I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 192 ระดับทองขั้นสามดาว

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 22619 | 2526 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

หลังจากได้ยินคำพูดของ’เนี่ยหลี่’ บางคนแสดงสีหน้าดุร้ายถมึงทึงออกมา อย่างไรก็ตามเนื่องจาก’เสี่ยวกวง’และ’เสี่ยวหยาง’อยู่ข้างเดียวกับ’เนี่ยหลี่’ พวกเขาก็ได้แต่อดทน พวกเขาไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับที่ราบสูงชะตาสวรรค์ พวกเขาสนใจเพียงแค่ต้องการอาหารมากขึ้นอยากรวยขึ้นเท่านั้น

‘เนี่ยหลี่’มีท่าทีที่สงบขณะที่เขาพูดกับ’เสี่ยวหยาง’และ’เสี่ยวกวง’

“เนื่องจากข้าได้แลกเปลี่ยนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นข้าต้องขอตัวก่อน!”

‘เนี่ยหลี่’ไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานเกินไป เนื่องจากเขามีกำหนดการค่อนข้างแน่นและจะต้องรีบไปฝึกฝนต่อ

หลังจากพูดแล้ว’เนี่ยหลี่’ก็จากไป

การที่เขาเดินทางจากไป สถานที่แห่งนั้นก็กลับสู่ความเงียบสงบ

“เสี่ยวหยาง เจ้าคิดว่าสิ่งที่เนี่ยหลี่พูด เป็นความจริงหรือไม่?”

‘เสี่ยวกวง’ถาม

‘เสี่ยวหยาง’ชำเลืองมอง’เสี่ยวกวง’ด้วยความคาดหวัง ปกติแล้ว’เสี่ยวกวง’จะเป็นคนยโสโอหังและมีนิสัยชอบกดขี่ข่มเหง มันเป็นการยากที่เขาจะลดตัวลงมาสอบถามความคิดเห็นกับเขา ‘เสี่ยวหยาง’ยิ้มและพูด

“ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง นายน้อยเสี่ยวกวงก็น่าจะแยกแยะได้ เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหกพวกเรา ด้วยความที่ที่ราบสูงชะตาสวรรค์แห่งนี้ยากจนข้นแค้น ถึงแม้ว่าเนี่ยหลี่จะใช้ข้าวสารหนึ่งถุงแลกเปลี่ยนกับศิลาหมอกม่วงหนึ่งร้อยก้อนก็ยังมีคนแลกเปลี่ยนกับเขาต่อไปอยู่ดี ท่านคิดว่าเขาโง่หรือเปล่าที่ใช้ข้าวสารหนึ่งถุงแลกกับศิลาหมอกม่วงแค่สิบก้อน? เขาย่อมไม่โง่อยู่แล้ว เขาแค่เวทนาพวกเราและต้องการช่วยเหลือพวกเราเท่านั้น!. เสี่ยวกวงก้มหัวลงนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าว “ดูเหมือนว่าเมืองกลอรี่จะเป็นนครที่มั่งคั่งจริง ๆ”

“นั่นจึงจะถูกต้อง อย่างไรก็ตามนายน้อยเสี่ยวกวง ถ้าเราอพยพไปที่นั่น ท่านก็จะไม่ได้เป็นนายน้อยของที่ราบสูงอีกต่อไป เนื่องจากเราจะต้องอาศัยใต้ชายคาของผู้อื่นในสถานที่แห่งนั้น!”

‘เสี่ยวหยาง’พูด ด้วยบุคลิกลักษณะของ’เสี่ยวกวง’เป็นคนยโสโอหัง เขาอาจจะไม่คุ้นเคยกับการอาศัยอยู่ต่างบ้านต่างเมือง

‘เสี่ยวกวง’ขมวดคิ้ว

“ข้านับเป็นพวกเศษสวะอย่างนั้นหรือ? ข้ายอมรับว่าข้าประพฤติตนเป็นเผด็จการดุร้ายเกรี้ยวกราด แต่ท่านคิดว่าข้าไม่เต็มใจที่จะสละตำแหน่งนายน้อยของชนเผ่าอย่างนั้นหรือ? ที่ราบสูงชะตาสวรรค์ยากจนข้นแค้น มีคนเสียชีวิตด้วยความหิวโหยอยู่ทุกวัน หากเราสามารถจะอพยพไปในที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์เช่นนั้นและข้าจะต้องคุกเข่าต่อหน้าคนอื่น แล้วยังไง? ข้าจะนำคนของพวกเราเดินตามเส้นทางไปสู่เมืองกลอรี่เป็นการส่วนตัวดูก่อน ถ้ามีสถานที่เช่นนั้นจริง ข้าจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะโน้มน้าวพวกคนเฒ่าคนแก่เอง อย่างน้อยที่สุดมันก็ดีกว่าการอดตายในที่เช่นนี้!”

ได้ยินคำพูดของ’เสี่ยวกวง’ ‘เสี่ยวหยาง’ตกตะลึงไปชั่วครู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเกิดความรู้สึกเคารพนับถือนายน้อยที่ยโสโอหังคนนี้ขึ้นมาบ้าง

“ถ้าท่านจะนำคนบางส่วนไปสำรวจสถานการณ์ในเมืองกลอรี่ก็จงนำข้าไปด้วย!”

‘เสี่ยวหยาง’พูดอย่างภาคภูมิใจ แม้ว่าการเดินทางจะเต็มไปด้วยอันตรายเขาก็จะไม่กลัว

“ย่อมได้ ตกลงตามนั้น!”

“ตกลงตามนั้น!”

ในเวลานี้ ‘เนี่ยหลี่’ได้ออกเดินทางไปสู่ส่วนลึกของที่ราบสูงชะตาสวรรค์แล้ว ที่ราบสูงแห่งนี้มีปริมณฑลหนึ่งร้อยไมล์ รายล้อมไปหน้าผาสูงและก้อนหินที่ลาดชันที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสัตว์อสูรส่วนใหญ่ถึงไม่สามารถขึ้นมาบนนี้ได้

ดังนั้นที่ราบสูงชะตาสวรรค์จึงได้อยู่รอดมาตราบจนถึงปัจจุบัน แต่บนที่ราบสูงก็มีสัตว์อสูรปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งเป็นคราว อย่างไรก็ตามสัตว์อสูรเหล่านั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก

ดังนั้นด้วยวิธีรักษาชีวิตของ’เนี่ยหลี่’ เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้นเลย

‘เนี่ยหลี่’เข้าไปสู่ส่วนลึกของที่ราบสูงชะตาสวรรค์ ในสถานที่ที่แสงอาทิตย์มีความเข้มข้นมากที่สุด เขาหยุดลงตรงหน้าหินก้อนมหึมา

จากนั้นเขาจึงวางค่ายกลลงโดยใช้ศิลาหมอกม่วงสองสามร้อยก้อนแล้วจึงทำการจารึกอักขระบนค่ายกล เขานั่งบนยอดของก้อนหินและเริ่มการฝึกฝน

เหตุผลที่’เนี่ยหลี่’เก็บรวบรวมศิลาหมอกม่วงก็เพื่อที่เขาจะได้เพิ่มระดับการบ่มเพาะพลังและก้าวไปสู่ระดับขั้นที่สูงกว่า

แสงอาทิตย์ส่องลงบนศิลาหมอกม่วงและมันก็ได้แผ่รัศมีส่องสว่างออกมา จากนั้นหมวกสีม่วงได้ลอยขึ้นมาเป็นสายและรวมตัวเข้าด้วยกันบนค่ายกลที่ล้อมรอบตัว’เนี่ยหลี่’ หมอกสีม่วงกลายเป็นกลุ่มหมอกที่หนาขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างของ’เนี่ยหลี่’ค่อย ๆ จางหายไปในกลุ่มหมอกสีม่วงนั้น

‘เนี่ยหลี่’สูดลมหายใจลึก ๆ หมอกสีม่วงกลุ่มนั้นถูก’เนี่ยหลี่’สูดเข้าไปที่ท้องน้อยของเขา แล้วทันใดนั้นหมอกม่วงเหล่านั้นก็ถูก’เนี่ยหลี่’สูดเข้าไปจนหมดสิ้น

เมื่อ’เนี่ยหลี่’เริ่มต้นสกัดหมอกสีม่วง พลังวิญญาณในขอบเขตวิญญาณของเขาก็ขยายตัวขึ้นอย่างคงที่ ดวงจิตอสูรเงาปีศาจและดวงจิตแพนด้าเขี้ยวอสูรในขอบเขตวิญญาณของเขาต่างก็ดูดซับเอาพลังวิญญาณเข้าไปจนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ

ที่ราบสูงชะตาสวรรค์แห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขา แม้ว่าจะมีอุณหภูมิจะค่อนข้างต่ำ แต่แสงอาทิตย์ก็สามารถส่องผ่านลงมาได้สามถึงสี่ครั้งต่อวัน นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เนี่ยหลี่มีเวลาในฝึกฝนมากขึ้น

หมอกสีม่วงเหล่านี้เจือปนไปด้วยสารพิษ

‘เนี่ยหลี่’รู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณอันนับไม่ถ้วนกำลังพุ่งทะลุขอบเขตวิญญาณของเขาอย่างคงที่ ทำให้เถาวัลย์ในร่างของเขางอกออกมา ความรู้สึกชนิดนี้เหมือนกับถูกเข็มทิ่มจนเจ็บปวดไปหมด ทำให้เขาต้องกัดฟันเพื่อข่มความเจ็บปวด

อย่างไรก็ตาม’เนี่ยหลี่’ก็อดทนกับความเจ็บปวดและขยายขอบเขตวิญญาณของเขาต่อไป ขอบเขตวิญญาณของเขามีขนาดใหญ่โตขึ้น

‘เนี่ยหลี่’รู้สึกได้ว่าเถาวัลย์นั้นเชื่อมต่อกับดวงจิตแพนด้าเขี้ยวอสูรและดวงจิตอสูรเงาปีศาจ พวกมันแข็งแกร่งขึ้นและเติบโตขึ้น และใบไม้งอกขึ้นมาที่ด้านหนึ่ง

เขาไม่รู้ว่าเถาวัลย์นั้นปรากฏขึ้นได้อย่างไร เขารู้ว่าทั้งหมดนั้นมันเกิดขึ้นจากพลังวิญญาณและถูกหล่อเลี้ยงด้วยพลังวิญญาณ ทำให้มันเติบใหญ่ขึ้น มันช่างเป็นสิ่งอัศจรรย์เสียนี่กระไร

เวลาผ่านไป ‘เนี่ยหลี่’รู้สึกว่าขอบเขตวิญญาณของเขาระเบิดขึ้น ภายใต้ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส คลื่นของพลังวิญญาณกระจายตัวไปทั่วแขนขาและเส้นเลือดของเขา มันระเบิดขึ้นอย่าต่อเนื่องในร่างกายของเขา ‘เนี่ยหลี่’รู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

เดิมที ‘เนี่ยหลี่’บ่มเพาะพลังไปถึงขั้นสุดยอดของระดับทองขั้นสองดาว แต่หลังจากได้รับการกระตุ้นด้วยศิลาหมอกม่วง ในที่สุดมันก็ได้รับการเปลี่ยนแปลง

จากศีรษะสู่เท้า มันเหมือนกับมีเสียงระเบิดดังต่อเนื่อง พลังวิญญาณของเขาได้ก้าวไปถึงระดับทองขั้นสามดาวเรียบร้อยแล้ว ร่างของเขาก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวงเช่นเดียวกัน

ตอนนี้เขาใช้ศิลาหมอกม่วงไปเพียงแค่สองถึงสามร้อยก้อน จากการที่เขามีศิลาหมอกม่วงในมือเป็นจำนวนมาก มันก็เพียงพอสำหรับให้ทำให้เนี่ยหลี่ก้าวต่อไปจนบรรลุถึงระดับทองขั้นสี่ดาวได้ ประสิทธิภาพของศิลาหมอกม่วงก็ยังให้ผลค่อนข้างชัดเจนอยู่

‘เนี่ยหลี่’ยังคงดูดกลืนหมอกจากศิลาหมอกม่วงและฝึกฝนบ่มเพาะพลังต่อไป

ขณะที่’เนี่ยหลี่’กำลังเพ่งความสนใจไปที่การฝึกฝนของเขา คนกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาที่เขาห่างออกไปสองถึงสามไมล์ ผู้นำมีผมเผ้ากระเซิง และมีรูปร่างดี ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากกว่าร่างกายของ’เสี่ยวกวง’ เขาไม่ได้สวมเสื้อ เพียงแค่สวมกางเกงเท่านั้น

มือทั้งสองข้างของเขาถือค้อนคู่ขนาดมหึมา ตลอดทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง

คนทั้งเจ็ดมีความสูงและร่างกายที่แตกต่างกันแต่ดูแล้วล้วนแข็งแกร่ง ทั้งหมดกำลังตามหลังเขามา

“หัวหน้าเสี่ยวหลาง เราได้รับการยืนยันว่าเด็กคนนั้นมุ่งหน้ามาทางนี้ ตราบใดที่มันไม่ได้ลงมาจากภูเขา มันก็ย่อมต้องอยู่บนที่ราบสูงชะตาสวรรค์แน่นอน!”

ชายร่างผอมเหมือนลิงคนหนึ่งพูดขึ้นมาจากข้าง ๆ ชายคนที่มีรูปร่างดี แม้ว่าร่างกายของเขาจะผอมบาง แต่ร่างกายเขาก็สมส่วน

“เจ้าเศษสวะ เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้รึไง?”

‘เสี่ยวหลาง’ดุด่า

“ครับ หัวหน้าเสี่ยวหลางว่ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว”

ชายร่างผอมคล้ายลิงหัวเราะแหะ ๆ

คนที่อยู่ด้านข้างอีกสองสามคนต่างก็พูด

“เจ้าเด็กคนนั้นมีวงแหวนมิติอยู่หลายวง มันย่อมจะต้องมีของดีอยู่ในนั้นเป็นจำนวนมากแน่ ๆ ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในระดับทอง แต่เราก็มีคนระดับทองอยู่สามคนและระดับเงินอยู่อีกห้าคน เราจะต้องกลัวอะไรว่าจะจัดการกับเจ้าเด็กนั่นไม่ได้?” หลังจากที่ฆ่ามันแล้ว เราจะยึดเอาของของมันมา เราก็จะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องอาหารอีกต่อไปชั่วชีวิต!”

“ใช่แล้ว เจ้าเด็กนั่นใช้ข้าวสารหนึ่งถุงแลกเปลี่ยนกับศิลาหมอกม่วงสิบก้อน ถึงแม้ว่ามันจะใช้ข้าวสารถุงเดียวแลกกับศิลาหมอกม่วงหนึ่งร้อยหรือหนึ่งพันก้อนก็ยังมีคนยินดีแลกเปลี่ยนกับมันอีกมาก นี่ถ้ามันเสนอข้าวสารห้าถุงมันอาจจะสามารถแลกเปลี่ยนกับสาวงามตระกูลหวังได้เลย!”

“หัวหน้าเสี่ยวหลางเป็นผู้ช่ำชองขั้นสุดยอดของระดับทองขั้นห้าดาว เราจะยึดของของมันมาและแลกเปลี่ยนกับสาวงามไว้เชยชม ฮ่าฮ่า!”

คนสองสามคนหัวเราะอย่างป่าเถื่อน

‘เนี่ยหลี่’อยู่ในระหว่างการฝึกฝน ขณะนี้เขาอยู่ในสภาวะไร้ตัวตน เถาวัลย์ในร่างของเขาเติบโตขึ้นช้า ๆ ‘เนี่ยหลี่’รู้สึกว่าญาณหยั่งรู้ของเขาได้ขยายใหญ่ขึ้นออกไปสู่ภายนอกร่างกายของเขาและยังขยายไปเรื่อยจนกระจายตัวแวดล้อมไปทั่วบริเวณ

เขาสามารถหยั่งรู้สภาพรอบข้างได้ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือกระทั่งแมลงเล็ก ๆ ดอกไม้ นก ต้นไม้ล้วนแต่มีวิญญาณ ‘เนี่ยหลี่’สามารถมองเห็นวิญญาณในตัวของพวกมัน เมื่อพวกมันมาติดต่อกับพลังวิญญาณของเขา ร่างจิตวิญญาณเหล่านี้ต่างก็อดรู้สึกมีความสุขไม่ได้

ในเวลานี้ ‘เนี่ยหลี่’เข้าใจแล้ว เข้าได้ก้าวไปสู่การบ่มเพาะที่เรียกว่าเต๋าแล้ว ในชาติที่แล้ว ถ้าหากเขาบ่มเพาะพลังด้วยวิถีแห่งเต๋าต่อไป เขาอาจจะสามารถรับรู้ความแตกต่างของสวรรค์และโลกมนุษย์

ประมาณสองสามนาทีให้หลัง ‘เนี่ยหลี่’รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เขาจึงลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ

เขารู้ว่านั่นอาจจะเป็นคนจากที่ราบสูงชะตาสวรรค์ที่ไม่รู้จักควบคุมตัวเองจากท่าทีที่ต่อต้านเขา ที่ราบสูงชะตาสวรรค์แห่งนี้ช่างน่าสงสารและมีคนชั่วมากเกินไป พวกมันย่อมไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม’เนี่ยหลี่’ก็ได้เตรียมการรับมือกับเหตุการณ์เช่นนี้ไว้นานแล้ว

“ระดับทองสามคนและระดับเงินห้าคน”

เมื่อ’เนี่ยหลี่’ใช้พลังวิญญาณล่วงรู้ถึงการมาของ’เสี่ยวหลาง’ ตาของเขาก็เปล่งประกายรังสีเย็นยะเยือกออกมา ‘เสี่ยวหลาง’คนนี้จะต้องได้อาบเลือดแน่ ๆ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าผู้ที่อพยพมาจากเมืองกลอรี่เป็นจำนวนมาก

ในชาตินี้ คนคนเดียวจะล้างแค้นให้คนหลายคน! ‘เนี่ยหลี่’คิดว่าจะไม่ปล่อยให้’เสี่ยวหลาง’มีชีวิตรอดไปได้

“หัวหน้า เจ้าเด็กนั่นอยู่ทางนี้!”

ชายร่างผอมเหมือนลิงร้องเรียกมา เขาค้นพบ’เนี่ยหลี่’ด้วยสายตาอันแหลมคมของเขา

“ล้อมมันเอาไว้!”

‘เสี่ยวหลาง’ยิ้มที่มุมปาก รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยเจตนาของการฆ่าฟัน

คนทั้งแปดยึดที่มันล้อม’เนี่ยหลี่’เอาไว้ หลังจากมั่นใจว่า’เนี่ยหลี่’จะไม่มีทางหนีพ้น พวกเขาก็ตั้งหลักอย่างมั่นคง

เมื่อเห็นคนทั้งแปดกำลังเข้ามา ‘เนี่ยหลี่’ยืนขึ้นอย่างใจเย็น

“ฮึ่ม เจ้าเด็กน้อย ส่งของทุกอย่างที่เจ้ามีมาให้ข้าแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ไม่เช่นนั้นอย่าคิดว่าจะหนีรอดออกไปจากที่ราบสูงชะตาสวรรค์ได้!”

‘เสี่ยวหลาง’พูดในขณะที่เขายกค้อนทั้งสองขึ้นมา เสียงพูดของเขาทำให้ต้นไม้รอบข้างสั่นไหว

เนื่องจากเป็นผู้ช่ำชองระดับทองขั้นห้าดาว เขาอยู่ในลำดับที่สามจากผู้ช่ำชองทั้งหมดของที่ราบสูงชะตาสวรรค์ แม้กระทั่งหัวหน้าเผ่าก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้

“ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าส่งของทั้งหมดให้เจ้า อย่างนั้นเราก็จะต้องมาดูกันว่าเจ้าจะมีความสามารถทำเช่นนั้นได้หรือไม่”

สำเนียงของ’เนี่ยหลี่’ฟังดูเยือกเย็น

ตาของ’เสี่ยวหลาง’กระตุก แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับการล้อมกรอบของคนทั้งแปดคน ‘เนี่ยหลี่’ก็ยังใจเย็นอยู่ได้ นับว่าการบ่มเพาะพลังของเขานั้นไม่ธรรมดา

อย่างไรก็ตาม ‘เสี่ยวหลาง’ไม่คิดจะถอยหนีด้วยเหตุผลเช่นนั้น เขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยดาบ ปกติแล้วในแต่ละวันเขามักจะต่อสู้กับสัตว์อสูรหลาย ๆ ชนิด เขาคุ้นเคยกับสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่แล้ว ความมั่งคั่งจะได้มาก็ต่อเมื่อเสี่ยงเท่านั้น เขาเข้าใจอย่างกระจ่างชัดในข้อนี้

“เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้าปฏิเสธข้อเสนอของข้าและบังคับข้าเองนะ ลองชิมค้อนของข้าดูหน่อย!”

‘เสี่ยวหลาง’กระโดดเข้าใส่เนี่ยหลี่ด้วยความเกรี้ยวกราดประหนึ่งเสือร้าย

จบตอน

แปลโดย XXX

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments