I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 195 เทพวิญญาณอัคคี

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 22089 | 2526 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘ลายอาคมผนึกสามชั้นธาตุสายฟ้ากับอาคมเพลิงศักดิ์สิทธิ์สายโจมตีหกรูปแบบ ถ้าระเบิดขึ้นมานี่หายนะชัดๆ เราต้องทำลายลายอาคมสายโจมตีก่อนถึงจะสามารถเปิดลายอาคมผนึกได้!’ ‘เนี่ยหลี่’คิด เข้าใจว่าเรื่องเริ่มจะยุ่งยากขึ้นมา

ความซับซ้อนของลายอาคมนี้ทำให้ แม้เป็น’เนี่ยหลี่’ยังแก้ได้ลำบาก

‘น่าสงสัยว่าผู้ใดวางลายอาคมพวกนี้ คนที่ทำแบบนี้ได้จะต้องทรงพลังยิ่งกว่าชั้นตำนานเสียอีก ด้วยการวางลายอาคมที่ซับซ้อนขนาดนี้ พวกนั้นจะต้องพยายามซ่อนบางสิ่งเอาไว้แน่’ เนี่ยหลี่ได้แต่คาดเดาในใจ หากยอดฝีมือระดับนั้นตั้งใจซ่อนสิ่งใดไว้ เนี่ยหลี่จะต้องได้อะไรจากมันมากแน่ๆ

‘เนี่ยหลี่’ลบลายอาคมไปลายแล้วลายเล่า ค่อยๆ ทำลายอาคมที่ลงเอาไว้ ทุกๆ การเคลื่อนไหวต้องกระทำด้วยความรอบคอยระมัดระวัง เพราะลายอาคมเหล่านี้อันตรายอย่างยิ่ง แม้แต่ยอดฝีมือระดับตำนานยังตายได้ง่ายๆ หากไปซี้ซั้วแตะต้องลายอาคม

การแก้ไขลายอาคมนี้ต้องอาศัยกระบวนการที่ซับซ้อนมาก ปรมาจารย์ลายอาคมระดับตำนานนั้นนับว่าหายากยิ่งกว่ายอดฝีมือระดับชั้นตำนานเสียอีก

ก่อนช่วงยุคทมิฬ การเป็นปรามาจารย์ลายอาคมถือเป็นอาชีพที่ได้รับความเคารพอย่างสูง แล้วยิ่งไปกว่านั้น คนที่วางลายอาคมตรงหน้า’เนี่ยหลี่’นั้นเป็นถึงชั้นตำนาน!!

ดังนั้นจึงนับว่าช่วยไม่ได้ที่’เนี่ยหลี่’จะรู้สึกคาดหวังกับขุมทรัพย์ เพียงแต่ไม่ทราบว่าในผนังผาจะมีสมบัติใดซ่อนอยู่กัน?

ลายอาคมถูก’เนี่ยหลี่’แก้ไขไปเรื่อยๆ ก่อนอื่นก็ทำลายลายอาคมสายโจมตีทั้งหกชนิด จากนั้นค่อยสลายลายอาคมผนึกสามชั้น

ลายอาคมผนึกสามชั้นยังซับซ้อนยิ่งกว่าลายอาคมสายโจมตีหกรูปแบบเสียอีก

‘ไม่คิดเลยว่าในโลกนี้จะมีเผ่ามนุษย์ที่สามารถก้าวไปถึงขอบเขตชะตาฟ้าได้’

‘เนี่ยหลี่’คิด ตอนแรก’เนี่ยหลี่’คิดว่าในโลกนี้ มีเพียงสัตว์อสูรเท่านั้นที่ามารถไปถึงชั้นชะตาฟ้าได้ มันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครในเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ไปถึงชั้นชะตาฟ้าได้เหมือนกัน

ผ่านไปหนึ่งชั่วยามครึ่ง ‘เนี่ยหลี่’จึงสามารถแก้ลายอาคมผนึกสามชั้นได้

ทันทีที่’เนี่ยหลี่’แก้ลายอาคมเสร็จ หน้าผาก็เริ่มสั่นสะเทือน

ผนังผาค่อยๆ เปิดออก พอมองไปในช่องเปิด ‘เนี่ยหลี่’ก็เห็นเป็นถ้ำมืดๆ ลึกเข้าไป ในถ้ำชื้นแฉะ หยดน้ำตามเพดานถ้ำก็คอยหยดแหมะๆ ลงบนพื้นรวมตัวกันจนไหลเป็นทาง

‘เนี่ยหลี่’ไม่รู้จริงๆ ว่าถ้ำนี้จะนำมันไปสู่ที่ใด

‘ว่าแล้วเชียว ว่าจะต้องมีอะไรซ่อนอยู่ที่นี่ น่าจะเป็นสถานที่ซ่อนขุมทรัพย์ของพวกนั้น’

‘เนี่ยหลี่’คิดในใจ ผู้มีฝีมือย่อมกล้าหาญ หลังจากสำรวจรอบๆ และยืนยันว่าไม่มีอันตราย ‘เนี่ยหลี่’ค่อยก้าวเข้าไปในถ้ำ

หยดน้ำบนเพดานถ้ำหยดลงบนพื้น ส่งเสียงน้ำหยดหวานใสดังก้องไปตามเส้นทางในถ้ำลึกเข้าไป

ทุกๆ ย่างก้าว’เนี่ยหลี่’มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวังผนังโดยรอบล้วนลงลายอาคมสายโจมตีเอาไว้ หากมันไปกระตุ้นใหลายอาคมทำงานเข้าล่ะก็มันจะกลายเป็นศพอยู่ในนี้แน่ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาสามารถแยกแยะลายอาคมเหล่านี้ได้ ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับ’เอียเซิ่ง’หากเข้ามาในถ้ำนี้ก็มีแต่ต้องตายไม่มีทางเลี่ยง

‘ลายอาคมพวกนี้ต้องการทรัพยากรมหาศาลในการลงลายทั้งหมดนี้ ตกลงว่าของในถ้ำนี้มันจะสุดยอดขนาดไหนกันนะ?’

‘เนี่ยหลี่’เพิ่มความคาดหวังเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้

ที่ปลายถ้ำเห็นแสงของทางออกอยู่อย่างเรือนลาง ‘เนี่ยหลี่’ก้าวเข้าไปหาแสงนั่นอย่างช้า พอไปถึง เบื้องหน้าของ’เนี่ยหลี่’ก็เปิดกว้างออก

ที่นี่เป็นถ้ำขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยผลึกม่วงขนาดครึ่งหนึ่งของหินหลักบอกระยะ ‘เนี่ยหลี่’ไม่รู้ว่ามันคืออะไรหรือเหตุใดถึงเรืองแสงสีม่วงอ่อนๆ ออกมาทำให้ถ้ำนี้สว่างได้ทั้งที่ไม่มีแสงจากภายนอก

ตรงกลางถ้ำคือบ่อน้ำขนาดใหญ่ น้ำพุทมิฬไหลลงมาจากด้านบน แต่บ่อน้ำกลับไม่ล้นเลย บางทีข้างใต้อาจจะมีทางน้ำไหลอื่นก็ได้

‘เนี่ยหลี่’สำรวจรอบๆ หลังจากยืนยันได้ว่าปลอดภัย ‘เนี่ยหลี่’จึงเดินไปที่บ่อน้ำอย่างวางใจ

รอบๆ พื้นที่บ่อน้ำพุทมิฬมีการลงลายอาคมคล้ายเป็นค่ายกลอาคมใช้สนับสนุนม่านพลังขนาดใหญ่

‘อาจบางทีขุมทรัพย์จะอยู่ในบ่อน้ำพุทมิฬ?’

‘เนี่ยหลี่’คิดในใจ มันต้องทำลายม่านพลังก่อนถึงจะมองห็นได้ว่าในน้ำมีพิษหรือไม่ จากนั้นค่อยตัดสินใจ

‘เนี่ยหลี่’มองไปรอบๆ อีกครั้ง ยืนยันว่าไม่มีเส้นทางไปอื่นใด

ทันใดนั้น ‘เนี่ยหลี่’รู้สึกตัวว่าข้างบ่อใต้ผนังหินมีบางอย่าง

‘เนี่ยหลี่’ถึงกับอารมณ์ดีเดินไปตามก้อนหินจนถึงขอบบ่อน้ำพุ จากนั้นค่อยๆ ปีนขึ้นไปจนถึงแผ่นหิน หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่มีอันตรายใด ‘เนี่ยหลี่’ก็เพ่งสายตายไปยังกองกระดูก

บนนั้นมีเศษกระดูกของศพทั้งหมดหกร่าง เนื้อหนังนั้นเน่าเปื่อยหายไปแต่แรก เหลือไว้เพียงกองกระดูกที่ผุกร่อนไปมากแล้ว

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ‘เนี่ยหลี่’ก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงพลังอันหนาแน่น

พลังนี้คล้ายกับพลังวิญญาณ แต่ดูจะทรงพลังกว่าในระดับหนึ่ง

‘เนี่ยหลี่’ตรวจสอบซากที่เหลือ มีของหลายๆ อย่างกระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งอาวุธและเกราะหลายชนิด แน่นอนว่าทั้งหมดฝุ่นจับหนาเตอะ หลังจากที่ตรวจสอบลายอาคมที่ลงไว้บนเกราะและอาวุธเหล่านั้น

‘เนี่ยหลี่’ก็พบว่ามันเป็นอุปกรณ์ระดับตำนานทั้งหมด ที่ถูกทิ้งไว้โดยซากศพเหล่านี้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนมีชีวิต

เครื่องป้องกันและอาวุธเหล่านี้มีเสียหายไปไม่น้อย แต่ขอเพียง’เนี่ยหลี่’สามารถซ่อมแซมมันบางส่วนก็น่าจะสามารถนำมาใช้ได้อีก

“อาวุธและเครื่องป้องกันระดับตำนาน”

‘เนี่ยหลี่’พูด พลางกวาดสายตาผ่านซากศพทั้งหลาย เขาไม่รู้จริงๆ ว่าซากศพเหล่านี้เป็นซากศพของใครบ้าง การเอาของจากศพเชื่อกันว่าจะทำให้โชคร้าย แต่ของเหล่านี้ไม่อาจทิ้งขว้างได้โดยง่าย

ดังนั้น’เนี่ยหลี่’เก็บทั้งหมดเข้าแหวนมิติของตน

หลังจากตรวจสอบซากศพอีกเล็กน้อย ‘เนี่ยหลี่’ก็พบแหวนมิติบนนิ้วของซากศพแต่ละคน พอ’เนี่ยหลี่’ตรวจสอบแหวนมิติก็พบว่าพวกมันเป็นแหวนมิติความจุดขาดหลายร้อยผิง (ประมาณหลายร้อยตารางเมตร) แน่ใจได้เลยว่าคนเหล่านี้เป็นยอดฝีมือชั้นตำนานจริงๆ แม้แต่แหวนมิติก็ใช้ของดี ‘เนี่ยหลี่’เปลี่ยนเอาแหวนมิติของตนกับแหวนมิติของศพหนึ่ง

แม้ว่าเวลาในแหวนมิติจะไหลช้ามาก แต่อาหารและยาทิพย์ทั้งหลายในนั้นกลับเน่าเปื่อยไปหมดสิ้นแล้ว

นอกจากอาหารและยาทิพย์แล้ว เนี่ยหลี่พบซากผลึกอสูรในนั้นด้วย

ของประเภทผลึกอสูรจะกลายเป็นเพียงเศษซากหากผ่านเวลาไปสักหลายร้อยปีโดยไม่มีการใช้งาน หากอยู่ในแหวนมิติ แล้วยังกลายเป็นซากได้ แสดงว่าต้องผ่านเวลลามาแล้วระดับหมื่นปี บางทีคนเหล่านี้คงเป็นยอดฝีมือเมื่อหมื่นปีก่อน?

พอค้นไปอีก’เนี่ยหลี่’ถึงกับแปลกใจ เพราะนอกจากซากผลึกอสูรแล้ว ‘เนี่ยหลี่’ยังเจอของดีอยู่ในแหวนอีกนิดหน่อย ในนั้นมีชุดเกราะวิญญาณวายุครบชุดอยู่ด้วย นับว่าเข้ากับตัวเขาพอดี ชุดเกราะชุดนี้เบาบางราวปีกจั๊กจั่น ทั้งนุ่มนิ่มและสามารถปรับขนาดได้ หลังจากสวมใส่แล้ว แม้แต่ยอดฝีมือระดับตำนานยังยากจะโจมตีผ่านการป้องกันของมันได้

หากเป็นยอดฝีมือชั้นตำนานในระดับสูงสุดหากโจมตีใส่ ก็ยังสามารถลดพลังลงไปได้อย่างน้อยเก้าในสิบส่วนทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถใส่ชุดนี้ไว้ข้างใต้ชุดตัวนอกเป็นการอำพรางไว้ว่าไม่ได้ใส่ชุดเกราะได้ด้วย

นี่สิถึงจะนับว่าเป็นของดี

แค่เกราะชุดนี้ชุดเดียวก็นับว่าการเดินทางครั้งนี้คุ้มค่าแล้ว

แม้จะผ่านเวลามาเนิ่นนาน แต่ชุดเกราะวิญญาณวายุก็ยังไม่มีร่องรอยความเสียหายใด สามารถสวมได้ทันที ‘เนี่ยหลี่’ถอดเสื้อชั้นนอกออกแล้วสวมชุดเกราะจากนั้นค่อยสวมชุดชั้นนอกทับ หลังจากใส่เรียบร้อย ‘เนี่ยหลี่’ยังไม่พบว่าการเคลื่อนไหวติดขัดแต่อย่างใด

‘เนี่ยหลี่’ยิ้มบาง ชุดเกราะวิญญาณวายุนี้นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เขารักษาชีวิตเอาไว้ได้

หลังจากตรวจสอบรอบๆ อีกครู่ใหญ่ ‘เนี่ยหลี่’ที่ไม่พบสิ่งใด้เพิ่มอีก ก็เดินกลับไปที่น้ำพุทมิฬ ม่านพลังที่น้ำพุไม่สามารถทำลายได้ง่ายๆ แต่สำหรับ’เนี่ยหลี่’แล้วไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้

‘เนี่ยหลี่’สามารถรับรู้ผ่านม่านพลังได้ว่าในนั้นมีพลังงานอันทรงอำนาจอยู่เต็มเปี่ยม

พลังงานนี้ หาก’เนี่ยหลี่’สามารถดูดซับไปฝึกได้ อาจจะสามารถทลายขีดจำกัดไปสู่ระดับแบล็คโกลด์เลยก็ได้ ด้วยความคิดเช่นนี้ ‘เนี่ยหลี่’รีบหาทางเปิดม่านพลังไปสู่น้ำพุทมิฬ

‘ลายอาคมนี้คนตายพวกนั้นน่าจะเป็นผู้ลงอาคม ม่านพลังนี้สามารถอยู่ได้ด้วยพลังงานที่ไร้ขีดจำกัดของตัวน้ำพุเอง อะไรที่ทำให้พวกนั้นต้องซ่อนกันขนาดนี้นะ?’

‘เนี่ยหลี่’คิดในใจขณะนั่งลงพลางคิดวิธีแก้ไขอาคมไปด้วย

ไม่ว่าพวกนั้นจะพยายามซ่อนอะไรไว้ ย่อมไม่สามารถหยุด’เนี่ยหลี่’ได้ด้วยแค่ค่ายกลลายอาคมหรอก

พอ’เนี่ยหลี่’นั่งลงเตรียมทำลายค่ายกล ก็มีร่างเรืองแสงจางๆ ร่างหนึ่งปรากฎขึ้นเหนือบ่อน้ำพุ เป็นร่างของสตรีผู้งดงามหาใดเปรียบ ดูจากภายนอกเธอน่าจะมีอายุราวยี่สิบห้ายี่สิบหกปี สวมชุดกำมะหยี่สีดำ เธอมีคิ้วโค้งเรียวงาม และดวงตาสุกใสที่เปล่งประกายความบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ ภายใต้ชุดกำมะหยี่นั้นขับเน้นเส้นโค้งของเรือนร่างอันงดงามออกมา

แต่’เนี่ยหลี่’มิได้มีความคิดไปในทางนั้น มันเพียงชื่นชมภาพที่เห็นอย่างเงียบๆ ไปพร้อมกับใคร่ครวญ ว่าหญิงงามนางนี้เป็นใคร การจะประทับรอยพิมพ์ของวิญญาณเอาไว้ที่นี่ได้ ร่างเนื้อของเธอจะต้องทรงพลังยิ่งกว่าชั้นตำนานเสียอีก

เขาไม่คิดว่าจะมียอดฝีมือคนใดที่ทรงพลังขนาดนั้นในทวีปเทพ

สตรีนางนี้สร้างความสงสัยให้กับ’เนี่ยหลี่’ ในชาติก่อนที่เขาทิ้งทวีปเทพไป เขาคิดว่ามีเพียงสัตว์อสูรเท่านั้นที่ก้าวไปถึงขอบเขตชะตาฟ้าได้

เขามิได้รู้เลยว่าสตรีนางนี้ต้องพบเจอกับอะไรจนเหลือเพียงซากวิญญาณที่เสียหาย ทว่าในความเป็นจริงแล้ว ต่อให้เป็นเพียงซากวิญญาณ ก็ยังเป็นตัวสถิตของยอดฝีมือเอง

เมื่อ’เนี่ยหลี่’มองไปยังหญิงสาวที่ลอยอยู่ด้านบน ใคร่ครวญความคิดของตัวเอง สตรีนั้นก็ลืมตาขึ้น บรรยากาศเหนือน้ำพุทมิฬพลันเปลี่ยนไปกลายเป็นทะเลดาราไร้ที่สุด

ดวงตาของนางลึกล้ำและเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง ส่องประกายเรืองราวกับนางสามารถมองทะลุได้ทุกสิ่ง และยังมีแสงเรืองของเปลวเพลิงปะทุอยู่ทั่วร่างของนาง ราวกับมีหมอกสีแดงปกคลุมแก้มของนาง หากเป็นผู้อื่น คงจะต้องถูกดึงดูดด้วยความงามอันน่าหลงไหลของนาง

แต่ดวงตาของ’เนี่ยหลี่’ยังเยือกเย็น หลังจากผ่านประสบการณ์อันยาวนานหลายปี นอกจาก’เอียจื่อหวิน’แล้ว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำให้’เนี่ยหลี่’หวั่นไหวใจได้

‘เนี่ยหลี่’รับรู้ถึงพลังอันเจิดจ้าที่คลุมตัวนางอยู่ พลังที่ดูจะสูงส่งกว่าพลังวิญญาณ

“ข้ารอมาเป็นเวลาหลายหมื่นปี ไม่คิดเลยว่าในที่สุดก็มีคนมาถึงที่นี่จนได้ หนุ่มน้อย เจ้าชื่อว่าอะไร”

เสียงของนางเบาบางและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด

“ข้าชื่อว่า เนี่ยหลี่”

‘เนี่ยหลี่’ตอบอย่างเยือกเย็นและพูดต่อว่า

“ไม่ทราบว่าท่านคือใคร?”

นางตอบเบาๆ ว่า

“นามของข้าคือ ยู่หยาน เทพวิญญาณอัคคี”

จบตอน

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments