I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 190 การแลกเปลี่ยน

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 23776 | 2526 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘เนี่ยหลี่’นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูด

“แล้วเสื้อผ้าพวกนี้ล่ะ?”

เขาหยิบชุดหลาย ๆ ชุดออกมาจากวงแหวนมิติและวางพวกมันลงบนโต๊ะ

‘หยุนหลิง’เบิกตากว้าง ‘เนี่ยหลี่’มีแม้กระทั่งวงแหวนมิติ สิ่งหนึ่งที่รู้ก็คือวงแหวนมิติเป็นของที่หายากมากในที่ราบสูงชะตาสวรรค์ อาจะมีแค่คนระดับหัวหน้าเท่านั้นที่มี

สายตาของนางถูกดึงดูดด้วยชุดที่วางบนโต๊ะ นางร้องออกมาอย่างประหลาดใจและลงมือจับต้องเสื้อผ้าชุดหนึ่ง เสื้อผ้าพวกนี้อ่อนนุ่มและเรียบลื่น เต็มไปด้วยลวดลายของดอกไม้ที่งดงาม

หลังจากสัมผัสชุดเหล่านี้ ‘หยุนหลิง’ก็ไม่สามารถละสายตาไปแม้ชั่วครู่ ในที่ราบสูงนั้นมีแต่เสื้อผ้าที่หยาบกระด้าง ไหนเลยจะมีชุดดี ๆ เช่นนี้?

“เจ้าคิดว่าจะขายเสื้อผ้าเหล่านี้เป็นจำนวนกี่เหรียญทองแดงกัน?”

‘หยุนหลิง’ผงกหัวขึ้นมาและถาม’เนี่ยหลี่’ แก้มของนางเปลี่ยนเป็นสีชมพู นางถูกสะกดจิตด้วยเสื้อผ้าเหล่านี้ทำให้นางสูญเสียความเยือกเย็นไปชั่วขณะ

“อย่างนั้นก็สองร้อยเหรียญทองแดงละกัน”

‘เนี่ยหลี่’พูดและยิ้มออกมา

“แค่สองร้อยเหรียญทองแดงเองหรือ? หากว่าจะแลกเปลี่ยนเป็นเงินห้าร้อยเหรียญทองแดงก็ยังมีคนจำนวนมากยินดีต่อแถวรอซื้อเสื้อผ้าเหล่านั้น!”

‘หยุนหลิง’พูดด้วยความประหลาดใจ

‘หยุนหลิง’ในชาตินี้ไม่เปลี่ยนไปจากชาติที่แล้วเลย นางปฏิบัติกับผู้คนอื่น ๆ ด้วยความจริงใจและความเมตตา ‘เนี่ยหลี่’ยิ้มและพูด

“สองร้อยเหรียญทองแดงก็พอสำหรับที่ข้าจะกินอาหารไปได้หลายวันแล้ว เมื่อข้ามอบของเหล่านี้เป็นของกำนัลให้แก่พี่หยุนหลิง ข้าก็ขอเรียกร้องให้ท่านช่วยอะไรข้าซักเรื่องหนึ่ง”

“ช่วยเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?”

‘หยุนหลิง’ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางรู้สึกตกตะลึงทันที

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าชื่อหยุนหลิง?”

“ข้าก็ได้ยินมาจากชาวบ้านในตลาดนี่แหละ”

‘เนี่ยหลี่’ยิ้มและพูดออกมา

“จะมีใครเล่าที่ไม่รู้จักพี่หยุนหลิง?”

ในที่แห่งนี้ ‘หยุนหลิง’สามารถพูดได้ว่านางเป็นคนที่รู้จักดีในหมู่ชาวบ้านแถวนี้ ผู้คนได้ยินกิตติศัพท์เรื่องความงามและความขยันของนาง ชายหนุ่มจำนวนมากต่างก็มาเคาะประตูบ้านเรียกร้องขอนางแต่งงาน

“โอ้”

‘หยุนหลิง’ผงกหัว

“พี่หยุนหลิงรู้จักหินสีม่วงที่มีรูปร่างสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนที่อยู่รอบ ๆ บริเวณนี้หรือไม่?” เนี่ยหลี่หยั่งเชิงแล้วยิ้ม “มันสามารถปล่อยควันสีม่วงจาง ๆ ออกมาภายใต้แสงอาทิตย์และมีความร้อนสูงด้วย”

“โอ้ เจ้าคงหมายถึงศิลาหมอกม่วงกระมัง รอบ ๆ บริเวณนี้มีศิลาพวกนี้อยู่เป็นจำนวนมาก ศิลาเหล่านี้ล้วนแต่ไร้ค่า นอกจากนั้นตัวมันเองยังก็ยังเป็นพิษอ่อน ๆ อีกด้วย”

‘หยุนหลิง’อธิบาย

“ไม่มีใครต้องการของสิ่งนี้กันหรอก”

ศิลาหมอกม่วงที่’หยุนหลิง’กล่าวถึงแท้จริงแล้วมันคือผลึกศิลาสีม่วง มันเป็นหินล้ำค่าชนิดหนึ่ง เมื่อนำมันมามาผ่านกรรมวิธีพิเศษ มันจะช่วยให้’เนี่ยหลี่’สามารถก้าวไปสู่ระดับทองขั้นสามดาวด้วยความเร็วที่สูงที่สุด

“ถูกต้องแล้ว ข้าต้องการศิลาหมอกม่วงเหล่านี้ ไม่ว่ามันจะมีราคาค่างวดเท่าไรก็ตาม ข้าจะแลกเปลี่ยนมันกับอาหาร ศิลาหมอกม่วงจำนวนสิบก้อนต่อข้าวสารหนึ่งถุง “

‘เนี่ยหลี่’พูด สำหรับการเดินทางเที่ยวนี้’เนี่ยหลี่’เตรียมการไว้พร้อมสรรพ

ฟังคำของ’เนี่ยหลี่’แล้ว’หยุนหลิง’ถึงกับตกตะลึง ศิลาหมอกม่วงสิบก้อนกับข้าวสารถุงหนึ่งเชียวเหรอ?

“เจ้าพูดจริงหรือเปล่าเนี่ย?”

‘หยุนหลิง’ถามมาด้วยความตกใจ

“แน่นอน ข้าพูดความจริง”

‘เนี่ยหลี่’ผงกหัว เหตุผลเดียวที่ทำไมเขาถึงใช้ข้าวสารในการแลกเปลี่ยนก็เพราะว่า พื้นที่ที่รายล้อมอยู่รอบ ๆ ที่ราบสูงชะตาสวรรค์นั้นกันดารมาก อาหารมีอยู่ค่อนข้างจำกัด ในชาติที่แล้ว เมื่อเขา ‘เอียจืออวิ้น’และพวกคนอื่นมาถึงที่นี่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังได้รับความช่วยเหลือจากคนใจดีบางส่วน การใช้ข้าวสารเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนก็ถือได้ว่าถูกต้องแล้ว

“อย่างนั้นข้าจะไปเก็บศิลาหมอกม่วงมาให้!”

‘หยุนหลิง’รีบพูด จากนั้นนางจึงรีบออกไปเก็บรวบรวมศิลาหมอกม่วงทันที เมื่อเทียบกับเสื้อผ้าที่ละเอียดอ่อนประณีต ข้าวสารที่สามารถประทังชีวิตได้ยังล้ำค่ามากกว่า ที่ราบสูงชะตาสวรรค์นี้ประสบกับสภาวะขาดแคลนอาหารจริง ๆ

‘หยุนหลิง’นำศิลาหมอกม่วงยี่สิบก้อนและเหรียญทองแดงสองร้อยเหรียญมาให้’เนี่ยหลี่’อย่างรวดเร็ว ‘เนี่ยหลี่’ก็มอบเสื้อผ้าและอาหารให้ตามที่เขาได้สัญญาเอาไว้

ศิลาหมอกม่วงสามารถแลกเปลี่ยนเป็นอาหารได้จริง ๆ หรือนี่?

หลังจากได้ข้าวสารสองถุงแล้ว ‘หยุนหลิง’รู้สึกเหมือนฝันไป สิ่งที่พวกเขากินกันก็คือผงไม้ซึ่งขูดมาจากต้นไม้ที่มีชื่อว่าต้นมู่หยาง ข้าวสารเป็นสิ่งล้ำค่า มีเพียงชนชั้นสูงเท่านั้นที่จะสามารถซื้อหามาได้

ข้าวสารเพียงแค่ถุงเดียวก็สามารถแลกเปลี่ยนกับสาวงามจากตระกูลยากจนได้
และนางสามารถได้มันมาจากการแลกเปลี่ยนกับศิลาหมอกม่วงแค่สิบก้อนเท่านั้น

“เนี่ยหลี่ การแลกเปลี่ยนเช่นนี้ยังสามารถทำได้อีกหรือไม่?”

‘หยุนหลิง’ถาม วี่แววตื่นเต้นดีใจปรากฏออกมา

“ย่อมได้อยู่แล้ว”

‘เนี่ยหลี่’ผงกหัวของเขา

“อย่างไรก็ตามข้าเองก็มีข้าวสารจำนวนจำกัด แต่ศิลาหมอกม่วงสิบก้อนก็ยังสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเนื้อห้าชั่งได้ด้วยนะ!”

ก่อนที่’เนี่ยหลี่’จะมาที่นี่ ‘เนี่ยหลี่’ได้นำเอาวงแหวนมิติที่เต็มไปด้วยอาหารและสิ่งอื่น ๆ มาด้วยเป็นจำนวนมาก

“ตกลง ข้าจะไปบอกทุก ๆ คน”

‘หยุนหลิง’ดีใจรีบลุกขึ้น ศิลาหมอกม่วงสามารถแลกเปลี่ยนกับเนื้อและข้าวสารได้ นางแทบจะรอไม่ไหวที่จะออกไปป่าวประกาศให้ทุกคนรู้เรื่องนี้

ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาย่อมต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเพื่อที่จะทำให้ตัวเองร่ำรวยแต่เพียงผู้เดียว อย่างไรก็ตาม’หยุนหลิง’ไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น นางแค่ต้องการให้ทุกคนแลกเปลี่ยนอาหารเพื่อให้คุณภาพชีวิตของพวกเขาดีขึ้น

หลังจาก’หยุนหลิง’จากไป เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินตรงมาที่’เนี่ยหลี่’ และนั่งลงตรงหน้าเขา

“ยินดีที่ได้พบท่าน ข้ามีนามว่าเสี่ยวหยาง ข้าได้ยินมาว่าพี่ชายใช้ข้าวสารและเนื้อในการแลกเปลี่ยนกับศิลาหมอกม่วงสิบก้อน”

‘เสี่ยวหยาง’มองและพูดกับ’เนี่ยหลี่’ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนจากภายนอกในรอบหลายปี ดังนั้นเขาจึงสงสัยในตัวของ’เนี่ยหลี่’

“ถูกต้องแล้ว”

‘เนี่ยหลี่’ผงกหัว

“ข้าสงสัยว่าศิลาหมอกม่วงจะเอาไปใช้ทำอะไรได้?”

เสี่ยวหยางถามหยั่งเชิง

ทุกคนให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องที่สามารถแลกเปลี่ยนข้าวสารและเนื้อ แต่’เสี่ยวหยาง’สังเกตเห็นในเรื่องของศิลาหมอกม่วง

“ข้าไม่สามารถบอกท่านในเรื่องนั้นได้”

‘เนี่ยหลี่’พูดพร้อมกับส่ายหัว

‘เสี่ยวหยาง’ผงกหัวและไม่ถามอะไรอีก หากว่า’เนี่ยหลี่’ใช้ข้าวสารและเนื้อในการเปลี่ยนกับศิลาหมอกม่วง พวกมันจะต้องมีประโยชน์อย่างมากแน่ ๆ มันเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจได้ถ้า’เนี่ยหลี่’ไม่ยอมพูดออกมา

เดิมทีการที่จะเก็บรวบรวมศิลาหมอกม่วงเหล่านั้นมันไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก อาจเป็นเพราะ’เนี่ยหลี่’ไม่ได้เตรียมตัวมาพักอาศัยในที่ราบสูงชะตาสวรรค์นานและจะต้องจากไปในไม่กี่วัน นอกจากนั้นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่ราบสูงชะตาสวรรค์นั้นก็เป็นแค่นักสู้ระดับทองดำขั้นหนึ่งดาวเท่านั้น ไม่มีเหตุผลที่จะมีใครสามารถคุกคามเขาได้ ดังนั้น’เนี่ยหลี่’จึงไม่ได้กังวลในเรื่องนี้

ถ้าเป็นร่างทรงอสูรระดับทองดำขั้นหนึ่งดาวบางที’เนี่ยหลี่’อาจจะรู้สึกเกรงเล็กน้อย แต่ถ้าหากว่าเป็นนักสู้ระดับทองดำขั้นหนึ่งดาวนั้นก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมาก

แม้ว่า’เนี่ยหลี่’จะอยู่ในระดับทองขั้นสองดาวเท่านั้น แต่ด้วยการใช้กลวิธีต่าง ๆ เขาก็สามารถสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับผู้ช่ำชองระดับทองดำได้ ที่ผ่านมามีผู้ช่ำชองชองระดับทองดำเสียชีวิตด้วยน้ำมือของ’เนี่ยหลี่’เป็นจำนวนมาก นับว่าเขาก็ไม่ธรรมดา

หลังจากข่าวสารได้แพร่กระจายออกไป ประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนก็เพิ่มสูงขึ้น

จากข่าวที่ว่าสามารถแลกเปลี่ยนศิลาหมอกม่วงเป็นข้าวสารและเนื้อได้ คนจำนวนมากเกิดความเคลือบแคลงสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามก็ยังมีคนจำนวนมากที่เชื่อคำพูดของ’หยุนหลิง’ พวกเขาก็มีท่าทีที่จะลองดูและนำศิลาหมอกม่วงมาให้ ผู้คนจำนวนมากเก็บศิลามาแค่สองสามก้อนเท่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะมีจำนวนมาก แต่มันก็ไม่ได้มีไปหมดทุกที่

ศิลาหมอกม่วงกับเนื้อครึ่งชั่งและข้าวสารสิบถุง ‘เนี่ยหลี่’มีงานยุ่งทันที

“ศิลาหมอกม่วงสามารถใช้แลกเปลี่ยนเป็นข้าวสารและเนื้อได้จริง ๆ รึ?”

“เทพเจ้าทรงโปรด! แลกได้จริง ๆ ด้วย!”

ข่าวที่มีคนสามารถเอาของไปแลกเปลี่ยนได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

จากนั้น ผู้คนจำนวนมากต่างก็นำศิลาหมอกม่วงมาแลกเปลี่ยนกับ’เนี่ยหลี่’ จำนวนคนที่ออกไปเสาะแสวงหาศิลาหมอกม่วงได้เพิ่มจำนวนขึ้น

จากการเก็บรวบรวมศิลาหมอกม่วงอย่างต่อเนื่อง จำนวนของมันเพิ่มสูงขึ้นถึงสองสามพันก้อน จำนวนผู้ที่มาแลกเปลี่ยนก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนแน่นร้านข้าวต้ม

‘เสี่ยวหยาง’และพวกคาดไม่ถึงว่า’เนี่ยหลี่’จะมีข้าวสารและเนื้อเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นเขายังไม่ได้มีท่าทีจะหยุดแลกเปลี่ยนเลย คนผู้นี้ช่างร่ำรวยจริง ๆ

ทันใดนั้นเสียงกึกก้องก็ดังมาจากข้างนอก

“หลีกทาง หลีกไปให้พ้นทางของข้า!”

ชายฉกรรจ์หลายคนผลักดันฝูงชนออกไปและพากันเดินเข้าไปในร้านข้าวต้ม ผู้ที่เดินนำเข้ามาเป็นชายหนุ่มหัวโล้น เขาเปลือยร่างท่อนบนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งของเขา หน้าตาและทั่วร่างของเขามีรอยแผลเป็นที่น่าเกลียดน่ากลัว

“เขาเป็นลูกชายของหัวหน้าเผ่าระวังตัวด้วยนะเนี่ยหลี่”

‘หยุนหลิง’เตือนเนี่ยหลี่ด้วยความเป็นห่วง

‘เสี่ยวหยาง’ขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน เขาไม่คิดว่า’เสี่ยวกวง’จะมา ‘เสี่ยวกวง’เป็นบุตรชายคนที่สองของหัวหน้าเผ่า เขาอยู่ในระดับทองขั้นสามดาว ตามปกติเขามักจะมีนิสัยก้าวร้าวเกรี้ยวกราด จำนวนคนที่เขาโค่นล้มลงเพื่อความสนุกนั้นมีมากกว่าแค่สองหรือสามคน

‘เสี่ยวหยาง’ดูว่า’เนี่ยหลี่’ว่าจะรับมือกับ’เสี่ยวกวง’อย่างไร ถ้า’เนี่ยหลี่’ไม่สามารถรับมือ’เสี่ยวกวง’ได้ เขาก็จะออกหน้ายุติเรื่องราวเอง

“โอ้ เจ้าคนแปลกหน้า”

‘เสี่ยวกวง’เอาขาข้างหนึ่งเหยียบลงไปบนเก้าอี้อย่างโอหัง ดูช่างข่มขู่คุกคามคนยิ่งนัก

“เจ้ารู้รึเปล่าว่าที่นี่ที่ไหน? ถ้าเจ้าจะเริ่มทำการค้าที่นี่ เจ้าก็จะต้องจ่ายภาษี!”

“ภาษีอย่างนั้นรึ? ข้าสงสัยว่าข้าจะต้องจ่ายภาษีอะไร?”

‘เนี่ยหลี่’มอง’เสี่ยวกวง’

“ก็ภาษีการค้ายังไงล่ะ เจ้าแลกเปลี่ยนศิลาหมอกม่วงไปจำนวนมาก ก่อนอื่นเจ้าจงเอาข้าวสารห้าร้อยถุงมาให้ข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะให้เจ้าได้เห็นดีกัน”

‘เสี่ยวกวง’คำราม รังสีการฆ่าฟันแผ่ออกมาจากร่างของเขา หลังจากที่ได้ฆ่าสัตว์อสูรจำนวนมากมาเป็นเวลานาน ร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยรังสีการฆ่าฟันอย่างกระหายเลือด

“เสี่ยวกวง เจ้าสามหาวเกินไปแล้ว”

‘หยุนหลิง’ก้าวเข้ามาและจับจ้องไปที่’เสี่ยวกวง’

“หยุนหลิง เห็นแก่หน้าพ่อของเจ้า ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้า แต่เจ้าอย่าได้เข้ามาแส่ในเรื่องนี้ ไปให้พ้น”

‘เสี่ยวกวง’คำราม

‘เนี่ยหลี่’ดึง’หยุนหลิง’ออกไปข้าง ๆ แล้วพูดยิ้ม ๆ

“นายน้อยเสี่ยวกวง ข้าย่อมมีข้าวสารห้าร้อยถุงอยู่กับตัวข้า ถ้าท่านต้องการจะเอามันไป อย่างนั้นเราก็ต้องมาดูกันว่าท่านจะสามารถเอามันไปได้หรือไม่”

“โอ้ เจ้าคนแปลกหน้า เจ้าช่างสามหาวนัก เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่มันที่ไหน?”

‘เสี่ยวกวง’จ้องเนี่ยหลี่อย่างโหดเหี้ยม

“ข้ารู้สิ ที่นี่คือที่ราบสูงชะตาสวรรค์ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นี่มีระดับเพียงแค่ทองดำหนึ่งดาว”

‘เนี่ยหลี่’ยิ้ม

ภายใต้การข่มขู่คุกคามของเขา ‘เนี่ยหลี่’ไม่ได้แสดงออกถึงความอ่อนแอแม้แต่น้อย ‘เสี่ยวกวง’อดคิดครู่หนึ่งไม่ได้ ‘เนี่ยหลี่’เป็นใคร?

เขาเป็นถึงลูกชายของหัวหน้าเผ่า แม้ว่าเขาจะมีท่าทียโสโอหังอยู่เสมอ แต่เขาก็ไม่ใช่คนไร้สมอง เขายิ้มเย็นเยียบแล้วถาม

“เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้ามาจากที่ใดกัน?”

“เมืองกลอรี่”

‘เนี่ยหลี่’ยิ้มและยังคงรักษาความเยือกเย็นเอาไว้

“เมืองกลอรี่? สถานที่แห่งนั้นตั้งอยู่ที่ไหน? พวกเจ้าเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่แห่งนั้นหรือไม่?”

‘เสี่ยวกวง’หันกลับไปถามพวกสมุน

“ข้าไม่รู้”

สมุนของเขาทั้งหมดต่างก็ส่ายหัว พวกเขาไม่เคยย่างกรายออกจากที่ราบสูงชะตาสวรรค์มาก่อนเลย

จบตอน

แปลโดย XXX

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments