’เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีหน้าที่ในการสวบสวนการลอบสังหารและบังคับให้รับสารภาพของตระกูลวายุเหมันต์ เขาเป็นคนที่ยากจะรับมือ

“ผู้อาวุโสช่วยข้าด้วย ข้าเสิ่นหมิงซื่อสัตย์ต่อตระกูลศักดิ์สิทธิ์มาตลอด ข้าขอร้องท่าน ท่านผู้อาวุโสได้โปรดช่วยชีวิตข้าด้วย!”

ได้ฟังคำของ’เอียโซ่ว’แล้ว’เสิ่นหมิง’หน้าซีดเผือด หากวิญญาณของเขาถูกดึงออกมา เขาอาจจะต้องตาย

‘เสิ่นฮอง’มองดู’เอียโซ่ว’และคนอื่น ๆ แล้วพูดอย่างเย็นชา

“ตระกูลวายุเหมันต์กระทำการดังนี้มิใช่จะโหดร้ายเกินไปหน่อยหรือ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามเสิ่นหมิงได้ทำงานรับใช้ตระกูลศักดิ์สิทธิ์มาอย่างยาวนานหลายปี ถึงแม้ว่าข้าจะขับไล่ไสส่งเขาออกจากตระกูลไปแล้ว แต่ข้าก็ไม่ยอมให้ใครมาลบหลู่เขาหรอกนะ!”

“ข้ารู้ว่าทำไมผู้อาวุโสเสิ่นฮองถึงได้กลายเป็นเป็นคนที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้! จริง ๆ แล้วเสิ่นหมิงเป็นคนรับใช้เก่าแก่ของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องไม่ดีหากพวกเราแบบนั้นลงไป!”

จากนั้น’เนี่ยลี่’พูดด้วยความเคร่งขรึม

“พาตัวอีกคนเข้ามา”

หลังจากนั้นสักครู่ผู้ช่วยหยุนหวา1ในชุดเสื้อคลุมสีเทาก็ถูกนำตัวเข้ามา เขาดูท่าทางน่ากลัว

“ผู้อาวุโสเสิ่นหมิงรู้จักคนผู้นี้หรือไม่?”

‘เนี่ยหลี่’ยิ้มและมองดู’เสิ่นฮอง’

‘เสิ่นฮอง’ขมวดคิ้วและพูดด้วยเสียงเย็นชา

“เหตุใดข้าถึงจะต้องรู้จักเขา?”

“ชื่อของเขาคือหยุนหวา เขาเป็นผู้ช่วยระดับล่างของสมาคมทมิฬ เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการติดต่อกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์ แล้วท่านจะไม่รู้จักเขาได้อย่างไร?”

‘เนี่ยหลี่’พูดพลางยิ้ม เขามองอย่างสงบไปที่’เสิ่นฮอง’ เนี่ยรู้ว่าการพยายามเปิดโปง’เสิ่งฮอง’เป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้ก็คือการถ่วงเวลาเพื่อรอคอยให้’เอียซ่ง’กลับมา

“ฮืม เนี่ยหลี่เจ้ามีหลักฐานอะไรมายืนยันคำพูดของเจ้า?”

‘เสิ่นฮองหัวเราะอย่างเยือกเย็น

“หากข้าไม่สามารถใช้วิธีการชำระจิตวิญญาณกับผู้อาวุโสเสิ่นหมิง อย่างนั้นเราก็สามารถใช้วิธีชำระจิตวิญญาณกับผู้ช่วยหยุนหวาแห่งสมาคมทมิฬได้สินะ ผู้อาวุโสเสิ่นฮองคงไม่มีความเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ใช่มั๊ย?”

‘เนี่ยหลี่’พูดยิ้ม ๆ แล้วมองไปที่’เสิ่นฮอง’

“ข้าย่อมต้องไม่มีความเห็นอะไรกับเรื่องนี้แน่นอน”

‘เสิ่นฮอง’พูดพลางยิ้ม เขาชำเลืองมองไปที่ผู้ช่วยหยุนหวาที่ถูกพันธนาการอยู่อย่างแน่นหนา มือขวาของเขารีบวาดผนึก ถ้าคนอย่างหยุนหวายังมีชีวิตอยู่ ผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมามีเพียงอย่างเดียวนั่นคือหายนะ!

เมื่อผู้ช่วยหยุนหวาได้ยินคำพูดของ’เนี่ยหลี่’ หน้าของเขาก็ซีดเผือดลงด้วยความกลัว ก่อนเขาจะเอ่ยคำพูดอะไรออกมา ทันใดนั้นเอง ตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดำ รอยเลือดรอยหนึ่งปรากฏออกมาที่มุมปากของเขา พลังงานมหาศาลปะทะเข้ากับหัวใจของเขาจนแหลกสลายในทันทีนั้น เขาชี้นิ้วมาที่’เสิ่นฮอง’และพูดว่า

“เจ้า…”

ก่อนที่จะพูดคำต่อไปร่างของเขาก็ร่วงลงสู่พื้น ลมหายใจของเขาหยุดสนิท

ฮืม มันสมควรตายแล้ว เมื่อเห็นผู้ช่วยหยุนหวาตาย การแสดงออกของ’เสิ่นฮอง’ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรสักนิด เขาจ้องมอง’เนี่ยหลี่’ด้วยสายตาที่เย็นชา
ร่างของผู้ช่วยหยุนหวาถูกวางลงพื้นอย่างเงียบ ๆ เลือดสด ๆ นองไปทั่วบริเวณ

“นายน้อยเนี่ยหลี่ เกิดอะไรขึ้นกับเขา? ทำไมเขาถึงได้ตายอย่างกะทันหันเช่นนี้? นายน้อยเนี่ยหลี่คงจะใช้คนตายมาใส่ร้ายป้ายสีตระกูลศักดิ์สิทธ์ของข้าไม่ได้แล้วใช่หรือไม่?”

‘เสิ่นฮอง’พูดพูดขณะหัวเราะ แสดงว่าเขาไม่ได้กลัวอะไรเลย

‘เนี่ยหลี่’ขมวดคิ้วเล็กน้อย วิธีห่วงโซ่วิญญาณอีกแล้ว เมื่อผู้ใดก็ตามถูกตราด้วยห่วงโซ่วิญญาณ แม้กระทั่ง’เนี่ยหลี่’ก็ไม่สามารถปลดมันออกได้ เป็นธรรมดาที่สมาชิกของสมาคมทมิฬระดับล่างอย่างหยุนหวาจะถูกตราด้วยห่วงโซ่วิญญาณ

ก่อนหน้านี้ผู้ช่วยหยุนหวาจะไม่ตายถ้าหากคนที่ใช้ห่วงโซ่วิญญาณอยู่ไกลจากตัวเขามากเกินไป นั่นจะทำให้ไม่สามารถกระตุ้นการทำงานของห่วงโซ่วิญญาณได้ ชั่วขณะที่ผู้ช่วยหยุนหวาปรากฏตัว ‘เสิ่นฮอง’สามารถใช้ห่วงโซ่วิญญาณฆ่าผู้ช่วยหยุนหวาได้

ในการเผชิญหน้าครั้งนี้ สามารถพูดได้ว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์นี้เข้มงวดยิ่งนัก แม้กระทั่ง’เนี่ยหลี่’เองก็ไม่สามารถช่วงชิงเป็นฝ่ายได้เปรียบ

อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสทั้งหมดก็มีสายตาที่แหลมคม พวกเขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่างก่อนที่ผู้ช่วย’หยุนหวา’จะตาย ‘เสิ่นฮอง’ได้ใช้มือของเขาวาดผนึกอะไรบางอย่าง ความกลัวต่อตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้เกิดขึ้นในใจของพวกเขาเล็กน้อย มันเป็นไปได้ว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์สมรู้ร่วมคิดกับสมาคมทมิฬเช่นนั้นหรือ? พวกเขาไม่ได้กระวนกระวายจนเกินเหตุแต่ก็นิ่งเงียบคอยดูว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีก

‘เนี่ยหลี่’ไม่ได้คาดหวังว่าความตายของผู้ช่วยหยุนหวาจะทำอะไรตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้ ความตายของผู้ช่วยหยุนหวาหมายถึงคำเตือนที่ส่งไปถึงเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลาย ตอนนี้เขาทำได้แค่ถ่วงเวลา ถ้าเขาใช้หลักฐานที่แน่นหนาต่อสู้กับตระกูลศักดิ์สิทธิ์ตรง ๆ พวกเขาอาจจะต้องต่อสู้ตัดสินความเป็นความตาย และเมื่อการการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ใครจะรู้ว่ามีอีกกี่ชีวิตที่จะต้องสูญเสีย?

ถ้าหากพวกเขาสามารถถ่วงเวลาได้นานพอที่’เอียซ่ง’จะกลับมาหลังจากจัดการกับสาขาสมาคมทมิฬและรังของตระกูลศักดิ์สิทธิ์แล้ว มันก็จะเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุด
‘เสิ่นฮอง’มั่นใจว่าตระกูลวายุเหมันต์จะไม่สามารถเค้นเอาหลักฐานมาจาก’เสิ่นหมิง’และผู้ช่วยหยุนหวาได้ เขาสามารถฆ่าพวกมันได้ทุกเมื่อโดยปราศจากคำพูดและปราศจากหลักฐาน พวกเขาจะไม่สามารถทำอะไรกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้

อย่างไรก็ตาม’เสิ่นฮอง’ก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อยที่เหล่าผู้อาวุโสต่างก็ต่อต้านเขา แม้ว่าตระกูลวายุเหมันต์ไม่สามารถหาพยานและหลักฐานมาพิสูจน์ว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ทรยศได้ แต่ตราบใดที่ตระกูลวายุเหมันต์ชี้นิ้วมาที่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์แล้วล่ะก็ คนส่วนใหญ่จากตระกูลอื่น ๆ ก็จะเชื่อว่ามันเป็นความจริง

ถึงแม้ว่า’เอียซ่ง’จะไม่อยู่และ’เสิ่นฮอง’ได้พูดว่าเขาตายไปแล้ว ตระกูลวายุเหมันต์ก็กดขี่ข่มเหงตระกูลศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนั่นเป็นคำสั่งจาก’เอียซ่ง’

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จะเห็นได้ว่าผู้อาวุโสคนอื่น ๆ จะเชื่อคำพูดของของ’เอียซิ่ว’ ‘เอียโซ่ว’ และ’ฮูเหยียนเซียง’มากกว่า!

ณ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์
‘เอียซ่ง’ทลายค่ายกลมหึมาและนำกลุ่มคนทะลวงเข้าสู่ห้องโถงกลาง

ผู้อาวุโสระดับทองดำสามคนของตระกูลศักดิ์สิทธิ์โจมตีพร้อมกัน และปรี่เข้าหา’เอียซ่ง’

หนึ่งในผู้อาวุโสระดับทองดำพูดอย่างเกรี้ยวกราด

“ท่านเจ้าเมืองตระกูลของข้าทำความผิดอะไรจึงนำไปสู่การที่พวกท่านจะมาทำลายล้างเรา? เราจะเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากท่านเอียมัวในเรื่องนี้!”

‘เอียซ่ง’ตวาด

“ตระกูลศักดิ์สิทธิ์สมรู้ร่วมคิดกับสมาคมทมิฬทรยศหักหลังนครรุ่งโรจน์ หากพวกเจ้ายอมสิโรราบ ข้าอาจจะให้โอกาสเจ้าได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ถ้าหากยังขืนต่อต้านอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

ได้ยินคำพูดของ’เอียซ่ง’ สามผู้อาวุโสต่างมองหน้ากันไปมาแล้วเงียบไป จากนั้นจึงลงมือจู่โจมใส่’เอียซ่ง’

หลังจากเห็นการกระทำของผู้อาวุโสทั้งสาม ทำไม’เอียซ่ง’จะไม่รู้ว่าสามผู้อาวุโสของตระกูลศักดิ์สิทธิ์จะยึดติดอยู่กับความคิดเดิม (ไม่ยอมแพ้) ‘เอียซ่ง’คำรามอย่างเกรี้ยวกราด เขาผสานร่างเข้ากับดวงจิตอสูรวานรยักษ์เหมันต์และเริ่มทำการจู่โจม นักสู้ระดับทองดำสามคนที่มากับเอียซ่งตรงเข้าล้อมกรอบผู้อาวุโสทั้งสาม การต่อสู้ที่ดุดเดือดเริ่มต้นขึ้นทันที

ณ จวนท่านเจ้าเมือง ห้องโถงกลาง

การปะทะคารมกับ’เนี่ยหลี่’ทำให้เสิ่นฮองรู้สึกสังหรณ์ใจ เขารู้สึกได้ว่าเนี่ยหลี่และพวกกำลังถ่วงเวลาเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่างอยู่

‘เสิ่นฮอง’คิดอะไรขึ้นมาได้ในทันที หาก’เอียซ่ง’ไม่ตายหรือเอียฮั่นเป็นคนของ’เอียซ่ง’ อย่างนั้น’เอียซ่ง’ก็สามารถยืนยันได้ว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ทรยศ ด้วยการที่’เอียซ่ง’เป็นคนที่ทำอะไรรวดเร็วและเด็ดขาด เขาอาจจะสร้างความหายนะขึ้นที่รังของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว

“เนื่องจากตระกูลวายุเหมันต์ไม่ไว้วางใจตระกูลศักดิ์สิทธิ์ของข้า นั่นหมายถึงตระกูลศักดิ์สิทธิ์ยังมีสิทธิ์เสนอหน้าอยู่ที่นี่อีกหรือ? พวกเรากลับ!”

‘เสิ่นฮอง’พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาแล้วตบโต๊ะปังพร้อมกับลุกขึ้นยืน

คนของตระกูลศักดิ์สิทธิ์สองถึงสามร้อยคนลุกขึ้นเช่นเดียวกัน

“ผู้อาวุโสเสิ่นฮอง ท่านเจ้าเมืองของพวกเรามีคำสั่ง การประชุมนี่เกี่ยวโยงกับความปลอดภัยของนครรุ่งโรจน์ ถ้าใครออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจะถือว่ามันผู้นั้นเป็นคนทรยศ”

‘เอียซิ่ว’คำราม

พวกเขาไม่เคยคิดว่า’เอียซิ่ว’จะหนักแน่นมั่นคงขนาดนี้ เหล่าผู้ช่ำชองจากตระกูลอื่น ๆ จับตามองมาที่’เสิ่นฮอง’และสมาชิกของตระกูลศักดิ์สิทธิ์

ทุกคนรู้สึกถึงบรรยากาศที่เป็นปรปักษ์ พวกเขาสงสัยว่าสถานการณ์จะดีขึ้นได้อย่างไร จะมีการต่อสู้กันเกิดขึ้นหรือเปล่า? ตระกูลวายุเหมันต์จะจัดการอย่างไรกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์?

‘เสิ่นฮอง’มอง’เอียซิ่ว’และพวกแล้วพูด

“ถ้าหากท่านเจ้าเมืองต้องการให้พวกเราอยู่ เราก็ไม่มีอะไรจะโต้แย้ง อย่างไรก็ตามอะไรคือสิ่งที่เจ้าตัดสินใจ? เจ้าสามารถพูดแทนตระกูลวายุเหมันต์ได้อย่างนั้นหรือ? เจ้าสามารถพูดแทนท่านเจ้าเมืองได้หรือ? ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าท่านเจ้าเมืองยังมีชีวิตหรือหรือไม่ พวกเจ้ามีเจตนาอะไรซ่อนอยู่ พวกเจ้ากำลังพยายามจะสร้างโกลาหลให้กับนครรุ่งโรจน์!”

แม้ว่าผู้อาวุโสจากหลาย ๆ ตระกูลจะยังคงเชื่อคำพูดของเอียซิ่วและพวก แต่พวกเขาก็ยังลังเลเกี่ยวกับตัวของเอียซิ่วและพวกเช่นกัน พวกเขาแสดงออกถึงการต่อต้านตระกูลศักดิ์สิทธิ์? อะไรจะเกิดขึ้นหากเสิ่นฮองพูดความจริง?

“หากตระกูลศักดิ์สิทธิ์เชื่อฟังคำของพวกเรา ทำไมท่านถึงรีบร้อนด่วนจากไป ทำไมพวกเราไม่รอให้ท่านเจ้าเมืองกลับมาล่ะ แบบนั้นเป็นยังไง?”

‘เอียซ่ง’หรี่ตา เขาสังเกตว่าจิ้งจอกเฒ่ารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง ในตอนนี้เขาทำได้แค่เพียงข่มขู่’เสิ่นฮอง’

“ใครจะรู้ว่าเจ้ามีเจตนาอะไรซ่อนอยู่ถึงได้เรียกพวกเหล่าผู้อาวุโสมาประขุมกัน?” สิ่นฮองคำราม “มันอาจจะเป็นกลยุทธล่อพวกเราออกมาแล้วส่งใครไปทำลายตระกูลของเรา!”

ทุก ๆ คำพูดของ’เสิ่นฮอง’ทิ่มแทงเข้าไปในใจของพวกเขา แม้กระทั่งผู้อาวุโสจากหลายตระกูลก็ยังลังเล

“เสิ่นฮอง การชุมนุมครั้งนี้ท่านเจ้าเมืองเป็นคนที่รียกประชุมด้วยตัวของท่านเอง เจ้าสงสัยท่านเจ้าเมืองงั้นรึ?”

‘เนี่ยหลี่’จับจ้องเสิ่นฮอง เขารู้ว่าจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ไม่สามารถควบคุมได้แล้ว เขาแค่ต้องถ่วงเวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

“ใครจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับท่านเจ้าเมือง? ใครจะรู้ว่าพวกเจ้าวางแผนอะไรเอาไว้?”

‘เสิ่นฮอง’คำราม เราจะจากไปเดี๋ยวนี้แล้ว! ข้าจะดูซิว่าใครจะกล้าต่อต้านพวกเรา!
ผู้อาวุโสของตระกูลศักดิ์สิทธิ์เดินไปที่ทางออกของห้องโถงกลาง

ตอนแรกผู้อาวุโสของตระกูลอื่น ๆ ยังยึดมั่นความคิดเดิม หลังจากปราศจากหลักฐาน พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี พวกเขาได้แต่เฝ้ามองจากวงนอกเท่านั้น ‘เอียซิ่ว’และพวกทั้งหมดคำราม

“หยุดพวกเขาเอาไว้!”

จบตอน

แปลโดย XXX

1. Deacon มีความหมายว่าผู้ช่วยบาทหลวงในโบสถ์ มียศต่ำที่สุด ดูจากที่หยุนหวาทำหน้าที่ประสานงานและช่วยเหลือระหว่างสมาคมทมิฬและตระกูลศักดิ์สิทธิ์ผมเลยขอใช้คำว่า”ผู้ช่วยหยุนหวา” นะครับ

 

ที่มา: 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments