I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 205 ช่างจารึกอาคมชั้นสูง

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 22904 | 2527 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“น้องเนี่ยหลี่ ข้าจะทดลองใช้กระบี่เล่มนี้เอง”

‘ลั่วเจี้ยน’เดินมาอย่างตื่นเต้น เขาไม่ค่อยคิดอะไรมากมาย ในเมื่อเขาไม่เคยเห็นช่างจารึกอาคมคนอื่นทำงานมาก่อน เขาจึงไม่รู้ว่าทักษะที่’เนี่ยหลี่’แสดงให้เห็นนั้นสูงส่งเพียงใด

“ได้สิ”

‘เนี่ยหลี่’ส่งกระบี่แห่งเปลวเพลิงให้’ลั่วเจี้ยน’

‘ลั่วเจี้ยน’จับด้ามกระบี่มั่นคงแล้วจึงทดลองฟันดู พลังเพลิงคลั่งพุ่งออกมาเป็นคลื่น ส่งเสียงระเบิดดังตูม แล้วที่ปรากฎตรงหน้า คือพื้นที่มีรอยแตกอันน่าสะพรึงกลัวจำนวนนับไม่ถ้วน

อำนาจอันน่าเกรงขามถึงขนาด’ลั่วเจี้ยน’ตื่นกลัวจนตัวสั่น แล้วพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า

“นี่….พลังขนาดนี้….นี่ทรงพลังกว่ากระบี่แห่งเปลวเพลิงที่ช่างจารึกอาคมชั้นต้นจะสลักได้อีก”

ทรงพลังอะไรขนาดนี้ ยังจะเรียกว่าลายอาคมชั้นต้นได้อีกหรือ? โชคดีที่’ลั่วเจี้ยน’เพียงแค่ฟันใส่บริเวณที่ไม่มีคน ไม่เช่นนั้นคงจะต้องมีคนตายแน่ๆ

ได้เห็นพลังของกระบี่แห่งเปลวเพลิงกับตา ในฐานะเจ้าตระกูลตราหยก ‘ลั่วเซี่ยว’ตื่นตระหนกสุดๆ ด้วยพลังขนาดนี้ จะเรียกว่าลายอาคมชั้นต้นได้อย่างไร? นี่สมควรเป็นลายอาคมชั้นสูงเป็นอย่างน้อย

ช่างจารึกอาคมชั้นสูงที่มีแค่อายุสิบสามสิบสี่ปี?

‘ลั่วเซี่ยว’รู้สึกราวกับว่าสมองประมวลผลไม่ทันเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างประดังกันเข้ามาทีเดียว

ในอาณาจักรนรกานต์แห่งนี้มีนักจารึกอาคมชั้นสูงเพียงคนเดียว และมีฐานะสูงส่งยิ่ง เป็นผู้ที่มีอำนาจเด็ดขาดในมือ แม้แต่ขุมพลังที่ทรงอำนาจที่สุดยังต้องทำความเคารพเมื่ออยู่ต่อหน้าช่างจารึกอาคมชั้นสูง อาวุธและเครื่องป้องกันที่ช่างอาคมชั้นสูงทำนั้นเรียกได้ว่าประเมินค่ามิได้ มีเพียงยอดฝีมือชั้นสูงสุดเท่านั้นจึงคู่ควรมีไว้ในครอบครอง อิทธิพลของช่างจารึกอาคมชั้นสสูงนั้นกว้างขวางมาก เพียงแค่กระดิกนิ้วก็มีผู้คนมากมายพร้อมที่จะมารวมตัวกันตามคำเรียกหา

แล้ว’เนี่ยหลี่’ยังก้าวไปถึงขั้นช่างจารึกชั้นสูงตั้งแต่อายุยังน้อย หาก’ลั่วเซี่ยว’ช่วยผลักดัน ‘เนี่ยหลี่’จะกลายเป็นตัวตนที่ไร้คู่เปรียบไปทันที นี่นับเป็นโอกาสอันหาได้ยากยิ่งของมนุษยชาติ

เพราะช่างจารึกอาคมชั้นสูงอีกคนหนึ่งเป็นชาวดาร์คเอลฟ์

‘ลั่วเซี่ยว’รับรู้ได้ว่า นับตั้งแต่วินาทีนี้ ชะตากรรมของตระกูลตราหยกขึ้นอยู่กับเด็กหนุ่มคนนี้แล้ว หากเขาสามารถสร้างเส้นสายดีๆ กับเด็กหนุ่มนี่ ย่อมเป็นการสร้างประโยชน์แก่ตระกูลตราหยกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ส่วนเรื่องการควบคุม’เนี่ยหลี่’ไว้ใต้คำสั่งของตนนั้น ‘ลั่วเซี่ยว’ไม่กล้าบังอาจขนาดนั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าช่างจารึกอาคมจะต้องมีสติปัญญาเหนือล้ำผู้คนอยู่แล้ว หากเขาคิดจะควบคุม’เนี่ยหลี่’เอาไว้ ย่อมจะเกิดเป็นข้อกินแหนงแคลงใจจนเกิดการทรยศ นั่นเท่ากับหาเรื่องให้ตระกูลตราหยกพบกับความวิบัติแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเขามีความสามารถเป็นช่างจารึกอาคมชั้นสูงตั้งแต่อายุยังน้อย มีหรือที่อาจารย์และภูมิหลังทางบ้านจะเป็นคนธรรมดาไปได้?

“น้องชายเนี่ยหลี่ ท่านมีฝีมือระดับเจ้าอาคมชั้นสูงแล้วเป็นอย่างน้อย ไม่ทราบว่าทักษะเช่นนี้ท่านเรียนมาจากที่ใดหรือ?”

‘ลั่วเซี่ยว’พูด หวั่นไหวอยู่ลึกๆ ความสามารถของ’เนี่ยหลี่’เกินกว่าที่เขาจะจินตนาการถึงทีเดียว

“เจ้าอาคมชั้นสูง?”

‘ลั่วเจี้ยน’ที่ยังนิ่งอยู่ไม่ทันมีปฏิกิริยาใด ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงบางสิ่ง เขาเบิกสองตากลมกว้าง

“ว่ากระไรนะ? เจ้าอาคมชั้นสูง? ท่านพ่อ ท่านกำลังบอกว่าน้องชายเนี่ยหลี่เป็น เจ้าอาคมชั้นสูง?”

‘ลั่วเซี่ยว’พยักหน้าแทนคำตอบ

‘ลั่วเจี้ยน’หันหน้าไปหา’เนี่ยหลี่’อย่างไม่อยากเชื่อ นี่มันเหลือเชื่อเกินไป เจ้าอาคมชั้นสูงอายุสิบสามสิบสี่ปี? โอ้สวรรค์ช่วย

ได้ยินที่’ลั่วเซี่ยว’พูด ‘เนี่ยหลี่’กลับรู้สึกว่าผลลัพธ์เกินความคาดหมายไปมากทีเดียว เขาจึงไม่พูดอะไร เพียงแค่มองไปยัง’ลั่วเซี่ยว’อย่างเงียบๆ หาก’ลั่วเซี่ยว’ฉลาดพอ เขาควรทราบว่า’เนี่ยหลี่’หมายความว่าอย่างไร

พอเห็นสายตาอันลึกล้ำของ’เนี่ยหลี่’ ‘ลั่วเซี่ยว’ถึงกับลืมอายุของ’เนี่ยหลี่’ไปเลย วินาทีนี้ เขาไม่สามารถมอง’เนี่ยหลี่’เป็นเด็กทั่วไปได้อีก ‘ลั่วเซี่ยว’ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะมีใครสามารถเลี้ยงดู’เนี่ยหลี่’ให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดเช่นนี้ได้

เขาจึงใคร่ครวญถึงความหมายของสายตานั้นครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า

“น้องชายเนี่ยหลี่ เมื่อท่านแสดงทักษะอันน่าตื่นตะลึงนี้ออกมา ท่านสมควรมีจุดมุ่งหมายอยู่บ้าง ท่านสามารถเอ่ยปากได้อย่างเต็มที่ ข้าจะกำลังล้างหูรอรับฟัง”

‘เนี่ยหลี่’มาถึงที่นี่ผ่านทาง’ลั่วเจี้ยน’ และแสดงความสามารถระดับเจ้าอาคมชั้นสูงออกมา เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรเลย

“ข้าได้ยินมาว่า เจ้าอาคมชั้นสูงนั้น นับว่าเป็นผู้มีอิทธิพลสูงมาก จึงอยากจะร่วมงามกับตระกูลตราหยก ข้าต้องการส่วนแบ่งกำไรเจ็ดส่วน ตระกูลตราหยกรับสามส่วน หากเกิดปัญหาอะไรพวกท่านก็รับมือปัญหาต่างๆ แทนข้า” เนี่ยหลี่คิดพลางยิ้ม “ส่วนเรื่องจะทำกำไรอย่างไรนั้น ท่านลุงลั่วโปรดชี้แนะ”

พอได้ยินเช่นนั้น ‘ลั่วเซี่ยว’ก็แทบตื่นเต้นยินดียิ่งแต่ยังสะกดกลั้นไว้ได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงสามส่วน แต่ก็มีความหมายกับตระกูลตราหยกยิ่ง เรื่องเงินนับเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญก็คืออิทธิพลที่เนี่ยหลี่พามาด้วยต่างหาก ด้วยการอยู่ใต้อิทธิพลของเนี่ยหลี่ ตระกูลตราหยกสามารถดึงยอดฝีมือเผ่ามนุษย์มาเข้าร่วมได้อีกมากมาย

“ตระกูลตราหยกของเรามีความตั้งใจจะขยายที่อยู่ให้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ในอาณาจักรนรกานต์นี้ หากหลานชายสามารถให้พวกเรายืมกำลัง ข้าลั่วเซี่ยวถือเป็นพระคุณที่ไม่อาจทดแทนได้สิ้น หากท่านไว้วางใจพวกเรา ท่านย่อมสามารถเรียกร้องได้อย่างเต็มที่ พวกเราจะกระทำสิ่งที่ท่านเรียกร้องอย่างสุดกำลัง ตระกูลตราหยกทั้งหมดจะสนับสนุนท่านอย่างเต็มความสามารถ”

“ท่านลุงลั่วทำตามที่ท่านคิดเถอะ หากมีสิ่งใดที่ข้าต้องการให้ตระกูลตราหยกช่วยแล้วข้าจะบอกเอง”

‘เนี่ยหลี่’พูดพลางยิ้มบาง ตราบเท่าที่เขามีตระกูลตราหยกยืนอยู่ฝั่งเดียวกัน เขาอาจสามารถใช้ตระกูลตราหยกรับมือกับสมาคมทมิฬได้ เรื่องเงินเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น

ได้ยินเช่นนั้น ‘ลั่วเซี่ยว’ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก จากนั้นจึงคุยเรื่องรายละเอียดกันกับ’เนี่ยหลี่’

“หลานชายยังไม่ควรเผยตัวในตอนนี้ นั่นอาจจะดึงดูดปัญหามากเกินไป แต่หลายชายสามารถสลักอาวุธและชุดเกราะได้ พวกเราจะเป็นผู้ออกหน้าขายเขาเอง วิธีนี้ ตระกูลลตราหยกสามารถค่อยๆ เพิ่มอิทธิพลได้ ส่วนเรื่องที่หลานชายขอร้อง พวกเราจะกระทำอย่างเต็มที่และจะจัดคนจับตาดูความเคลื่อนไหวของสมาคมทมิฬเอาไว้”

‘ลั่วเซี่ยว’พูด การช่วย’เนี่ยหลี่’กวาดล้างสมาคมทมิฬไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในทันที แม้ว่าสมาคมทมิฬจะมียอดฝีมือระดับเซียนเพียงคนเดียว แต่พวกเขายังมีเส้นสายกระจัดกระจายไปทั่วเมืองศิลาดำ

เหตุผลที่’ลั่วเซี่ยว’ไม่ต้องการให้’เนี่ยหลี่’เปิดเผยตัว ที่ว่าไม่ต้องการดึงดูดพวกละโมภและหลีกเลี่ยงปัญหา นั่นเป็นเพียงเหตุผลรองเท่านั้น ความจริงก็คือ ช่างจารึกอาคมชั้นสูงนั้นหายากมาก หาก’เนี่ยหลี่’ได้คู่ค้าใหม่ที่มีอิทธิพลมากกว่าแล้วตัดหางตระกูลตราหยกทิ้ง ‘ลั่วเซี่ยว’ก็ไม่อาจทำอย่างไรได้

“คงไม่มีวิธีที่ดีกว่าการปิดปังตัวตนของข้าแล้วล่ะนะ”

‘เนี่ยหลี่’พูดพลางยิ้มบาง ทำไมเขาจะไม่รู้ความคิดของ’ลั่วเซี่ยว’ เขาเองก็ต้องการจัดการเรื่องต่างๆ อยู่ในเงามืดเหมือนกัน

“เมื่อหลานชายเนี่ยหลี่ไว้ใจข้าถึงเพียงนี้ ข้าย่อมต้องช่วยท่านจัดการปัญหาอยู่แล้ว”

‘ลั่วซี่ยว’พูดอย่างตื่นเต้น ตราบเท่าที่’เนี่ยหลี่’ให้ความร่วมมือ ตระกูลตราหยกย่อมได้ผลประโยชน์มหาศาล

“ลั่วเจี้ยน เร่งไปจัดที่พักอย่างดีให้หลานชายเนี่ยหลี่ด้วย”

“ขอรับ”

‘ลั่วเจี้ยน’พยักหน้ารับคำ แล้วจึงนำ’เนี่ยหลี่’ไปหาที่พัก

นับจากนั้น ข่าวลือว่าตระกูลตราหยกมีเจ้าอาคมชั้นสูงอยู่ด้วยก็แพร่ออกไปราวกับไฟลามทุ่ง

ทุกหัวมุมถนนต่างก็พูดเรื่องนี้กันอย่างคึกคัก

การจะไปถึงระดับเจ้าอาคมชั้นสูงนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากอาจารย์’โหย่วเอี้ย’แล้ว ยังไม่เคยมีใครก้าวไปถึงระดับเจ้าอาคมชั้นสูงมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น หากเป็นเจ้าอาคมชั้นสูงจริง เหตุใดจึงหยุดเท้าอยู่ที่ตระกูลหนึ่งอย่างตระกูลตราหยก?

ตระกูลตราหยกนับเป็นขุมกำลังอันดับสามของเมืองศิลาดำ ทว่า หากรวมเมืองอื่นสิบห้าเมืองแล้ว นับว่ายังห่างไกลจากขุมกำลังอื่นนมากมายนัก

แม้จะเป็นเช่นนั้น ข่าวนี้ก็ยังนับว่าดึงดูดความสนใจจากหลายๆ ฝ่ายได้

“เจ้าได้ยินหรือเปล่า? ตระกูลตราหยกเตรียมส่งสินค้าหลายชิ้นที่สลักลายอาคมชั้นสูงเข้าประมูล เพราะเรื่องนี้ ตลาดประมูลตราเทพถึงกับออกโรงจัดการประมูลพิเศษขึ้นมาเชียวล่ะ ยอดฝีมือจากตระกูลต่างๆเตรียมเดินทางเข้าร่วมการประมูลแล้วด้วย”

“ช่างจารึกอาคมชั้นสูงอะไรกัน เป็นเรื่องแหกตาเสียมากกว่า ใครเขาจะมีความสามารถเทียบกับอาจารย์โหย่วเอี้ยได้?”

“อาวุธและเครื่อป้องกันที่อาจารย์โหย่วเอี้ยทำไม่ใช่ของที่ใครก็มีได้ ทว่าหากมีเจ้าอาคมชั้นสูงปรากฎขึ้นจริงๆ ต่อให้ของที่เขาทำด้อยกว่างานของอาจารย์โหย่วเอี้ย ก็ยังมีคนยินดีขวนขวายหามาใช้”

ยอดฝีมือในโลกนรกานต์นี้ต่างก็คาดหวังต่อคนที่อาจจะเป็นเจ้าอาคมชั้นสูงผู้นี้ ข่าวลือค่อยๆ แพร่ขยายออกไปจนก่อตัวเป็นเหมือนพายุลูกหนึ่ง และจะถึงจุดปะทุทันทีที่ตลาดประมูลตราเทพเริ่มขานราคา

‘เนี่ยหลี่’ไม่คิดเลยว่าเจ้าอาคมชั้นสูงจะเป็นที่ต้องการในโลกนรกานต์ขนาดนี้ นอกจากจะร่วมมือกับตลาดประมูลตราเทพแล้ว ‘ลั่วเซี่ยว’ยังเดินทางไปเจรจากับตระกูลต่างๆ ด้วยความสามารถของ’ลั่วเซี่ยว’ ย่อมต้องได้ประโยชน์กลับมาไม่น้อย

หลายตระกูลในเมืองศิลาดำต่างก็พยายามถามถึงที่มาของ’เนี่ยหลี่’ เพราะดูเหมือนว่า’เนี่ยหลี่’ปรากฎตัวจากกลางอากาศ คืออยู่ๆ ก็โผล่มาโดยไม่มีวี่แววล่วงหน้า และไม่มีใครรู้จักมาก่อน

ในยามนี้ ‘เนี่ยหลี่’ยังคงปกปิดตัวตนอยู่ โดยไม่สนเสียงนกเสียงกาจากภายนอก โดยการปิดด่านฝึกตนสักหลายวัน

การยืมพลังจากภายนอกเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งเท่านั้น การเพิ่มระดับพลังที่แท้จริงของตัวเองจึงเป็นเส้นทางพื้นฐานที่ยั่งยืนในการฝึกฝนบ่มเพาะพลัง

‘เนี่ยหลี่’ฝึกต่อไปอย่างเงียบๆ จนกระทั่งรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่เปลี่ยนไปในห้วงวิญญาณของตน นับตั้งแต่เข้าถึงสัจธรรมแห่งแสงและความมืด ห้วงวิญญาณของเขาก็สร้างพลังงานสองชนิดที่แตกต่างกันอย่างสมบูรณ์ออกมา พลังงานทั้งสองนี้ต่างก็เอาแต่ต่อต้านโดยไม่ประสานเข้าหากัน กลายเป็นการขีดเส้นแบ่งเขตกัน

ตอนแรก’เนี่ยหลี่’คิดว่าพลังแห่งสัจธรรมนั้นเปรียบเสมือนหิ่งห้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังชั้นฟ้า ทว่า เขาก็ค่อยๆ เรียนรู้ว่าพลังแห่งสัจธรรมยังซับซ้อนกว่านั้น สัจธรรมแห่งแสงและความมืดต่อต้านกันอีกครั้ง และมันระเบิดออกมาเป็นพลังงานอันไร้ข้อผูกมัดในห้วงวิญญาณของ’เนี่ยหลี่’

‘เนี่ยหลี่’รีบสงบใจเข้าสู่ภวังค์ฝึกตน พยายามปลอบให้พลังแห่งสัจธรรมทั้งสองสงบลง ทว่า สิ่งที่ทำให้เขาไม่เข้าใจก็คือ พลังแห่งสัจธรรมทั้งสองแม้จะคงอยู่โดยเป็นอิสระต่อกัน ก็ยังสร้างพลังที่ยากจะควบคุมออกมาด้วย

ผู้ที่สร้างพลังแห่งสัจธรรมขึ้นมาในโลกนี้นับว่าเป็นสุดยอดฝีมืออย่างแท้จริง อาจจะยิ่งกว่า’เนี่ยหลี่’ในชาติก่อนด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าโลกนี้กว้างใหญ่ย่อมไม่มีสิ่งใดน่าประหลาดใจ แม้ว่าจะผ่านชีวิตมาถึงสองชาติ ‘เนี่ยหลี่’ก็ยังพบว่าตัวเองรู้จักโลกเพียงน้อยนิด

พอรับรู้ถึงพลังแห่งสัจธรรมทั้งสองในร่างได้ ‘เนี่ยหลี่’ก็แค่นเสียงเย็นชา หากเขาไม่สามารถควบคุมพลังนี้ได้ เขาจะกลับไปยังจุดสูงสุดเช่นชาติก่อนได้อย่างไร

‘เนี่ยหลี่’โคจรพลังในห้วงวิญญาณ กักพลังแห่งสัจธรรมทั้งสองไว้ ทันใดนั้น สัจธรรมแห่งแสงและความมืดก็เริ่มต่อต้านกันอีกครั้ง ส่งผลกระทบต่อห้วงวิญญาณของ’เนี่ยหลี่’อย่างหนักจนความเจ็บปวดพุ่งขึ้นมาเป็นเส้นสาย ‘เนี่ยหลี่’ถึงกับเหงื่อออกราวกับน้ำฝน

ในตอนที่’เนี่ยหลี่’เข้าถึงพลังแห่งสัจธรรมทั้งสองชนิดนั้น พวกมันยังเป็นเพียงขุมพลังเล็กๆ ทว่าพลังนี้ราวกับเป็นเพียงเมล็ดพันธุ์ที่เติบโตอยู่ในตัว’เนี่ยหลี่’ เมื่อเวลาผ่านไป พวกมันก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงจุดที่ไม่สามารถควบคุมได้

‘เนี่ยหลี่’รู้สึกราวกับร่างจะระเบิดออก

เขาจึงรีบใช้วิชาจี้จุดเพื่อคุ้มครองจุดชีพจรสำคัญแล้วค่อยใช้ห้วงวิญญาณของตัวเองค่อยๆ จัดการพลังแห่งสัจธรรมทีละน้อย

จบตอน

ที่มา : 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments