I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 202 เจ้านรกานต์

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 36243 | 2527 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

หลังจาก’เนี่ยหลี่’จากไป ‘เสี่ยวกวง’และพวกก็มาถึง

“ไม่ใช่เจ้าบอกว่านายน้อยผู้นั้นปรากฎตัวแล้วหรือ? ไปที่ใดแล้ว?”

‘เสี่ยวกวง’มองไปรอบๆ แต่กลับไม่พบเงาร่างของ’เนี่ยหลี่’

“นายน้อยเสี่ยวกวง พวกเราจะกล้าโกหกท่านได้อย่างไร? ท่านนั้นปรากฎตัวขึ้นที่นี่จริง หากท่านไม่เชื่อ ท่านถามพ่อค้าแถวนี้ก็ได้”

ในไม่ช้า ทหารที่ส่งออกไปถามพยานอื่น ก็กลับมารายงานคำตอบเดียวกัน ‘เนี่ยหลี่’มาที่นี่จริง แต่จากไปอย่างรวดเร็ว คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเห็นเหมือนกันทั้งนั้น

พวกเขาไม่คาดเลยว่า’เนี่ยหลี่’จะกลับมาจากน้ำพุทมิฬได้ ไม่ใช่ว่าน้ำพุทมิฬเป็นพื้นที่แห่งความตายหรอกหรือ? ยิ่งพวกเขาไม่กล้าเข้าไป และไม่รู้วิธีที่’เนี่ยหลี่’ใช้ในการเอาตัวรอดที่นั่นเป็นเวลานานและยังกลับออกมาแบบเป็นๆ อีกด้วย

ในเมื่อ’เนี่ยหลี่’ยังมีชีวิตอยู่ ก็เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก ขั้นต่อไปคือการย้ายชนเผ่าทั้งหมดไปที่เมืองกลอรี่

‘เนี่ยหลี่’เร่งรีบเดินทางผ่านผืนป่า

แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีพลังระดับโกลด์ 5 ดาวแล้ว แต่การมีเทพธิดาคอยปกป้องก็นับว่าเป็นหลักประกันให้อย่างดี

‘เนี่ยหลี่’ยังไม่คิดกลับเมืองกลอรี่ แต่พระราชวังทะเลทรายก็อยู่ไกล ใช้เวลาเดินทางไป-กลับนานเกินไป หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเมืองกลอรี่ เขาคงกลับมาไม่ทัน บางทีการไปค้นหาที่ตั้งของสมาคมทมิฬจะดีกว่าหรือเปล่า?

เขาควรจะยืนยันที่ตั้งของสมาคมทมิฬก่อนจะไปเผชิญหน้ากับพวกนั้น ได้ยินมาว่าจอมมารกำลังอยู่ระหว่างปิดด่านฝึกตน ทั้ง’หลงชา กุยชา’ก็ได้รับบาดเจ็บยังไม่ทันหายดี ด้วยความแข็งแกร่งของ’ยู่หยาน’ ‘เนี่ยหลี่’ก็ไม่ต้องกลัวพวกเขาอีก

เขาได้ยินว่าสมาคมทมิฬกบดานอยู่ที่โลกใต้ดินอันกว้างขวาง แค่คิดถึงมัน’เนี่ยหลี่’ก็อดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้

‘เนี่ยหลี่’เร่งฝีเท้าไปตามเส้นทางที่’เอี้ยหยาน’เคยบอกไว้ มุ่งหน้าไปยังที่ตั้งของสมาคมทมิฬ

“เจ้ากำลังจะไปที่ใด?”

เทพี’ยู่หยาน’ถาม

“ข้าอยากจะลงไปโลกใต้ดินน่ะ”

แล้ว’เนี่ยหลี่’ก็เล่าเรื่องของเมืองกลอรี่และสมาคมทมิฬให้นางฟัง

หลังจากได้ฟังเรื่องที่เนี่ยหลี่เล่า ใบหน้าของ’ยู่หยาน’แข็งกร้าวแล้วพูดว่า

“จะต้องเจอกับสัตว์อสูรตอนไหนก็ไม่รู้แต่ยังจะฆ่าฟันมนุษย์เผ่าพันธุ์เดียวกันอีก นี่มันจะเกินไปแล้ว!! หากข้าพบพวกเขาข้าจะฆ่าพวกเขากับมือ!!”

‘เนี่ยหลี่’แค่พูดถึงเรื่องนี้อย่างไม่คิดอะไร แต่ไม่นึกว่า’ยู่หยาน’จะโมโหขนาดนี้ ที่’เนี่ยหลี่’ไม่รู้ก็คือ เมื่อครั้งที่นางยังมีพลังในฐานะเทพวิญญาณ ก็เคยเกิดเหตุการณ์คล้ายกันนี้กับตัวเอง คือถูกเผ่าพันธุ์มนุษย์ทรยศ

ดังนั้นสิ่งที่’ยู่หยาน’ทนไม่ได้ที่สุดก็คือการทรยศหักหลัง

จอมมารนับว่าเป็นภัยร้ายแรงที่สุดของเมืองกลอรี่

ตอนที่’เนี่ยหลี่’ใช้พลังทั้งหมดของค่ายกลหมื่นอสูรโจมตีใส่ สมุนของจอมมารนาม’หลงชา’ ก็เพียงทำให้บาดเจ็บเท่านั้น หากตัวจอมมารเองออกมาจากด่านฝึกตน เมืองกลอรี่อาจถึงคราวสูญสิ้น

หลังจากที่ได้พบ’ยู่หยาน’ ‘เนี่ยหลี่’ก็เริ่มตระหนักถึงเหล่ายอดฝีมือระดับตำนานขั้นสุดยอดที่ใกล้จะก้าวข้ามขีดจำกัดไปสู่อีกโลกหนึ่ง คนเหล่านั้นจะต้องฝึกพลังแห่งสัจธรรมไม่ใช่พลังฟ้า ในโลกนี้คนที่สามารถฝึกพลังแห่งฟ้าได้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย แต่’เนี่ยหลี่’หลงเข้าไปในหนังสือจิตอสูรห้วงเวลา ทำให้ต้องเดินบนเส้นทางแห่งการฝึกตนที่แตกต่างออกไป

หนังสือจิตอสูรห้วงเวลาต้องไม่ใช่วัตถุของโลกนี้แน่

จอมมารคงจะตั้งเป้าไว้ที่พลังระดับเทพวิญญาณ หากเขาไปถึงระดับนั้นได้ เมืองกลอรี่ก็ไม่ต่างกับส้มในลัง

หลังจากผ่านเส้นทางที่ทอดลึกเข้าไปในเขตภูเขาตามแผนที่ ที่’เอี้ยหยาน’เขียน ‘เนี่ยหลี่’ก็มาถึงถ้ำแห่งหนึ่ง

เด็กชายเดินเข้าไปตามอุโมงค์ที่ทั้งลึกและแคบ ผนังที่ทั้งเรียบและเย็นเห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือมนุษย์ บนพื้นเต็มไปด้วยเศษกระดูกทั้งคนและสัตว์อสูรกระจัดกระจายไปทั่ว แค่ดูก็รู้ว่าเคยมีการต่อสู้กันระหว่างมนุษย์และสัตว์อสูรในนี้ และมนุษย์ได้ล่าถอยลึกลงไปในภูเขานี้

เมื่อสมัยแรกเริ่มยุคมืด มนุษย์ถูกสัตว์อสูรตามล่า ในตอนนั้น เทพวิญญาณผู้พิทักษ์ของเผ่ามนุษย์หลายตนสูญสิ้นไปก่อนหน้านั้นเป็นเวลานาน บ้างก็บาดเจ็บหนัก จึงไม่มีใครที่ทรงพลังพอจะต้านทานเหล่าสัตว์อสูรได้เลย

ทีแรก ‘เนี่ยหลี่’คิดว่า เป็นเพราะยอดฝีมือระดับตำนานรวมตัวกันต่อต้านสัตว์อสูรชั้นตำนานตนหนึ่ง จึงกลายเป็นการดึงดูดหายนะการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้ แต่ดูเหมือนจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่านั้น

หลังจากผ่านอุโมงค์ยาวหลายลี้ที่ฝังตัวลึกลงไปใต้ดิน ‘เนี่ยหลี่’ก็พบกับม่านพลังที่หยุดไม่ให้เขาไปต่อ ม่านพลังนี้ต้องมีคนวางเอาไว้

พอ’เนี่ยหลี่’ตั้งท่าใช้ความคิด เพื่อหาทางผ่านม่านพลังนี้ไป ‘ยู่หยาน’ที่นั่งอยู่บนไหล่’เนี่ยหลี่’ก็โบกมือคราหนึ่ง ม่านพลังก็หายไป

“ม่านพลังชั้นต่ำเยี่ยงนี้ไร้ประโยชน์สิ้นดีเมื่อเจอกับพลังแห่งสัจธรรม”

‘ยู่หยาน’พูดพลางส่ายหน้า

ม่านพลังนี้สามารถป้องกันยอดฝีมือได้อย่างมากก็ชั้นแบล็กโกลด์ จะไปต้านทานนางฟ้า’ยู่หยาน’ที่ควบคุมพลังของสัจธรรมแห่งอัคคีได้อย่างไร?

‘เนี่ยหลี่’ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก ‘ยู่หยาน’ช่วยประหยัดกำลังเขาได้เยอะทีเดียว จากนั้นจึงเริ่มเดินลงไปต่อ ทันใดนั้น ภาพตรงหน้าก็ขยายกว้างขึ้น กว้างจนเรียกได้ว่าเป็นโลกอันกว้างใหญ่

“นี่….โลกนรกานต์?”

‘ยู่หยาน’พูดด้วยใจสั่นไหว

“โลกนรกานต์?”

‘เนี่ยหลี่’กลับสงสัยขึ้นมานิดหน่อย สิ่งที่ทำให้’ยู่หยาน’ไม่แน่ใจได้ โลกใต้บาดาลต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แน่ ในชาติก่อน เขาไม่ได้อยู่แถวนี้นานนัก ดังนั้นจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

“ในโลกนี้ นอกจากเผ่ามนุษย์และสัตว์อสูรแล้ว ยังมีเผ่าพันธุ์อื่นๆ ที่มียอดฝีมืออยู่ด้วย บางคนถือครองพลังแห่งสัจธรรมด้วยซ้ำ แม้แต่เทพวิญญาณทั้งฝ่ายมนุษย์และสัตว์อสูรยังต้องเกรง”

“พวกนั้นอ้างสิทธิ์และปกครองเหนือดินแดนหนึ่ง และกำหนดพื้นที่หลายๆ แห่งให้เป็นสถานที่ต้องห้าม โลกนรกานต์แห่งนี้เป็นหนึ่งในสามสถานที่ต้องห้ามนั้น เจ้าแห่งโลกนรกานต์คือยอดฝีมือที่เข้าถึงสัจธรรมแห่งนรกานต์ จนถึงตอนนี้ เรายังไม่แน่ใจว่ามันเป็นคนเผ่าพันธุ์ใดกันแน่ แต่ไม่ใช่เผ่ามนุษย์หรือสัตว์อสูรแน่ แม้แต่เทพวิญญาณแห่งความยุ่งเหยิงแรกเริ่มยังไม่สามารถทำอย่างไรกับยอดฝีมือที่เข้าถึงสัจธรรมแห่งนรกานต์ได้เลย” ยู่หยานส่ายหัวแล้วพูดว่า “โชคดีที่เผ่าพันธุ์นี้วางตัวเป็นกลาง ตราบเท่าที่เจ้าไม่ไปขัดผลประโยชน์กับพวกเขา พวกเขาก็จะไม่ทำอะไร ทว่า ที่นี่นับเป็นอาณาเขตของพวกเขา สมควรระมัดระวังให้มากไว้”

‘เนี่ยหลี่’กลับอยากรู้ว่าเจ้านรกานต์เป็นตัวตนแบบใดกัน จึงสามารถทำให้’ยู่หยาน’หวั่นเกรงได้ขนาดนี้

แต่ที่แน่ใจได้ตอนนี้ก็คือ ที่ใต้ดินนี้นับเป็นโลกที่กว้างใหญ่อย่างมาก

ทอดสายตาไปไกล เห็นพื้นดินเต็มไปด้วยรอยแตกระแหง รอยแตกแต่ละรอยเต็มไปด้วยแสงสีแดงของหินหนืดพุ่งขึ้นมาพร้อมกับควัน ไม่ว่าอยู่ตรงไหนก็สามารถสูดได้ลิ่นกำมะะถัน

หลังจากมองไปรอบๆ ก็พบเมืองตั้งตระหง่านอยู่ใต้แสงอ่อนจาง

จอมมารสร้างสมาคมมืดอยู่ในโลกนรกานต์จริงๆ

ทันทีที่’เนี่ยหลี่’ก้าวออกไป ก็ได้ยินเสียงเสียดหูจากพื้นที่รอบตัว เงาร่างสีดำปรากฎขึ้นในสายตาของ’เนี่ยหลี่’ พวกเขามีผิวสีดำ หูแหลม และกำลังมอง’เนี่ยหลี่’จากจุดที่ห่างออกไปด้วยสายตาหิวกระหาย

มันคือพรายมืด ‘ดาร์คเอลฟ์’

ทันใดนั้นพรายมืดระดับโกลด์สามตนพุ่งเข้าหา’เนี่ยหลี่’ บางทีพวกเขาคนรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของตัวเองเหนือกว่า’เนี่ยหลี่’จึงลงมือ

ร่างของ’เนี่ยหลี่’เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน รวมร่างกับแพนด้าเขี้ยวอสูร พอเปิดปากก็พ่นระเบิดหยินหยางออกมา

ระเบิดหยินหยางพุ่งเข้าหาพรายมืด ดาร์คเอลฟ์ทั้งสาม

พริบตาที่ทั้งสามกำลังจะกระโดดหลบ ลูกกลมสองสีก็รวมตัวกันแล้วระเบิดออก ส่งแรงปะทะอันรุนแรงขนาดส่งเอลฟ์ทั้งสามลอยไปออกมา

ตูม ตูม ตูม

ดาร์คเอลฟ์ทั้งสามร่วงลงไปกองกับพื้นพร้อมกับควันโขมงสีขาว

พอเห็นฉากนี้ ดาร์คเอลฟ์ตนอื่นๆ ก็ส่งเสียงบาดหูแล้วแตกกระเจิงไปทุกทิศทาง ไม่มีใครกล้าอยู่ต่อกรกับ’เนี่ยหลี่’อีก

ดาร์คเอลฟ์พวกนี้คิดโจมตี’เนี่ยหลี่’แต่แรก แต่เพราะใช้ระดับโกลด์ไม่กี่คนกลับไม่สามารถทำอะไร’เนี่ยหลี่’ได้

‘เนี่ยหลี่’คลายการแปลงร่างกลับ แล้วเดินต่อไปที่เมืองที่เห็นอยู่ข้างหน้า

เมืองศิลาดำ

กำแพงเมืองทั้งสูงและหนา วางตัวเป็นแนวยาวหลายลี้ ถูกสร้างด้วยหินดำก้อนใหญ่นำมาประกอบกัน จนดูราวกับมันส่งกลิ่นอายเย็นเฉียบออกมา

‘เนี่ยหลี่’เข้าเมืองแล้วเริ่มสำรวจไปทั่ว เมืองศิลาดำนี้เป็นหนึ่งในเมืองของอาณาจักรนรกานต์ทั้งสิบห้า ซึ่งรวบรวมชนเผ่าต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันภายใต้การคุ้มครองของเจ้านรกานต์ ในบรรดานั้นยังมีหลายเผ่าพันธุ์ที่อพยพมาตั้งแต่ยุคทมิฬ และอาศัยอยู่เรื่อยมา ผ่านช่วงเวลาหลายอายุคน เผ่ามนุษย์ เป็นหนึ่งในสิบสองเผ่าพันธุ์หลัก

ย้อนกลับไปหลายปีก่อน เมื่อเผ่ามนุษย์ถูกสัตว์อสูรไล่ล่า ยังมีเทพวิญญาณสัตว์อสูรที่ถือครองพลังแห่งสัจธรรมไล่ตามมาถึงในนี้และกำลังจะฆ่าฟันมนุษย์ต่อ ทว่า ถูกไล่กลับไปโดยเจ้านรกานต์ในฝ่ามือเดียว นับจากนั้น ยอดฝีมือจากเผ่าสัตว์อสูรก็ไม่กล้าเข้ามาในนี้อีก

หากมิใช่ถูกเผ่าสัตว์อสูรไล่ล่า ยอดฝีมือของเผ่ามนุษย์คงไม่ทนอยู่ในสถานที่สกปรกเช่นนี้ ทว่า โลกภายนอกที่ไม่มีสถานที่ให้ยืนหยัดทรงกาย พวกเขาจึงได้แต่อยู่ที่นี่ต่อไป

ที่นี่ยังมีกลุ่มอำนาจหลายกลุ่ม ระหว่างกลุ่มคานอำนาจซึ่งกันและกันเพื่อครอบครองทรัพยากรให้มากที่สุด ซึ่งเจ้านรกานต์ไม่ได้สนใจอะไร เจ้านรกานต์ไม่ได้ปรากฎตัวนานนับร้อยปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีใครรู้ด้วยว่าท่านอยู่ที่ใด

สมาคมทมิฬเป็นหนึ่งในขั้วอำนาจเผ่ามนุษย์ในเมืองศิลาดำที่ค่อยๆ เรืองอำนาจขึ้นในช่วงหลายร้อยปีมานี้ ทว่า เทียบกับตระกูลมนุษย์ตระกูลอื่นๆ ที่มียอดฝีมือระดับเซียนแล้ว สมาคมทมิฬยังไม่สามารถนับได้ว่าเป็นขุมกำลังที่ทรงอำนาจ

ที่ตั้งของสาขาหลักของสมาคมทมิฬอยู่ที่เมืองศิลาดำนี้เอง

ที่ร้านเหล้าเก่าโทรมแห่งหนึ่ง ‘เอี้ยฮั่น’ในชุดคลุมสีดำกำลังดื่มสุราอยู่ นัยตาเย็นชากวาดมองยอดฝีมือของตระกูลต่างๆ ที่เข้ามาในร้าน ในตอนที่มันมาถึงสมาคมทมิฬ มันก็ได้รับรู้ว่าโลกที่มันรู้จักนั้นกลับหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อรู้ว่ายังมีโลกใต้พิภพเช่นนี้อยู่ด้วย

มันได้รู้ข่าวว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ถูกกวาดล้างและ’เอี้ยเซิ่ง’ยังมีชีวิตอยู่ สำหรับมันแล้ว เมืองกลอรี่กลายเป็นสถานที่ที่มันย้อนกลับไปไม่ได้ และสมาคมทมิฬก็ไม่จำเป็นต้องใช้งานมันอีก กลายเป็นหมาหัวเน่าสมบูรณ์แบบ มันจึงแยกตัวออกจากสมาคมทมิฬและเข้าร่วมกับขุมกำลังแห่งหนึ่งในเมืองศิลาดำหมู่ตึกอู่กุ้ย

หมู่ตึกนี้ก่อตั้งขึ้นด้วยยอดฝีมือจากหลากหลายตระกูล แม้แต่สมาคมทมิฬยังทำอะไรพวกเขาไม่ได้ มันต้องใช้วิธีการต่างๆ นานา เพื่อที่จะซื้อความเชื่อใจจากหมู่ตึกอู่กุ้ยได้ นั่นรวมถึงการให้ข้อมูลของเมืองกลอรี่ด้วย

หัวหน้าหมู่ตึกอู่กุ้ยได้เตรียมการรวบรวมยอดฝีมือเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองกลอรี่แล้ว

“เอี้ยเซิ่ง เนี่ยหลี่ ในไม่ช้า ข้าจะไปรับสิ่งที่ควรเป็นของข้า ทั้งหมด!!”

ดวงตาของ’เอี้ยฮั่น’เปล่งประกายเย็นเยียบ เส้นเลือดปูนโปนด้วยความพลุ่งพล่าน มันบีบถ้วยสุราแตกคามือ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สมาคมทมิฬต้องการจัดการเมืองกลอรี่และเก็บเรื่องเมืองกลอรี่ไว้เป็นความลับจากคนในอาณาจักรนรกานต์ เพราะพวกเขาเห็นว่าเมืองกลอรี่เป็นเช่นส้มในลัง

ทว่า ความลับที่ถูกปิดบังมานานกว่าร้อยปีแลับถูกขายให้กับหมู่ตึกอู่กุ้ยเพราะ’เอี้ยฮั่น’

ใบหน้า’เอี้ยฮั่น’ยังคงซ่อนอยู่ในผ้าคลุม เมื่อสมาคมทมิฬส่งคนออกตามหามัน ถึงแม้ว่ามันจะมีหมู่ตึกอู่กุ้ยคุ้มหัวอยู่ แต่มันจะประมาทไม่ได้ หลังจากรับประทานอะไรไปนิดหน่อย มันก็ยืนขึ้นและก้าวหายไปในฝูงชน

จบตอน

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments