I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 189 ที่ราบสูงชะตาสวรรค์

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 24455 | 2526 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ที่คฤหาสน์เจ้าเมือง

‘เอียเซิ่ง’ได้รับจดหมายจาก’เนี่ยหลี’

“เนี่ยหลีออกไปฝึกฝนวิชาแล้ว”

‘เอียเซิ่ง’ขมวดคิ้วเล็กน้อย ภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในเมืองกลอรี่เพิ่งจะถูกกำจัดไป และสมาคมทมิฬก็ถอนตัวไปแล้วด้วย ในตอนนี้เมืองกลอรี่ถือว่าปลอดภัยแล้ว

‘เอียเซิ่ง’นั้นรู้สึกโล่งอกเมื่อครั้งที่เนี่ยหลียังอยู่ เนี่ยหลีนั้นรับภาระช่วยเขามามากแล้ว ในตอนนี้ที่เนี่ยหลีไม่อยู่ เขารับไม่ได้กับความเปลี่ยนแปลงกระทันหันเช่นนี้

“เจ้ายังทิ้งของไว้มากมายก่อนเจ้าจะจากไปอีก”

‘เอียเซิ่ง’พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ของที่’เนี่ยหลี’ทิ้งไว้ให้นั้นล้วนสามารถนำมาใช้ปกป้องเมืองกลอรี่ได้ หนึ่งในนั้นคือเทคนิคการบ่มเพาะพลัง เป็นเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่เหมาะสมกับคนที่จะรวมร่างกับวานรวายุเหมันต์

“อย่างไรก็ต้องขอบคุณเจ้าล่ะนะ เจ้าหนู!”

เจ้านี่ไม่ทำให้พ่อตาอย่างข้าผิดหวังจริงๆ ‘เอียเซิ่ง’อดคิดในใจไม่ได้ ภายในใจของเขานั้นแทบจะมอบ’หยุนเอ๋อ’ให้แต่งงานกับ’เนี่ยหลี’แล้ว

ลึกเข้าไปในหุบเขาบรรพบุรุษอันศักดิ์สิทธิ์ ณ ป่าไร้ที่สิ้นสุด

‘เนี่ยหลี’เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเข้าไปในป่าไร้ที่สิ้นสุด เขาเดินเสมือนรู้ทางอยู่แล้ว จริงๆแล้วทุกอย่างมันก็คุ้นเคยสำหรับเขา เพราะว่านี่คือหนึ่งในเส้นทางที่เขาใช้หลบหนีมาก่อนหน้า ซึ่งมันค่อนข้างที่จะปลอดภัย อย่างไรเสียมันก็มีบ้างเป็นบางครั้งที่จะมีสัตว์อสูรน่ากลัวโผล่มา

หลังจากที่รวมร่างกับจิตอสูรเงาพราย ‘เนี่ยหลี’ก็เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วจนถึงระดับที่ไม่อาจจะมีอันตรายใดเข้าถึงเขาได้ หลังจากที่เข้าไปในป่ามืดซักพัก เขาก็มาถึงจุดหมายปลายทาง

ในชีวิตก่อนหน้า ทุกคนในเมืองกลอรี่เชื่อว่าพวกเขานั้นสามารถที่จะต่อสู้และดำรงชีวิตอันปกติไว้ได้ แต่ว่าพวกสัตว์อสูรจากยุคมืดนั้นช่างน่ากลัวยิ่งนัก ทุกแห่งหนที่มันผ่านไปจะไม่มีมนุษย์แม้ซักคนที่รอดชีวิต

อย่างไรก็ตามคนที่รอดมาได้นั้นล้วนแล้วแต่มีวิธีการที่พิเศษและค่อยเติบโตขึ้นในโลกนี้เพียงจำนวนเล็กน้อย แม้ว่าอันตรายจะมีอยู่รอบทิศทางแต่พวกเขาก็ดำรงได้ซึ่งชนเผ่า

การเอาชีวิตรอดนั้นทำให้มนุษย์แข็งแกร่งขึ้นเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้ เป้าหมายแรกที่เนี่ยหลีต้องการไปคือสถานที่แห่งแรกที่มีผู้คนอยู่ พวกเขานั้นพบที่นี่ยามเมื่อหลบหนีในชีวิตก่อนหน้า ที่แห่งนี้คือ ที่ราบสูงชะตาสวรรค์

ที่ราบสูงชะตาสวรรค์นั้นอยู่บนจุดที่สูงที่สุดของหุบเขา ภาพรวมของหุบเขาจากจุดบนยอดนี้มองไปก็เหมือนมันถูกหั่นออกเปรียบดั่งการสร้างพื้นที่ขนาดใหญ่ในสถานที่แห่งนี้ ที่นี่มีเพียงแค่เส้นทางเดียวที่จะขึ้นมาบนยอดเขาได้ ที่แห่งนี้มีคนหลายพันคนรวมตัวกันอยู่ที่นี่เพื่ออาศัยดำรงชีวิต

เนื่องจากที่ราบสูงชะตาสวรรค์นั้นตั้งอยู่ในบริเวณที่สูงมาก มันจึงมีทางขึ้นและลงแค่ทางเดียว สถานที่แห่งนี้ต่อให้เป็นสัตว์อสูรก็ยากที่จะขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นสถานที่แห่งนี้จึงถือว่าค่อนข้างปลอดภัย อย่างไรก็ตามที่แห่งนี้ก็มีปัญหาทางด้านเสบียง มันเป็นเรื่องยากที่จะให้ผู้คนนับพันดำรงชีวิตอยู่ที่นี่ได้

ทางด้านล่างของที่ราบสูงชะตาสวรรค์นั้นเป็นสถานที่น่ากลัวและอันตรายเป็นอย่างมาก ผู้คนรู้จักมันในนามตาน้ำสีดำ
ไม่มีใครทราบว่าตาน้ำสีดำนั้นมาจากที่ใด

แต่พวกเขานั้นไม่ทราบว่ามันไหลออกมาจากหุบเขาบรรพชนอันศักดิ์สิทธิ์ตรงไปจนถึงด้านล่างของหุบเหว สัตว์อสูรที่อยู่โดยรอบตาน้ำสีดำนั้นส่วนมากจะอยู่ในระดับทองดำ ระดับตำนานมักจะอยู่ด้านล่างของหุบเหว มันเป็นกลุ่มสัตว์อสูรระดับตำนานที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก

ถ้ามันไม่ได้มีกำแพงธรรมชาติกั้นขวางไว้ ที่ราบสูงชะตาสวรรค์แห่งนี้คงไม่อาจรอดพ้นไปได้ เมื่อแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องมายังที่ราบสูงชะตาสวรรค์ เนี่ยหลีก็เริ่มที่จะออกสำรวจตลาด ณ แห่งนี้โดยสวมเพียงเสื้อคลุมสั้นๆ
ตลาดแห่งนี้ค่อนข้างจอแจ ผู้คนที่นี่ส่วนมากจะสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง หากเทียบกับ’เนี่ยหลี’แล้ว ‘เนี่ยหลี’นั้นทั้งสะอาดและดูเรียบร้อยกว่ามาก

“ข้าสงสัยว่าคุณชายน้อยท่านมาจากที่ใด ทำไมพวกเราถึงไม่เคยพบเห็นเขาในการรวมตัวของชนเผ่ามาก่อนเลย?”

หลายผู้คนในตลาดต่างก็กำลังสนทนากันถึงบุคคลหน้าใหม่ มันเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่พวกเขามาตั้งรกรากอยู่ที่แห่งนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก

‘เนี่ยหลี’เท้าเอวไว้ขณะที่สูดลมหายใจเข้าปาก ที่มุมปากของเขานั้นยิ้มอย่างไร้กังวล ทุกอย่างที่นี่ยังคงเหมือนเมื่อชีวิตก่อนหน้า’ เนี่ยหลี’เดินไปทางร้านโจ๊กก่อนที่จะหยุดเดิน
ไกลออกไป ผู้ชายผมสีทองกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหารอย่างตั้งอกตั้งใจ โดยมีเด็กสาวน่ารักกำลังเสิร์ฟโจ้กให้ลูกค้าอยู่

“ธุรกิจของตาลุงหยุนนี่ยังคงขายดิบขายดีตลอดเลยนะ!”

‘เนี่ยหลี’พูดด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่เขานั่งแล้วจึงสั่งอาหาร

“สองถ้วยโจ๊กผงไม้!”

จากนั้นชั่วครู่ เด็กสาวก็นำถาดไม้มาวางพร้อมโจ๊กร้อนสองถ้วย เด็กสาวคนนี้ดูอายุน่าจะเพียงแค่สิบห้าหรือสิบหกปีเพียงเท่านั้น เธอสวมเสื้อยาวสีฟ้าที่ดูเรียบๆ แม้ว่าเสื้อผ้าจะมีรอยปะอยู่บ้าง

แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ความงามของเธอลดน้อยลง ภายใต้คิ้วอันเรียวยาวที่ขับรับกับดวงตาน้ำเงินบริสุทธิ์ แก้มของเธอแดงจนลามไปถึงจมูก เมื่อใดก็ตามที่เธอยิ้ม รอยลักยิ้มทั้งสองข้างช่วยให้เธอดูอ่อนหวานขึ้น อีกทั้งผมสีทองอันยาวไสวของเธอนั้นช่างเปรียบเสมือนม่านที่อยู่บนไหล่

น้อง’หยุนหลิง’ยังคงงดงามดังเช่นเมื่อครั้งชีวิตที่แล้วของเขา ต่างกันเพียงแค่ตอนนี้เธอยังเยาว์เกินกว่าจะเปรียบเทียบกับคนที่เขาพบเจอเมื่อชีวิตก่อนหน้า

ในช่วงชีวิตก่อนหน้าของเขา เมื่อเขามาถึงที่นี่ ลุง’หยุน’และน้อง’หยุนหลิง’เป็นคนเสนอที่พักหลบภัยให้กับ’เนี่ยหลี’และ’เอียจืออวิ้น’ ในช่วงเวลานั้นทั้งเขาและ’เอียจืออวิ้น’ก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

แม้ว่าภายหลัง’เนี่ยหลี’และคนอื่นๆก็ถูกบังคับให้ออกเดินทางไปในภายหลัง แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของลุง’หยุน’และน้อง’หยุนเลิง’เลย เขาจำได้ชัดเจนกว่าเมื่อครั้งที่เขากำลังจะออกไป ‘หยุนหลิง’ถึงกับหลั่งน้ำตา

หลังจากที่ถ้วยโจ๊กทั้งสองวางอยู่ต่อหน้า’เนี่ยหลี’ ‘หยุนหลิง’ก็เผยแววตาที่ประหลาดใจออกมา เธอและพ่อของเธอพบเจอลูกค้ามากมายในแต่ละวัน ที่สำคัญความจำของเธอก็ดีมากด้วย เธอเคยเห็นแทบทุกคนที่อาศัยอยู่ในที่ราบสูงแห่งนี้ แต่เธอนั้นไม่เคยเห็น’เนี่ยหลี’มาก่อน

‘หยุนหลิง’ส่ายมือเล็กน้อยและถามอย่างประหลาดใจ

“น้องชาย ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อนเลย เจ้าไม่ใช่คนของที่ราบสูงชะตาสวรรค์ใช่ไหม?”

“ไม่ใช่ ข้าเป็นแค่นักท่องเที่ยวที่ผ่านทางมา”

‘เนี่ยหลี’ยิ้มตอบ

ได้ยินคำตอบของ’เนี่ยหลี’ ‘หยุนหลิง’ก็อ้าปากตกใจ หลายร้อยหลายพันปีที่ผ่านมาไม่เคยมีใครที่มาจากโลกภายนอกเข้ามายังที่แห่งนี้มาก่อน เธอแทบจะคิดว่าที่โลกภายนอกไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่แล้วด้วยซ้ำ ดังนั้นเธอเลยไม่คิดว่าจะได้พบเจอลูกค้าต่างถิ่นในวันนี้
หยุนหลิงถึงกับนั่งลงในทันที สายตาของเธอมองไปที่เนี่ยหลีและถามออกมาด้วยความอยากรู้

“เจ้ามาจากที่ไหน? ทำไมเจ้าถึงมายังที่ราบสูงชะตาสวรรค์แห่งนี้ล่ะ?”

“ข้าเพียงแค่พยายามเข้าไปในส่วนลึกของหุบเขาบรรพชนอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อฝึกวิชา และข้าก็ได้มายังที่แห่งนี้โดยความบังเอิญก็เท่านั้น”

‘เนี่ยหลี’ยิ้มเล็กน้อยพร้อมพูดตอบ

‘หยุนหลิง’ตอนนี้ตาของเธอเป็นประกายความอยากรู้และถามนั่นถามนี่มากมาย เขาอดคิดถึงชีวิตก่อนหน้าไม่ได้ เมื่อครั้งนั้นที่เขากับ’เอียจืออวิ้น’มายังที่แห่งนี้ ‘หยุนหลิง’ก็แสดงท่าทีแบบนี้และถามอย่างกับเด็กน้อย

“ข้าได้ยินมาว่าที่โลกภายนอกเต็มไปด้วยสัตว์อสูรดุร้าย ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับออบซิเดียนดำก็ไม่อาจที่จะก้าวออกไปยังโลกภายนอกแม้เพียงก้าวเดียว หรือว่าเจ้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับออบซิเดียนดำ?”

‘หยุนหลิง’ถามด้วยความตกใจ ‘เนี่ยหลี’นั้นกล้าที่จะเข้ามายังหุบเขาบรรพชนอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อฝึกฝน หมายความว่าการบ่มเพาะพลังของเขาก็ต้องแข็งแกร่งมาก

ผู้เชี่ยวชาญระดับออบซิเดียนดำที่’หยุนหลิง’พูดถึงก็คือผู้เชี่ยวชาญระดับทองดำ เป็นเพราะเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่ไม่สมบูรณ์ของที่ราบสูงชะตาสวรรค์ ทำให้ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ที่นี่มีระดับเพียงแค่หนึ่งดาวทองเท่านั้น

“ข้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับออบซิเดียนดำหรอก แต่ว่าข้ามีวิธีที่จะปกป้องชีวิตของตนไว้ นั่นเป็นเหตุว่าทำไมสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งไม่อาจทำร้ายอะไรข้าได้”

‘เนี่ยหลี’พูดไปยิ้มไป

ทันใดนั้นเองก็แว่วเสียงไม่พอใจดังขึ้นมา

“ทำไมโจ๊กของข้าถึงยังไม่ได้อีก?”

“ไปแล้ว ไปแล้ว”

‘หยุนหลิง’รีบตอบกลับ เธอยังหันมาพูดกับ’เนี่ยหลี’อีกว่า

“เจ้าวางแผนจะอยู่ที่นี่ยังไง?”

‘เนี่ยหลี’ครุ่นคิดชั่วครู่และตอบออกไป

“โรงแรมก็ไม่มี อีกทั้งข้ายังไม่มีเหรียญทองแดงที่ใช้เป็นเงินตราในที่ราบสูงชะตาสวรรค์เสียด้วย ข้าจะสามารถนำของที่มีไปแลกเปลี่ยนกับใครได้บ้าง?”

‘หยุนหลิง’ได้ยินที่’เนี่ยหลี’พูดก็ถึงกับตาเป็นประกาย ‘เนี่ยหลี’นั้นมาจากโลกภายนอก เขาจะต้องนำสิ่งของแปลกตาที่เธอไม่เคยเห็นติดตัวมาด้วยแน่!

“อ๋า ข้าต้องไปเสิร์ฟโจ๊กก่อน รอที่นี่สักครู่นะ ข้าจะกลับมาให้เร็วที่สุด”

‘หลิงหยุน’พูดพร้อมรอยยิ้ม

“ได้”

‘เนี่ยหลี’พยักหน้าตอบรับ

‘หยุนหลิง’ไปเสิร์ฟโจ๊กแล้ว และ’เนี่ยหลี’ก็เริ่มทานโจ๊กพร้อมกับมองสำรวจไปรอบด้าน มองไปตามทางที่นี่มีพ่อค้าขายสินค้าต่างๆ มีทั้งกลุ่มนักล่า นักล่าพวกนั้นทั้งสูงและมีร่างกำยำแถมยังถืออาวุธแทบทุกชนิดอยู่บนมืออีก

เนื่องจากที่ราบสูงชะตาสวรรค์นั้นขาดแคลนอาหาร พวกเราไม่มีทางเลือกจึงต้องจับกลุ่มผู้คนขึ้นเพื่อออกไปล่าสัตว์อสูรและนำเนื้อพวกมันกลับมาเติมเต็มท้อง อย่างไรก็ตามการล่าสัตว์อสูรนั้นเป็นงานที่อันตรายมาก ดังนั้นจึงมีเพียงแค่ผู้ที่แข็งแกร่งที่จะมาเป็นนักล่า

นอกเหนือจากการล่าสัตว์อสูร พวกเขายังคงรับการจ้างวานจากคนอื่นเสมือนทหารรับจ้างอีกด้วย

อย่างร้านโจ๊กของ’ลุงหยุน’ก็มีกลุ่มนักล่าประมาณหกคนนั่งอยู่ พวกเขานั้นตัวสูงและร่างกายกำยำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคนที่ดูน่าจะเป็นผู้นำ เขาสวมเสื้อโค้ทยาวอีกทั้งยังดูหล่อเหลาเยาว์วัย

“หลิงหยุนต้องขอโทษด้วยเรื่องก่อนหน้า ลูกน้องของข้าหัวร้อนไปหน่อย”

ชายคนนั้นยิ้มอย่างอ่อนโยนเพื่อขอโทษ’หยุนหลิง’ สายตาของเขาที่มองไปยัง’หยุนหลิง’นั้นเผยแววตาที่เหมือนคนแอบรัก

“ไม่เป็นไร ข้าต้องขอโทษด้วยที่ทำให้พวกเจ้าต้องรอนาน”

‘หยุนหลิง’ส่ายหน้าตอบกลับไปแล้ววางถ้วยโจ๊กลง หนึ่งในถ้วยโจ๊กนั่นมีเนื้ออยู่ด้วย นั่นเป็นของที่ชายเยาว์วัยคนนั้นมอบให้

เนื้อเป็นสิ่งที่สำคัญมาก มีเพียงแค่ผู้มีเงินเท่านั้นที่จะลิ้มรสมันได้ แม้พวกนักล่าจะมีสีหน้าอิจฉา แต่ก็รีบหลบซ่อนสีหน้าอย่างรวดเร็วแล้วตั้งหน้าตั้งตากินโจ้กต่อไป

“มากินกัน”

ผู้เยาว์คนนั้นยิ้มแล้วนำมีดออกมาแบ่งเนื้อออกเป็นหลายชิ้น

ที่ราบสูงชะตาสวรรค์นี้ นอกจากหัวหน้าแล้วยังมีสมาคมผู้อาวุโสที่มีหน้าที่ตัดสินใจเรื่องเกี่ยวกับที่ราบสูงแห่งนี้ สมาคมผู้อาวุโสนั้นมีทั้งหมดห้าคน ทั้งห้าคนนั้นต่างก็ควบคุมมากกว่าหนึ่งส่วนของอำนาจ

เกี่ยวกับชายหนุ่มผู้หล่อเหลาคนนี้ เนี่ยหลีมีความประทับใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาต้องเป็นลูกของผู้อาวุโสบางคนแน่นอน บุคลิกของเขานั้นดูเป็นคนเรียบร้อย แต่อย่างไรเขาก็ลืมชื่อของชายคนนี้ไปแล้ว

หลังจากที่หยุนหลิงเสิร์ฟโจ๊กเสร็จ เธอก็รีบกลับมายังที่โต๊ะของ’เนี่ยหลี’ ตัวเธอนั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับ’เนี่ยหลี’ซึ่งไม่อาจรอช้าได้

“ใช่แล้ว ข้ายังไม่รู้เลยว่าเจ้าชื่ออะไร”

‘หยุนหลิง’พูดพร้อมรอยยิ้ม มุมปากของเธอเผยรอยลักยิ้มทั้งสอง ซึ่งมันน่ารักมาก

“ข้าชื่อว่า เนี่ยหลี”

‘เนี่ยหลี’ยิ้มตอบแล้วพยักหน้า ขอบคุณประสบการณ์จากชีวิตก่อนหน้าที่ทำให้เขารู้จัก’หยุนหลิง’ เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่ง

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ เนี่ยหลี ข้าขอถามได้ไหมว่าเจ้าจะเอาอะไรมาให้ข้าแลก”

‘หยุนหลิง’ถาม มันเป็นปกติที่เธอจะสนใจเกี่ยวกับโลกภายนอก

จบตอน
•แปลโดย Esthe

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments