I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 191 ไม่ต้องการมันอีกแล้ว

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 22204 | 2526 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“เมืองกลอรี่เป็นสถานที่แบบไหนกัน?”

ท่าทางเย้ยหยันปรากฏบนหน้าของ’เสี่ยวกวง’ ถึงแม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้น แต่เขาก็นิ่งคิดในใจ ฝ่ายตรงข้ามอาจจะมีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม’เนี่ยหลี่’จึงไม่แสดงอาการหวาดกลัวอะไรเลย

“เมืองกลอรี่ก็คือเมืองเมืองหนึ่ง พวกเราต้านทานการบุกของกองทัพสัตว์อสูรจนสถาปนาเมืองขึ้นในหุบเขาของเทือกเขาบรรพกาล แม้ว่าเราจะได้รับความสูญเสียจากการบุกโจมตีของกองทัพสัตว์อสูรทุก ๆ หนึ่งครั้งในรอบร้อยปี และมีอยู่หลายครั้งที่เมืองกลอรี่เกือบจะล่มสลาย แต่ด้วยความเสียสละของเหล่าบรรพชนจำนวนนับไม่ถ้วนทำให้เมืองสามารถอยู่รอดได้ตลอดมา”

‘เนี่ยหลี่’พูดอย่างภาคภูมิใจ ถ้าไม่ใช่เพราะกองทัพสัตว์อสูรเป็นร้อยล้านตัว ในชาติที่แล้วเมืองกลอรี่ก็ยังคงไม่ล่มสลาย

ฟังคำพูดของ’เนี่ยหลี่’ การแสดงออกถึงความคาดหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้ง’หยุนหลิง’และ’เสี่ยวหยาง’

เมืองที่ว่าเป็นเมืองแบบไหนกันนะ?! พวกเขาหลบซ่อนตัวอยู่บนที่ราบสูงที่ซึ่งพวกเขาหลบหนีจากชะตากรรมที่ต้องถูกฆ่าโดยกองทัพสัตว์อสูร อย่างไรก็ตามเมืองกลอรี่ก็ได้สู้กับกองทัพสัตว์อสูรแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน!

“แล้วเมืองกลอรี่มีประชากรอยู่เท่าไรเรอะ?”

‘เสี่ยวกวง’ถาม ใจของเขาเต้นระรัว พวกเขาสามารถรับมือกับการโจมตีจากกองทัพสัตว์อสูรได้ด้วยหรือ? มันเป็นสิ่งที่แม้กระทั่งคนของที่ราบสูงชะตาสวรรค์ก็ยังไม่กล้าทำ ถ้าเมืองกลอรี่มีกำลังที่กล้าแข็งและอยู่ใกล้ที่นี่ แล้วเขาคุกคามเนี่ยหลี่ นั่นไม่ได้หมายถึง….

“เมืองกลอรี่ของข้ามีประชากรนับล้านและมีผู้ช่ำชองนับร้อยนับพัน ระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ต่ำที่สุดก็คือระดับทองแดง ระดับเงิน ระดับทอง ท่ามกลางเหล่าผู้ช่ำชอง ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นร่างทรงอสูร พวกเรามีผู้ช่ำชองระดับทองดำนับร้อยและระดับตำนานสองคน”

‘เนี่ยหลี่’พูดอย่างใจเย็น เขามองไปที่เสี่ยวกวงและพรรคพวก

ฟังคำของ’เนี่ยหลี่’แล้ว เกิดเสียงอึกทึกจากคนบางส่วนที่อยู่ด้านข้าง ผู้ช่ำชองนับร้อยนับพัน ระดับทองดำอันนับไม่ถ้วน และระดับตำนานอีกสองคน เทพเจ้าทรงโปรด ‘หยุนหลิง’และพวกต่างตกตะลึง มันช่างไม่สามารถจิตนการได้เลย

หลังจากฟังการสนทนาแล้ว แม้กระทั่งผู้คนที่รายล้อมอยู่ก็ใจเต้นระรัว ช่างเป็นความแข็งแกร่งที่น่าเกรงขามยิ่งนัก แค่คนกลุ่มหนึ่งก็เพียงพอที่จะถล่มที่ราบสูงชะตาสวรรค์ของพวกเขาได้แล้ว

แม้กระทั่ง’เสี่ยวกวง’เองก็ยังกลัวจนหน้าซีด หลังจากสงบจิตใจลงเล็กน้อยแล้ว เขาผงกหัวขึ้นมาด้วยความไม่เชื่อ

“ผู้ช่ำชองนับร้อยนับพันอย่างนั้นรึ? เจ้าจะต้องคุยโวโอ้อวดแน่ ๆ!”

“คุยโวโอ้อวดอย่างนั้นรึ?”

สายตาของเนี่ยหลี่มองเสี่ยวกวงอย่างเย้ยหยัน

“หากเจ้าคิดว่าข้าคุยโวโอ้อวด เจ้าก็สามารถตามข้าไปดูได้”

‘เนี่ยหลี่’ขยับมือขวาของเขา ทันใดนั้นพลังวิญญาณของเขาก็เปล่งแสงสว่างออกมา

“ร่างทรงอสูรระดับทอง?”

เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น ตาของ’เสี่ยวกวง’แทบถลนออกมา ‘เนี่ยหลี่’มีอายุเท่าไรกันแน่ อย่างมากที่สุดก็แค่ยังไม่ถึงสิบสี่สิบห้าปี เขาก็เป็นร่างทรงอสูรระดับทองแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้อมูลเรื่องที่ว่าเมืองกลอรี่มีกำลังกล้าแข็งก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกแล้ว!

‘เสี่ยวกวง’กลืนน้ำลายคำโต แม้ว่าเขาจะสามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจในเขตที่ราบสูงชะตาสวรรค์โดยไม่ต้องสนใจถึงผลที่ตามมาก็ตาม แต่ฝ่ายตรงข้ามนั้นมาจากเมืองที่ใหญ่โตและมีกำลังที่กล้าแข็งอยู่เบื้องหลังของเขา ถ้าเขาทำอะไรที่เป็นการคุกคาม’เนี่ยหลี่’ ก็ถือได้ว่าเป็นการนำหายนะมาสู่ตัวเองแล้ว

ฆ่า’เนี่ยหลี่’? ช่างน่าขันนัก แล้วถ้าหากพวกของฝ่ายตรงข้ามเตรียมพร้อม และผู้ช่ำชองของเมืองกลอรี่ติดตามมาที่นี่ล่ะ?
หลังจากนิ่งคิดไปครู่ใหญ่ ‘เสี่ยวกวง’เข้าใจได้ว่า มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าหากเขาไม่ไปยั่วยุคนที่อยู่ตรงหน้า

‘เสี่ยวกวง’ยกขาลงมาจากเก้าอี้ด้วยความกระอักกระอ่วนและหัวเราะพร้อมกับเกาหัว

พวกที่มาด้วยต่างก็ตกตะลึง ถ้าเช่นนั้นก็มีเมืองที่โอ่อ่าอยู่ในเทือกเขาบรรพกาลด้วย เมืองที่มีผู้ช่ำชองนับร้อยนับพัน นี่ยังไม่กล่าวถึงเรื่องที่ว่าพวกเขามีผู้ช่ำชองระดับตำนานอีกถึงสองคน ผู้คนจำนวนมากเกิดความคาดหวังขึ้นในใจของพวกเขา

เนื่องจากที่ราบสูงชะตาสวรรค์ประสบกับภาวะขาดแคลนอาหาร มีคนเสียชีวิตเพราะอดตายอยู่บ่อย ๆ เมืองที่มีผู้ช่ำชองมากมายนับไม่ถ้วนจะต้องร่ำรวยและอุดมสมบูรณ์อย่างแน่นอน มิฉะนั้นทำไม’เนี่ยหลี่’ถึงได้ใช้ข้าวสารและเนื้อมาแลกเปลี่ยนกับศิลาหมอกม่วงได้?

“อะฮ้า ถ้าอย่างนั้นมันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดอะไรซักอย่างแน่ ข้าคิดว่ามีใครบางคนสร้างปัญหาขึ้นมาซะอีก ตอนนี้เรื่องที่เข้าใจผิดกันอยู่ก็คลี่คลายลงแล้ว เราย่อมต้องต้อนรับนายน้อยเป็นแขกผู้มีเกียรติของที่ราบสูงชะตาสวรรค์ เนื่องจากท่านแลกเปลี่ยนอาหารจำนวนมากกับพวกเรา ในที่ราบสูงชะตาสวรรค์แห่งนี้ ถ้าท่านประสงค์สิ่งใด ข้าเสี่ยวกวงจะทำอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยให้นายน้อยสมประสงค์”

มันช่างเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่จะเห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวของ’เสี่ยวกวง’

การเปลี่ยนแปลงท่าทีของ’เสี่ยวกวง’เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก นี่จึงเป็นสาเหตุให้’เสี่ยวหยาง’ ‘หยุนหลิง’และคนอื่นที่ดูอยู่มองเขาด้วยความรังเกียจ เขาช่างมีหลายหน้าและขี้ขลาด หลังจากที่เขาได้ยินเรื่องราวว่าฝ่ายตรงข้ามมีภูมิหลังที่ลึกซึ้ง ‘เสี่ยวกวง’ก็รีบคุกเข่าให้แล้ว

‘เสี่ยวกวง’ไม่สนใจเรื่องที่คนอื่นคิดกับเขา เขาต้องทำข้อตกลงกับ’เนี่ยหลี่’ก่อนที่จะสนใจเรื่องอื่น เขาต้องการจะประจบประแจงนายน้อยคนนี้ ถ้าพรรคพวกคนอื่นรู้สึกระคายเคืองและตัดสินใจถล่มที่ราบสูงของเขา เขาก็จะไม่เหลืออะไรอีก ส่วนกระดูกสันหลังนั้นมันจะมีราคาค่างวดซักเท่าไรกันเชียว? (กระดูกสันหลังที่ว่าหมายถึงการยอมก้มหัวให้กับคนอื่น)

‘เสี่ยวหยาง’เปิดปากเอ่ยถาม

“ข้าสงสัยว่าเมืองกลอรี่ห่างไกลจากที่นี่มากน้อยเท่าไร?”

เขารู้สึกได้ว่า’เนี่ยหลี่’ไม่ใช่คนที่ยากจะคบค้าสมาคมด้วย เหตุผลที่เขาพูดออกมาก่อนหน้านี้ทั้งหมดนั้นเพียงเพื่อแสดงให้’เสี่ยวกวง’รู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริง

หลังจากได้ยินคำถามของ’เสี่ยวกวง’แล้ว ผู้คนรอบข้างต่างก็อดเงียบและตั้งใจฟังไม่ได้

“หากรีบเร่งเดินทางจากนี่ถึงเมืองกลอรี่ คาดคะเนอย่างหยาบ ๆ ก็ราวสิบวัน ถ้าพวกเจ้าต้องการเดินทางในเส้นทางที่ปลอดภัย เจ้าอาจจะต้องเดินทางประมาณสองเดือน”

‘เนี่ยหลี่’ตอบ

หลังจากเกิดความคิดขึ้นในทันทีนั้นเขาก็พูด

“ข้าสามารถวาดแผนที่ให้พวกเจ้าได้ ถ้าเจ้ามีโอกาส เจ้าก็จงลองเดินทางไปดู ถ้าหากคิดว่าข้าโกหกหลังจากไปถึงแล้ว เจ้าสามารถเอ่ยอ้างนามของข้าบอกว่าข้าให้พวกเจ้าเดินทางมาที่นี่ ทหารยามของจวนท่านเจ้าเมืองก็จะจัดเตรียมสิ่งของที่เหมาะสมให้กับพวกเจ้า”

แม้ว่าจำนวนผู้ช่ำชองของที่ราบสูงชะตาสวรรค์จะมีไม่มาก คือมีระดับทองดำหนึ่งคน ระดับทองและระดับเงินอีกมากมาย ถ้าหากว่าคนเหล่านี้ย้ายไปที่เมืองกลอรี่ พวกเขาก็จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเมืองกลอรี่ได้

นอกจากนี้เหตุผลเดียวที่ว่าทำไมที่ราบสูงชะตาสวรรค์จึงมีผู้ช่ำชองไม่มากก็คือ ที่ราบสูงชะตาสวรรค์มีจำนวนวิธีการบ่มเพาะพลังที่น้อยมาก มีผู้ที่มีพรสวรรค์หลายคนที่สามารถบ่มเพาะพลังได้แต่พวกเขาจะต้องใช้วิธีอื่นในการบ่มเพาะพลังตั้งแต่เริ่มแรก ถ้าเป็นอย่างนั้นความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ราบสูงชะตาสวรรค์มีพื้นที่คับแคบเกินไป พวกเขาย่อมจะไม่สามารถคุกคามความปลอดภัยของเมืองกลอรี่ได้อย่างแน่นอน

จริง ๆ แล้วเมืองกลอรี่อยู่ใกล้กับที่นี่มาก และถ้าพวกเขาเพียงแต่เอ่ยนามของ’เนี่ยหลี่’คนของจวนท่านเจ้าเมืองจะจัดเตรียมทุกอย่างให้ตามความเหมาะสมอย่างนั้นหรือ? หรือว่า’เนี่ยหลี่’จะมาจากจวนของท่านเจ้าเมือง? ถ้าอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ไม่สามารถจะดูแคลนได้

สายตาของ’เสี่ยวกวง’มอง’เนี่ยหลี่’อย่างลึกซึ้ง โชคดีที่เขาไม่ได้ล่วงเกินอะไร’เนี่ยหลี่’และไม่มีความคิดที่จะหาเรื่องอะไรกับเขา

หลังจาก’เนี่ยหลี่’พูดเสร็จ พลเมืองของที่ราบสูงชะตาสวรรค์อดดีใจไม่ได้ ถ้ามีสถานที่เช่นนั้นจริง ๆ มันก็เป็นเรื่องที่ประเสริฐยิ่งนัก
‘เนี่ยหลี่’หยิบปึกแผนที่ออกมาและพูด

“นี่คือแผนที่แสดงสภาพแวดล้อมที่จะไปสู่เมืองกลอรี่ ข้าจะวาดแผนที่และเส้นทางให้พวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจะสามารถเดินทางไปถึงเมืองกลอรี่ได้”

แผนที่ไปสู่เมืองกลอรี่? ทุกคนอดชำเลืองมองแผนที่บนโต๊ะไม่ได้ นครที่มีปริมณฑลถึงหนึ่งพันไมล์นี่ก็คือเมืองกลอรี่อย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าพื้นที่จะใหญ่เกินไปหน่อยหรือ? ที่ราบสูงชะตาสวรรค์มีพื้นที่ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเมืองกลอรี่! นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เพาะปลูกอันกว้างใหญ่อยู่ใกล้ ๆ ทำให้ทุกคนพากันอิจฉาเมื่อเห็นสิ่งเหล่านั้น

“ไม่ใช่ว่าอาหารจะขาดแคลนรึนี่ ในเมื่อเมืองกลอรี่มีประชาการมากขนาดนี้?”

บางคนเอ่ยถามออกมา

‘เนี่ยหลี่’ยิ้มและส่ายหัวแล้วพูดว่า

“พื้นที่เพาะปลูกนั้นมีมากเพียงพอกับจำนวนคนนับล้าน ส่วนใหญ่พื้นที่เพาะปลูกนั้นจะใช้เพาะปลูกพืชสมุนไพรที่ใช้ในการเพาะบ่มพลัง บริเวณที่ราบสูงของเมืองกลอรี่ก็มีไม้ผลนานาพันธุ์นับไม่ถ้วนที่สามารถเด็ดกินได้ตามที่ต้องการ ในทุก ๆ ปี เหล่าผู้ช่ำชองของเมืองกลอรี่จะฆ่าสัตว์อสูรนับสิบล้านตัว เนื้อส่วนเกินที่กินไม่หมดก็ได้แต่ปล่อยให้มันเน่าเสีย”

ถึงเวลานี้แม้กระทั่ง’เสี่ยวกวง’ซึ่งเป็นลูกชายของหัวหน้าเผ่าก็อดที่จะเกิดความคาดหวังขึ้นในใจไม่ได้ เมืองกลอรี่อุดมสมบูรณ์อย่างที่’เนี่ยหลี่’พูดจริงหรือ?

ถึงแม้ว่าเขาเป็นลูกชายของหัวหน้าเผ่า เขาก็จะออกล่าเป็นการส่วนตัวเพื่อหาอาหารให้ตัวของเขาเอง ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาของแผลเป็นบนตัวของเขา ที่ราบสูงชะตาสวรรค์นั้นยากจนข้นแค้นยิ่งนัก บ่อยครั้งผู้คนจำนวนมากต้องอดตายด้วยความหิวโหย

‘เนี่ยหลี่’ร่างแผนที่และส่งมันให้’เสี่ยวหยาง’พร้อมกับพูด

“ข้าจะพักอาศัยอยู่ที่นี่เพียงสองหรือสามวันเท่านั้น ข้ายังต้องเดินทางลึกเข้าไปในเทือกเขาบรรพกาลเพื่อการฝึกฝน”

‘เสี่ยวหยาง’รับแผนที่มาถือไว้อย่างระมัดระวัง และ’เสี่ยวกวง’ก็กำลังถูมือของเขาด้วยความตื่นเต้น

คนรุ่นหนุ่มสาวพวกนี้ต่างก็มองไปข้างหน้าเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น มันมีความเป็นไปได้สูงที่คนเหล่านี้มีความปรารถนาจะเดินทางไปยังเมืองกลอรี่ อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสบางคนก็อาจจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ สรุปแล้วคนเฒ่าคนแก่เหล่านี้อาศัยในที่ราบสูงชะตาสวรรค์แห่งนี้นานเกินไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่’เนี่ยหลี่’สามารถควบคุมได้ เขาให้แผนที่แก่คนเหล่านั้น แต่การที่พวกเขาจะไปหรือไม่นั้นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเอง

‘เนี่ยหลี่’ทำการแลกเปลี่ยนศิลาหมอกม่วงกับอาหารต่อไป

เสียงเอะอะดังมาจากคนส่วนหนึ่ง พวกเขาบางส่วนปรึกษาหารือกันเบา ๆ

“ศิลาหมอกม่วงเป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้ในเมืองกลอรี่อย่างแน่นอน แต่เขากลับให้เนื้อถุงเดียวเป็นการแลกเปลี่ยน พวกเราต้องการให้เขาแลกเปลี่ยนด้วยข้าวสารและเนื้อที่มากกว่านี้!”

“ใช่แล้ว แลกเปลี่ยนด้วยจำนวนที่มากขึ้น!”

คนพวกนี้ต่างก็กีดกันคนอื่นไม่ให้เข้ามาแลกเปลี่ยนกับ’เนี่ยหลี่’

“พวกเราเกือบตายเพราะความหิวโหย เจ้ายังต้องการให้เรามีชีวิตอยู่รึเปล่า?”

คนบางส่วนยังคงคิดที่จะแลกเปลี่ยนกับ’เนี่ยหลี่’

เมื่อรู้สึกถึงความปั่นป่วนในท่ามกลางคนเหล่านี้ ‘เนี่ยหลี่’ก็ถอนหายใจเบา ๆ มันเป็นความจริงว่าศิลาหมอกม่วงเป็นสมบัติล้ำค่า แต่มีคนจำนวนไม่มากที่รู้วิธีใช้มันเช่น’เนี่ยหลี่’ ศิลาหมอกม่วงเป็นของที่ใช้ในขณะที่เขาอยู่ในระดับทอง

หลังจากที่เขาก้าวไปสู่ระดับที่สูงกว่าศิลาหมอกม่วงก็กลายเป็นของไร้ค่า แค่เพียงเพราะเขาสามารถใช้ศิลาหมอกม่วงได้ไม่ได้หมายถึงคนอื่นจะรู้วิธีใช้ได้เช่นเดียวกับเขา พิษของศิลาหมอกม่วงเองก็ต้องใช้กรรมวิธีพิเศษเพื่อที่จะทำให้มันปลอดภัย

ไม่ว่าจะเป็นสมบัติอะไร ถ้าไม่มีคนรู้วิธีนำมันไปใช้มันก็เป็นได้แค่ขยะ

เหตุผลที่ทำไม’เนี่ยหลี่’ใช้อาหารและเนื้อแลกเปลี่ยนกับศิลาหมอกม่วงกับคนเหล่านี้ก็เพราะมีคนบางส่วนให้ความช่วยเหลือคนของเมืองกลอรี่ที่รอดชีวิตที่หลบหนีออกมาเมื่อชาติที่แล้ว อย่างไรก็ตามมีคนจำนวนมากต้องการขับไล่ไสส่งคนพวกนั้นออกไป ในท้ายที่สุดคนพวกนั้นก็ถูกขับไล่ออกไปจากที่ราบสูงชะตาสวรรค์ นั่นทำให้’เนี่ยหลี่’และพวกไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องออกเดินทางโดยไม่รู้ชะตากรรมข้างหน้า

‘เนี่ยหลี่’รู้สึกว่าเขาได้ช่วยเหลือคนพวกนี้อย่างสุดความสามารถแล้ว แต่เนื่องจากคนพวกนี้โลภโมโทสันและไม่รู้จักพอ ไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เมื่อไม่มีใครต้องการแลกเปลี่ยนศิลาหมอกม่วงอีก เขาก็เผชิญหน้ากับฝูงชนพร้อมกับยิ้มและพูดว่า

“เนื่องจากทุกคนแลกเปลี่ยนศิลาหมอกม่วงกับอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าก็จะขอยุติการแลกเปลี่ยนเท่านี้ ข้ามีศิลาหมอกม่วงเพียงพอที่จะใช้แล้ว ดังนั้นทุกคนก็สมควรจะกลับกันได้แล้ว ในอนาคตจะไม่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันอีกต่อไป!”

หลังจากฟังคำของ’เนี่ยหลี่’แล้ว ฝูงชนก็ระเบิดความวุ่นวายเสียงดังออกมาทันที

“นายน้อย ข้ายังพอมีศิลาหมอกม่วงอยู่ แลกเปลี่ยนกับข้าเถิด!”

“นายน้อยข้าก็มีศิลาหมอกม่วงอยู่เหมือนกัน!”

‘เนี่ยหลี่’ชำเลืองมองคนผู้หนึ่งที่เรียกเขา คนผู้นี้ช่างโลภโมโทสันที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด เขาส่ายหัวและพูด

“ข้าไม่ต้องการมันอีกแล้ว!”

จบตอน

แปลโดย XXX

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments