I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 188 การเดินทาง

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 25067 | 2526 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ที่ลานฝึกของ’เอียจืออวิ้น’ ‘เนี่ยหลี’ได้นั่งขัดสมาธิตั้งใจฝึกอยู่ ปรากฏภาพฉายแวบเข้ามาในใจของเขา มีทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ’เอียจืออวิ้น’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’และคนอื่นๆหลังจากที่เขากลับมา

ตอนนี้ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ถูกทำลายลงไปแล้ว เรียกได้ว่าตอนนี้เขาประสบความสำเร็จเป้าหมายแรกตามที่หวังไว้แล้ว ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไรทุกอย่างในตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว

หลังจากเรื่องของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ สมาคมทมิฬคือที่ต่อไป ความลึกลับที๋ซ่อนอยู่ของสมาคมทมิฬและจอมมารนั้นคุกคามเมืองกลอรี่ในทุกเวลา ต้องให้สมาคมทมิฬจะถูกกวาดล้างและจอมมารได้ตายลง เนี่ยหลึถึงจะกินและอยู่ได้อย่างสงบสุข

อย่างไรก็ตามความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขาในตอนนี้คงไม่สามารถไปถึงระดับตำนานได้ด้วยเวลาอันสั้น แต่ว่าเขายังมีวิธีอื่น!
แนวคิดมากมายผ่านเข้ามาภายในใจของเนี่ยหลี อย่างไรก็ตามมันต้องให้เขาออกไปจากเมืองกลอรี่ไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง นอกเหนือ

จากการเพิ่มการบ่มเพาะพลังแล้วเนี่ยหลียังต้องการออกไปค้นหารังของสมาคมทมิฬอีกด้วย
‘เนี่ยหลี’มองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็เห็นหุ่นเชิดวิญญาณค่อยๆ ร่อนลงมาเกาะที่ไหล่ของเขา

หลังผ่านการครุ่นคิดชั่วครู่ ‘เนี่ยหลี’ก็พูดออกมา

“บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งเอียหยาน ข้าเตรียมตัวที่จะออกไปจากเมืองกลอรี่เพื่อฝึกฝน ข้าจะเขียนจดหมายไว้จำนวนหนึ่งฝากท่านไว้ เมื่อข้าออกไปแล้วรบกวนท่านนำไปมอบให้กับเพื่อนและครอบครัวของข้าด้วย”

“เจ้าหนู เจ้าจะออกไปฝึกที่ใดกัน?”

บรรพบุรุษผู้ก่อตั้ง’เอียหยาน’ถามออกมา

“เจ้าต้องการให้ข้าตามเจ้าไปด้วยหรือไม่?”

“ไม่จำเป็น”

‘เนี่ยหลี’ส่ายหัวแล้วพูดต่อ

“สถานที่ที่ข้ากำลังจะไปนั้นอยู่ไม่ไกลมาก อย่างไรก็ตามข้าต้องการไปสำรวจที่โลกใต้ดินที่ท่านพูดถึงครั้งก่อนเกี่ยวกับสมาคมทมิฬอีกด้วย การที่พวกศัตรูอยู่ในที่แจ้ง แต่พวกเราอยู่ในที่มืด เราก็ลืมเรื่องการกำจัดสมาคมทมิฬไปได้เลย”

ได้ยินที่’เนี่ยหลี’พูด บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งเอียหยานก็ตกใจนิดหน่อย

“เจ้าเตรียมตัวไปสำรวจสมาคมทมิฬเพียงคนเดียว? มันจะไม่อันตรายเกินไปหรือ?”

“ไม่ ข้ามีวิธีที่จะปกป้องชีวิตของตัวเองอยู่”

‘เนี่ยหลี’กล่าว ตราบใดที่เขายังไม่พบจอมมารด้วยตนเอง เนี่ยหลีก็ยังมีหนทางที่จะปกป้องตัวเองอยู่ ‘เนี่ยหลี’ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ หนังสือจิตอสูรท่องเวลายังคงอยู่ในพระราชวังแห่งทรายอยู่ไหมนะ? เพราะว่าเขาจะต้องกลับมาภายในสามเดือนเขาคงไม่มีเวลาพอที่จะแวะไปที่พระราชวังแห่งทรายในตอนนี้ได้

นอกจากพระราชวังแห่งทราย ‘เนี่ยหลี’ยังมีสถานที่อื่นอีกที่ยังเด่นชัดอยู่ในความทรงจำ มันต้องมีสิ่งตอบแทนสูงมากถ้าเขาต้องการเข้าถึงระดับตำนานในระยะเวลาอันสั้น นอกจากเขาก็คงไม่มีใครอีกแล้วที่จะรักษาเมืองกลอรี่แห่งนี้ไว้ได้ นี่มันคือความรับผิดชอบของเขา มีวิธีเดียวที่จะบ่มเพาะพลังได้อย่างรวดเร็วคือออกไปฝึกที่ภายนอก
‘เนี่ยหลี’เขียนจดหมายจำนวนหนึ่งและฝากไว้กับบรรพบุรุษผู้ก่อตั้ง’เอียหยาน’

“ระวังตัวด้วย”

‘เอียหยาน’เตือน’เนี่ยหลี’ เขาคว้าจดหมายไว้แล้วบินออกไป
หลังจากที่’เนี่ยหลี’มอง’เอียหยาน’บินออกไปจนลับสายตา ‘เนี่ยหลี’ก็ตรงไปที่ห้องของ’เอียจืออวิ้น’ ‘เอียจืออวิ้น’อยู่ในห้องด้วยอารมณ์โกรธเป็นอย่างมาก เธอฝึกจนเข้าถึงระดับทองได้ จากการที่ผ่านความยากลำบากในการฝึกมาเธอคิดว่าเธอมีความสามารถพอที่จะสู้เคียงข้างพ่อของเธอและสามารถช่วย’เนี่ยหลี’ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อการต่อสู้มาถึง ‘เนี่ยหลี’และพ่อของเธอกลับจับเธอขังไว้ในห้องลับ

ถึงแม้ว่าเธอจะทราบดีว่าที่’เนี่ยหลี’และพ่อของเธอทำเช่นนั้นก็เพราะห่วงเธอ แต่ว่าเธอก็ยังคงมีความรู้สึกขุ่นข้องใจอยู่ อย่างน้อยในวันนี้เธอก็ไม่อยากที่จะเห็นหน้า’เนี่ยหลี’

“ใครให้เนี่ยหลีมาหลอกข้ากัน? นี่คือการลงโทษ!”

‘เอียจืออวิ้น’มุ่ยปากด้วยความโมโห

เธอนั่งขัดสมาธิบนเตียงและเริ่มฝึกพลังวิญญาณ ด้านข้างปรากฏร่างของราชินีหิมะค่อยๆปรากฏขึ้นมา ร่างของเธอนั้นเปรียบดั่งน้ำค้างแข็ง อีกทั้งแสงจันทร์ที่ส่องลงมาในตอนนี้ก็ยิ่งช่วยขับความงดงามของเธอให้เป็นเปรียบดั่งภูตน้อย

‘เนี่ยหลี’จ้องมองออกไปในค่ำคืนที่เงียบสงบและสัมผัสได้ถึงพลังที่แผ่กระจายยออกมาจากห้องของเอียจืออวิ้น เขาทราบดีว่าเธอนั้นพยายามอย่างเต็มที่ในการฝึกฝน เขาเข้าใจความรู้สึกของ’เอียจืออวิ้น’ เธอพยายามที่จะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องเมืองกลอรี่แห่งนี้

ก่อนหน้านั้น เมื่อใดก็ตามที่เนี่ยหลีกักขัง’เอียจืออวิ้น’ไว้ในห้องลับ นั่นก็เป็นเพราะ’เนี่ยหลี’ไม่ต้องการให้เธอได้รับบาดเจ็บ หลังจากที่ได้รับชีวิตใหม่นี้ ‘เนี่ยหลี’ไม่ต้องการสูญเสียสิ่งใดอีกเป็นครั้งที่สอง

ถ้าเขาบอก’เอียจืออวิ้น’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘ตู่ซื่อ’และคนอื่นว่าต้องการออกไปภายนอกเพื่อฝึกฝน พวกเขาจะต้องขอตามมาด้วยเป็นแน่ มันอันตรายเกินไปถ้าจะไปกันหลายคน ดังนั้นเนี่ยหลีจึงจากไปอย่างเงียบๆ อย่างไรก็ตามภายในใจของเขาตอนนี้นั้นก็รู้สึกอยากที่ให้พวกเพื่อนตามมาด้วย

‘เนี่ยหลี’เดินไปที่ประตูห้องของ’เอียจืออวิ้น’และยืนค้างอยู่อย่างนั้น เขาต้องการเคาะประตูอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่กล้า ‘เอียจืออวิ้น’รู้สึกได้ถึงพลังจากอีกฟากของประตูและลืมตาขึ้น คนที่ยืนอยู่ด้านนอกจะต้องเป็น’เนี่ยหลี’แน่

ข้าจะไม่ออกไปเปิดประตูให้เจ้าแน่ วันนี้เจ้าขังข้าเอาไว้ในห้องลับ! ‘เอียจืออวิ้น’คิดภายในใจ มันสายไปแล้ว ‘เนี่ยหลี’กำลังพยายามเข้ามาในห้องของเธอ ‘เอียจืออวิ้น’หัวใจเต้นระรัวและหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ใครจะรู้ว่า’เนี่ยหลี’จะทำเช่นนี้

เพราะฉะนั้นเธอจะไม่ยอมเปิดประตูให้เขาแน่นอน! หลังจากที่เธอนึกถึงตอนที่เธอลงไปนอนกับ’เนี่ยหลี’บนเตียง เธอรู้สึกต้องการที่จะขุดหลุมแล้วกระโดดลงไปจริงๆ

หลังจากที่ยืนอยู่ด้านนอกห้องของ’เอียจืออวิ้น’ซักพัก หลังจากที่’เนี่ยหลี’ครุ่นคิด เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่เคาะประตูห้อง มันคงจะดีกว่าถ้าเขาไปโดยไม่พูดอะไร ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจไปอย่างสบายใจได้

เพื่อที่จะได้รับพลังที่จะสามารถต่อกรกับจอมมารและสมาคมทมิฬได้ ‘เนี่ยหลี’ต้องค้นหาวิธีบ่มเพาะพลังได้อย่างรวดเร็วที่สุด ในการที่จะบ่มเพาะพลังขึ้นไปอีก เพียงแค่การฝึกมันไม่เพียงพอ เขาต้องออกไปหาบางสิ่งบางอย่างเพื่อกระตุ้น

หลังจากที่เห็นเงาของ’เนี่ยหลี’ยืนอยู่ที่หน้าประตูของเธอเป็นเวลาพอสมควร ‘เอียจืออวิ้น’ก็ลังเล เธอควรจะเปิดประตูให้เขาดีไหม?
หลังจากที่ขังข้าไว้ในห้องลับ ในระหว่างที่พวกเขาต่อสู้กันอย่างเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ข้าไม่อาจอภัยให้เจ้าได้โดยง่ายเป็นแน่! ‘เอียจืออวิ้น’คิดภายในใจ ‘เนี่ยหลี’นั้นแย่ยิ่งนัก รู้เห็นกับพ่อของเธอ

พี่น้องและ’เนี่ยหลี’ได้ร่วมกันสู้อย่างเสี่ยงตายในขณะที่เธอนั้นถูกขังอยู่ แทบจะนึกออกได้ทันทีเลยว่าตัวเธอนั้นรู้สึกเช่นไร ตัวเธอนั้นในวันนี้ไม่ต้องการคุยกับเนี่ยหลีอีกแล้ว หลายครั้งที่’เอียจืออวิ้น’ต้องการที่จะเปิดประตูให้’เนี่ยหลี’ แต่เธอก็หยุดยั้งตัวเองเอาไว้ได้

“ข้าจะไม่ไปเปิดประตูให้เจ้า เพราะเจ้าต้องรังแกข้าอีกครั้งแน่”

‘เอียจืออวิ้น’แค่นเสียง

ภายใต้แสงจันทร์ แก้มของหญิงสาวที่กำลังแดงปลั่งได้ช่วยให้เธอนั้นงดงามยิ่งขึ้น

หลังจากที่’เนี่ยหลี’ลังเลอยู่พอสมควร เขาก็วางจดหมายไว้บนทางเดิน เขาหันหลังกลับและจากไปโดยกลืนหายเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว

เมื่อ’เนี่ยหลี’จากไป ‘เอียจืออวิ้น’ก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย เธอกระทืบเท้าออกมา

“เจ้าบ้า ทำไมเจ้าไม่เคาะประตู?”

เธอเดินไปที่ประตูและเปิดมันออก พยายามมองไปรอบบริเวณ เธอไม่พบสิ่งใดที่น่าจะเป็น’เนี่ยหลี’เลย เธอพบเพียงแค่จดหมายที่ถูกวางไว้บนพื้นเท่านั้น เธอบังเกิดลางสังหรสิ่งที่ไม่สู้ดีแล้วจึงหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน

ชั่วครู่หลังจากที่อ่าน หยาดน้ำตาก็ไหลออกมาอาบใบหน้าของ’เอียจืออวิ้น’ เป็นเพราะ’เนี่ยหลี’นั้นมาที่นี่เพื่อที่จะมากล่าวลา
เมื่อออกไปฝึกฝนที่โลกภายนอก ใครจะคาดคิดว่าอันตรายที่ต้องเผชิญนั้นมีมากเพียงไร?

เธอต้องการที่จะบอก’เนี่ยหลี’ว่าเธอนั้นไม่ต้องการให้เขาจากไป อย่างไรเสียเมื่อเธอพยายามมองไปรอบๆ เธอก็จะไม่พบแม้แต่เงาของ’เนี่ยหลี’ ‘เอียจืออวิ้น’เข้าใจได้ทันทีว่า’เนี่ยหลี’ต้องการแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะสามารถปกป้องเมืองกลอรี่แห่งนี้ เขาเห็นทุกสิ่งอย่างอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของเขา แต่อย่างไรเมืองกลอรี่ก็ยังคงมีท่านปู่และท่านพ่อของเธออยู่ไม่ใช่หรือ?

อย่างไรเสียตอนนี้’เนี่ยหลี’ก็จากไปแล้ว ‘เอียจืออวิ้น’กำจดหมายเอาไว้แน่น ความรู้สึกภายในใจของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ถ้าเธอรู้ว่าเนี่ยหลีมาเพื่อที่จะบอกลาล่ะก็ เธอคงไม่ลังเลที่จะเปิดประตูเป็นแน่

ที่แห่งใดกันที่’เนี่ยหลี’ไป? เขาจะได้รับอันตรายหรือไม่? ที่ตระกูลปีกมังกร

เมื่อ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ได้รับจดหมายจาก’เนี่ยหลี’ ก็เป็นเวลาที่’เนี่ยหลี’ไม่อยู่ในเมืองอีกแล้ว เธอถือจดหมายไว้แนบอก เธอยังมีหลายคำพูดที่ต้องการบอกกับเขา แต่ว่ามันก็เป็นได้แค่ความคิด เพราะ’เนี่ยหลี’ไม่อยู่อีกแล้ว

“ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’มองออกไป

“เมืองกลอรี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าคนเดียวจะปกป้องได้ พวกเราจะต้องปกป้องมันด้วยกัน!”

ผมของเธอไสวไปตามลม บางสิ่งบางอย่างที่อยู่ภายในใจของเธอได้ปะทุขึ้นมา สีหน้าของเธอในตอนนี้นั้นช่างหนักแน่น ความคิดที่จะแข็งแกร่งขึ้นถูกจุดขึ้นมาอย่างแรงกล้า

สถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์

“เนี่ยหลีนี่ก็เกินไป จากไปโดยที่ไม่พาพวกเราไปด้วย!”

‘ลู่เพรียว’โมโหพร้อมกำหมัดแน่น ถ้า’เนี่ยหลี’อยู่ที่นี่ เขาจะต้องขอต่อยมันซักหมัด

“เมื่อไหร่ที่เจ้านั่นกลับมา ข้าจะมอบความพ่ายแพ้ให้กับมัน!”

“ถ้าพวกเราไปด้วย พวกเราก็เป็นได้แค่ภาระ!”

‘ตู่ซื่อ’พูดพร้อมกับส่ายหน้า เข้าเข้าใจว่าทำไม’เนี่ยหลี’ถึงได้ทำเช่นนี้

“อย่างไรเสียพวกเราก็มีพลังใกล้ๆกัน!”

‘ลู่เพรียว’พูดอย่างไม่พอใจ

“ก็จริงที่พวกเรามีพลังใกล้เคียงกัน แต่อย่างไรเสียความสามารถมันก็แตกต่างกันเกินไป”

‘ตู่ซื่อ’ยิ้มเล็กน้อยและพูดต่อ

“ต่อให้พวกเราทุกคนเข้ารุมโจมตีเนี่ยหลี พวกเราก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้หรอก อีกทั้งเขายังมีอสูรจิตเงาพราย ถ้าเขาตกอยู่ในอันตราย เขาสามารถที่จะหายตัวและหลบหนีได้ตามที่ต้องการ แต่ว่าพวกเรานั้นเป็นได้เพียงแค่ภาระของเขาเท่านั้น”

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เราจะทำอะไรดีล่ะ”

‘ลู่เพรียว’ก็พูดทั้งรอยยิ้มเจื่อนๆ

“ตั้งใจฝึกฝน”

‘ตู่ซื่อ’กล่าวอย่างแน่วแน่

“เมื่อเนี่ยหลีกลับมา พวกเราก็จะมีระดับพลังที่ใกล้เคียงกัน ทุกครั้งที่เนี่ยหลีมีการบ่มเพาะพลังที่เพิ่มขึ้น เขาต้องผ่านความยากลำบากมากกว่าพวกเรานับสิบเท่า ถ้าพวกเราไม่ปรับปรุงการบ่มเพาะพลังให้มากขึ้น พวกเราก็ทำได้แค่เอาหัวโหม่งกำแพงและฆ่าตัวตาย!”

‘ลู่เพรียว’มองไปที่’ต้วนเจี้ยน’และถามขึ้น

“ต้วนเจี้ยน เจ้าล่ะจะทำยังไง ไม่ได้รับจดหมายจากเนี่ยหลีบ้างเลยเหรอ?”

‘ต้วนเจี้ยน’เป็นผู้ที่จะระดับพลังถึงทองดำ และร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งระดับตำนาน ทำไม’เนี่ยหลี’ถึงไม่พา’ต้วนเจี้ยน’ไปด้วยกัน?

“เจ้านายบอกว่าสถานที่ที่เขากำลังจะไป ต่อให้ข้าติดตามไปก็คงเป็นการส่งข้าไปตาย เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องการให้ข้าอยู่ที่เมืองกลอรี่แห่งนี้และฝึกฝนเพิ่มขึ้น”

‘ต้วนเจี้ยน’กล่าวแล้วทอดสายตาออกไปไกล เขาไม่ทราบเลยว่า’เนี่ยหลี’จะไปยังที่แห่งใด อย่างไรก็ตามที่’เนี่ยหลี’พูดเช่นนั้นก็เป็นเพราะว่าเขามั่นใจว่าตัวเองจะต้องกลับมาได้อย่างปลอดภัย

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ’ต้วนเจี้ยน’ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป ‘ต้วนเจี้ยน’เป็นคนที่มีร่างกายแข็งแกร่งถึงระดับตำนาน! สิ่งมีชีวิตทั่วไปไม่อาจฆ่าเขาได้แน่นอน แต่ว่าถ้า’ต้วนเจี้ยน’ไปยังสถานที่แห่งนี้ มันก็เปรียบเสมือนการส่งเขาไปตาย? เจ้า’เนี่ยหลี’มันไปที่ใดของมัน? ทุกคนต่างก็รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

อย่างไรเสียให้คิดอีกครั้ง ครั้งแต่ที่’เนี่ยหลี’พูดแบบนั้น แสดงว่าเขาต้องมีความมั่นใจอยู่ อีกทั้ง’เนี่ยหลี’ก็ไม่ใช่คนที่จะทำสิ่งใดโดยไม่มีความมั่นใจ

ก่อนที่จะจากไป ‘เนี่ยหลี’ได้มอบเทคนิคการบ่มเพาะพลังให้กับ’ต้วนเจี้ยน’ เขามองไกลออกไป ระหว่างที่’เนี่ยหลี’ไม่อยู่ เขาจะต้องฝึกฝนให้แข็งแกร่งจนสามารถที่จะเป็นมือขวาให้กับ’เนี่ยหลี’ได้

 

จบตอน
•แปลโดย Esthe

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments